ภูมิใจไทย ณ บุรีรัมย์ ฮึกเหิมมาก ออกมางัดกับรักษาการนายกฯ กรณีเขากระโดง อย่างหักโหม ภูมิธรรม สวนกลับแบบนิ่งๆ แน่นๆ “ไปพูดกับศาลดีกว่า”

ดูท่า ภูมิใจไทย ณ บุรีรัมย์ ฮึกเหิมมาก พาชาวบ้านออกมางัดกับ ‘พรี่อ้วน’ อย่างหักโหม อ้างว่าที่แพ้ทั้งศาลฎีกาและศาลปกครองเมื่อก่อนนั้นผูกพันเฉพาะคู่ความ แต่ชาวบ้านอื่นๆ ถือครองเอกสารสิทธิ์โดยสุจริต ถูกต้อง

เสียแต่ว่าออกตัวกันแรงมากไปไหม นับแต่ตัวหัวหน้า อนุทิน ชาญวีรกูล ใช้คำใหญ่ข่มอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ระวัง เซ็นสุ่มสี่สุ่มห้า ติดคุกกันมาแล้วนะ ด้าน ศุภชัย ใจสมุทร ประธานฝ่ายกฎหมาย ภท. ขู่ฟอด แต่ไพล่ไปแขวะเรื่องที่ดินอัลไพน์

จนมาถึงทนายของฝ่ายผู้ถือครองเอกสารสิทธิ ทิวา การกระสัง ออกตัวแรง ขึ้นมึง-แม่ง ซัดแรงใส่ ภูมิธรรม เวชยชัย ว่าจะเอาเข้าคุก ๕ พันกว่าปี ตายแล้ววิญญานยังติดอยู่ในคุกเสียอีก ด้านรักษาการนายกฯ สวนกลับแบบนิ่งๆ แน่นๆ

ทุกๆ อย่างที่ฝั่งบุรีรัมย์อ้างมา ภูมิธรรมบอกถ้าแน่ใจไปว่ากันที่ศาล เรื่อง รฟท.ไม่มีแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน ก็ไม่จริงเพราะ รฟท.ยืนยันมาตลอดว่ามี ถ้าเป็นพื้นที่ชายขอบอาจมีบ้าง แต่ตรงกลางแน่นอนเป็นที่พระราชทาน

“เท่าที่ฟังเมื่อวันที่ ๗ ส.ค. มีแต่บริษัทนิติบุคคลที่ออกมาเรียกร้อง ไม่มีประชาชนเท่าไหร่ แต่ก็ว่าไปตามเนื้อผ้า หากท่านเสียหายก็ว่าไป...แต่ในชั้นต้นเราขีดฆ่าโฉนดทิ้งก่อนในฐานะเป็นที่หลวง” ถ้าเห็นว่าไม่เป็นธรรมก็ฟ้องร้องได้

“ส่วนที่ทนายความขู่จะฟ้องให้มีโทษติดคุก ๕ พันปี กับผู้ที่เกี่ยวข้องเพิกถอนโฉนดเขากระโดง...ทนายไปพูดกับศาลดีกว่า อย่าพูดกับตน” และ (จะพูดจะจาก็) “ให้สุภาพหน่อย” ข้อนี้ทนายได้สำนึก รีบเขียนจดหมาย “เรียนท่านรักษาการนายกฯ” ขอโทษ

อย่างไรก็ดี พื้นฐานของคดีนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เกี่ยวพันพื้นที่กว่า ๕ พันไร่ ชาวบ้าน ๙๙๕ ราย และแน่นอนบริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์หลายราย ต่างส่งทนายออกมาแก้ต่างแทนชาวบ้าน ชนินทร์ แก่นหิรัญ คนหนึ่งละที่ประกาศว่าจะฟ้องกลับทั้งรักษาการนายกฯ และอธิบดีที่ดิน

ทว่าภูมิธรรมก็สามารถอ้างได้ว่า คำพิพากษาศาลฎีกาและศาลปกครองมีอยู่ ตนในฐานะเจ้าพนักงานต้องปฏิบัติตาม ความเห็นจากวงนอก อย่าง ไพศาล พืชมงคล ก็ว่าเช่นนั้น แถมย้อนอดีตไปถึงผู้ที่เคยเป็น มท.๑ กำกับดูแลกรมที่ดิน

อนุทิน ชาญวีรกูล ครั้งนั้น ไม่สั่งดำเนินการตามคำพิพากษาศาลทั้งสอง “เจ้าตัวมีอำนาจตาม ม.๒๐ แห่ง กฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หากไม่ดำเนินการเข้าข่าย ‘ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต’ และสร้างความเสียหายแก่รัฐ”

(https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/vt7QLD6SpVF, https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/eRceesyGTn และ https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/7Aj4bPDEW1)