วันพุธ, ธันวาคม 14, 2565

คดีนี้น่าจับตา เหตุเกิดที่ไทย แต่ขึ้นศาลแพ่งของอังกฤษ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ ผู้ลี้ภัย ม. 112 อดีตผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ผู้บริหาร SCB และผู้บริหาร และกรรมการของ WEH ลวงให้ขายหุ้น WEH ในราคาต่ำกว่ามูลค่ คงจำได้นะ ผู้ถือหุ้นใหญ่ SCB คือ...



นพพร ศุภพิพัฒน์ (ซ้าย), ณพ ณรงค์เดช (กลาง), อาทิตย์ นันทวิทยา (ขวา)

ลำดับคดีผู้ลี้ภัย ม. 112 ฟ้อง SCB, ณพ ณรงค์เดช และพวก ในอังกฤษ เรียก 5.4 หมื่นล้านบาท

21 พฤศจิกายน 2022
บีบีซีไทย

ศาลแพ่งของอังกฤษ อยู่ระหว่างการสืบพยานในคดีที่ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ผู้บริหาร SCB และผู้บริหาร และกรรมการของ WEH รวม 17 ราย

นายนพพร กล่าวหาจำเลยทั้ง 17 ว่าสมคบกันชักจูงใจด้วยข้อมูลลวงให้ขายหุ้น WEH ในราคาต่ำกว่ามูลค่า โดยศาลจะใช้เวลาสืบพยานทั้งสิ้น 17 สัปดาห์ เริ่มต้น ตั้งแต่เดือน ต.ค. ที่ผ่านมา

หากใช้อัตราแลกเปลี่ยนของ SCB เมื่อ 18 พ.ย. ที่ 36.06 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ มูลค่าของการฟ้องร้องนี้อยู่ที่ 5.409 หมื่นล้านบาท

ณพ ณรงค์เดช จำเลยที่ 1 มีกำหนดปรากฏตัวให้การในศาล ธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์ (Business and Property Courts) ในกรุงลอนดอน ตั้งแต่ 21-24 พ.ย. หลังนายนพพร โจทก์ให้การไปแล้วต่อเนื่อง 7 วันตั้งแต่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา

ปมที่เกิดจากการขายหุ้น WEH ให้ นายณพ ณรงค์เดช ผู้ถือหุ้นใหญ่คนปัจจุบันของบริษัท ได้เกิดเป็นมหากาพย์คดีความอีกหลายคดี ซึ่งยืดเยื้อมาหลายปี จนบริษัทต้องเลื่อนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ไปจนกว่าคดีความจะสิ้นสุด

นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ ซีอีโอ WEH คนปัจจุบัน คาดว่าคดีความทั้งหมดจะคลี่คลายได้ภายในปลายปี 2566 และเข้า IPO ได้ภายในปี 2567-2568

บีบีซีไทย รวบรวมข้อมูลคดีและบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องในคดีในศาลอังกฤษ ซึ่งเป็นคดีหลัก มาสรุปให้ได้เข้าใจกัน
 

นพพร ศุภพิพัฒน์

สรุปคดีหลัก

ช่วงปี 2552 - 2557 นายนพพรถือหุ้น WEH เป็นจำนวน 59.46 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ผ่านบริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยี คอร์เปอร์เรชั่น จํากัด (REC) โดยบริษัท REC มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ บริษัท ซิมโฟนี่ พาร์ตเนอร์ส จํากัด, บริษัท เน็กซ์โกลบอล อินเวสต์เมนท์ส จำกัด และบริษัท ไดนามิค ลิ้งค์ เวนเจอร์ส จํากัด ซึ่งทั้ง 3 บริษัทก็เป็นบริษัทของนายนพพรเอง ถือหุ้น REC รวม 97.94% ของทั้งหมด

จนปลายปี 2557 นายนพพรถูกกล่าวหาด้วยคดีอาญาหลายคดี รวมถึงคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

จึงมีการกดดันจาก SCB และกรรมการของ WEH ให้นายนพพร ขายหุ้น WEH เพื่อรับการสนับสนุนทางการเงินจาก SCB สำหรับโครงการผลิตไฟฟ้า และในปี 2558 นายณพ ได้ขอซื้อหุ้นจากนายนพพร โดยนายณพ ได้จัดตั้ง 2 บริษัทขึ้นมาทำสัญญาซื้อหุ้น จากกลุ่มบริษัทของนายนพพร คือ

1. บริษัท ฟูลเลอร์ตัน เบย์ อิน เวสต์เมนต์ ลิมิเต็ด ซึ่งสำนักข่าวอิศราระบุว่า นายณพ มีชื่อเป็นผู้รับผลประโยชน์เพียงผู้เดียว

2. บริษัท เคพีเอ็นเอนเนอยี โฮลดิ้ง จํากัด (KPNEH) ซึ่งนายณพ ถือหุ้น 40%, บริษัทฟูลเลอร์ตันฯ ของนายณพ ที่ถือ 20% โดยหุ้นส่วนที่เหลือมี นางเอมม่า ลูอิส คอลลินส์ และ นายธันว์ เหรียญสุวรรณ อดีตผู้บริหารและกรรมการของบริษัท WEH ถือคนละ 20 %

การทำสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัท REC ของ นายนพพร ซึ่งเป็นบริษัทผู้ถือหุ้นใหญ่ใน WEH ให้ นายณพ แบ่งเป็นสัญญา 2 ฉบับ ได้แก่

1. สัญญาซื้อขายหุ้น REC ที่บริษัท ซิมโฟนี่ พาร์ตเนอร์ส จํากัด ขายหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์ของจํานวนหุ้นทั้งหมด ให้ กับบริษัท ฟูลเลอร์ตันฯ ของ นายณพ โดยตกลงซื้อขายหุ้นในราคา 85.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

2. สัญญาซื้อขายหุ้น REC ที่บริษัท เน็กซ์โกลบอล อินเวสต์เมนท์ส จํากัด และบริษัทไดนามิค ลิ้งค์ เวนเจอร์ส จํากัด ของนายนพพร ขายหุ้นที่เหลืออีก 49.94 %ให้กับ KPNEH ของ นายณพ โดยตกลงซื้อขายหุ้นในราคา 89.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ต่อมา นายนพพร ได้ยื่นฟ้อง SCB ผู้บริหาร SCB และผู้บริหารและกรรมการของ WEH รวม 17 ราย โดยเขาเคยแถลงเกี่ยวกับคดีว่า เขาพิจารณาแล้วเห็นว่าน่าจะไม่ได้รับการชำระเงินส่วนที่เหลือจากนายณพ และหุ้นที่ตนได้ขายนั้น ได้มีการโอนไปให้ผู้อื่น จึงมีความจำเป็นต้องยื่นคดีหลักต่อศาลอังกฤษ

ศาลได้เปิดการพิจารณาคดีในกรุงลอนดอนเมื่อ 17 ต.ค. โดยศาลจะใช้เวลาสืบพยานทั้งสิ้น 17 สัปดาห์
 


4 โจทก์ 17 จำเลย

ฝ่ายโจทก์ มี 4 ราย (นายนพพร และบริษัทของเขา) ได้แก่

1) นายนพพร ศุภพิพัฒน์ (MR NOPPORN SUPPIPAT)

2) บริษัท ซิมโฟนี่ พาร์ตเนอร์ส จํากัด (SYMPHONY PARTNERS LIMITED)

3) บริษัท เน็กซ์โกลบอล อินเวสต์เมนท์ส จำกัด (NEXT GLOBAL INVESTMENTS LIMITED)

4) บริษัท ไดนามิค ลิ้งค์ เวนเจอร์ส จำกัด (DYNAMIC LINK VENTURES LIMITED)

จำเลย 17 ราย (ผู้ถือหุ้นและผู้บริหาร WEH และบริษัท SCB ผู้บริหาร SCB) ได้แก่

1) นายณพ ณรงค์เดช (MR NOP NARONGDEJ)

2) นางเอมม่า ลูอิส คอลลินส์ (MS EMMA LOUISE COLLINS)

3) นายธันว์ เหรียญสุวรรณ (MR THUN REANSUWAN)

4) นายอามาน ลาคานี (MR AMAN LAKHANEY)

5) นางคาดีจา บิลาล ซิดดิกี (MS KHADIJA BILLAL SIDDIQUE)

6) บริษัท คอลัมม์ อินเวสต์เมนท์ส จำกัด (COLOME INVESTMENTS LIMITED)

7) บริษัทเคเลสตัน โฮลดิงส์ จำกัด (KELESTON HOLDINGS LIMITED)

8) บริษัท เอแอลเคบีเอส (ALKBS LLC)

9) บริษัท โกลเด้น มิวสิค จำกัด (GOLDEN MUSIC LIMITED)

10) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SIAM COMMERCIAL BANK PUBLIC COMPANY LIMITED)

11) นาย อาทิตย์ นันทวิทยา (MR ARTHID NANTHAWITHAYA)

12) บริษัท คอร์นวอลลิส (CORNWALLIS LIMITED)

13) นายวีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ(MR WEERAWONG CHITTMITTRAPAP)

14) ดร.เกษม ณรงค์เดช (DR KASEM NARONGDEJ)

15) คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา (MS KHUNYING KORKAEW BOONYACHINDA)

16) นายประเดช กิตติอิสรานนท์ (MR PRADEJ KITTI-ITSARANON)

17) นายณัฐวุฒิ เภาโบรมย์ (MR NUTTAWUT PHOWBOROM)


คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา แม่ภรรยาของนายณพ จำเลยที่ 15

ทนายความของนายนพพร ระบุว่า ฝ่ายจำเลยสมคบกันใช้อำนาจในการจัดการเอกสารสำคัญ ในช่วงปี 2557 – 2561 จูงใจให้นายนพพรและบริษัทในเครือของเขาขายหุ้น REC ในราคาต่ำกว่าราคายุติธรรมให้กับบริษัทของนายณพ โดยในช่วงที่มีการซื้อขาย หุ้นมีมูลค่า 872 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และปัจจุบันมีมูลค่าถึง 1,600 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่นายนพพรกลับได้รับเงินเพียง 176 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ฝ่ายโจทก์ระบุว่า จำเลยบางรายบิดเบือนข้อเท็จจริง แล้วจูงใจให้ตนขายหุ้น REC ให้กับบริษัทของ นายณพก่อน โดยหลอกว่าตนจะมีสิทธิในการซื้อหุ้น WEH คืนได้ด้วยสิทธิในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิง (call options) แต่หลังจากที่ นายนพพรโอนหุ้น REC ไปยังบริษัทของ นายณพ แล้ว กลับมีการโอนหุ้น WEH ออกจาก REC ให้จำเลยหลายราย ซึ่งเป็นการกีดกันไม่ให้ นายนพพร สามารถเข้าถึงหุ้น WEH

อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นบริษัท WEH และผู้บริหาร SCB ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยทนายความของ SCB ได้ระบุในเอกสารที่ยื่นต่อศาลว่า ข้อกล่าวหาว่า ธนาคารและผู้บริหาร WEH สมคบกันในการโกงนายนพพรเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และไม่มีหลักฐานมารับรอง

ผู้ก่อตั้งบริษัทพยายามจะ “รวบจำเลยมารวมกันโดยหวังว่าโคลนที่สาดมาจะติด SCB” ขณะที่โฆษกของสำนักกฎหมายเรย์โนลด์ส พอร์เตอร์ เชมเบอร์เลน ที่เป็นตัวแทนของ SCB ระบุว่า คดีนี้เป็น “เรื่องเข้าใจผิด”

บีบีซีไทย ติดต่อไปยังฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ของ SCB เพื่อขอคำชี้แจง แต่ SCB ปฎิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับคดีนี้

นายทิม เพนนี ทนายความของนายณพ แถลงในศาลที่กรุงลอนดอนเมื่อกลาง ต.ค. ว่า หลังจากที่นายนพพรออกจากบริษัท เขาก็เปิดปฏิบัติการปล่อยข่าว “ไม่ถูกต้อง” ผ่านสื่อมวลชน เพื่อทำลายบริษัทและกดดันให้เจ้าของรายใหม่ยอมไกล่เกลี่ยคดี

นายเพนนีบอกว่า ข้อกล่าวหาของนายนพพรเป็นเรื่อง “สิ้นหวัง” และเงินที่เขาได้รับจากการขายหุ้นเป็นราคายุติธรรมแล้ว

ทนายของ นายณพ ยังระบุในเอกสารว่า ก่อนที่บริษัทของ นายณพ จะซื้อหุ้น WEH นายนพพร พยายามขายหุ้นให้นักลงทุน 35 ราย แต่ไม่สำเร็จ และทนายกล่าวในศาลอีกว่า นายนพพร “มีความคาดหวังต่อมูลค่าหุ้นที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง”
 

ด้านหน้าของอาคารศาลในกรุงลอนดอน


ห้องพิจารณาคดี Suppipat V Narongdej

คนไทยพิพาทกัน แต่ฟ้องคดีในต่างประเทศ

เมื่อปี 2559 นายนพพร ได้ฟ้องร้องต่ออนุญาโตตุลาการของหอการค้านานาชาติ (International Chamber of Commerce - ICC) ในสิงคโปร์ เนื่องจากสัญญาการซื้อขายหุ้น REC ได้ระบุว่า หากมีข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับสัญญาซื้อขายหุ้นนี้ ให้ระงับโดยอนุญาโตตุลาการของ ICC ในประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ ในสัญญายังระบุว่า สัญญานี้อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายอังกฤษ

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ในปี 2563 อนุญาโตตุลาการตัดสินให้บริษัท ฟูลเลอร์ตัน เบย์ อิน เวสต์เมนต์ ลิมิเต็ด และ KPNEH ของนายณพ จ่าย ‘เงินส่วนที่เหลือ’ เป็นเงิน 525 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และดอกเบี้ยทบต้น พร้อมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของอนุญาโตตุลาการ แต่ต่อมาในปี 2564 ศาลอุทธรณ์สิงคโปร์ได้ตัดสินว่า อนุญาโตตุลาการไม่มีอำนาจในการพิจารณาเกี่ยวกับเงินทบต้น ดังนั้น คำตัดสินของอนุญาโตตุลาการเกี่ยวกับจำนวนเงินที่ทั้งสองบริษัทต้องจ่ายให้นายนพพรจึงถือเป็นโมฆะ รวมถึงค่าดำเนินการของอนุญาโตตุลาการด้วย

ในเวลาต่อมา นายนพพร เห็นว่าการขายหุ้น WEH ต่ำกว่าราคาครั้งนี้เป็นการสมคบกันฉ้อฉล ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่เกินขอบเขตของการผิดข้อตกลงในสัญญา จึงมีการฟ้องร้องคดีที่ศาลของอังกฤษ โดยอาศัยมาตรา 423 ในกฎหมายล้มละลายปี 1986 (Insolvency Act 1986) ของอังกฤษ ที่ให้ศาลอังกฤษใช้ดุลยพินิจในการตัดสินคดีนอกราชอาณาจักรที่เกี่ยวข้องกับการการซื้อขายหุ้นต่ำกว่าราคายุติธรรม เพื่อป้องกันการใช้อำนาจกดขี่หรือไร้เหตุผล
 

ณพ ณรงค์เดช

จากนักธุรกิจอนาคตไกล สู่ ผู้ลี้ภัย คดี 112

บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ก่อตั้งในปี 2552 โดย นายนพพร ศุภพิพัฒน์ เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านพลังงานลมรายแรกและเป็นรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยครองสัดส่วนมากกว่า 42% ของโควตาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในประเทศ โดยใบอนุญาตที่ WEH ได้รับในการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำให้บริษัทมีการรับรู้รายได้ที่มั่นคง อีกทั้งธุรกิจพลังงานทางเลือกก็ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงมากอีกด้วย

นายนพพร ขึ้นมาเป็นนักธุรกิจแถวหน้าในวงการธุรกิจพลังงานภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี จนติดอันดับ 31 มหาเศรษฐีของประเทศไทยในนิตยสารฟอร์บสเมื่อปี 2557 โดยนายนพพรในวัย 43 ปีถือเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ที่อายุน้อยที่สุดของปีนั้น (ปัจจุบันอายุ 51 ปี)

แต่ชีวิตของเขากลับพลิกผันอย่างมาก หลังจากวันที่ 1 ธันวาคม 2557 เมื่อ นายนพพร ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จ้างวาน 3 พี่น้องตระกูล อัครพงศ์ปรีชา ขู่บังคับ นายบัณฑิต โชติวิทยะกุล อดีตหุ้นส่วนธุรกิจ ให้ลดหนี้ให้ โดยแอบอ้างเบื้องสูง

นายบัณฑิต เคยร่วมหุ้นกับนายนพพร ในบริษัท กริฟฟอน อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง จำกัด มีความขัดแย้งกรณีที่นายนพพรเคยยืมเงินบริษัท แล้วถูกนายบัณฑิตฟ้องข้อหายักยอกทรัพย์ จึงต้องมีการเจรจากับนายบัณฑิตให้ลดหนี้จาก 120 ล้านบาท เหลือ 20 ล้านบาท ซึ่งนายบัณฑิต อ้างว่า นายนพพร มีการแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อข่มขู่เขาด้วย

การกล่าวหา นายนพพร เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลที่ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติกับ พล.ต.หญิง ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี อดีตพระวรชายาของในหลวงรัชกาลที่ 10 ตั้งแต่ครั้งยังทรงเป็นสยามมกุฎราชกุมาร ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ฐานแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ รวมไปถึงกฎหมายฟอกเงิน โดยที่มี 3 พี่น้องตระกูล อัครพงศ์ปรีชา พี่น้องของ พล.ต.หญิง ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ อยู่ในเครือข่ายของ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ที่ปัจจุบันถูกถอดยศแล้ว

นายนพพร ถูกศาลทหารออกหมายจับ และถูกตั้งข้อกล่าวหาในคดีอาญาฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมถึงข้อหา “ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือเสรีภาพ โดยมีอาวุธ โดยร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำ หรือบุคคลอื่น และร่วมกันลักทรัพย์” นายนพพร จึงตัดสินใจไปฝรั่งเศสเพื่อลี้ภัยทางการเมือง

นายนพพร ให้สัมภาษณ์พิเศษกับบีบีซีไทยเมื่อ ธ.ค. 2557 ว่า เขาตกเป็นเหยื่อถูกใส่ร้ายป้ายสี และคดีมาตรา 112 เป็นเหตุผลสำคัญให้เขาตัดสินลี้ภัยทางการเมือง เพราะคดีนี้ไม่สามารถประกันตัวได้ ซึ่งเขาเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อชีวิต โดยระบุว่า “พอไม่ให้ประกัน(ตัว)เนี่ย ผมก็คิดว่าเขาคงฆ่าผมในคุกเพื่อปิดปากแน่ ๆ”
 

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร SCB

ปรับ นพพร ออกจากผู้ถือหุ้น WEH แลกเงินกู้จาก SCB

หลังจากที่ นายนพพร ถูกตั้งข้อหาในคดีมาตรา 112 ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติสนับสนุนทางการเงินให้กับ WEH ทาง SCB จึงตัดสินใจระงับการสนับสนุนทางการเงิน ซึ่งการขาดสินเชื่อจาก SCB ส่งผลกระทบกับโครงการผลิตไฟฟ้าที่ยังต้องผลิตและจำหน่ายให้กับ กฟผ. ตามสัญญา ไม่เช่นนั้นบริษัทจะถูกปรับ และอาจถูกบอกเลิกสัญญาได้

ช่วงที่ WEH ได้ลงทุนในโครงการพลังงานลมวะตะแบก ที่ จ.ชัยภูมิ ไปแล้ว 1,500 ล้านบาท และกำลังรอการอนุมัติเงินกู้อีก 2,500 ล้านบาทจาก SCB เป็นช่วงที่ นายนพพร ได้ฟ้อง นายณพ ต่ออนุญาโตตุลาการประเทศสิงคโปร์ เพื่อขอยกเลิกสัญญาซื้อขายหุ้น REC หมายความว่า นายนพพรมีโอกาสจะเข้าเข้ามาอยู่ในโครงสร้างผู้ถือหุ้น WEH ได้ SCB จึงหยุดปล่อยสินเชื่อ จนกว่าจะมั่นใจว่า WEH ไม่เกี่ยวข้องกับคดีมาตรา 112

ด้วยเหตุนี้ นายณพจึงตัดสินใจปรับโครงสร้างบริษัท WEH โดยให้บริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KPNET (เมื่อ นายณพ ซื้อบริษัท REC แล้วได้เปลี่ยนชื่อเป็น เคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย)) ขายหุ้น WEH ออกไป เพื่อไม่ให้ นายนพพร กลับเข้ามาอยู่ในโครงสร้างของบริษัท WEH
 

จากซ้ายไปขวา) นายกฤษณ์ ณรงค์เดช พี่ชาย, นายเกษม ณรงค์เดช บิดา, นายกรณ์ ณรงค์เดช น้องคนเล็ก

จากคดีความกับนพพร สู่ ศึกในตระกูล ณรงค์เดช

ณพ ณรงค์เดช เป็นลูกชายคนกลางของ ดร.เกษม ณรงค์เดช และคุณหญิงพรทิพย์ (พรประภา) ผู้ก่อตั้งบริษัท เคพีเอ็น กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยครอบครัวณรงค์เดช-เคพีเอ็นกรุ๊ปมีธุรกิจหลายประเทศรวมมากกว่า 50 บริษัท รวมถึงสถาบันสอนร้องเพลง KPN ที่หลายคนรู้จักด้วย ในบรรดาบริษัทในเครือนี้ นายณพเป็นกรรมการในบริษัทอยู่ถึง 35 บริษัท

ช่วงต้นปี 2558 นายณพสนใจเข้าลงทุนในบริษัท WEH จึงได้ชักชวน นายเกษม ณรงค์เดช บิดา, นายกฤษณ์ ณรงค์เดช พี่ชาย และ นายกรณ์ ณรงค์เดช น้องคนเล็ก ให้เข้าซื้อหุ้นด้วย ซึ่งครอบครัวณรงค์เดชได้ตัดสินใจลงทุนใน WEH โดยให้ นายณพ เป็นตัวแทนดำเนินการเจรจาซื้อหุ้น

ความขัดแย้งภายในครอบครัวเกิดขึ้นทันทีเมื่อครอบครัวณรงค์เดช และบริษัทต่าง ๆ ในเครือถูก นายนพพร ฟ้องร้องในข้อหาโกงเจ้าหนี้ ในช่วงต้นปี 2561 จึงทำให้ครอบครัวเพิ่งรับรู้เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดจากการซื้อหุ้น WEH มาจาก นายนพพร ต่อมา นายเกษมก็เพิ่งรู้ว่านายณพ ได้โอนหุ้น WEH ต่อมาเป็นทอด ๆ มาถึงบริษัท โกลเด้น มิวสิค จํากัด (GML) ซึ่งจดทะเบียนในฮ่องกง ตอนที่ได้รับหนังสือจากบริษัทที่ปรึกษากฎหมายว่าถูกฟ้องร้อง

จากนั้น ครอบครัวณรงค์เดช ก็กล่าวหาว่า นายณพใช้เอกสารที่มาจากการ “ปลอมลายมือชื่อ” ของ นายเกษม เพื่อเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นในบริษัท GML ให้ คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา แม่ภรรยาของนายณพ และภรรยาของ พล.ต.อ. พจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจที่เสียชีวิตไปแล้ว มาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ GML แทน นายเกษม

จนเกิดเป็นศึกระหว่างตระกูล ณรงค์เดช และ บุณยะจินดา ถึงขั้นครอบครัวณรงค์เดชออกแถลงการณ์ตัดขาดความสัมพันธ์กับ นายณพ และคดีความระหว่างกันก็ยืดเยื้อมาหลายปี จนเมื่อเดือน ก.ย. ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ยกฟ้องคุณหญิงกอแก้ว พร้อมพวก เนื่องจาก พยานโจทก์ที่นำสืบมีน้ำหนักน้อย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย แต่ครอบครัวณรงค์เดชยืนยันในข้อเท็จจริง และประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา นายณพเพิ่งโพสต์บนอินสตาแกรมของตัวเอง โดยระบุว่า เขาได้พบกับพ่อเป็นครั้งแรก หลังจากไม่ได้พบกันมานานเกือบ 3 ปี พร้อมลงท้ายเป็นภาษาอังกฤษว่า “ผมรักพ่อ และจะรักเสมอ ลูกชายของพ่อ...ณพ”
 

.....

Fahroong Srikhao ฟ้ารุ่ง ศรีขาว
November 21

การกล่าวหานายนพพร เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลที่ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติกับ พล.ต.หญิง ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี อดีตพระวรชายาของในหลวงรัชกาลที่ 10 ตั้งแต่ครั้งยังทรงเป็นสยามมกุฎราชกุมาร

ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ฐานแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ รวมไปถึงกฎหมายฟอกเงิน โดยที่มี 3 พี่น้องตระกูล อัครพงศ์ปรีชา พี่น้องของ พล.ต.หญิง ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ อยู่ในเครือข่ายของ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ที่ปัจจุบันถูกถอดยศแล้ว
.
นายนพพร ให้สัมภาษณ์พิเศษกับบีบีซีไทยเมื่อ ธ.ค. 2557 ว่า เขาตกเป็นเหยื่อถูกใส่ร้ายป้ายสี และคดีมาตรา 112 เป็นเหตุผลสำคัญให้เขาตัดสินลี้ภัยทางการเมือง เพราะคดีนี้ไม่สามารถประกันตัวได้ ซึ่งเขาเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อชีวิต โดยระบุว่า “พอไม่ให้ประกัน(ตัว)เนี่ย ผมก็คิดว่าเขาคงฆ่าผมในคุกเพื่อปิดปากแน่ ๆ”

https://www.facebook.com/1526071940947174/posts/3362193150668368/?d=n
.....

บีบีซีไทย - BBC Thai
22h

ซีอีโอของ SCB มีกำหนดการให้การต่อศาลอังกฤษ
.
ระหว่าง 13-14 ธ.ค. นี้ นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มีกำหนดการให้การต่อศาลของอังกฤษในกรุงลอนดอน ในฐานะจำเลยที่ 11 ในคดีที่ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ผู้บริหาร SCB และผู้บริหาร และกรรมการของ WEH รวม 17 ราย
.
นายนพพร ซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยการเมืองในฝรั่งเศสจากคดี ม. 112 ของประมวลกฎหมายอาญา กล่าวหาจำเลยทั้ง 17 ว่าสมคบกันชักจูงใจด้วยข้อมูลลวงให้ขายหุ้น WEH ในราคาต่ำกว่ามูลค่า โดยศาลจะใช้เวลาสืบพยานทั้งสิ้น 17 สัปดาห์ เริ่มต้น ตั้งแต่เดือน ต.ค. ที่ผ่านมา
.
อ่านความเป็นมาของคดีนี้ทาง https://bbc.in/3VPYqBJ