วันศุกร์, พฤศจิกายน 29, 2567

Plot นี้คุ้นๆ😁 “สนมถูกฮ่องเต้ไล่ออกจากวัง แต่ถูกเรียกตัวกลับมาใหม่ พร้อมเปลี่ยนชื่อ นามสกุล เลื่อนยศให้แบบฉ่ำๆ” ย้อนส่อง ‘เจินหวนฯ’ ซีรีส์ดราม่าวังหลังขึ้นหิ้งจากเมืองจีน


BrandThink
17h ·

POP: “สนมถูกฮ่องเต้ไล่ออกจากวัง
แต่ถูกเรียกตัวกลับมาใหม่ พร้อมเปลี่ยนชื่อ นามสกุล เลื่อนยศให้แบบฉ่ำๆ”
ย้อนส่อง ‘เจินหวนฯ’ ซีรีส์ดราม่าวังหลังขึ้นหิ้งจากเมืองจีน
.
ปลายปีแบบนี้ เชื่อว่าหลายคนคงมองหาซีรีส์เด็ดๆ สักเรื่องดู วันนี้จึงอยากแนะนำและชวนทุกคนไปย้อนความทรงจำกับซีรีส์แสบๆ คันๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นกระแสไปทั่วฟ้าเมืองไทยกับ ‘เจินหวน จอมนางคู่แผ่นดิน’ (Empresses in the Palace, The Legend of Zhen Huan) ซีรีส์ที่หลายคนยกให้เป็นซีรีส์แนวพีเรียดขึ้นหิ้งของวงการภาพยนตร์จีน
.
และแม้จะเก่าแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นที่กล่าวถึงในปัจจุบัน จากเนื้อเรื่องครบรส และ ‘มีม’ มากมายหลายรสชาติให้ชาวเน็ตเลือกสรรมาใช้ วันนี้ BrandThink จึงอยากพาทุกคนไปรู้จัก ‘เจินหวน’ กันอีกสักรอบ ว่ามีเนื้อหาอย่างไร และเหตุใดเจินหวนฯ ถึงประสบความสำเร็จ
.
‘เจินหวน จอมนางคู่แผ่นดิน’ (Empresses in the Palace, The Legend of Zhen Huan) เป็นซีรีส์ขนาด 76 ตอน ที่ออกอากาศครั้งแรกในปี 2011 โดยมีเนื้อหาแนวพีเรียดดราม่า ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ ‘หลิวเหลียนจื่อ’ และกำกับโดยเจิ้งเสี่ยวหลง
.
นำแสดงโดยดาราเบอร์ใหญ่ของวงการภาพยนตร์จีน-ฮ่องกงอย่าง ‘ซุนลี่’ (Sun Li) ที่มารับบท ‘เจินหวน‘ หญิงสาวชาวฮั่นที่จับผลัดจับผลูเข้ามาเป็นสนมในราชสำนักชิง ทำให้ชีวิตต้องเผชิญกับการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดจากบรรดาสนมเบอร์ใหญ่ขี้อิจฉา และฮองเฮาจอมวางแผนที่พร้อมสั่งเก็บทุกคนที่ขวางหน้า
.
เส้นเรื่องชีวิตของเจินหวนนั้น เกิดขึ้นในรัชสมัยของจักรพรรดิหย่งเจิ้นแห่งราชวงศ์ชิง ราวๆ ปี 1722 โดยเธอเริ่มจากการเป็นหญิงสาวสามัญชนที่ได้รับเลือกเข้าวังต้องห้ามเพื่อเป็นสนม เนื่องจากมีหน้าตาไปละม้ายคล้ายคลึงกับฮองเฮาคนโปรดคนเก่าของฮ่องเต้ที่จากไป ทำให้เธอเป็นที่โปรดปรานจากฮ่องเต้อย่างมาก
.
ทว่าความโปรดปรานนี้ก็เป็นดาบสองคมที่ทำให้เธอต้องเผชิญกับศัตรูจำนวนมาก ที่มาทั้งแบบเปิดหน้าชน หรือเกลียดชังอยู่ลับหลัง แต่ด้วยสกิลนางเอก ก็ทำให้เธอเอาตัวรอดมาได้หลายต่อหลายครั้ง ทว่าก็ค่อยๆ สูญเสียความใสซื่อประสาสาวชาวบ้านไป ก่อนจะเปลี่ยนตัวเองเป็นนางพญาหงส์ที่พร้อมต่อกรกับทุกอริศัตรู
.
แต่แม้จะเก่งแค่ไหน หงส์ก็ต้องปีกหัก เพราะดันถูกใส่ร้ายจนทำให้ฮ่องเต้พิโรธและขับนางออกจากวังให้ไปบวชเป็นชีอยู่วัดเป็นเวลาหลายปี แต่! ด้วยสกิลนางเอก (อีกแล้ว) เจินหวนก็ถูกเรียกตัวกลับเข้าวังมาได้อีกครั้ง พร้อมกับได้รับชื่อ-นามสกุลใหม่ ที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ เพื่อลบล้างประวัติเสียๆ หายๆ สมัยก่อนถูกไล่ออกจากวัง
.
และหลังจากนี้นี่เอง ที่เจินหวนได้ตามเช็กบิลศัตรูทุกคนของเธอแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อนั้น ปัจจุบันสามารถรับชมเจินหวนฯ ฉบับพากย์ไทยได้ทาง Line TV
.
ทั้งนี้แม้จะเป็นซีรีส์จีน แต่ ‘เจินหวน จอมนางคู่แผ่นดิน’ กลับได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไทย โดยในอเมริกา Amazon Prime ได้ซื้อลิขสิทธิ์เรื่องนี่ไปปรับตัดเนื้อเรื่องให้เหลือเพียง 6 ตอนสำหรับการสตรีมในสหรัฐอเมริกา และก็ได้รับกระแสตอบรับเชิงบวกเป็นจำนวนมาก
.
และเหตุผลที่เรื่องนี้ประสบความสำเร็จนั้นก็มาจากหลายปัจจัย
.
ประการแรก เนื้อเรื่องสุดเข้มข้น ที่เต็มไปด้วยจุดหักมุม หักไปหักมาแบบเดาทางไม่ถูก จนดึงดูดให้ผู้ชมต้องติดตามอย่างไม่อาจละสายตา ประการที่สอง คือความสามารถของนักแสดงที่ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครต่างๆ ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็น ‘ซุนลี่‘ ที่รับบทเป็นเจินหวน ‘เฉินเจี้ยนปิน’ ที่รับบทเป็น พระจักรพรรดิหย่งเจิ้ง ที่ในตอนแรกหลายคนตั้งคำถามว่าดูสูงวัยไม่เข้ากับนางเอก แต่ท้ายที่สุดเขาก็ได้รับการยอมรับจากแฟนๆ เนื่องจากสามารถถ่ายทอดบทบาทของ ฮ่องเต้สูงวัยที่ในใจมีปมมากมายจนไม่เคยไว้ใจใคร ออกมาได้แบบถึงพริกถึงขิง
.
แต่มากไปกว่านั้น นักแสดงที่ได้รับเสียงชื่นชมมากที่สุดในเรื่องนี้ คงหนีไม่พ้น ‘เอดา ชอย’ ที่รับบท ‘ฮองเฮาอูลานารา’ โดยเธอเป็นนักแสดงฮ่องกงที่ต้องสวมบทบาทเป็นฮองเฮาร่างกายผอมบางที่ไม่ค่อยเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ ทำให้ต้องคอยเป็นมิสสนามอารมณ์ให้นางสนมคนอื่นๆ จิกกัดไม่เว้นวัน ทว่าท่ามกลางสภาพที่น่าสงสาร เธอกลับซ่อนเขี้ยวเล็บแหลมคมไว้ในมือ
.
และนอกจากการแสดงแล้ว อีกประการหนึ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับความนิยมก็คือ ฉากและคอสตูม ที่สวยงาม สมจริง สมบูรณ์แบบ เนื่องจากทีมงานได้ออกแบบด้วยความพิถีพิถันกระทั่งสามารถถ่ายทอดบรรยากาศและความเป็นราชวงศ์ชิงออกมาได้แบบพอดิบพอดี
.
และทั้งหมดนี้ก็คือเหตุผลที่ทำให้ ‘เจินหวน จอมนางคู่แผ่นดิน’ เป็นซีรีส์ดราม่าวังหลังอันดับหนึ่งในใจของใครหลายๆ คน
.
#POP #BrandThink #CreativeChange
#Empowering #Diversity #PositiveImpact

(https://www.facebook.com/photo/?fbid=1138441171177551&set=a.811136580574680)