
ไทยรัฐนิวส์โชว์
5 hours ago
·
เทียบคดี! "พลทหารวรปรัชญ์" กับ "น้องเมย" ทำไมผลจึงต่างกันลิบลับ?
.
22 กรกฎาคม 2568 : จากกรณีศาลทหารชั้นฎีกา อ่านคำพิพากษาคดี น้องเมย จำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี เพราะจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การลงโทษไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า
.
ล่าสุดนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงคดีน้องเมย บอกว่า เคสนี้คงต้องเปรียบเทียบกับกรณีของ พลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล อายุ 18ปี ทหารเกณฑ์ ที่ถูกครูฝึกค่ายนวมินทร์ ชลบุรี ซ่อมวินัยจนเสียชีวิต ซึ่งถือเป็นคดีแรกหลังจากกฎหมาย พ.ร.บ.อุ้มหายฯ บังคับใช้
.
โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค2 ได้อ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา ตัดสินจำคุก ครูฝึกคนที่ 1 ที่ทำร้ายร่างกาย อยู่กับผู้ตายคนสุดท้าย 20 ปี ครูฝึกคนที่ 2 จำคุก 15 ปี พลทหารรุ่นพี่ 11คน ที่เป็นผู้ช่วยครูฝึก จำคุกคนละ10 ปี
.
จะเห็นว่าผลคำพิพากษาแตกต่างกับคดีน้องเมยเป็นอย่างมาก ที่ให้คุก 4 เดือน 16 วัน ให้จำเลยรับใช้ชาติต่อ ดังนั้นการมี พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ทำให้คดีทหารที่เกี่ยวกับการซ้อมทรมานถูกย้ายจากศาลทหาร มาอยู่ภายใต้การพิจารณาของศาลพลเรือน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลคดีออกมาแตกต่างกันอย่างชัดเจน
.
ส่วนประเด็นที่คุณแม่ของน้อยเมย ติดใจคำตัดสินที่ระบุว่า จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย แต่เห็นว่าด้วยอายุจำเลย ไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า
.
นายวิโรจน์ ตั้งคำถามว่าการที่ทำร้ายคนเสียชีวิต และยังจะเอาคนแบบนี้มาทำงานในกองทัพอยู่อีกเหรอ และที่บอกว่าจะสร้างประโยชน์ให้กับราชการ มันเป็นไปไม่ได้ซึ่งผลคำพิพากษาก็เป็นการบั่นทอนภาพลักษณ์ของกองทัพ และยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด ที่อาจมีอยู่ในกองทัพอย่างชัดเจน
.
และทำไมคดีพลทหารวรปรัชญ์กับน้องเมย ผลจึงต่างกันลิบลับ?
1. กฎหมายคนละฉบับ: พลทหารวรปรัชญ์ (ปี 67): คดีเกิดหลัง พ.ร.บ. ป้องกันการซ้อมทรมานฯ ปี 2565 มีผลบังคับใช้ ทำให้คดีถูกพิจารณาตามกฎหมายนี้ น้องเมย (ปี 60): คดีเกิดก่อน พ.ร.บ.ฉบับนี้ ทำให้ไม่ได้ใช้กฎหมายนี้ในการพิจารณา
.
2. ขึ้นศาลคนละประเภท: พลทหารวรปรัชญ์: คดีถูกนำขึ้นสู่ "ศาลอาญา" (ศาลพลเรือน) ซึ่งผู้พิพากษาเป็นนักกฎหมายมืออาชีพ และเป็นอิสระจากกองทัพส่วน น้องเมย: คดีถูกนำขึ้นสู่ "ศาลทหาร" ซึ่งผู้พิพากษาเป็นนายทหาร ทำให้เกิดข้อกังขาเรื่องความเป็นกลางและหลักการยุติธรรม
.
3. คุณสมบัติผู้พิพากษา: ศาลอาญา: ผู้พิพากษาต้องจบกฎหมายและมีประสบการณ์ ทำให้มีความเชี่ยวชาญ ส่วนศาลทหาร: ผู้พิพากษาอาจไม่จำเป็นต้องจบนิติศาสตร์ และมักเป็นทหารด้วยกันเอง ทำให้สาธารณชนตั้งคำถามถึงความเที่ยงธรรม
.
ทีมข่าวไทยรัฐทีวีเปิดโครงสร้าง "ศาลทหาร" อยู่ภายใต้กระทรวงกลาโหม เป็นหน่วยงานต้นสังกัด ลำดับชั้นศาลทหาร: มีการแบ่งเป็นลำดับชั้น ประกอบด้วย ศาลทหารชั้นต้น ศาลทหารกลาง และ ศาลทหารสูงสุด
.
เมื่อเทียบระหว่างศาลพลเรือนและศาลทหาร โครงสร้างศาลทหารจะอยู่ในสังกัดกระทรวงกลาโหม ตุลาการและเจ้าหน้าที่ศาลทหารเป็นข้าราชการทหารทั้งหมด
https://www.facebook.com/Newsshow32/posts/1088876040102925?ref=embed_post
.....
Nattharavut Kunishe Muangsuk
8 hours ago
·
ชนชั้นการลงโทษ
.
นักเรียนเตรียมทหาร ถูกรุ่นพี่ทำร้าย เสียชีวิต 2 คดี ในรอบ 18 ปี
คดีแรก นตท.กรัณฑ์ อรชร นักเรียนเตรียมชั้นปี 2 โรงเรียนเตรียมทหาร ถูกรุ่นพี่ปี 3 จำนวน 6 คน ลงโทษโดยอ้างธำรงวินัยจนเสียชีวิตเมื่อปี 2550
.
คดีนี้ พ่อซึ่งเป็นนายตำรวจใหญ่และเป็นศิษย์เก่าเตรียมทหาร สู้คดีอยู่นาน 4 ปี ก่อนขึ้นแถลงขอปิดคดี ไม่ติดใจทั้งคดีอาญาและแพ่ง ด้วยเหตุผล คือเพราะสงสารคนในครอบครัว ไม่อยากให้ภรรยากับบุตรชายอีกคนที่จบเป็นนายทหารขณะนั้น ต้องนั่งฟังว่ามีคนทำอะไรกับลูกจนเสียชีวิต สะท้อนสภาพจิตของคนในครอบครัวอย่างชัดเจน
.
คดีล่าสุด คือ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมชั้นปี 1 โรงเรียนเตรียมทหาร ถูกรุ่นพี่ 2 คน และครูฝึก 1 คนทำร้ายหลายครั้งจนบอบช้ำ อ้างว่าธำรงวินัย จากการละเมิดเกียรติศักดิ์ทหาร เดินขึ้นบันไดต้องห้ามสำหรับนักเรียนชั้นปี 1 และแต่งกายไม่เรียบร้อย "เมย" ถูกกระทำจนหมดสติและเสียชีวิต
.
สิ่งที่น่าสนใจคดีนี้ คือใบมรณบัตร ระบุสาเหตุการตายเกิดจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน จึงชันสูตรหาสาเหตุอย่างละเอียด พบว่าอวัยวะภายในทั้งตับ ไต ไส้หายไป ในกะโหลกศีรษะมีกระดาษทิชชู และสำลียัดไว้ สมองหายไป พบกระดูกซี่โครงหัก 4 ซี่ มีรอยช้ำในช่องท้อง ไหปลาร้าหัก 2 ข้าง แพทย์ระบุว่าสาเหตุซี่โครงหักไม่น่าเกิดจากการปั๊มหัวใจ และรอยช้ำน่าจะเกิดจากการกระแทกอย่างแรง
.
(ในทางนิติเวช การผ่าตัดนำอวัยวะออก เป็นเรื่องปกติ แต่เสร็จสิ้นแล้วแพทย์จะนำทั้งเครื่องใน และสมองใส่คืนในช่องลำตัวทั้งหมด ดังนั้นโดยทั่วไปอวัยวะหลังการชันสูตรจะไม่สูญหายไปไหน)
.
ตอนนั้นพ่อต้องตรวจดีเอ็นเอ ถึงทราบว่าคนพวกนั้นใจร้าย นำอวัยวะของคนอื่นมาสวมรอย เพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง ต้องจัดงานศพลูกโดยไม่มีสมอง ตับ ไต และลำไส้
.
ศาลทหารชั้นต้น ยกฟ้องครูฝึก และให้รอกำหนดลงโทษ แต่พ่อแม่ต่อสู้ในชั้นกลาง (ศาลพลเรือนเรียกอุทธรณ์) ก็พิพากษายืนอีก แต่สั่งให้ชดใช้เป็นเงิน (ตั้งแต่ลูกตาย พ่อแม่ได้แค่แสนเดียวเป็นค่าทำศพ) จึงสู้ต่อในศาลสูงสุดหรือชั้นฎีกา คำตัดสินก็ตามที่ทราบ
.
" ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยนั้นไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการ รับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า โดยมีโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาทและรอลงอาญา 2 ปี"
.
เรื่องอวัยวะที่สูญหายก็ไม่คืบ แพทย์ที่เกี่ยวข้องก็ไม่เคยถูกหมายเรียก ส่วนจำเลยที่เป็นรุ่นพี่ ปัจจุบัน เป็นนายตำรวจสัญญาบัตร ได้รับโอกาสที่ 2 รับราชการกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนต่อไป
.
ผู้เป็นพ่อบอกว่า คนแบบนั้นได้รับโอกาสจากการทำร้ายคนอื่น จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นได้อย่างไร เป็นคำถามที่ดังถึงกองทัพ และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่
.
แม่เล่าว่า ระหว่างทางต่อสู้คดี 8 ปี หาประจักษ์พยานได้ยาก คนที่ให้ข้อมูลก็ถูกใครบางคนขู่ว่าอย่าไปยุ่ง และฝ่ายโจทก์เสียเปรียบมาก
.
หรือเพราะเป็นคดีของนักเรียนเตรียมทหาร หรือจำเลยเป็นพวกที่เติบโตเป็นสัญญาบัตร คำตัดสินให้คุณมากกว่าโทษแก่ผู้กระทำ เทียบกับคดีทำร้ายพลทหารถึงแก่ความตาย ตั้งแต่ปี 2566-2568 พลทหารเสียชีวิตในค่ายอย่างน้อย 5 ศพ ผู้กระทำส่วนใหญ่อยู่ชั้นประทวน จึงมีคำตัดสินให้โทษชัดเจนกว่า
.
เรื่องนี้สะท้อนชนชั้นในกองทัพหรือไม่ วิญญูชนย่อมประจักษ์
https://www.facebook.com/nattharavutm/posts/10163603653728582
Nattharavut Kunishe Muangsuk
8 hours ago
·
ชนชั้นการลงโทษ
.
นักเรียนเตรียมทหาร ถูกรุ่นพี่ทำร้าย เสียชีวิต 2 คดี ในรอบ 18 ปี
คดีแรก นตท.กรัณฑ์ อรชร นักเรียนเตรียมชั้นปี 2 โรงเรียนเตรียมทหาร ถูกรุ่นพี่ปี 3 จำนวน 6 คน ลงโทษโดยอ้างธำรงวินัยจนเสียชีวิตเมื่อปี 2550
.
คดีนี้ พ่อซึ่งเป็นนายตำรวจใหญ่และเป็นศิษย์เก่าเตรียมทหาร สู้คดีอยู่นาน 4 ปี ก่อนขึ้นแถลงขอปิดคดี ไม่ติดใจทั้งคดีอาญาและแพ่ง ด้วยเหตุผล คือเพราะสงสารคนในครอบครัว ไม่อยากให้ภรรยากับบุตรชายอีกคนที่จบเป็นนายทหารขณะนั้น ต้องนั่งฟังว่ามีคนทำอะไรกับลูกจนเสียชีวิต สะท้อนสภาพจิตของคนในครอบครัวอย่างชัดเจน
.
คดีล่าสุด คือ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมชั้นปี 1 โรงเรียนเตรียมทหาร ถูกรุ่นพี่ 2 คน และครูฝึก 1 คนทำร้ายหลายครั้งจนบอบช้ำ อ้างว่าธำรงวินัย จากการละเมิดเกียรติศักดิ์ทหาร เดินขึ้นบันไดต้องห้ามสำหรับนักเรียนชั้นปี 1 และแต่งกายไม่เรียบร้อย "เมย" ถูกกระทำจนหมดสติและเสียชีวิต
.
สิ่งที่น่าสนใจคดีนี้ คือใบมรณบัตร ระบุสาเหตุการตายเกิดจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน จึงชันสูตรหาสาเหตุอย่างละเอียด พบว่าอวัยวะภายในทั้งตับ ไต ไส้หายไป ในกะโหลกศีรษะมีกระดาษทิชชู และสำลียัดไว้ สมองหายไป พบกระดูกซี่โครงหัก 4 ซี่ มีรอยช้ำในช่องท้อง ไหปลาร้าหัก 2 ข้าง แพทย์ระบุว่าสาเหตุซี่โครงหักไม่น่าเกิดจากการปั๊มหัวใจ และรอยช้ำน่าจะเกิดจากการกระแทกอย่างแรง
.
(ในทางนิติเวช การผ่าตัดนำอวัยวะออก เป็นเรื่องปกติ แต่เสร็จสิ้นแล้วแพทย์จะนำทั้งเครื่องใน และสมองใส่คืนในช่องลำตัวทั้งหมด ดังนั้นโดยทั่วไปอวัยวะหลังการชันสูตรจะไม่สูญหายไปไหน)
.
ตอนนั้นพ่อต้องตรวจดีเอ็นเอ ถึงทราบว่าคนพวกนั้นใจร้าย นำอวัยวะของคนอื่นมาสวมรอย เพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง ต้องจัดงานศพลูกโดยไม่มีสมอง ตับ ไต และลำไส้
.
ศาลทหารชั้นต้น ยกฟ้องครูฝึก และให้รอกำหนดลงโทษ แต่พ่อแม่ต่อสู้ในชั้นกลาง (ศาลพลเรือนเรียกอุทธรณ์) ก็พิพากษายืนอีก แต่สั่งให้ชดใช้เป็นเงิน (ตั้งแต่ลูกตาย พ่อแม่ได้แค่แสนเดียวเป็นค่าทำศพ) จึงสู้ต่อในศาลสูงสุดหรือชั้นฎีกา คำตัดสินก็ตามที่ทราบ
.
" ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยนั้นไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการ รับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า โดยมีโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาทและรอลงอาญา 2 ปี"
.
เรื่องอวัยวะที่สูญหายก็ไม่คืบ แพทย์ที่เกี่ยวข้องก็ไม่เคยถูกหมายเรียก ส่วนจำเลยที่เป็นรุ่นพี่ ปัจจุบัน เป็นนายตำรวจสัญญาบัตร ได้รับโอกาสที่ 2 รับราชการกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนต่อไป
.
ผู้เป็นพ่อบอกว่า คนแบบนั้นได้รับโอกาสจากการทำร้ายคนอื่น จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นได้อย่างไร เป็นคำถามที่ดังถึงกองทัพ และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่
.
แม่เล่าว่า ระหว่างทางต่อสู้คดี 8 ปี หาประจักษ์พยานได้ยาก คนที่ให้ข้อมูลก็ถูกใครบางคนขู่ว่าอย่าไปยุ่ง และฝ่ายโจทก์เสียเปรียบมาก
.
หรือเพราะเป็นคดีของนักเรียนเตรียมทหาร หรือจำเลยเป็นพวกที่เติบโตเป็นสัญญาบัตร คำตัดสินให้คุณมากกว่าโทษแก่ผู้กระทำ เทียบกับคดีทำร้ายพลทหารถึงแก่ความตาย ตั้งแต่ปี 2566-2568 พลทหารเสียชีวิตในค่ายอย่างน้อย 5 ศพ ผู้กระทำส่วนใหญ่อยู่ชั้นประทวน จึงมีคำตัดสินให้โทษชัดเจนกว่า
.
เรื่องนี้สะท้อนชนชั้นในกองทัพหรือไม่ วิญญูชนย่อมประจักษ์
https://www.facebook.com/nattharavutm/posts/10163603653728582