วันจันทร์, มิถุนายน 30, 2568

น่ายินดีผลงาน 'ทีมประกันสังคมก้าวหน้า' ล่าสุดมีการปรับเพิ่ม ‘เงินทดแทนกรณีว่างงาน’ จากเดิม ๕๐% ขึ้นไปเป็น ๖๐%

ในภาวะการเมืองฝุ่นตลบหลายเดือนที่ผ่านมา และนายกฯ แพทองธารสามารถจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ นำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว เป็นที่น่ายินดีว่าภาคประชาชนก็ฟันฝ่ากระแสคลื่นลมแรงมาได้ โดยเฉพาะทีมงานกรรมการประกันสังคม ก้าวหน้า

บนหน้าโซเชียลของกรรมการท่านหนึ่งเพิ่งตั้งความหวังว่า รัฐมนตรีว่าการแรงงานคนใหม่จะมองเห็นความสำคัญ และไม่กลายเป็นจรเข้ขวางคลองต่อผลงานที่คืบหน้าไปไม่หยุดยั้ง ช้าบ้าง เร็วบ้าง ของทีมก้าวหน้านี้

ปะเหมาะกับล่าสุดวันนี้ (๓๐ มิถุนา) มีแถลงชี้แจงจากเลขาธิการ สนง.ประกันสังคม นางมารศรี ใจรังษี ถึงประกาศกฏกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๖๘ ออกมา

เกี่ยวกับเงินทดแทนผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ กรณีถูกเลิกจ้าง เป็นการปรับเพิ่ม เงินทดแทนกรณีว่างงาน จากเดิมที่ได้รับในอัตรา ๕๐% ปรับขึ้นเป็น ๖๐% ของค่าจ้างรายวัน และได้รับครั้งละไม่เกิน ๑๘๐ วัน ทั้งนี้ “ประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน

นอกจากจะให้การดูแลลูกจ้างที่สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน ตามมาตรา ๓๓ ในกรณีถูกเลิกจ้างแล้ว “ยังครอบคลุมถึงการว่างงานจากกรณีลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาจ้างอีกด้วย” ในกรณีนี้ผู้ประกันตน “จะได้รับเงินทดแทนในอัตราร้อยละ ๓๐ ของค่าจ้างรายวัน

และได้รับครั้งละไม่เกิน ๙๐ วันต่อปีปฏิทิน” อย่างไรก็ดี “ผู้ประกันตนจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้สูงสุดไม่เกินเดือนละ ๙,๐๐๐ บาท” อนึ่ง “การรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานของผู้ประกันตนมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข คือ

จะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้ว ๖ เดือนภายในระยะเวลา ๑๕ เดือน ก่อนการว่างงาน โดยมีระยะเวลาการว่างงานตั้งแต่ ๘ วันขึ้นไป พร้อมทั้งต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานผ่านเว็บไซต์ของกรมการจัดหางาน https://unemploy.doe.go.th และรายงานตัวผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวไม่น้อยกว่าเดือนละ ๑ ครั้ง”

(https://ch3plus.com/news/social/morning/442766) 

จตุพร บอก คลิปทักษิณพูดถึงสถาบัน จากฮุนเซน ถึงมือบุคคลคนสำคัญของไทยแล้ว แต่บอกชื่อไม่ได้ บอกให้เตรียมเก็บกระเป๋าลี้ภัยเลย


คลิปฮุนเซนถึงมือคนสำคัญ ทักษิณพูดถึงสถาบันอย่างไร | เรื่องร้อนอมรินทร์

Jun 28, 2025 

จตุพร อ้างคลิปทักษิณพูดถึงสถาบัน จากฮุนเซน ถึงมือบุคคลคนสำคัญของไทยแล้ว แต่บอกชื่อไม่ได้ | เรื่องร้อนอมรินทร์

https://www.youtube.com/watch?v=E1h-lbinlDw

Pavin Chachavalpongpun
10 hours ago
·
จตุพรเพิ่งออกมาบอกว่า ได้ฟังคลิปทักษิณด่าเจ้าแล้ว บอกให้เตรียมเก็บกระเป๋าลี้ภัยเลย เอิ่ม ลำไยค่ะ ถ้าจะแย้มมาขนาดนี้ มึงเอาออกมาเปิดเผยเลยค่ะ ถ้าไม่เปิดคือไม่มี ถ้าไม่มี คือเต้าข่าว แต่จะจริงหรือไม่จริง เรื่องนี้คือการเอาสถาบันกษัตริย์มาหวังผลทางการเมือง ลูกไม้เก่าๆ ตั้งแต่ขบวนการล้มทักษิณปี 2006 ล้มยิ่งลักษณ์ 2014 และกำลังจะล้มแพทองธารปี 2025 แม่งใช้อาวุธเดิม นั่นคือ การอ้าง "ความจงรักภักดี" ต่อสถาบันกษัตริย์เป็นเครื่องมือของการล้มล้างรัฐบาล แต่สถานการณ์และบริบททางการเมืองเปลี่ยนไปมากตั้งแต่ยุค กปปส ล้มยิ่งลักษณ์แล้ว ตอนนี้ภูมิพลไม่อยู่แล้ว มาเรียกร้องหาความจงรักภักดีคงไม่ง่ายเหมือนเดิม จะต่างก็ตรงที่ วชิราลงกรณ์ดันเป็นกษัตริย์ที่เอาความจงรักภักดีเป็นที่ตั้งสูง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การตั้งนามสกุลเมีย หรือทาส มักจะมีคำว่า "วชิรภักดิ์" ดังนั้น แม้ความศรัทธาในตัวกษัตริย์ยุคนี้มีน้อยลง แต่การอ้างความไม่จงรักภักดียังน่าจะพอเป็นอาวุธได้อยู่
...สุดท้าย ดิชั้นเขียนไปเมื่อวันก่อน การเมืองไทยจะครบ 20 ปีที่ทักษิณถูกรัฐประหาร เราวนอยู่ในอ่าง ในหูมีแต่ชื่อทักษิณ... แต่ในอ่างเดียวกันนี้ ก็มีเจ้านั่งแช่อยู่ เป็นตัวแปรสำคัญทางการเมือง ทั้งๆ ที่สถาบันไม่ควรมีอำนาจทางการเมือง สรุปแล้ว ทั้งทักษิณวันนี้ และเจ้าวันนี้ ล้วนเป็นปัจจัยบ่อนทำลายประชาธิปไตย ลากไทยลงเหว เป็นตัวแสดงที่สร้างความวุ่นวายที่ปฏิบัติการเหนือรัฐธรรมนูญ



เจตนาของม็อบคือสร้างทางตัน ให้นิติสงครามแขวนแล้วสอยแพทองธาร ถึงตอนนั้นยุบก็ไม่ได้ มันจะเรียกร้องอำนาจพิเศษรัฐบาลพิเศษ


Atukkit Sawangsuk
16 hours ago
·
เจตนาของม็อบคือสร้างทางตัน
ให้นิติสงครามแขวนแล้วสอยแพทองธาร ถึงตอนนั้นยุบก็ไม่ได้ มันจะเรียกร้องอำนาจพิเศษรัฐบาลพิเศษ
อำนาจต่อรองของทักษิณมีแค่ “ดีล“
ซึ่งไม่มีหลักประกันว่าจะคุ้มครองได้ตลอด

Yingcheep Atchanont
16 hours ago
·
เมื่อประชาชนไม่พอใจการปฏิบัติงานของนายกรัฐมนตรี จึงชุมนุมเรียกร้องให้ "ลาออก" จากตำแหน่ง เป็นสิ่งที่ทำได้ และชอบธรรมตามระบอบที่มีอยู่ แต่การชุมนุมเมื่อวานภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 เพียงการเรียกร้องให้ลาออกเฉยๆ อาจจะไม่ใช่เรื่องชอบธรรม แต่เป็นเจตนาสร้าง "ทางตัน"
รัฐธรรมนูญ 2560 แปลกประหลาดอย่างจงใจโดยการเขียนว่า นายกฯต้องมาจากบัญชีสามรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอไว้ก่อนเลือกตั้ง หลักการนี้ไม่มีมาก่อน ดังนั้น การเรียกร้องในปี 2568 จึงต่างจาก 2549 / 2557 สมัยปี 2549 การเรียกร้องให้ทักษิณลาออก ถ้าเขาลาออกตามม็อบจริง ก็สามารถส่งรองนายกฯ ของตัวเองขึ้นมาเป็นต่อ แล้วให้พรรคไทยรักไทยของตัวเองเป็นรัฐบาลครองเสียงข้างมากต่อไปได้ ตอนนั้นก็เล็งกันว่า อาจจะเป็นสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หรือเจ๊หน่อย สุดารัตน์ หรืออาจเป็นจาตุรนต์ ก็ได้
แต่ในปี 2568 จะหยิบใครสักคนในพรรคเพื่อไทย หรือนอกพรรค มาเลยไม่ได้ เช่น ถ้าฝันว่า งั้นให้เพื่อไทยเสนอเอาชัชชาติซึ่งคะแนนนิยมดีมาเป็นนายกฯเลย แบบนี้ไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในบัญชีที่เสนอไว้
บัญชีของพรรคเพื่อไทยเหลือคนเดียว คือ ชัยเกษม แม้ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า สุขภาพไม่ค่อยดี แต่ก็เสนอได้ ซึ่งหากขึ้นเป็นนายกแล้วสุขภาพไม่ดี ไม่มีสง่าราศี ออกมาพูดแต่ละครั้งดูไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวก็จะถูกไล่อยู่ดี
ลำพังระบบบัญชีสามรายชื่ออาจไม่ใช่ปัญหาใหม่ แต่ปัญหาประกอบกันก็คือ มีกลไกอีกมากมายที่จะสอยคนในบัญชีนี้ เริ่มจากพิธา และพรรคก้าวไกลโดนสอยไปเรียบร้อย เศรษฐาโดนสอยไปเรียบร้อย แล้วแพทองธาร กับชัยเกษมก็คงจะอยู่ภายใต้ขวากหนามเหล่านี้ได้ไม่นานนัก แต่อีกฝั่งไม่ว่าจะเป็นอนุทิน ประยุทธ์ พีระพันธ์ กลับนอนลอยตัวรอเวลานี้อย่างสบาย ยังไงก็ไม่ถูกสอย FYI เพิ่มเติมคือ จุรินทร์ ถึงจะเงียบไปนานแต่ยังมีสิทธิอยู่ ประวิตรแม้จะไม่มีสิทธิเพราะเหลือสส. ไม่ถึง 25 แต่ถ้าสส. ย้ายกลับไปจนมีเกินโคว้ต้าก็ยังมีสิทธิถูกเสนอได้
ดังนั้นการเรียกร้องให้แพทองธารลาออก จึงเป็นข้อเรียกร้องที่เห็นปลายทางบรรยากาศแบบแปลกๆ แล้ว
หากแพทองธารลาออกจริง เพื่อไทยต้องพยายามดันชัยเกษมขึ้นแน่ๆ แต่ตอนนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ต้องง้อทุก 10-20 เสียงแบบสุดๆ ก็จะเปิดโอกาสให้พรรครวมไทยสร้างชาติ และกลุ่มสุชาติ รวมถึงประชาธิปัตย์ ต่อรองอย่างหนักว่า ถ้าจะให้โหวตชัยเกษมจะต้องแลกกับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือการนิรโทษกรรมกปปส. หรือแลกผลประโยชน์อะไรบ้าง หรือถ้าต่อรองแล้วไม่สำเร็จก็คือมีนายกฯ จากเพื่อไทยคนที่สามไม่ได้ ก็ค้างกันอยู่อย่างนั้น ไม่มีนายกฯ ไม่มีครม.
ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะเปิดโอกาสให้อนุทินเข้ามานำทีมรวบรวมเสียง ซึ่งอาจใช้วิธีวัดใจพรรคส้มที่ตอนหลังอนุทินมีท่าทีหันกลับไปพูดดีด้วย ถ้าส้มแดงไม่โหวต อนุทินขึ้นไม่ได้ ประเทศก็ติดล็อกอยู่อย่างนั้น และเปิดโอกาสให้มี "ดีลลับ" หรือเจรจาให้พรรคใดพรรคหนึ่งหวนกลับไปใช้วาทกรรมเดิมว่า "เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้า" .... จึงจำเป็นต้องเอาแบบนี้โหวตๆ ไปก่อน (จะอ้วก)
หรือไม่แน่ถ้าโหวตไม่ได้เลย แพทองธารลาออกแล้วเลือกนายกใหม่ไม่ได้เลย เพราะไม่มีใครรวบรวมเสียงได้ ก็อย่าลืมว่าผู้มีบารมีโดยตรงอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังรอคอยทีท่าอยู่ อาจจะมีสักคนในรวมไทยสร้างชาติเปิดเกมนี้ขึ้นมา แล้วการต่อรองทางการเมืองก็จะเปลี่ยนเกม
ใช่แหละ ก็นี่แหละคือสิ่งที่ม็อบต้องการ
คือ ต้องการให้ฝ่ายที่ตัวเองเชียร์ ที่แพ้เลือกตั้งแบบหลุดลุ่ย กลับมามีอำนาจต่อรอง มีโอกาสเป็นนายกฯ ทั้งที่มีเสียงในสภาแค่นิดเดียว
ทีนี้ภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ที่มีกลไกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่สว. ชุดที่แล้วเลือกมา กับมาตรฐานทางจริยธรรมที่กว้างขวางเป็นทะเล เดาได้ว่า แพทองธาร รอดยากอยู่แล้ว จากคลิปสนทนากับฮุนเซ็นมีประเด็นให้เล่นเรื่องการถอดถอนได้มากมาย มากกว่าตอนถอดเศรษฐาเสียอีก ดังนั้นจึงคาดหมายได้ว่า แพทองธารอยู่ในภาวะ "นับถอยหลัง" แล้ว ถ้าม็อบจุดติด คดีจะเดินหน้าอย่างเร็วก็ 3-4 เดือน ถ้าม็อบจุดไม่ติดก็ช้าหน่อยอาจจะถึง 6-8 เดือน ซึ่งตอนนี้คุณพ่อก็คงพยายามไล่ดีลอยู่ที่จะช่วยลูกสาว แต่ไม่รู้ทันไหม
ในเมื่อผลลัพธ์ที่จะให้นายกฯ คนนี้ออกจากตำแหน่ง มันมีกลไกอื่นๆ ที่อยู่ในมืออยู่แล้ว สมชาย แสวงการก็เลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมาเองกับมือหลายคน อุดม รัฐอมฤต ตุลาการตอนนี้ก็เพื่อนซี้ ไปเรียนหลักสูตรนปธ. มาด้วยกัน เป็นที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์ให้กันอยู่แล้ว สมชายจะไปลงถนนเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกทำไม
ถ้าจะขอแสดงออกซึ่งความอึดอัดสักหน่อย อยากจะม็อบอยากจะไปตะโกนสักครั้งนึง หรือขอมาอีกสักครั้ง มาแล้วกลับ มาเพื่อสะใจ ก็ทำไป อยากทำก็ทำไป แต่ถ้าเมื่อไรการชุมนุมประกาศจะปักหลัก ยืดเยื้อ ไม่ชนะไม่เลิก เมื่อนั้นก็คือการชุมนุมกำลังเล่นเกมเดิมวนเข้าลูปเดิม คือ ตั้งใจสร้างให้เกิด "ทางตัน" ทางการเมือง ไม่ใช่หาทางออกให้กับประเทศ แบบนี้เรียกเป็นแค่คน "เอาแต่ใจ" จะเอาเฉพาะแบบที่ตัวเองต้องการ
ดังนั้น ภายใต้กลไกของรัฐธรรมนูญ 2560 ภายใต้สถานการณ์ที่เสียงในสภาเป็นแบบนี้ การเรียกร้องให้นายก "ลาออก" และไม่เรียกร้องให้ยุบสภาเพราะ "กลัวแพ้" หรือ "กลัวส้มมา" จึงเป็นข้อเรียกร้องที่แปลกมาก และควรหลีกเลี่ยง

https://www.facebook.com/baitongpost/posts/23956964943958676


ปฏิเสธนิรโทษกรรมประชาชนรวมคดี 112 = หักหลังประชาชน


สุรพศ ทวีศักดิ์
7 hours ago
·
ปฏิเสธนิรโทษกรรมประชาชนรวมคดี 112=หักหลังประชาชน
ส.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ (ทนายแจม) ปชน.โพสต์ว่า ปธ.วิปรัฐบาลให้สัมภาษณ์สื่อว่าสภาผู้แทนราษฎรเตรียมจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในลำดับต้นทันทีที่เปิดสมัยประชุมว่า “ทุกฉบับจะต้องไม่มีเรื่องมาตรา112”
แต่ทนายแจมยืนยันจุดยืน ปชน.ว่าต้องมีเรื่อง 112 ด้วย เพราะ "ท้ายที่สุดแล้ว หากการนิรโทษกรรมครั้งนี้ไม่รวมคดีมาตรา 112 สังคมจะยังเดินต่อบนความขัดแย้ง และสนามการเมืองต่อจากนี้จะถูกมองว่าการสลายขั้วการเมืองเป็นการพยายามรักษาอำนาจของชนชั้นนำซึ่งฮั้วกันอยู่เพื่อการแบ่งผลประโยชน์เท่านั้น ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ" (ดู https://www.facebook.com/photo/?fbid=695109869985257&set=a.168133986016184)
คำถามคือ ถ้ารัฐบาลเพื่อไทยและบรรดาผู้สนับสนุน (เช่นณัฐวุฒิ ใสยเกื้อและคนอื่นๆ) #ต่อต้านรัฐประหาร อย่างจริงใจ ทำไมจึงปฏิเสธนิรโทษกรรมรวมคดี 112 ที่เป็นการใช้กฎหมายปิดปากประชาชนที่สู้เพื่อประชาธิปไตยในรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร
รัฐบาลเพื่อไทยต้องการแลก #อิสรภาพของทักษิณ กับ #อิสรภาพของผู้ต้องคดี112กว่าพันคดี ใช่หรือไม่ นี่หรือคือ #ประชาธิปไตยแบบเพื่อไทย นี่หรือคือ #การต้านรัฐประหารแบบเพื่อไทย รัฐบาลเพื่อไทยต้องมีคำตอบให้ชัดเจน
อีกอย่าง เห็นเรียกร้องให้ร่วมกัน #ต่อต้านนิติสงคราม แล้วการใช้ 112 ขังคุกประชาชนที่สู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตยไม่ใช่นิติสงครามงั้นหรือ
#สื่อมวลชน ต้องทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน ตั้งคำถามกับนายกฯ แพทองธารในเรื่องนี้อย่างจริงจังมากขึ้น

https://www.facebook.com/suraphotthaweesak/posts/10089227037837211






ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ - ทนายแจม - Sasinan Thamnithinan
12 hours ago
·
[ 3 ประเด็นข้อคิดเห็นในฐานะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการตราพ.ร.บ. นิรโทษกรรมและความจำเป็นที่จะต้องรวมคดีมาตรา 112 ]
จากกรณีที่คุณ วิสุทธ์ ไชยอรุณ ประธานวิปรัฐบาลและสส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์​กับสื่อมวลชนในประเด็นที่สภาผู้แทนราษฎรเตรียมจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในลำดับต้นทันทีที่เปิดสมัยประชุมว่า “ทุกฉบับจะต้องไม่มีเรื่องมาตรา112”
[ https://www.facebook.com/share/1ML2RdQ2ho/?mibextid=wwXIfr ]
แจมในฐานะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการตราพ.ร.บ. นิรโทษกรรม ขอยืนยันจุดยืนในฐานะกรรมาธิการสัดส่วนพรรคประชาชน และขอย้ำกับรัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทยว่าการตัดคดีมาตรา112 ออกจากร่างนิรโทษกรรม ไม่สอดคล้องกับหลักความสมานฉันท์ปรองดองและเจตนารมณ์หลักของการนิรโทษกรรม
ขอชี้แจงความเห็นของดิฉันต่อเรื่องนี้ จำนวน 3 ประเด็น ดังนี้:
[ ประเด็นที่ 1 : คดีมาตรา 112 มีจำนวนมาก และสะท้อนลักษณะของคดีการเมืองอย่างชัดเจน ]
ข้อมูลจากเอกสารในชั้นกรรมาธิการระบุว่า คดีตามมาตรา 112 มีจำนวนมากกว่าหลักร้อย แต่เป็น “หลักพันคดี” และไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะแกนนำหรือนักกิจกรรมการเมือง หากแต่รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีเครือข่าย และไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียม
ที่สำคัญคือ มีคดีจำนวนไม่น้อยที่สิ้นสุดด้วยคำพิพากษายกฟ้อง และผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งสะท้อนถึง ปัญหาการตีความกฎหมายที่กว้างเกินสมควรทำให้ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือได้ง่าย และการบังคับใช้ที่อาจละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกอย่างร้ายแรง
หากรัฐบาลยังไม่สามารถให้ทางออกกับคดีมาตรา 112 ที่เกี่ยวข้องกับประชาชนทั่วไปเหล่านี้ได้ ก็เท่ากับปิดโอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของผู้คนจำนวนมาก และ ทำให้สังคมไม่อาจก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมืองไปได้อย่างแท้จริง
ดิฉันจึงเห็นว่า รัฐบาลควรใช้โอกาสครั้งนี้ในการ เรียกคืนความเชื่อมั่นของประชาชน และขจัดเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมืองอย่างเป็นรูปธรรม
เพราะหากจะมีสิ่งใดที่สามารถสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาลในช่วงเวลานี้ได้ นั่นคือ “ความกล้าหาญในการนิรโทษกรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ”
[ ประเด็นที่ 2: หากนิรโทษกรรมโดยไม่รวมคดีมาตรา 112 จะยิ่งทำให้รัฐบาลไม่สามารถหาทางออกจากความขัดแย้งทางการเมืองได้เลย ]
การนิรโทษกรรม คือเครื่องมือทางกฏหมายที่เปิดโอกาสให้รัฐบาลในขณะนั้นใช้เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งและให้สังคมได้ก้าวข้ามบาดแผลทางการเมือง
หากร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่จะมีขึ้นนี้ถูกออกแบบให้ เว้น คดีมาตรา 112 โดยเฉพาะ
ทั้งที่คดีมาตรา 112 คือแกนกลางของข้อเรียกร้องทางการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชน
หากรัฐบาลเลือกใช้เครื่องมือนิรโทษกรรมเพื่อคลี่คลายปัญหา แต่กลับเว้น “หัวใจของข้อขัดแย้ง” เอาไว้ ก็เท่ากับปฏิเสธโอกาสในการสร้างความไว้วางใจจากประชาชนและกำลังเดินหน้าทำการเมืองด้วยการเลือกปฏิบัติ
รัฐบาลจะไม่สามารถอ้างถึง “การก้าวข้ามความขัดแย้ง” ได้เลย
หากยังเลือกปฏิบัติกับคดีมาตรา112 ที่สะท้อนความขัดแย้งทางการเมืองมากที่สุด
[ ประเด็นที่3 : พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ต้องมีความกล้าหาญและจริงใจในการนำพาสังคมไปในทิศทางที่ถูกต้อง และไม่ควรใช้วิธีส่งสัญญาณ“ตีกรอบ” ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณา ]
ดิฉันเชื่อว่า ในห้วงเวลานี้ สิ่งที่สังคมไทยต้องการไม่ใช่เพียง “การผ่านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมแบบไร้เงื่อนไขคดี” แต่คือ “ความจริงใจทางการเมือง” ในการหาทางออกจากความขัดแย้งจริงๆ
ท้ายที่สุดแล้ว หากการนิรโทษกรรมครั้งนี้ไม่รวมคดีมาตรา 112 สังคมจะยังเดินต่อบนความขัดแย้ง และสนามการเมืองต่อจากนี้จะถูกมองว่าการสลายขั้วการเมืองเป็นการพยายามรักษาอำนาจของชนชั้นนำซึ่งฮั้วกันอยู่เพื่อการแบ่งผลประโยชน์เท่านั้น ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ
ดิฉันเห็นด้วยกับหลักการของร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ซึ่งรวมคดีตามมาตรา 112 เข้าไว้ด้วย และขอเน้นย้ำว่า การพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ ไม่ใช่เพียงหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านหรือภาคประชาชนแต่เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลเช่นกันที่จะต้องแสดงให้ประชาชนเห็นถึง เจตนารมณ์ทางการเมืองที่แท้จริงของพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล เพื่อนำพาประเทศก้าวผ่านความขัดแย้งต่อไป
#ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม #นิรโทษกรรมประชาชน
#ทนายแจมศศินันท์ #พรรคประชาชน #เขตสายไหม


ประธานวิปรัฐบาลยืนกราน นิรโทษกรรมไม่รวม 112 คือ เอาใจดีล แขวนชะตารัฐบาลไว้กับดีล


Atukkit Sawangsuk
6 hours ago
·
นิรโทษไม่รวม 112 แล้วใครจะได้
:
ม็อบ 63 มีบ้าง ในความผิดเกี่ยวกับการชุมนุม ฉุกเฉินโควิด พรบ.คอมพ์ ประทัดยักษ์
ม็อบเสื้อแดง ติดคุกจนออกมาแล้ว บ้างก็ตายแล้ว
เหลือแต่ม็อบยึดทำเนียนปิดสนามบินปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้ง
ยื้อคดียาวววววว เฒ่าจนแยกฉี่กับน้ำไม่ออก ยังไม่ติดคุก จนกลับมาไล่รัฐบาลใหม่
คดีอาญาอาจรอดไปแต่คดีสำคัญที่พวกนี้ตายตาไม่หลับคือจะโดนยึดทรัพย์ชดเชยค่ายึดสนามบิน 522 ล้านบาท+ดอกเบี้ย
:
แทนที่จะรวม 112 เพื่อให้รัฐบาลมีหลังพิงบ้าง
(ไอ้พวกส้มอย่าเรียกร้องยุบสภานะเมริง ต้องช่วยค้ำรัฐบาลเพื่อให้กฎหมายผ่านถึงวาระสาม ปล่อยเพื่อนเรา ไม่งั้นถือว่าทอดทิ้งอานนท์ ฯลฯ)
:
นี่กลับคิดเอาใจดีลมากกว่า
:
แขวนชะตารัฐบาลไว้กับดีล
https://www.naewna.com/politic/895128


https://www.facebook.com/baitongpost/posts/23959885046999999?ref=embed_post


อานนท์ นำภา นักโทษคดีประชาธิปไตย : Long Walk to Freedom Indeed !


Long Walk to Freedom : อานนท์ นำภา

The101world

“พวกเราทุกคนเป็นเมล็ดพันธุ์ ยิ่งหว่าน ยิ่งกระทืบลงดิน ยิ่งงอกงาม” อานนท์ นำภา ทนายความชาวร้อยเอ็ด ผู้เปิดประเด็นแห่งปี 2563 ในการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้เป็นไปตามวิถีแห่งประชาธิปไตย

101 DOCUMENTARY ชวนชม Long Walk to Freedom : อานนท์ นำภา

https://www.youtube.com/watch?v=igA1sLah-6k


The101.world
18 hours ago
·
101 Editor’s Pick
‘อานนท์ นำภา’ นักโทษการเมือง-นักโทษคดีประชาธิปไตย

25 มิถุนายน 2568 ศาลพิพากษาคดีในมาตรา 112 ของ ‘ทนายอานนท์ นำภา’ กรณีอ่านคำปราศรัยในเหตุชุมนุม #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว เมื่อปี 2563

อานนท์ถูกดำเนินคดีทั้งหมด 26 คดี ทั้งมาตรา 112, พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ, พ.ร.บ. เครื่องขยายเสียงฯ และ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ คดีที่มีคำตัดสินในวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา นับเป็นคดีมาตรา 112 คดีที่ 9 จาก 14 คดี โดยยังเหลืออีก 5 คดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่หากนับรวมเฉพาะ 9 คดีนี้ ตัวเลข ‘24 ปี 33 เดือน 20 วัน’ คือจำนวนโทษที่เขาถูกพิพากษา

อานนท์คือทนายความสิทธิมนุษยชน คือคนธรรมดาคนหนึ่งที่เปิดประเด็นการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้เป็นไปตามวิถีแห่งประชาธิปไตย หากแต่ผลจากการใช้สิทธิเสรีภาพที่พึงมี คือการที่เขาถูกดำเนินคดีอาญา

วันโอวันชวนย้อนอ่านเรื่องราวของอานนท์ นำภา พร้อมสะท้อนผลกระทบของกฎหมายมาตรา 112 ผ่านผลงานสื่อ ไล่เรียงตั้งแต่วิดีโอสารคดี 'Long Walk to Freedom : อานนท์ นำภา' และบทสัมภาษณ์ของครอบครัวที่ทุกข์ทนเพราะคดี 112 ตลอดจนชวนมองภาพใหญ่ของการเคลื่อนไหวภาคประชาชนและการนิรโทษกรรมคดีการเมือง

Long Walk to Freedom : อานนท์ นำภา
“พวกเราทุกคนเป็นเมล็ดพันธุ์ ยิ่งหว่าน ยิ่งกระทืบลงดิน ยิ่งงอกงาม” อานนท์ นำภา ทนายความชาวร้อยเอ็ด ผู้เปิดประเด็นแห่งปี 2563 ในการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้เป็นไปตามวิถีแห่งประชาธิปไตย
https://www.the101.world/long-walk-to-freedom/

หัวอกลูก หัวใจแม่ : 112 กับความล่มสลายของครอบครัว
วันโอวันฉายภาพครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากคดี 112 ถึงความทุกข์ทนระหว่างการรอคอยกระบวนการอันยืดยาว ลูกวัยมัธยมที่ขาดที่พึ่ง และสิ่งสำคัญในชีวิตที่สูญหายอย่างไม่อาจเรียกคืน
https://www.the101.world/siwaporn-family/

“พวกเขาคาดหวังนิรโทษกรรม” Freedom Bridge กับการส่งต่อความหวังหลังกำแพงของ ‘นักโทษการเมือง’
วันโอวันคุยกับ ปฐมพร แก้วหนู โครงการฟรีดอมบริดจ์ ถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องขังทางการเมืองและความหวังในการให้ประกันตัวและนิรโทษกรรม ไปจนถึงการทำงานขยายความร่วมมือสู่การเปลี่ยนแปลงสังคม
https://www.the101.world/pathomporn-kaewnoo-interview/

นิรโทษกรรมประชาชน ยกเลิก ‘ความผิด’ ที่ไม่ควรผิดตั้งแต่แรก
วันโอวันชวนฟังบทสัมภาษณ์ 3 นักเคลื่อนไหวทางการเมือง สมบัติ บุญงามอนงค์ ในฐานะคนเสื้อแดง, นิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ อดีตผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล ผู้ร่วมชุมนุมม็อบ 2563 ถึงผลกระทบจากคดีการเมืองและมุมมองต่อการนิรโทษกรรมประชาชน
https://www.the101.world/amnesty-people/

เวลาอยู่ข้างเรา อำนาจอยู่ข้างเขา
เมื่อผู้มีอำนาจใช้กระบวนการทางกฎหมายเป็นเครื่องมือกดปราบประชาชน สมชาย ปรีชาศิลปกุล ชวนขบคิดหาหนทางสู่ความเปลี่ยนแปลงในสภาวะที่ ‘เวลาอยู่ข้างเรา’ แต่ ‘อำนาจอยู่ข้างเขา’
https://www.the101.world/time-is-on-our-side-power-is.../



101 SUPPORT — ร่วมซัพพอร์ต ร่วมส่งพลัง ร่วมสร้างสรรค์สื่อ
ร่วมสนับสนุน ‘วันโอวัน’ ได้ที่: https://www.the101.world/101support

#The101world #วันโอวัน

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1269241097904027&set=a.523964959098315
https://www.youtube.com/watch?v=igA1sLah-6k


วันนั้น พี่เต้นเรียกร้องให้ยุบสภา วันนี้พี่เต้นบอกว่าไม่ต้องยุบ “จากจุดยืนที่พี่เต้นเอ่ยมา เท่ากับว่าการต่อสู้ของคนเสื้อแดงในวันนั้น ก็กลายเป็นแค่การเรียกร้องให้พรรคการเมืองหนึ่ง... แค่นั้นหรือ?”


Ratthapol Supasopon
10 hours ago
·
เห็นพี่เต้นออกมาบอกว่า...
“ผมยังยืนยันเช่นเดิมว่าสถานการณ์นี้ยุบสภาฯ ไม่ใช่ทางออก”

แล้วจากนั้นพี่ก็ไล่เรียง “ประวัติศาสตร์ระยะใกล้” เรื่องของไทยรักไทย-เพื่อไทยยุบสภาแล้วนำไปสู่การรัฐประหารได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ เพื่อจะบอกว่าพรรคเพื่อไทยนี้กรณีพิเศษ ไม่ควรยุบ แต่ทว่าพี่เต้นไม่รู้ว่าลืมหรือจงใจข้ามไปว่า 2551-2553 คนเสื้อแดงโดยการนำของพี่เองต่อสู้เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภาแล้วคืนอำนาจให้ประชาชนได้ทำการเลือกตั้ง

วันนั้นคนเสื้อแดงร่วมชุมนุมกันมหาศาล จุดสูงสุดของพี่คงเป็น “เสียงจากดินถึงฟ้า“ ละมั้งครับ.. คำปราศรัยที่ทำให้ผมอิน จนแอบพ่อแม่ไปดูแนวปะทะที่สามเหลี่ยมดินแดง อินจนเถียงกับคนรอบตัว อินจนในหัวเริ่มไม่คิดเรื่องดนตรีที่ตัวเองเคยรัก ทิ้งเส้นทางนั้นแล้วเริ่มคิดแต่ว่าอยากจะเข้าเรียนที่ธรรมศาสตร์ แม้จะไม่ได้เก่งวิชาการอะไรเลย แต่ก็อยากจะเข้าไปต่อสู้ทางการเมือง ผลักดันสิ่งต่าง ๆ เรื่องการเมืองที่เราได้รับความเจ็บปวดหลังการต่อสู้

อินจนรู้สึกว่าคนเสื้อแดงก็เป็นเพื่อนพี่น้องร่วมอุดมการณ์จริง ๆ และเราไม่ได้ต่อสู้เป้าหมายแค่ให้พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่เพื่อให้ไอ้วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด ที่ผู้มีอำนาจมันกระทำต่อประชาชนมันหมดไปสักที

พี่เคยพูดหลังออกจากคุกในปี 2554 มาว่า พรรคเพื่อไทยต้องเป็นพรรคที่จะมาแบกคนเสื้อแดงขึ้นบ่า แล้วสนับสนุนการต่อสู้ของคนเสื้อแดง ไม่ใช่ภาระให้คนเสื้อแดงยังต้องมาแบกหามในการต่อสู้ และถ้าเมื่อไหร่ที่ “นายกฯทักษิณ” กลายเป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตย วันนั้นพี่จะออกมาสู้กับทักษิณและพรรคเพื่อไทย.. ผมยึดถือคำมั้นนั้นเป็นสัญญาใจ นั่นทำให้โหวตเลือกตั้งครั้งแรกในชีวิตของผม คือ พรรคเพื่อไทย

ช่วงที่เข้ามธ.ใหม่ ๆ แล้วเริ่มทำกิจกรรมทางการเมือง ผมเคยถูกญาติคนหนึ่งด่าว่า “สู้เพื่อทักษิณขนาดนี้ ทักษิณกลับมาชีวิตเธอคงสบาย” (ซึ่งปัจจุบันผมไม่ถือโกรธญาติคนที่ว่านานแล้วนะครับ แค่อ้างอิงเฉย ๆ) ผมเคยโดนดูถูกว่าออกไปทำกิจกรรมการเมืองทำไม เสียเวลาชีวิต ยิ่งย้อนไปปี 2553 ผมเคยถูกถามว่า คิดจริง ๆ เหรอว่ากำลังสู้เพื่อประชาธิปไตยจริง ๆ ไม่ใช่แค่พรรคการเมืองหนึ่งได้มีอำนาจ.. ผมก็เชื่อว่าเรากำลังสู้เพื่อประชาธิปไตยจริง ๆ

สุดท้าย ตัดภาพมาที่ตอนนี้ จากจุดยืนที่พี่เต้นเอ่ยมา เท่ากับว่าการต่อสู้ของคนเสื้อแดงในวันนั้น ก็กลายเป็นแค่การเรียกร้องให้พรรคการเมืองหนึ่ง ที่รู้ตัวดีว่าจะชนะการเลือกตั้ง และผูกขาดชัยชนะฝ่ายเดียวมานาน ได้เข้าสู่สนามอำนาจที่ตนเองถนัดกว่าใครในวันนั้น แค่นั้นหรือ?

พอวันนี้พรรคการเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยจะต้องแบกหามการต่อสู้ของประชาชนให้เบาลง เป็นภาระมากล้น ก็เลยขึ้นบ่าให้ประชาชนแบกหามกันต่อมากว่าทศวรรษนึงอย่างไร้ยางอาย อย่างนั้นหรือ?

หรือว่าจะให้แบกต่อไป หาเรื่องทำอะไรโง่ ๆ เพิ่มรอจนม็อบจุดติด ค่อยยุบสภา จนมันพังแล้วเกิดรัฐประหาร แล้วค่อยบอกว่า “เห็นมั้ย บอกแล้วว่ายุบสภาแล้วมันจะเป็นงี้“ เอางั้นเหรอ? หรือยังไงดี? ครั้งนี้ทักษิณจะดีลอะไรอีกดี?

ผมไม่เสียดายหรอกนะ ที่เคยอินมากจนทิ้งชีวิตเดิม ๆ ของตัวเองมาต่อสู้ทางการเมือง (จนตอนนี้ก็สู้ไม่ไหวแล้ว เลยต้องเอาชีวิตรอดโง่ ๆ ไปก่อน) แต่เสี้ยวหนึ่งของผมอดรู้สึกไม่ได้จริง ๆ ว่าผมแม่งโง่บัดซบที่เคยเชื่อว่าพี่จะยืนหยัดในหลักการจริง ๆ และเชื่อว่าถึงเวลาที่สำคัญ ถึงหัวเลี้ยวหัวต่อ พี่จะเลือกสู้เพื่อหลักการ.. สุดท้ายหลักการของพี่ก็คือ ‘พวกพ้อง’ และแน่นอนว่ามันชัดเจนว่าใครคือพวกพ้องของพี่

อ่อ ผมไม่ได้มีบทบาทอะไรในเสื้อแดงนะครับ มวลชนทึ่ม ๆ ตัวนึง ผมมันแค่แฟนคลับระดับล่าง ๆ ไม่เหมือนหลายคนที่ใกล้ชิดพี่เต้นจริง ๆ หรอก พวกนั้นเขาของจริง

https://www.facebook.com/photo/?fbid=10238745528836351&set=a.2607583348372



พวกเค้าเปลี่ยนไป


วิวาทะ V2
13 hours ago
·
"แล้วปี53 พี่เรียกร้องยุบสภา-ลาออกทำไมอ่า"
- มิตรฯ
https://www.facebook.com/share/167kWtmQCi/



Te Neti
12 hours ago
·
ปิยะ ต๊ะวิชัย นี่ แนวคิดต่อม็อบกลับกันแบบหน้ามือเป็นหลังตีนเลย





ประวิตร โรจนพฤกษ์ ประณาม วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารที่โปรทหาร ที่โหมกระพือไฟความขัดแย้ง แชร์คลิป AI จินตนาการการบุกโจมตีทางอากาศของทหารไทย ต่อกรุงพนมเปญ บุกเกาะกง เอาปราสาทเขาพระวิหารคืน ฯลฯ แถม "ขอบคุณคนสร้างคลิป" เป็นการให้ท้าย


Pravit Rojanaphruk
17 hours ago
·
ขอประณามสื่อมวลชนสายทหาร คุณ วาสนา นาน่วม Wassana Nanuam ที่เช้านี้ แชร์คลิป AI generated ของจินตนาการการบุกโจมตีทางอากาศของทหารของไทย ต่อกรุงพนมเปญ บุกเกาะกง เอาปราสาทเขาพระวิหารคืน ฯลฯ แถม "ขอบคุณคนสร้างคลิป" ซึ่งถือเป็นการให้ท้าย และบอกว่าคลิปนี้ "ได้สะท้อน ความรู้สึก ที่คนไทยเราเก็บในซอกหลืบ ลึกของจิตใจมาตลอด หลายทศวรรษ จนปัจจุบัน" ... กรุณาอย่าเหมารวม เพราะผมมิใช่หนึ่งในนั้น และกรุณาใคำว่า "คนไทยจำนวนหนึ่ง" หรือ "ตัวคุณเองแทน"
>นี่เป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบ คุณวาสนากำลังโหมกระพือไฟความขัดแย้ง (warmongering กระหายสงคราม) ไฟสงครามระหว่างสองชาติ เสี่ยงต่อความเสียหายอย่างมหาศาลต่อของความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน #ไทย #กับ #กัมพูชา และเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ โดยที่คุณวาสนาคงไม่สามารถ ไม่มีปัญญารับผิดชอบกับความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นเพราะการโพสต์แบบสะใจและไร้สำนึกรับผิดชอบได้... ผมขอเรียกร้องให้คนไทยที่ยังมีสติ รักสันติ เรียกร้องให้รัฐบาลอุ๊งอิ๊งอิ๊งและทหาร เปิดด่านชายแดนให้กลับมาตามปกติ และดูว่านายกฯ ฮุนมาเนต จะว่าอย่างไร เพราะเคยออกปากแล้วว่าถ้าไทยเปิด จะเปิดตามภายใน 5 ชั่วโมง และขอให้ประชาชนไทยกดดันเรียกร้องให้รัฐบาลไทยพยายามถอดชนวนความขัดแย้ง และจำกัดพื้นที่ความขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน มิใช่สุมไฟเพิ่ม
ปล. ชีวิตผู้คนสองชาติ โดยเฉพาะบริเวณชายแดน เป็นคนจริง เดือดร้อนจริง ไม่ใช่ตัวละครใน war games ใน AI ครับ
#ป #วาสนา #วาสนาน่วม #สื่อ #ทหาร #อุ๊งอิ๊งค์

https://www.facebook.com/pravit.rojanaphruk.5/posts/4251727415055077?ref=embed_post


หน้าตาของการรักชาติแบบเอามันส์


กัปตันคนเนิร์ด
Yesterday
·
เรารักชาติ เราโกรธมากกับกรณีกัมพูชาที่เกิดขึ้น แต่ ...

เราเฉยๆกับสารพิษในแม่น้ำกก ที่ปล่อยมาจากประเทศเพื่อนบ้าน จนทำให้แม่น้ำของไทยกลายเป็นแม่น้ำพิษ

เราเฉยๆกับโรงงานจีนเทา ที่กำลังทำให้แผ่นดินของเรากลายเป็นแผ่นดินพิษ และทำให้อากาศกลายเป็นอากาศพิษ

เราเฉยๆกับการประมูลคลื่นมือถือที่ไม่ยุติธรรม ทั้งๆที่คลื่นมือถือก็เป็นสมบัติของชาติ ไม่ต่างจากแร่ในดินและน้ำมันในทะเล แต่กำลังจะเอาไปให้เอกชนใช้แบบถูกๆ

เราเฉยๆกับขบวนการค้ายาประเทศเพื่อนบ้าน ที่วนมาทำลายสังคมไทยของเรา

เราเฉยๆกับการเป็นเมืองขึ้นทางการท่องเที่ยว คนมาเที่ยวเป็นล้าน แต่คนไทยได้แค่เศษเงิน เพราะนอมินีดักเก็บเงินกลับไปประเทศแม่หมด งบท่องเที่ยวจากภาษีคนไทยแต่ช่วยใครก็ไม่รู้

เพราะปัญหาพวกนี้เป็นการคุกคามประเทศไทยที่ใหญ่กว่าคลิปเสียงฮุนเซนหลายเท่า

ถ้าคุณรักชาติจริง ไม่ใช่แค่รักชาติเอามันส์

ก็มาสนใจปัญหาพวกนี้และปัญหาเชิงโครงสร้างที่กัดกินประเทศไทยกันครับ

https://www.facebook.com/photo/?fbid=636258489474965&set=a.129782700122549



พวกห้อยโหนทุกอย่างที่พอหยิบฉวยได้ใกล้มือ

Kanit Siraabha
โหนทุกอย่างที่พอหยิบฉวยได้ใกล้มือ




.....


Vinai Dithajohn
13 hours ago
·
ผมถ่ายภาพนี้ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (เสื้อเหลือง) นำโดยสนธิ ลิ้มทองกุล พลตรี จำลอง ศรีเมือง และแกนนำคนอื่น ๆ ซึ่งเคลื่อนไหวต่อเนื่องจนเกิดรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ภาพนี้สะท้อนพลังของมวลชนกลุ่มสันติอโศก ผู้ร่วมขบวนภายใต้ธงชาติไทย ด้วยศรัทธาในอุดมการณ์ของตน พวกเขามักไม่สวมรองเท้า แต่ในการชุมนุมเมื่อวานนี้ ส่วนใหญ่กลับสวมรองเท้ากันเกือบทุกคน
ผมสังเกตว่ากลุ่มเสื้อเหลืองไม่ค่อยใช้พื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นสัญลักษณ์หลักในการชุมนุม มักใช้เพียงเป็นจุดตั้งขบวน มีเพียงช่วงสั้น ๆ ที่ม็อบ กปปส. ของสุเทพ เทือกสุบรรณ เคยใช้พื้นที่นี้
แนวคิดของกลุ่มเสื้อเหลืองโน้มเอียงไปทาง "ประชาธิปไตยที่มีคุณภาพ" หรือ "ประชาธิปไตยแบบไทย ๆ" ที่เปิดทางให้กลไกนอกระบบ เช่น องคมนตรี กองทัพ หรือศาล เข้ามาคานอำนาจ พวกเขายึดถือแนวคิดชาตินิยม–สถาบันนิยม มากกว่าประชาธิปไตยเสรีนิยมแบบตะวันตก จึงไม่ได้ยึดโยงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในฐานะสัญลักษณ์ของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยโดยแท้
©Vinai Dithajohn

https://www.facebook.com/photo?fbid=24339433682331427&set=a.108294752538658
.....

https://www.facebook.com/vinai.dithajohn/posts/24342016172073178?ref=embed_post

WAY
May 18, 2023
·
เมล็ดพันธุ์ของความขัดแย้งในสังคมไทยร่วมสมัยที่หยั่งรากลึก ถือกำเนิดด้วยการหว่านโปรยจากเงื่อนไขและปัจจัยที่นำไปสู่การรัฐประหารในปี 2549 ซึ่งส่งผลอย่างเข้มข้นมาจนถึงปัจจุบัน
นับตั้งแต่วันนั้นรอยร้าวก็ค่อยๆ ปริแตก ก่อเกิดการชุมนุมของประชาชนผ่านแกนนำหลายกลุ่ม สลับผลัดเปลี่ยนกันออกมาบนท้องถนนเพื่อแสดงความคิดความเชื่อที่มี หากสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งกลับนำไปสู่ความรุนแรง มีคนตาย มีผู้บาดเจ็บ มีความไม่ชอบธรรม มีผู้ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกทำลายสิทธิเสรีภาพ จนกระทั่งเกิดการรัฐประหารอีกครั้งในปี 2557
วินัย ดิษฐจร อดีตช่างภาพสำนักข่าว EPA หนังสือพิมพ์ Bangkok post และอดีตกระเป๋ารถเมล์ เฝ้าติดตามการเมืองไทยมานานกว่า 2 ทศวรรษ ผู้บันทึกประวัติศาสตร์การชุมนุมตลอด 17 ปี หลากหลายใบหน้าและดวงตาถูกเก็บบันทึกไว้ในภาพถ่ายของเขา ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของคนเสื้อเหลือง คนเสื้อแดง มาจนถึงกลุ่มเยาวชนและคนหนุ่มสาวในนามกลุ่มราษฎรยุคปัจจุบัน
“บางสถานการณ์ก็นำพาไป และเราพอจะรับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้ต่อต้านเรา มันเหมือนการเต้นรำ สมมุติเขาเปิดโอกาสให้เราเต้นรำ ก็เหมือนเราได้ร่วมวงไปกับเขา แต่ถามว่าเจอการต่อต้านบ้างไหม ในชีวิตการทำงาน มี แต่การรับมือของเราคือจะไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับเขา”
นิทรรศการภาพถ่าย ‘RED, YELLOW & BEYOND’ โดย วินัย ดิษฐจร ฉายให้เห็นใบหน้าและดวงตาของผู้คนในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา ในฐานะบันทึกประวัติศาสตร์การเมืองภาคประชาชน
--
อ่านฉบับเต็มได้ที่:
https://waymagazine.org/vinai-dithajohn-red-yellow-and.../
text & photo : จรณ์ ยวนเจริญ


พอเห็นอะไรได้บ้างในม็อบรวมพลังแผ่นดินเมื่อวาน?


Kasian Tejapira
10 hours ago
·
พอเห็นอะไรได้บ้างในม็อบรวมพลังแผ่นดินเมื่อวาน?
%%%%%
นับแต่ปี ๒๕๕๙ มา พลังการเมืองอนุรักษนิยมในสังคมไทยแตกแยกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่มีปัจจัยอำนาจนำที่จะผนึกให้พลังหลากหลายเหล่านี้เป็นปึกแผ่นดังแต่ก่อน

(อนึ่ง ผมคิดว่าความเป็นปึกแผ่นแน่นหนาของโครงสร้างอำนาจอนุรักษนิยมที่อ.ธงชัย วินิจจะกูลพูดถึงนั้น เกิดในภาครัฐราชการ-รัฐพันลึก ด้วยกำลังบังคับ-กฎหมาย ไม่ใช่อำนาจนำ)

จนกระทั่งกรณี [ชาติ+ชาตินิยม] & [วิวาทะสี่พ่อลูกสองตระกูล] ทำให้พอจะผนึกกำลังเคลื่อนไหวร่วมกันได้ แต่จะถึงขั้นหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ผมยังไม่เห็น มีลักษณะเคลื่อนไหวร่วมกันเฉพาะกิจเฉพาะกาลมากกว่า (มิพักต้องพูดถึงสร้างพรรคตัวแทนอุดมการณ์หนึ่งเดียวในระดับชาติของพวกตน)

อีกอย่างก็คือขณะม็อบรวมพลังแผ่นดินแสดงพลังการเมืองในท้องถนนของอนุรักษนิยมให้เป็นที่ประจักษ์ว่ายังมีอยู่ แต่มันก็สะท้อนความอ่อนด้อยโดยสัมพัทธ์ของพวกเขาในสภาผู้แทนราษฎรเช่นกัน กล่าวคือต้องอาศัยการชุมนุมมาสร้างความชอบธรรมแบบประชาธิปไตยทางตรงเพื่อผลักพาให้รัฐบาลเพื่อไทย/นายกฯแพทองธารพ้นจากอำนาจไปด้วยวิถีทางอื่น ไม่ว่านิติสงครามหรือรัฐประหาร (อย่างหลังผมเห็นว่ายังไม่มีความเป็นไปได้ในเงื่อนไขปัจจุบัน)

ไม่สามารถและไม่มีพรรคการเมืองที่จะผลักดันระเบียบวาระสำคัญเร่งด่วนที่สุดของอนุรักษนิยมในสภาหรือรัฐบาลอย่างได้ผลเลย ไม่มี ไม่ว่ารทสช.หรือพปชร.หรือภูมิใจไทย การคว้าฉวยอำนาจและผลประโยชน์เฉพาะหน้าระยะสั้นสำคัญกว่าอุดมการณ์/โครงการระยะยาวไม่ว่าอนุรักษนิยมหรืออื่นใดทั้งนั้นหมด

นับแต่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษนิยมในสภาที่เข้มแข็งที่สุดในสมัยรัชกาลก่อนมีอันเปลี่ยนธาตุไปเป็นพรรคบ้านใหญ่ พลังอนุรักษนิยมก็ตกอยู่ในสภาพไร้ตัวแทนในสภาที่ใช้การได้ ดังนั้น แทนที่จะมีพรรคในสภาให้เรียกถอนตัวล่มรัฐบาลอย่างง่ายกว่ามาก สิ่งที่พลังอนุรักษนิยมทำได้เหลือแค่ม็อบสร้างความชอบธรรมแบบการเมืองมวลชนให้ข้อเรียกร้องเท่านั้น

ความอับจนของพลังอนุรักษนิยมบรรจบเข้ากับความอับจนของพรรคร่วมรัฐบาลในสภา ทางออกข้างหน้าของการเมืองไทยตีบแคบและหดสั้นลงทุกที ไม่เพียงพอแก่สถานการณ์โลกและภูมิภาคที่ผันแปรยิ่งและวิกฤตสารพัดที่ดักรออยู่

เพราะมันเป็นผลข้างเคียงแห่งความอับจนของรัฐธรรมนูญ 2560 ปัจจุบันที่ตรึงหนีบพลังการเมืองจากการเลือกตั้งทั้งหลายเอาไว้ในกรอบของเหล่ากลไกต่อต้านเสียงข้างมากนั่นเอง


🇹🇭 เอ็กซ์คลูซีฟ จาก แอนดรูว์ แม็กเกรเกอร์ มาร์แชลล์ - ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน เมื่อ วัชเรศร “ท่านอ้น” วิวัชรวงศ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไว้นานหลายชั่วโมง


Andrew MacGregor Marshall
1 hour ago
·
เอ็กซ์คลูซีฟ — ข้าพเจ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน เมื่อ วัชเรศร “ท่านอ้น” วิวัชรวงศ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไว้นานหลายชั่วโมง
น่าตกใจอย่างยิ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ท่านอ้น ซึ่งอยู่ในครองผ้าเหลือง ได้พยายามเข้าไปยัง พระที่นั่งอัมพรสถาน ซึ่งเป็นที่ประทับของพระบิดา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
เขาถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจับกุมอย่างรวดเร็ว และมีการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อยจนแขนของเขาถูกข่วนเล็กน้อย จากนั้นตำรวจเดินทางมาถึงและควบคุมตัวเขา ก่อนจะปล่อยตัวในวันเดียวกัน
เมื่อเขากลับถึง วัดปริวาสราชสงคราม เขาได้โพสต์ภาพเซลฟี่พร้อมแขนที่มีรอยข่วน โดยอ้างว่าเป็นรอยข่วนจากแมว
เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งราชสำนักและตำรวจยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นว่าเขาอาจก่อเหตุอะไรอีกในอนาคต
เรื่องนี้ยิ่งเป็นการเสริมอำนาจให้กับฝ่ายของ สิริวัณณวรี และ สุทิดา ซึ่งต้องการให้พี่น้องทั้งหมดถูกกันออกจากประเทศไทย เพื่อเปิดทางให้ ทีปังกรรัศมีโชติ ได้ขึ้นเป็น รัชกาลที่ ๑๑ และพวกเขาจะได้ควบคุมอำนาจอยู่เบื้องหลัง
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงไม่แยแสใด ๆ ต่อพระโอรส แต่ก็ไม่ได้ทรงเรียกร้องให้มีการขับไล่พวกเขาออกไป พระองค์ทรงสงบนิ่งขึ้นตามวัย และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับฮาเร็ม สูบกัญชา
อย่างไรก็ตาม เมื่ออดีตพระมเหสี สุจาริณี พร้อมกับคู่ชีวิต อนันต์ รอดสำคัญ เดินทางมาถึงชายแดนไทย–มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พร้อมกับ จุฑาวัชร “แม็กซ์” และ วัชรวีร์ “อิ๋น” วิวัชรวงศ์ และพยายามจะเข้าประเทศ เหตุการณ์นี้ถือเป็นการล่วงเกินที่พระมหากษัตริย์ไม่อาจยอมรับได้ พระองค์เคยทรงขับไล่สุจาริณีออกจากราชสำนักเมื่อปี 2539 โดยอ้างว่าเธอมีสัมพันธ์ชู้สาวกับอนันต์ และจะเป็นการเสียพระเกียรติอย่างยิ่งหากทรงยอมให้พวกเขากลับมา
เหตุการณ์ทั้งสองนี้จึงเปิดโอกาสให้ฝ่าย สิริวัณณวรี และ สุทิดา เริ่มวางแผนขับไล่ ท่านอ้น
จักรีวัชร “ท่านโอง” วิวัชรวงศ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ ทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัย ไม่ได้ถูกขับไล่อย่างเป็นทางการ แต่ได้รับแจ้งให้ออกนอกประเทศ ซึ่งเขาได้เดินทางออกจากราชอาณาจักรในวันที่ 29 มิถุนายน
EXCLUSIVE—I've uncovered more information about the events of June 5, when Vacharaesorn "Than Aon" Vivavicharawongse was detained by police for several hours.
Amazingly, what happened was that Aon, dressed in his monk's robes, tried to get into the Amphorn Sathan Residential Hall, residence of his father Vajiralongkorn.
He was quickly apprehended by the guards, and there was a scuffle, during which one of his arms was scratched. Police arrived and detained him, then released him later that day.
After he got back to Wat Pariwat Ratchasongkram, he posted a selfie showing his scratched arm, claiming a cat did it.
The incident made the palace and police even more nervous about what he might do next.
It strengthened the position of the Sirivannavari and Suthida factions who wanted all the brothers kept out of Thailand so Dipangkorn could eventually become Rama XI and they could exert control from behind the scenes.
Vajiralongkorn is totally indifferent towards his sons but he had not been demanding that they should be kicked out. He has become calmer as he gets older and spends most of his time with his harem smoking cannabis.
However, when his former wife Sujarinee and her partner Anand Rotsamkhan arrived at the Thai-Malay border on May 28 with Juthavachara "Max" and Vatchrawee "Inn" and tried to enter the country, it was an insult the king could not accept. He had banished Sujarinee in 1996 on the pretext that she was having an affair with Anand, and it would have been humilating for him to allow them to return.
So these two events allowed the Sirivannavari and Suthida and factions start planning the expulsion of Aon.
Chakriwat "Ong", who had been keeping a low profile and working at a university, was not formally deported but told to leave the kingdom, which he did on June 29.

https://www.facebook.com/photo/?fbid=10162538570586154&set=a.419593026153