เอาเชียว ‘สุเทือก’ ลำเลิกบุญคุณ ‘ม้าร์ค’ หวังอะไรไว้มากไปหรือเปล่า
คงคิดว่าเขาจะกระมิดกระเมี้ยนไปจนเสร็จเลือกตั้งแล้วค่อย “ยื่นเงื่อนไขที่เขาปฏิเสธไม่ได้”
แบบเมื่อครั้ง ‘งูเห่า’
เปลี่ยนขั้วและตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหาร
ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงที่พังงา สุเทพ
เทือกสุบรรณ ในมาดผู้ก่อกำเนิดพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือ รปช. บริภาษณ์ไม่ยั้งถึงการที่
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ‘เบิ้ล’ เป็นนายกรัฐมนตรี
หาว่าพูดอย่างนั้นแสดงว่าไปยืนอยู่ข้างทักษิณแล้วสิ
“นี่แสดงว่าถ้าฝ่ายทักษิณเทคะแนนให้เป็นนายกฯ เอาทันทีใช่ไหม
นี่แสดงว่าอยากจะเป็นนายกฯ เสียจน มึงลืมหัวกูแล้วใช่ไหม”
ก่อนถึงจุดพี้คนี้พี่เทือกท้าวความลำเลิกน้องม้าร์คเป็นเงื่อนตายที่ปฏิเสธไม่ขึ้นเลยละ
“ผมนี่ละที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ถ้าม่ายชายเพราะผ้มนี่ ไม่รู้จ้าดน่าจะได้เป็นนายกฯ ม้าย” พูดเมื่อ ๑๐ มีนา ๖๒
ต้องถอยหลังไปเมื่อครั้งตั้งรัฐบาลใน ราบ ๑๑
นัยว่าถึงแม้ตัวการสำคัญที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลทั้งๆ
ที่มีเสียงน้อย เพราะ ‘งูเห่า’ เนวิน ชิดชอบ โบกมือลาก๊วนตระกูลชิน “มันจบแล้วครับนาย”
แต่ตัวจักรกลสำคัญเป็นสุเทือกที่ปั่นจนได้ดี จากการที่นั่งเครื่องไปอังกฤษ
หัวชนกันกับ ‘เนรวิน’ ทั้งไปและกลับ
ตัวเองยังคุยโตว่าสนิทชิดเชื้อกับทหาร “ผมถึงได้ไปเจอผู้นำกองทัพเพื่อถามตรงๆ
ว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลได้โดยมีคุณอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี
เขารับได้ไหม” แล้วเป็นคนพาใครต่อใครไปเจอทหาร รวมทั้ง บรรหาร ศิลปอาชา
ที่พอดีมีทีวีจับภาพได้ตอนนั่งรถเข้า ราบ ๑
เรื่องนั้นว้อยซ์ทีวีเขาแจงไว้ละเอียดในบทความ
“เปิดเบื้องหลังวันกำนันสุเทพปั้นเดอะม้าร์ค” เมื่อ ๔ สิงหา ๖๑ (ที่นี่ https://voicetv.co.th/read/BJ_2_TfBQ) ซึ่งมีนัยยะควรใส่ใจอีกอย่างที่สุเทพอ้าง
“คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน นี่ผมให้ดูแลกระทรวงพาณิชย์ เขาแทบจะกระโดดกอดเอวผมเลย คุณสมศักดิ์ยังบอกว่าพี่สุเทพเขายื่นเงื่อนไขแบบที่ผมปฏิเสธไม่ได้”
และสมศักดิ์คนนี้กำลังเป็นตัวจักรสำคัญทั้งดูดทั้งปั่น “รับงาน ‘สมคิด’ มาปั้น ‘ประยุทธ์’ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป”
จึงเป็นเรื่องน่าคิดว่าอภิสิทธิ์ตัดสินใจเล่นบท
ประชาธิปไตย (เสรีแค่ไหนไม่รู้) ตอนโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งสองอาทิตย์นี่ ‘ปิดประตูส้มหล่น’ ไปแล้ว ยังไงก็หวนกลับไม่ได้ ฤๅว่า
ดีลเกรดเอไม่ดีพอ มีข้อแม้ what’s a catch? ติดอยู่หรือเปล่า
อย่างหนึ่งน่าจะเป็นเพราะฐานเสียง “คนชั้นกลางในเมือง”
ถูกเซาะกร่อนไปเยอะตลอด ๕ ปีที่มัวแต่เกรงใจรัฐบาลคณะรัฐประหารอยู่นั่นแล้ว การมาแรงของพรรคอนาคตใหม่ทำให้วิธีการแข่งขันหาเสียงแบบ
‘น้ำเน่า’ กลับมาปรากฏบ่อยขึ้นระยะนี้
ป้ายหาเสียงถูกป้ายสีและทำลาย
แม้แต่รูปใบหน้าประยุทธ์ก็ไม่เว้น (ฮ่า ฮ่า) แต่พรรคที่โดนหนักเป็นอนาคตใหม่
ป้ายถูกบัง ถูกเก็บ ถูกกรีด ถูกพังทะลายบ่อยมาก ล่าสุดที่เขตหนองจอกถูกรื้อเอาไปกองไว้นับ
๒๐ ป้าย บางแห่งก็ตัดเบอร์ผู้สมัครออกไม่ให้คนจำ
แท้จริงก็ยังไม่อาจทราบได้ว่าเกิดจากน้ำมือใคร
ประเมินตามสามัญสำนึกก็น่าจะเป็นคู่แข่งที่เป็นรอง ความเป็นรองของ ปชป.เวลานี้จะซ้ำรอยแผลเก่าเมื่อปี
๒๕๕๖ ซึ่งตอนนั้น พิชัย รัตตกุล บอกว่า “เป็นต่อตั้งเยอะ แต่ทำตัวเอง” หรือไม่
Korndanai
Akawat คนนี้เลยที่ทำให้ผมเลือก ปชป. ฮะ
และเพราะ พวก ปชป. รุ่นใหม่อย่าง มัลลิกา ชวนนท์ที่เคยไปด่า ‘พิชัย’ ตอนแกออกมาแสดงความเห็น
ก็เลยสัญญากับตัวเองว่า ถ้าอภิสิทธิ์ไม่เอาพวกนี้ออกจากพรรค
ผมไม่กลับไปพิจารณาแน่นอนครับ
ดูจากการสนทนาออนไลน์ของคนสองคนที่แสดงปฏิกิริยาต่อข่าวสุเทพซัดอภิสิทธิ์
แล้วนึกถึงข้อกล่าวหาของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ที่ว่า ปชป. พังเพราะสุเทพ
ขึ้นมาทันที
Dvibhadr Bundrikswast ถ้า
มารุต บุนนาค ไม่แพ้ชวน พรรคนี้คงไม่แป๊กอยู่ในจุดนี้อ่ะครับ กลายเป็น
"พรรคเท็กซัส" + บางทีก็มีกลิ่นฟาสซิสต์หลบใน โดยเฉพาะตอน กปปส.นี่
หึ่งมาก...
“ผมไม่ปฏิเสธนะ
ว่าช่วงทักษิณเรืองอำนาจ มันมีแนวโน้มที่ไทยจะกลายเป็น Hybrid Regime แต่ ทำไปทำมา
พอเขาตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ไล่มาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงเกิดรัฐธรรมนูญ 60 มันไม่ใช่ว่าทั้งหมดที่ทำมาตั้งแต่ปี 48 อภิสิทธิ์ทำเพื่อป้องกัน
ต่อต้าน Hybrid Regime แล้ว
แต่เขาสร้าง Hybrid Regime ที่เอื้อต่ออำนาจชนชั้นบน พวก 1%
ขึ้นมาแทนที่ (และอาจจะเลวร้ายกว่าชัดเจน เพราะกลไกตรวจสอบพังชิบหายหมดเกลี้ยง)
แล้วตัวเขาเองก็เป็นฝ่ายพยายามเข้าไปรับประโยชน์ของ Hybrid Regime ที่เขาสร้างขึ้นเสียเองมาตลอด
ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลในค่ายทหารครั้งนั้น
ตัวละคร ทั้งหมดยังอยู่ครบ พูดง่ายๆ คือ "ผี" ทักษิณ
มันแทบจะไม่มีความเฮี้ยนแล้ว โดนข้าวสารเสกทีสองทีก็สะดุ้ง แต่ "ผี"
ที่น่ากล้วจริงๆ และเฮี้ยนไม่เลิก หลอกหลอนเราจนฝันร้ายไม่หยุด คือ ‘ผีในค่ายทหาร ร.1 วิภาวดี’ ในเย็นวันนั้น ทุกตัวเลยครับ”