
Thumb Rights
10 hours ago
·
อิหยังวะ !!! เหตุการณ์สุดงงในการพิพากษาคดีมาตรา 112



.
ของทนายอานนท์ และฮิวโก้ จิรฐิตา ธรรมรักษ์
วันที่ 25 มิถุนายน 2568 ที่ห้องพิจารณาคดี 714 ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในคดี #ม็อบ2ธันวาไป5แยกลาดพร้าว โดยคดีนี้ศาลสั่งลงโทษจำคุกอานนท์ 4 ปี และฮิวโก้-จิรฐิตา 3 ปี ก่อนจะลดโทษเหลือจำคุกอานนท์ 2 ปี 8 เดือน และจำคุกฮิวโก้ 2 ปี เนื่องจากทั้ง 2 ให้การเป็นประโยชน์ โดยศาลได้ให้รอการลงโทษในส่วนของฮิวโก้ เนื่องจากเห็นว่าจำเลยหยุดการกระทำ และไม่เคยทำความผิดมาก่อน ส่วนอานนท์ขณะนี้มีโทษจำคุกรวม 24 ปี 33 เดือน 20 วัน โดยก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา มีเหตุการณ์เกิดขึ้นทั้งในและนอกห้องพิจารณาคดีมากมาย
.
ในช่วงเช้า เวลาประมาณ 8:30 น. ของวันนี้ ที่บริเวณป้ายรถเมล์ที่ด้านหน้าศาลอาญา แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ Solidarity for Arnon: We Are All Arnon – Raise Your Sign, Stand for Justice เพื่อแสดงจุดยืนเคียงข้าง อานนท์ นำภา ที่มีนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ โดยในกิจกรรมมีผู้คนชูป้ายรูปอานนท์ ขณะที่รถเรือนจำที่เบิกตัวอานนท์จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพเดินทางมาถึง และหลังจากนั้นมีกิจกรรมตะโกน Free Arnon พร้อมกัน ก่อนที่ผู้คนจะถ่ายภาพร่วมกันที่บริเวณริมถนนรัชดาภิเษก
.
เวลา 9:00 น. ฮิวโก้เดินทางมาถึงพร้อมกับน้องสาว เธอเล่าว่าเธอเดินทางมาจากรามคำแหงโดยยังไม่ได้กินข้าวเช้า และได้ทำใจไว้แล้ว ในขณะเดียวกันก็มีประชาชนค่อย ๆ ทยอยกันเดินทางมาฟังคำพิพากษาและให้กำลังใจอย่างเนืองแน่น จนเก้าอี้ในห้องพิจารณาคดีเต็มทุกแถว ซึ่งในบรรดาผู้คนที่เดินทางมาฟังคำพิพากษานั้น มี “ปุ๊” ธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน “ต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน อดีตผู้นำฝ่ายค้าน และตัวแทนจากสถานทูตของประเทศต่าง ๆ รวมอยู่ด้วย
.
เวลาประมาณ 9:15 น. ตำรวจศาลได้แจ้งให้ผู้คนที่เดินทางมาฟังคำพิพากษาในห้องพิจารณาคดีทั้งหมดเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กล่องกระดาษของศาล โดยถ้าไม่เก็บจะไล่ออกจากห้องพิจารณาคดี ตำรวจศาลกล่าวว่าเป็นมติของผู้บริหารศาล ทำให้มีเสียงคัดค้านจากผู้คนที่มาเดินทางมาให้กำลังใจบางส่วน เนื่องจากมองว่าการเก็บโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
.
เวลาประมาณ 9:40 น. ตำรวจศาลได้แจ้งว่า เนื่องจากมีประชาชนมาเข้าฟังคำพิพากษาจำนวนมาก ประกอบกับมีกิจกรรมที่หน้าศาลในตอนเช้า ทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ ค่อนข้างวุ่นวาย ศาลจึงต้องการจะทำการอ่านคำพิพากษาในห้องเวรชี้ที่ใต้ถุนศาลชั้นล่าง อย่างไรก็ตาม ทนายความและฮิวโก้ไม่ได้เดินทางลงไปที่ห้องเวรชี้ เนื่องจากห้องเวรชี้มีพื้นที่แคบ แม้แต่ทนายก็เข้าไปได้ค่อนข้างยาก และอานนท์เองก็ต้องถูกเบิกตัวขึ้นมาเพื่อสืบพยานในคดี มาตรา 112 จากการชุมนุม #ปลดอาวุธศักดินาไทย ที่หน้ากรมทหารราบที่ 11 ซึ่งมีนัดสืบพยานในวันนี้เช่นเดียวกัน เหตุการณ์ดังกล่าวจึงทำให้เกิดการเจรจาโต้เถียงกันไปมาระหว่างทนายความและตำรวจศาล
.
เวลาประมาณ 10:00 น. ตำรวจศาลกล่าวว่าศาลได้ยืนยันคำสั่งว่าจะอ่านคำพิพากษาที่ห้องเวรชี้ที่ใต้ถุนศาลด้านล่าง โดยให้ฮิวโก้เดินทางลงไปฟัง หากไม่ยอมลงไปฟัง จะพิจารณาออกหมายจับ หรือถอนประกันตัว ซึ่งนั่นทำให้บรรยากาศการพูดคุยระหว่างทนายความกับตำรวจศาลตึงเครียดขึ้น จนในที่สุดทนายความได้ขอเวลานอกเพื่อขอคุยกับฮิวโก้เพียงลำพัง ก่อนที่จะมีการเจรจากันอีกครั้ง ซึ่งหลังจากนั้นทนายก็ได้แจ้งว่าให้ตำรวจศาลและผู้คนการพิพากษาคดีรอฟังสถานการณ์จากด้านล่างใต้ถุนศาล โดยอานนท์ได้มีการขออนุญาตจากศาลให้มีการเบิกตัวขึ้นมาที่ห้องพิจารณาคดี 714 เพื่อมาฟังคำพิพากษา
.
เวลาประมาณ 10:10 น. ตำรวจศาลแจ้งว่าศาลได้มีการเปลี่ยนคำสั่ง โดยจะยอมเบิกตัวอานนท์ นำภา ขึ้นมาที่ห้องพิจารณาคดี 714 แต่มีเงื่อนไขว่าจะอนุญาตให้มีผู้เข้าฟังคำพิพากษาเพียง 6 คน ทำให้ผู้คนบางส่วนทยอยกันออกจากห้อง แต่ก็มีบางส่วนที่ยังคงนั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดีโดยที่ไม่ได้ลุกออกไป
.
เวลาประมาณ 10:20 น. ตำรวจศาลแจ้งเปลี่ยนแปลงคำสั่งศาลใหม่ โดยอนุญาตให้มีผู้อยู่ฟังคำพิพากษา 10 คน โดยแบ่งเป็นญาติของอานนท์ 3 คน ญาติของฮิวโก้ 3 คน และทยายความ 4 คน โดยที่ไม่ได้ชัดเจนว่านายประกันของฮิวโก้ และตัวแทนจากสถานทูตต่าง ๆ สามารถอยู่ฟังคำพิพากษาในห้องพิจารณาคดีได้หรือไม่ โดยระหว่างนั้นมีผู้คนบางส่วน เช่น เอกชัย หงส์กังวาล นักเคลื่อนไหวทางการเมือง กล่าวว่าตนไม่ต้องการที่จะออกจากห้องพิจารณาคดี หากศาลต้องการให้ตนออกจากห้องพิจารณาคดี ให้มาปรากฎตัวที่ห้องแล้วตนเพื่อให้คำอธิบายแล้วตนจะถกเหตุผลกับศาล ในขณะที่ ต๋อม ชัยธวัช ตุลาธน ได้กล่าวกับตำรวจศาลว่าหากศาลต้องการให้มีผู้เข้าฟังคำพิพากษาแค่ 10 คน ศาลจะต้องทำหนังสือสั่งการลงมาอย่างเป็นรายลักษณ์อักษร โดยหลังจากโต้เถียง ตำรวจศาลกล่าวว่าจะมีการล็อคประตูห้องพิจารณาคดี โดยห้ามคนที่นั่งอยู่ด้านในเดินออก และห้ามคนที่อยู่ด้านนอกเดินเข้ามา
.
เวลาประมาณ 10:40 น. ตำรวจศาลได้ทำการแจ้งให้ผู้คนที่เดินทางมาฟังคำพิพากษาลุกจากเก้าอี้ยาวในห้องพิจารณาคดี 1 ตัว ก่อนที่จะยกเก้าอี้ยาวตัวดังกล่าวออกไปนอกห้องพิจารณาคดี หลังจากนั้นได้ทำแบบเดิมซ้ำอีกครั้ง โดยให้ผู้คนลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาวอีกตัวหนึ่งและกระจายกันไปนั่งเบียดเสียดในเก้าอี้ยาวตัวอื่น ๆ โดยอ้างว่าจะเคลียร์ที่ไว้ให้อานนท์นั่ง แต่ในเวลา 10 นาทีต่อมา เมื่อเบิกตัวอานนท์มาถึง อานนท์ก็ได้เดินไปนั่งในที่นั่งข้าง ๆ ที่นั่งทนายจำเลย และตำรวจศาลก็ได้แจ้งให้ผู้คนที่ไปนั่งเบียดเสียดกันกลับมานั่งที่เก้าอี้ยาวตัวนี้ได้อีกครั้ง ท่ามกลางความงุนงงของผู้คนที่เหลือในห้องพิจารณาคดีว่าตำรวจศาลทำแบบนี้ไปทำไม
.
เวลาประมาณ 10:50 น. มีการเบิกตัวอานนท์ นำภา มาถึงห้องพิจารณาคดี อานนท์ได้มีโอกาสอุ้มลูก และเดินไปทักทายต๋อม ชัยธวัช ตุลาธน ก่อนที่ทั้งคู่จะสวมกอดกัน อานนท์ได้ย้ายไปนั่งในที่นั่งข้าง ๆ ที่นั่งทนายจำเลย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้มเป็นปกติ ในขณะที่ตำรวจศาลได้พยายามจะเก็บโทรศัพท์ของผู้มาเข้าฟังคำพิพากษาที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดีอีกครั้ง รวมถึงพยายามโน้มน้าวให้ผู้คนที่มาฟังคำพิจารณาคดีออกจากห้องพิจารณาคดีอีกครั้ง โดยกล่าวแบบติดตลกว่ามีใครอยากจะเข้าห้องน้ำไหม เป็นต้น
.
เวลาประมาณ 11:10 น. ตำรวจศาลแจ้งให้ทุกคนออกจากห้องพิจารณาคดี แล้วให้อานนท์ลิสต์รายชื่อ 6 รายชื่อให้ เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้มีผู้เข้าฟังคำพิพากษาแค่ 6 คน โดยหลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว ตนเองจะถือลิสต์รายชื่อ 6 ชื่อที่อานนท์ลิสต์ให้ไปเรียกกลับเข้ามา ตำรวจศาลแจ้งกับผู้คนที่ยังนั่งอยุ่ในห้องพิจารณาคดีว่าถ้าไม่ยอมออกไป อาจจะต้องเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปก่อน ซึ่งอานนท์ได้ตอบตำรวจศาลว่า ตนเองเห็นว่าผู้คนที่มานั่งฟังการพิพากษาก็ตั้งใจมาและทุกคนก็อยู่ในความสงบเรียบร้อย ไม่ได้ก่อกวน ตนเองจึงต้องการให้ศาลขึ้นมาอ่านคำพิพากษาในขณะที่ผู้คนยังอยู่ในห้อง เพราะการอ่านคำพิพากษาโดยเปิดเผยก็เป็นหลักการ และผู้คนก็มีสิทธิที่จะนั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดีโดยไม่ต้องลุกออกไปตามคำสั่งศาล ดังนั้น หากศาลต้องการเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไป ตนเองก็ยินดีให้เลื่อน และให้บันทึกไว้ด้วย ว่าเหตุผลในการเลื่อน เนื่องจากมีผู้คนสนใจมาฟังคำพิพากษากันมากเกินไป
.
เวลาประมาณ 11:25 น. ศาลขึ้นประทับบัลลังก์ ก่อนที่จะเริ่มอ่านคำพิพากษาด้วยเสียงที่เบาและอู้อี้ ศาลค่อย ๆ เริ่มอ่านคำพิพากษา ก็ที่จะพูดค่อนข้างเร็วและวกไปวนมา ทำให้ผู้คนที่มาให้กำลังใจฟังจับใจความได้ยาก โดยระหว่างที่อ่านคำพิพากษาก็มีเสียงโทรศัพท์ของหน้าบัลลังก์เข้ามาแทรกเป็นระยะ ๆ ทำให้การฟังคำพิพากษายิ่งยากขึ้นไปอีก และกว่าที่ศาลจะอ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ ก็ใช้เวลาถึงราว 12:10 น. เลยทีเดียว
.
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการอ่านคำพิพากษาในคดีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการพยายามจะ “ขยับเส้นเสรีภาพ” โดยการทำให้การสังเกตการณ์คดีเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากขึ้นสำหรับประชาชน ทำให้คดีการเมืองเป็นเรื่องที่ปิดลับ และรอดจากพ้นหูตาของประชาชนที่ตั้งใจมาสังเกตการณ์ แต่ผู้คนที่ตั้งใจมาสังเกตการณ์คดีเองก็ไม่ได้ยินยอมให้การ “ขยับเส้นเสรีภาพ” ดังกล่าวทำได้โดยง่ายเท่าใดนัก และแม้ว่าผลสุดท้าย ศาลจะยอมอ่านคำพิพากษาในรูปแบบปกติ แต่ความพยามจะ “ขยับเส้นเสรีภาพ” ก็นำมาซึ่งสถานการณ์ที่สับสนวุ่นวาย และเพิ่มภาระในการเจรจาต่อรองให้กับทนายความ จำเลย และประชาชนที่มาสังเกตการณ์ โดยอย่างน้อยที่สุดก็ทำให้พวกเขาเหล่านั้นต้องเสียเวลาในการใช้ชีวิต
#นิรโทษกรรมประชาชน
#ThumbRights
#ยกเลิก112
https://www.facebook.com/photo?fbid=122222619368184830&set=a.122111574896184830