วันพุธ, ธันวาคม 24, 2568

สองโพลยลตามช่อง โพลหนึ่ง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แนะนำ อีกโพลชื่อ ‘ไทยเล็ด’ ต้องดูผลโพลก่อน แล้วค่อยไปดูคำถามนะ

สำหรับเรา ณ เวลานี้ สองโพลนี่น่าใส่ใจที่สุด มา มาดูกัน

โพลแรก ขออนุญาตให้ชื่อว่า พิธาโพล เพราะเขาเป็นคนนำมาเผยแพร่ อาจได้จากหลายแหล่งตามที่ลิสตืไว้ #คนไทยไกลบ้าน #เลือกตั้ง2569 #thaivotersabroad #DemocracyWithoutBorders พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โพทธนาแกมปรึกษา

“การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรครั้งนี้ เราอยากเห็นอัตราการลงทะเบียนและการใช้สิทธิ์ เท่าไรครับ” เขาถามว่า “ถ้าตั้ง KPI ร่วมกัน ชัด ๆ เราจะรู้ว่า ‘ดีขึ้น’ แค่ไหน และจะผลักดันต่ออย่างไร ประชาธิปไตยไม่หยุดอยู่ที่พรมแดน”

แล้วลงท้ายว่า “เสียงของคนไทย—ไม่ว่าอยู่มุมไหนของโลก—ควรมีความหมายเท่ากันเสมอครับ” พร้อมเสนอผลโพล #คนไทยไกลบ้าน วันแรก “Top 10 ประเทศ ที่ตอบว่าลงทะเบียนแล้ว พร้อมเลือกตั้งแล้ว” ได้แก่

“1. USA 2. Germany 3. Canada 4. Australia 5. United Kingdom 6. Japan 7. Norway 8. Sweden 9. The Netherlands 10. South Korea” แล้วยังบอกว่า “บรรยากาศถือว่าคึกคักดี และสัดส่วนผู้ตอบใกล้เคียงกับการเลือกตั้งปี 2566”

อีกโพล ใครทำไม่แน่ใจ แต่เราไปเก็บตก ฉกมาจากโพสต์ของ Thanapol Eawsakul ที่เขาว่า “น่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นออนไลน์ ที่มีคนตอบคำถามทางการเมืองมากที่สุด อันดับต้นๆ” นั่นเลย เพราะ “ดูจากคะแนนโหวต

ผ่านไปเพียงแค่ 16 ชั่วโมง ก็มีถึง 213,000 แล้ว” แถมด้วยการแสดงความยินดีกับพรรคที่ได้อันดับ ๑ ซึ่งคือ พรรคกล้าธรรม นำหน้าโลดไปเลย ๔๔% ตามด้วยภูมิใจไทย แต่ก็ทิ้งห่าง ยังเพียง ๑๕ % อันดับสุดท้าย พรรคประชาชน แค่ ๕%

ดูภาพปลากรอบแล้วกัน เขาโหวตเรื่องอะไร

(https://www.facebook.com/share/p/1BxoVfKK9N/ และ https://www.facebook.com/timpitaofficial/posts/MitXWv6UU) 

ศาลรับฟ้อง ‘7 กกต.-1 เลขาฯ’ ปมใช้อำนาจมิชอบ ‘ฮั้ว สว.’ (เรายังจะพอมีความหวังกับศาลยุติธรรม(ไทย)อยู่บ้างมั้ยเนี่ย ?)



ด่วน! ศาลรับฟ้อง ‘7 กกต.-1 เลขาฯ’ ปมใช้อำนาจมิชอบ ‘ฮั้ว สว.’

23 ธ.ค. 2568
เดลินิวส์

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุณ สว.สำรอง พร้อมด้วยกลุ่ม สว.สำรอง และทีมทนายความ เดินทางมาที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อฟังคำสั่งชั้นตรวจฟ้อง หลังเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. โดยมี นายอิทธิพร บุญประคอง กับพวกทั้ง 7 คน และนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ซึ่งใช้อำนาจมิชอบในการฮั้ว สว

นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า เราต่อสู้พยายามนำไปความจริงเพื่อนำความเที่ยงธรรม ความยุติธรรมมาปรากฏให้กับประชาชน คนไทยให้รับทราบว่าจริงเท็จอย่างไร ที่กระบวนการนี้ มีการรวมหัวกัน มีการใช้โพยใบสั่ง และจัดตั้งกลุ่มเพื่อกระทำการใด กับการเมืองไทย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 1 ปี 5 เดือน พวกตนไม่ได้หยุด ยังสู้ ยังไม่ท้อถอยในนามคณะ สว.สำรอง ตลอดจนภาคประชาสังคม ที่คอยให้กำลังใจวันนี้ ตนเป็นผู้ฟ้องคดีอาญากับ กกต. 7 ท่าน และนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แต่ผ่านมาแล้วความจริงก็ยังไม่ปรากฏ จึงได้มาร้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตั้งแต่ศาลรับเรื่องและส่งเอกสารสำนวนคำฟ้อง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ความชอบธรรม กับทุกฝ่ายว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราไม่ได้มีเรื่องบาดหมางแคลงใจกัน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเราต่อสู้เพื่อให้เกิดความสุจริตเที่ยงธรรมกับทุกภาคส่วน

วันนี้ศาลเมตตากับพวกเรา เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างจริงจัง โดยจะปล่อยผ่าน และเงียบหายไปไม่ได้ วันนี้เป็นวันดีและประวัติศาสตร์ที่ศาลคดีทุจริตได้รับคำฟ้องของตน ซึ่งหลังจากนี้จะมีหนังสือไปถึงจำเลยทั้งหมดที่ถูกกล่าวหา โดยประกอบด้วย กกต. 7 คน และเลขาธิการ กกต. 1 คน โดยจะส่งหนังสือไปถึงกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เพื่อให้ส่งเอกสารชี้แจงในสิ่งที่โดนกล่าวหาว่ากระทำความผิดในครั้งเลือกตั้งที่ผ่านมา มีกำหนดระยะเวลาภายใน 30 วันนับจากนี้ นั่นหมายความว่า 23 มกราคม 69 จะเป็นวันสุดท้ายจำเลยทั้งหมดต้องส่งหนังสือมา และศาลจะเร่งพิจารณาเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว

นายอัครวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรอฟัง คำวินิจฉัยของคณะการเลือกตั้งเกี่ยวกับเรื่อง สว. 138 คนที่ผ่านมา เพราะล่วงเลยระยะเวลา 1 ปีที่ทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ต้องมาพิสูจน์ที่ศาลว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องดังกล่าว ทุกวันนี้ ทุกอย่างจบแล้ว และมีความผิดอีกหลายกรรม ทั้งนี้ตนแจ้งความทั้งหมด 4 กรรม ใน 4 กรรมนั้น เป็นความผิดที่ท่านอาจจะแบ่งหน้าที่กันกระทำหรือไม่ ก็ต้องมาพิสูจน์ตนเองที่ศาล หวังว่าคดีนี้จะทำให้ประชาชน และผู้ที่สมัครสมาชิกวุฒิสภา 67 มองเห็นแสงสว่างและความเป็นธรรม อยากเรียนว่าบ้านเมืองนี้ยังมีข้าราชการที่ดีมีฝ่ายตุลาการที่เป็นที่พึ่งของประชาชนได้อยู่

ส่วนการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ หากไม่มีอะไร ถูกเลื่อนออกไป ก็มีความมั่นใจว่า กกต. จะไม่เอางานมาพอก ยิ่งด้วยประธานศาลคนใหม่ที่ตนเชื่อมั่นและเชื่อใจว่าจะทำงานอย่างตรงไปตรงมา และสุจริต เที่ยงธรรมให้กับประชาชน และการรับหน้าที่ทำคดีใหญ่ในลักษณะนี้ให้เป็นที่ประจักษ์ จะทำให้เกิดที่ยอมรับของการเลือกตั้งและทำให้คนที่จะลงเลือกตั้ง นักการเมืองต่างๆ จะได้นักการเมืองที่ดีเข้าไปสู่สภา.

https://www.dailynews.co.th/news/5432435/



ทำไมจนถึงวันนี้ยังไม่มีประเทศไหนที่ยืนเคียงข้างไทยเลย ทั้งๆ ที่ตั้งแต่รัฐบาลแพทองธารแล้ว ที่ไทยส่งเจ้าหน้าที่เดินสายทั่วโลกเพื่ออธิบายจุดยืนของไทย-ประณามการกระทำของกัมพูชา แต่ยังไม่มีเสียงตอบรับสนับสนุนไทยเลยสักแอะเดียว (ลองก้มลงมองตัวเองบ้างดีมั้ย?)


Puangthong Pawakapan
10 hours ago
·
ทำไมจนถึงวันนี้ยังไม่มีประเทศไหนที่ยืนเคียงข้างไทยเลย ทั้งๆ ที่ตั้งแต่รัฐบาลแพทองธารแล้ว ที่ไทยส่งเจ้าหน้าที่เดินสายทั่วโลกเพื่ออธิบายจุดยืนของไทย-ประณามการกระทำของกัมพูชา แต่ยังไม่มีเสียงตอบรับสนับสนุนไทยเลยสักแอะเดียว .... คำถามของพลเอกณัฐพล จึงเป็นคำถามที่ถูกต้อง ที่รัฐบาลไทยและกองทัพต้องถามตนเองได้แล้ว แต่เกรงว่ารัฐบาลที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว จะได้คำตอบที่ผิดเพี้ยนที่มุ่งสร้างกระแสความนิยมให้ตนเท่านั้น หรือไม่ก็หลงอยู่ในโลกแบบไทยๆ ที่ไม่พยายามเข้าใจ "มุมมอง" ของภายนอกที่มองเข้ามา แล้วก็ดันทุรังเดินหน้ารบต่อไป ไม่สนใจผลกระทบต่อชีวตประชาชน ทหารชั้นผู้น้อย และสถานะของไทยในเวทีโลกในระยะยาว

ดิฉันได้มีโอกาสคุยกับเจ้าหน้าที่และนักวิชาการญี่ปุ่นที่ติดตามปัญหาไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด ประเด็นสำคัญที่เขายกมาก็คือ การกระทำที่ไม่ได้สัดส่วนของไทย

ขณะที่ฝ่ายไทยบอกว่ากัมพูชาวางทุ่นระเบิดบริเวณชายแดน จนทำให้ทหารไทยเสียชีวตและบาดเจ็บ ไทยจึงต้องทำการตอบโต้ด้วยการใช้เครื่องบินรบโจมตีลึกเข้าไปในกัมพูชานั้น ฝ่ายไทยมองว่าสมเหตุสมผล แต่คนอื่นเขามองต่าง กล่าวคือ การวางทุ่นระเบิด เป็นการกระทำที่ละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาก็จริง แต่ระดับของความรุนแรงเทียบกันไม่ได้เลยกับการใช้เครื่องบินรบโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนกัมพูชา เพื่อหวังทำลายขีดความสามารถทางทหารของกัมพูชา คนอื่นมองว่านี่อันเป็นเป้าหมายที่อันตรายมาก เข้าข่ายขยายขอบเขตของสงครามและการรุกรานของประเทศใหญ่ต่อประเทศเล็ก เขาไม่สามารถสนับสนุนไทยได้

ท่านไม่ต้องเชื่อดิฉันก็ได้ ท่านมีกระทรวงการต่างประเทศ ใช้ให้เป็นประโยชน์ค่ะ ส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบถามความเห็นจากเจ้าหน้าที่สถานทูตประเทศต่างๆ ในไทยดูก็ได้ว่าประเทศอื่นมองปัญหาไทย-กัมพูชาอย่างไร

และขอร้องว่าถ้าได้คำตอบที่ไม่ถูกใจกลับมา ก็อย่าด่วนสรุปว่าประเทศทั้งหลายสนับสนุนตระกูลฮุน เซน ... เพราะระบอบฮุน เซนเป็นไม้เบื่อไม้เมากับรัฐบาลประเทศตะวันตกมานานกว่า 2 ทศวรรษ ด้วยเหตุผลว่าระบอบฮุน เซนละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนอย่างกว้างขวาง แต่การที่เขาไม่ชอบฮุน เซน ไม่ได้ทำให้เขาต้องสนับสนุนการกระทำของฝ่ายไทยเสมอไป

https://www.facebook.com/photo/?fbid=25771157182508364&set=a.138005429583558



🙏 เราไม่ได้เห็นคลิปแบบนี้นานมากๆแล้วอ่ะ 🫶



 


https://x.com/eric_sayompoo/status/2002961730876699028

.....


มีใครบ้างที่ปรากฏตัวในรูปถ่ายที่อยู่ใน "แฟ้มเอปสตีน"

https://www.facebook.com/reel/1567250297753479

บีบีซีไทย - BBC Thai 
13 hours ago
·
มีใครบ้างที่ปรากฏตัวในรูปถ่ายที่อยู่ใน "แฟ้มเอปสตีน"
.
สิ่งที่เรียกว่า "แฟ้มเอปสตีน" คือแฟ้มรวบรวมบรรดาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ หลังหลายฝ่ายรอคอยมาอย่างยาวนาน ท้ายที่สุดบางส่วนของแฟ้มเอกสารดังกล่าวก็ได้ถูกเปิดเผยออกมาเมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีการปิดทับส่วนอ่อนไหวข้อมูลอย่างแน่นหนา
.
การเปิดเผยเอกสารนี้เกิดขึ้นได้เนื่องจากสภาคองเกรสได้ผ่านกฎหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเปิดเผยแฟ้มทั้งหมดภายในวันที่ 19 ธ.ค. ตั้งแต่นั้นมาเอกสารชุดนี้ก็ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง
.
แฟ้มดังกล่าวประกอบด้วยภาพถ่ายภายในบ้านพักของเอปสตีน ภาพการเดินทางไปต่างประเทศของเขา รวมถึงภาพของบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น อดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน, นายแอนดรูว์ เมาท์แบตเทน วินด์เซอร์ และไมเคิล แจ็คสัน ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แทบไม่ได้ถูกกล่าวถึงในเอกสารเลย
.
ทั้งนี้ การปรากฏตัวอยู่ในภาพถ่ายหรือเอกสารเหล่านี้ก็ไม่ได้ถือเป็นหลักฐานของการกระทำผิดใด ๆ



300K Epstein files released: Who are the celebrities in the photos | Elizabeth Vargas Reports

NewsNation

Dec 19, 2025 

The Department of Justice has begun releasing documents related to its Jeffrey Epstein investigation Friday afternoon, meeting a deadline mandated by Congress. https://www.newsnationnow.com/politic...

Anchor Elizabeth Vargas delivers the biggest stories, without bias or opinion. Watch "Elizabeth Vargas Reports" every weeknight at 7p/6C on NewsNation. #VargasReports

https://www.youtube.com/watch?v=uJgaxX4RQw0


ผู้นำเขมรฝ่ายค้านพลัดถิ่น สม รังสี โพสต์ตั้งคำถาม หลังฮุนเซนปล่อยคลิปแล้ว กัมพูชาได้อะไร? คุณประวิตร โรจนพฤกษ์ อ้างแหล่งข่าวของเขาในกัมพูชาว่า ฮุนเซนคาดหวังว่าหลังอุ๊งอิ๊งหลุดจากเก้าอี้นายกฯ ไทยจะได้ประยุทธ์มาแทน เพราะความสัมพันธ์ฮุนเซนกับประยุทธ์ดี แต่สุดท้ายพลิกล็อค


Pravit Rojanaphruk 
December 21
·
(English below)
ผู้นำเขมรฝ่ายค้านพลัดถิ่น สม รังสี โพสต์ตั้งคำถามเช้านี้ว่า หลังฮุนเซนปล่อยคลิปแล้ว กัมพูชาได้อะไร?
แหล่งข่าวผมในกัมพูชาที่ไม่ขอเอ่ยนามบอกผมเมื่อไม่กี่วันมานี้ว่าฮุนเซนคาดหวังว่าหลังอุ๊งอิ๊งหลุดจากเก้าอี้นายกฯ ไทยจะได้ประยุทธ์มาแทน เพราะความสัมพันธ์ฮุนเซนกับประยุทธ์ดี แต่สุดท้ายพลิกล็อค ส้มประเคนส้มหล่นให้อนุทินเฉย ส่วนทหารได้โอกาสขยายบทบาท รีแบรนด์ตนเองจากกองทัพที่เสพติดรัฐประหาร เป็นกองทัพที่ปกป้อง 'อธิปไตยไทย' โดยถล่มและขย่มเขมรแรงจนเขมรต้องโร่ไปฟ้องนานาชาติ กล่าวหาว่าไทยเป็น "ผู้รุกราน" และอนุทินก็โกยคะแนนนิยมจากกลุ่มรักชาติสุดโต่งรัวๆ แม้ต้องออกมาปฎิเสธในที่สาธารณะเป็นครั้งที่สองเมื่อบ่ายวานนี้ว่า ตนไม่ได้โหนสงครามเพื่อคะแนนเสียงทางการเมืองในช่วงใกล้เลือกตั้ง (war for votes)โดยอนุทินกล่าวเมื่อวานว่าเรื่องสงคราม: "ไม่เกี่ยวเรื่องเลือกตั้ง"
ส่วนคำถามของ สม รังสี นั้น เห็นได้ชัดว่าฮุนเซนหักหลังครอบครัวชินวัตรโดยการปล่อยคลิป (ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าตระกูลฮุนถูกตระกูลชินหักหลังเรื่องอะไรอย่างเงียบๆ ก่อนหรือไม่) แถมคุยฟุ้งตอนนั้นว่าจะที่มีการเปลี่ยนตัวนายกฯไทยในเร็ววัน วันนี้ฮุนเซน ได้สมกับที่ปรารถนาแล้ว ถ้าไม่สู้ต่อหรือยอมขอเจรจาก่อน พวกรักชาติเขมรสุดโต่งก็จะมองว่าตระกูลฮุนอ่อนแอ และอสจกุมอำนาจต่อไปไม่ได้ ลึกๆฮุนเซนจึงอาจเสียใจในการวางยาอุ๊งอิ๊งก็เป็นได้ ดั่งคำพูดภาษาอังกฤษที่ว่า: Beware of what you wish for (จงระวังในสิ่งที่เจ้าปรารถนา)
ปล. ล่าสุดเมื่อวาน อนุทินบอกว่ายึดพื้นที่ได้เกือบหมดแล้ว
#ป #อนุทิน #ฮุนเซน #ไทยกัมพูชา
---
Exiled Cambodian opposition Sam Rainsy posted a question this morning: What did Cambodia gain after Hun Sen release the Hun Sen-Paetongtarn audio clip?
A source of mine in Cambodia, who asked not to be named, told me a few days ago that Hun Sen expected that after Paetongtarn was removed from the prime minister’s post, Gen Prayut would replace her, because Hun Sen has a good relationship with Prayut. But in the end, the situation flipped — the main opposition People’s Party unexpectedly handed the position to Anutin who took a very hardline against Cambodia instead.
Meanwhile, the military seized the opportunity to expand its role and rebrand itself as a protector of 'natiinal sovereignty' instead of a coup army led by rougue generals fond of military adventure in politics. The Thai army relentlessly attacks and pressuring Cambodia during this second war until Cambodia appealed to the international community, accusing Thailand of being the “aggressor.” Anutin then racked up waves of ultra-nationalist popularity. However, yesterday afternoon he had to publicly deny for the second time that he was exploiting to situation and engaging in what might hest be described as 'war for votes', stating: “[The war] has nothing to do with the election.”
As for Sam Rainsy’s question, it is clear that Hun Sen betrayed the Shinawatra family (not sure if the Shinawatra family quietly betrayed the Hun family first) by releasing the clip, and at the time even boasted that there would be a change of Thailand’s prime minister in the near future. Today, deep down, Hun Sen may actually regret having sabotaged Paetongtarn, as the English proverb goes: “Beware of what you wish for.”
P.S. Anutin told the media yesterday that most of the [disputed areas] have been "reclaimed."

https://www.facebook.com/pravit.rojanaphruk.5/posts/4428065134087970


สู้ในสนามประชามติ ภารกิจสุดท้ายของ จาตุรนต์ ฉายแสง กับเพื่อไทย?


จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย บอกว่า เขา "เป็นคนชูธงประชาธิปไตยในช่วงที่เป็นแกนนำ" แต่ปัจจุบันเขาไม่ได้อยู่ในโครงสร้างผู้บริหารพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด

สู้ในสนามประชามติ ภารกิจจาตุรนต์ ฉายแสง นักการเมือง "แผนกประชาธิปไตย" ของเพื่อไทย

หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
เมื่อ 9 ชั่วโมงที่แล้ว

จาตุรนต์ ฉายแสง ทิ้งเก้าอี้ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ทั้งที่ประจำการในตำแหน่งหัวโต๊ะได้ไม่ถึงเดือน

1 วันก่อนพรรค พท. เปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค จาตุรนต์ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเดิม ก่อนออกมายืนยันในภายหลังว่าไม่ได้ถูกหลอก-ไม่ได้ถูกหัก แต่สมัครใจลุกจากเก้าอี้เอง เพื่อไปทำภารกิจรณรงค์ออกเสียงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็น "วาระประจำตัว" ของเขา

"เรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องประชาธิปไตย มันเป็นเรื่องประจำตัวของผมอยู่ มันไม่ใช่ข้ออ้างแน่ คือถ้าไม่มีเรื่องนี้ ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย ก็พูดตรง ๆ ใน 2 ปีที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าจะเป็น สส. ไปทำไม... แต่บังเอิญว่ามีเรื่องรัฐธรรมนูญต่อเนื่องมา มันก็ทำให้อย่างน้อยผมรู้สึกว่าเป็น สส. ยังทำประโยชน์ได้ ถึงแม้ผลลัพธ์ไม่ใช่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ แต่อย่างน้อยก็ได้พยายาม" จาตุรนต์กล่าวกับบีบีซีไทย

นักการเมืองอาวุโสรายนี้ผ่านมาหลากหลายตำแหน่งทางการเมืองกับ "พรรคสีแดง" ไม่ว่าจะเป็น สส. รองนายกฯ รมต. รักษาการหัวหน้าพรรค ผู้ชูธง "ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย-ขับไล่เผด็จการ" จนได้สถานะ "นักโทษคดีการเมือง" หลังรัฐประหารปี 2557

ภารกิจสุดท้ายที่เขาทำในสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 คือ กรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... รัฐสภา ก่อนที่ร่างกฎหมายดังกล่าวจะตกไปเมื่อมีการยุบสภา 12 ธ.ค. 2568

ทว่าสถานะที่เขายังไม่เคยสัมผัสคือ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีของเพื่อไทย


เจ้าหน้าที่ทหารเข้าควบคุมตัวจาตุรนต์ในระหว่างเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับผลกระทบจากการรัฐประหาร ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (FCCT) เมื่อ 27 พ.ค. 2557 ทั้งนี้เขาถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกรายงานตัว และยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ในปี 2569 จาตุรนต์จะมีอายุครบ 70 ปีเต็ม และมีอายุงานทางการเมืองครบ 40 ปี เขามีมุมมองอย่างไรต่อพรรค-ตนเอง-ประชาธิปไตย

"พรรคฝ่ายประชาธิปไตย"?

วันเข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พท. จาตุรนต์ประกาศภารกิจ "ขยับจุดยืนพรรค" เพื่อทำให้เพื่อไทยกลับมาเป็นผู้เล่นสำคัญในสนามการเลือกตั้ง ผ่านการสร้างนโยบาย-สร้างประชาธิปไตย

น่าสนใจว่า "จุดที่พรรคยืนอยู่" กับ "จุดที่ควรเป็น" มันใกล้-ไกลกันแค่ไหนในสายตาของเขา

"มันก็เคลื่อนไปพอสมควร ต้องยอมรับ" จาตุรนต์บอก

เขาลำดับความเป็นไปที่เกิดขึ้นภายหลังเลือกตั้ง 2566 ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลยังต้องอาศัยเสียง สว. ร่วมกับ สส. โหวตเห็นชอบนายกฯ ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้เกิดการ "ขยับขั้ว-เปลี่ยนข้าง" กระทั่งบทเฉพาะกาลสิ้นสุดลง เรื่องขั้วจึงเริ่มจางลง

เมื่อมีการตั้งรัฐบาล "อนุทิน" โดย สส.พรรคประชาชน (ปชน.) พลิกไปร่วมโหวตสนับสนุนนายกฯ คนที่ 32 เขาจึงเห็นว่า "ปัญหาเรื่องจุดยืนของพรรคเพื่อไทยที่เคลื่อนไป ก็ขยับกลับมาได้บ้าง" และ "มันทำให้ไม่มีใครเด่นมาก ๆ หรือไม่เด่นมาก ๆ ในเรื่องของการชูธงประชาธิปไตย หรือยืนอยู่ตรงข้ามกับฝ่ายอนุรักษนิยม"


ในวันเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย มีการฉายภาพ 6 อดีตนายกฯ ของพรรค ตั้งแต่ ทักษิณ ชินวัตร (2544-2549), สมัคร สุนทรเวช (2550-2551), สมชาย วงศ์สวัสดิ์ (2551), ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (2554-2557), เศรษฐา ทวีสิน (2566-2567), แพทองธาร ชินวัตร (2567-2568)

"พรรคสีแดง" ซึ่งมีอายุกว่า 2 ทศวรรษนับจากก่อตั้งพรรคไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทย ต้องเผชิญกับวิบากกรรมทางการเมือง จากคำสั่งยุบพรรค 2 พรรค (ทรท. ปี 2550 และ พปช. ปี 2551) ผู้นำรัฐบาลจากตระกูลชินวัตรถูกรัฐประหาร 2 ครั้ง (รัฐบาลทักษิณ ปี 2549 และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปี 2557) ก่อนที่ "ผู้มีบารมีเหนือพรรค" จะพยายามทำ "ซูเปอร์ดีล" 2 ครั้ง ครั้งแรกล้มเหลว ทำให้พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ถูกยุบพรรค-ไปไม่ถึงวันเลือกตั้ง 2562 ครั้งล่าสุดคล้ายประสบความสำเร็จในช่วงต้น สะท้อนผ่านการที่อดีตนายกฯ ทักษิณได้กลับบ้านเกิดในวันโหวตเลือก เศรษฐา ทวีสิน เป็นผู้นำ "รัฐบาลผสมข้ามขั้ว" หลังเลือกตั้ง 2566 ก่อนที่สถานการณ์จะพลิกผันอีกครั้งในอีก 2 ปีต่อมา ท่ามกลางเสียงวิจารณ์เรื่อง "ดีลล่ม"

ถึงตอนนี้ ยังเรียกได้เต็มปากหรือไม่ว่าเพื่อไทยคือ "พรรคฝ่ายประชาธิปไตย"

นักการเมืองรุ่นใหญ่ ผู้อยู่ใต้ชายคาพรรคสีแดงตั้งแต่ยุคไทยรักไทย ย้ำคำเดิมว่า "มันเคลื่อนไปเคลื่อนมา" แต่พอจบลงที่พรรค พท. แสดงบทบาทเต็มที่ในการผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ "ผมก็ว่ายังไม่ตกขบวนของฝ่ายประชาธิปไตย แต่มันต้องการอะไรที่มากขึ้นจริงจังขึ้นตั้งแต่การเลือกตั้งนี้ สิ่งที่จะนำเสนอเรื่องที่เกี่ยวกับการทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยต้องทำจริงจัง ต้นทุนเดิมมันถึงจะถูกกลับมาใช้ได้"

ในทัศนะของจาตุรนต์ การตัดสินใจประนีประนอมกับชนชั้นนำฝ่ายอนุรักษนิยม ทำให้พรรค พท. มีราคาต้องจ่ายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ความเป็นพรรคแกนนำ/กองหน้าในฝ่ายประชาธิปไตย, มวลชนที่สนับสนุน, และความอ่อนแอลงของขบวนฝ่ายประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตามเขาชี้ว่า พรรคการเมืองมีขึ้น มีลง มีเปลี่ยนไป แต่สิ่งสำคัญคือจะกลับมาหาที่มั่นเดิมของตัวเองได้หรือไม่

ประชาธิปไตย = นโยบายส่วนควบ

วันเปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรรค พท. เมื่อ 16 ธ.ค. ดูเหมือนจะไม่มีข้อความทางการเมือง-ไม่มีการสื่อสารจุดยืนเรื่องรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง ทั้งที่ 2 นายกฯ ของพรรค - เศรษฐา ทวีสิน และ แพทองธาร ชินวัตร – ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20

นี่ถือเป็นเรื่อง "ผิดปกติ" หรือเป็น "ความปกติใหม่" ของเพื่อไทยในยุคปัจจุบัน

นักการเมืองอาวุโสอธิบายว่า ในการเลือกตั้ง 2-3 ครั้งหลัง บางช่วงพรรค พท. เน้นนโยบายเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ส่วนเรื่องประชาธิปไตยหรือแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ "มักไปไว้เป็นส่วนควบ ไม่ชูเป็นประเด็นหลัก"

ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ แกนนำบางคนก็เรียกหาถามหาอยู่ คิดว่าจะต้องมีการพูดต่อไป และมีอยู่ในนโยบายเรื่องประชาธิปไตยที่พรรคจะส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วย

พรรค พท. เดินเข้าสู่สนามเลือกตั้งภายใต้คำขวัญ "ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้" ซึ่งจาตุรนต์เห็นว่าเป็นความท้าทายของพรรค พท. ว่าจะนำเสนอนโยบายหลัก-นโยบายใหม่ที่สอดคล้องกับสารพันปัญหาที่ประเทศเผชิญอยู่และมีความสลับซับซ้อนได้อย่างไร

หากเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง จะได้ ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ บุตรชายของอดีตนายกฯ สมชาย-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ แม้พรรคส่งชื่อแคนดิเดตนายกฯ ครบ 3 คนก็ตาม

อดีตนักการเมืองมากประสบการณ์พบ "ลักษณะพิเศษ" ในการเลือกตั้งครั้งนี้ นั่นคือ การหวนกลับมาของการรวมตัวกันของนักการเมืองที่พรรคใดพรรคหนึ่ง คล้ายกับเมื่อปี 2548 ทว่าด้วยเหตุผลและสภาพทางการเมืองที่แตกต่างกันลิบลับ

ในปี 2548 นักการเมืองแห่ไปรวมตัวกันที่ "พรรคคิดใหม่ทำใหม่" เพราะเห็นว่าบริหารประเทศมา 4 ปี เป็นที่นิยม ประสบความสำเร็จ ทำให้พรรค ทรท. ชนะการเลือกตั้งมากเป็นประวัติศาสตร์ 377 เสียง

แต่ในปี 2568 นักการเมืองหลั่งไหลไปรวมกันที่พรรคหนึ่ง เพราะเห็นเรื่องอำนาจและโอกาสในการชนะเลือกตั้ง การเมืองจึงไม่ได้เดินไปในทิศทางมุ่งแข่งขันกันด้วยนโยบาย พอประกอบกับยุทธศาสตร์ชาติ รัฐธรรมนูญ และบรรยากาศการเมืองที่อาจ "เปิดโปงผสมกับสาดโคลน ทำไปทำมา มันจะเตี้ยลงไปด้วยกัน เสียหายลงไปด้วยกัน"

เหล่านี้นำมาสู่บทสรุปจากจาตุรนต์ที่ว่า นอกจากเจอสภาพที่โจทย์ของประเทศก็ไม่ตอบ อาจมีปัญหาซ้อนเข้ามาคือความน่าเชื่อถือของนักการเมืองซึ่งโดยทั่วไปต่ำอยู่แล้ว

"ผ่านการเลือกตั้งไปจนถึงตั้งรัฐบาลคราวหน้า เราอาจจะเจอกับสภาพที่พรรคการเมืองที่มาเป็นรัฐบาลมีต้นทุนเริ่มต้นต่ำเป็นพิเศษก็ได้ เพราะคนจะรู้สึกว่าคุณไม่ใช่ แล้วรัฐบาลจะเขียนนโยบายกันอย่างไร เพราะเป็นรัฐบาลผสมอีก" เขาวิเคราะห์

จุดสมประโยชน์ระหว่างเพื่อไทย-จาตุรนต์

เมื่อชวนย้อนกลับมาพินิจพรรคต้นสังกัดของตัวเอง ท่ามกลางสถานการณ์ตกต่ำ-นักเลือกตั้งไหลออก ถึงขั้นมีข้อวิเคราะห์ว่าพรรค พท. อาจตกที่นั่ง "พรรคต่ำร้อย" แต่ทำไม "นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย" ที่ชื่อจาตุรนต์ ก็ยังไม่มีที่อยู่-ที่ยืนนัก

เจ้าตัวหัวเราะเล็ก ๆ ก่อนเรียบเรียงคำตอบแบบไม่ค่อยลื่นไหลนัก "ก็... เป็นเรื่อง คือ... การเมืองมันมีการเคลื่อนไป ต้องเลี้ยวไปเลี้ยวมา บางทีมันก็เป็นช่วงที่.. อย่างผมเคยเป็น รมต. สมัยไทยรักไทย ตลอดเวลาที่ไทยรักไทยเป็นรัฐบาล หลังจากนั้นก็ถูกเพิกถอนสิทธิอะไรไป เป็นไปแป๊บเดียวก็ยึดอำนาจอีก ครั้งที่แล้วไม่ได้เป็นก็มีเหตุเฉพาะที่อาจจะเป็นที่รู้ ๆ กัน ก็ไม่ใช่เรื่องถึงขั้นว่า อืม... จะเรียกว่าอะไร เลือกปฏิบัติ หรือปิดทาง หรือตัดอนาคตพวกที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย"

อีกความคิดที่อยู่ในหัวของ "อดีตคนเดือนตุลา" ที่กลายเป็น "นักการเมืองอาชีพ" คือ "พรรคการเมืองก็เป็นเครื่องมือของนักการเมืองเหมือนกัน" ที่ผ่านมา เขาได้ใช้ประโยชน์จากพรรค พท. ในการต่อสู้เพื่อให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ซึ่งย่อมดีกว่าไปรณรงค์โดด ๆ ในนามนายจาตุรนต์ ส่วนพื้นที่และตำแหน่ง ไม่ใช่เรื่องที่เขาถือเป็นเงื่อนไขในการลงสมัครรับเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมาในชีวิตการเมือง

"ผมไม่เคยต่อรองกับพรรคการเมืองก่อนการเลือกตั้ง ว่าเลือกตั้งแล้วจะต้องให้ผมเป็นอะไร ไม่เคย ดังนั้นข้างหน้าก็ว่ากันไป" อดีต สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 13 ของพรรค พท. กล่าว

นอกจากใช้พรรคเป็นเครื่องมือในการให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย คิดหรือไม่ว่าพรรคก็ใช้ "ต้นทุนเก่า" ของจาตุรนต์ในการทำให้ยังยืนอยู่ในระนาบ "พรรคฝ่ายประชาธิปไตย" เหมือนกัน บีบีซีไทยถาม

"บางคนเขาก็แซวว่าผมเป็นนักการเมืองแผนกประชาธิปไตยใช่ไหม" เขาชิงเล่นตัวเองเพื่อไม่ให้เจ็บหนัก ก่อนกล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ถ้าจะเรียกว่า "แผนกประชาธิปไตย" ก็อาจจะเข้ากับสถานการณ์นะ เพราะมันจำเป็นต้องมีคนอย่างน้อยกลุ่มหนึ่งที่คิดจริงจัง ทำงานจริงจังเพื่อให้ประชามติผ่าน เพราะเป็นเรื่องความเป็นความตายของประเทศ

"พรรคเพื่อไทยใช้ผมเป็นประโยชน์ไหม บางช่วงก็อาจจะจำเป็นต้องไม่ใช้ เนื่องจากไปเดินเส้นทางอีกแบบหนึ่ง แต่ว่าตอนนี้ถ้าจะใช้ ผมก็ยินดี และผมก็ต้องการที่จะใช้พรรคด้วยเหมือนกัน มันก็อาจจะสมประโยชน์กัน เอาละมาช่วยกัน เพราะว่าพรรคเพื่อไทยก็ต้องการเพิ่มบทบาทในเรื่องประชาธิปไตยให้กลับมาใกล้เคียงกับเมื่อก่อน"


จาตุรนต์ขึ้นเวทีปราศรัยในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 2566

การต่อสู้ในสนามประชามติยกที่ 3


ย้อนไปที่การทำประชามติ 2 ครั้งของประเทศ เพื่อสอบถามประชาชนว่าจะรับ-ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่จัดทำขึ้นในบรรยากาศหลังรัฐประหาร 2549 และหลังรัฐประหาร 2557 พรรคสีแดงเป็นหัวหอกในการรณรงค์ "คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ" ทั้ง 2 ฉบับ (รัฐธรรมนูญฉบับ 2550 และรัฐธรรมนูญฉบับ 2560) โดยจาตุรนต์และพวกร่วมทำแคมเปญ "We vote No"

ในปี 2569 จะมีการทำประชามติพ่วงกับการเลือกตั้ง สส. ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย เพื่อไทยอยู่ตรงไหนในประวัติศาสตร์หน้านี้

"อยู่ตรงรณรงค์ให้ประชาชนเห็นชอบแบบเต็มตัว ผลักดันเต็มที่" เขาตอบทันควัน

แม้ แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. เตือนพรรคการเมืองให้พูดเพียงว่า "มีนโยบายเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร แต่ไม่ใช่ไปบอกว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ" แต่จาตุรนต์ขอสวนกลับว่า "กกต. เข้าใจผิด ไม่เข้าใจกฎหมาย"

พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มาตรา 17 ระบุว่า ประชาชน พรรคการเมือง องค์กรเอกชน และกลุ่มต่าง ๆ มีสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในการจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อการออกเสียงได้อย่างเสรี เสมอภาค และเท่าเทียมกัน

เขาชี้ว่า ข้อความนี้ไม่ได้หมายถึงรณรงค์ให้คนไปออกเสียง หรือเชิญชวนไปลงประชามติ แต่หมายถึงรณรงค์ในทางเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยได้ ส่วนบทบัญญัติที่บอกว่า "ห้ามชี้นำ" ตามมาตรา 14 ของกฎหมายฉบับเดียวกันนี้ มีไว้สำหรับคณะกรรมการที่จะเผยแพร่เนื้อหาของประชามติก็คือ กกต. นั่นเอง ที่เวลาจัดส่งเอกสารเผยแพร่เรื่องประชามติไปยังเจ้าบ้าน ห้ามบอกว่าควรรับ-ไม่ควรรับ ควรเห็นชอบ-ไม่เห็นชอบ

ส่วนในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ก็ไม่ได้ห้ามผู้สมัครทำเรื่องนี้

"ทีนี้ กกต. จะมาสับสน จะมาบอกว่าถ้าคุณเป็นผู้สมัครห้ามพูดเรื่องรณรงค์ มันกลายเป็นจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น... แล้วพอมี (ประชามติ) ในวันเดียวกับการเลือกตั้ง เพื่อประหยัดงบประมาณ เลยกลายเป็นว่าแสดงความเห็นไม่ได้ อันนี้มันเพี้ยนแล้วละ"


3 เกลอ - จาตุรนต์, ชูศักดิ์ ศิรินิล, ชลน่าน ศรีแก้ว (จากขวาไปซ้าย) - กมธ.พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในโควต้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นทำหน้าที่เป็นวาระสุดท้ายในระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ก่อนที่นายกฯ จะประกาศยุบสภา

ว่าที่ประธานคณะกรรมการรณรงค์ในการออกเสียงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรค พท. กางโรดแมปผลักดันวาระรัฐธรรมนูญ ท่ามกลางกระแสความสนใจที่แผ่วเบาของคนในสังคม เอาไว้ ดังนี้

ขั้นแรก ลุ้นให้ กกต. ออกระเบียบที่ไม่ขัดขวางการรณรงค์

ขั้นต่อมา หารือภายในพรรค พท. ก่อนหารือกับพรรคการเมืองอื่นและองค์กรภาคประชาชนที่รณรงค์เรื่องประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ นำข้อกฎหมายมากางและร่วมกันคิดกลยุทธ์

เขาเห็นว่า ต้อง "เปิดประเด็นที่ช็อกสังคม" ว่าถ้าประชามติไม่ผ่านเป็นเรื่องใหญ่มาก เป็นเรื่องความเป็นความตายของประเทศ เราจะแก้รัฐธรรมนูญนี้ไม่ได้ไปอีกนาน ซึ่งจะทำให้ประเทศเสียโอกาสมาก

กับคนที่ถามว่าจะแก้รัฐธรรมนูญทำไม หรือคนที่ขอทำมาหากินก่อน ขอแก้ปัญหาเศรษฐกิจก่อน เขาเตรียมคำอธิบายเอาไว้ว่า ทุกวันนี้ที่ทำอะไรไม่ได้ มีนโยบายไม่ได้ รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ หลักนิติธรรมถูกบิดเบือนไปมาก เกิดการเลือกปฏิบัติ พรรคการเมืองถูกทำให้อ่อนแอลงอย่างหนัก สภาพที่เป็นอยู่นี้เกิดจากทั้งการรัฐประหาร การกระทำของ คสช./รัฐบาล คสช. และผลจากรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ดังนั้นถ้าไม่ทำรัฐธรรมนูญกันใหม่ ประเทศไทยจะอยู่ในสภาพที่ปรับตัวยากมาก พลิกสถานการณ์ไม่ได้ และจะเสื่อมลง ๆ ทุกด้านทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง

แกนนำทีมแคมเปญประชามติของพรรค พท. ระบุว่า ถ้า "ช็อกสังคม" ได้แล้ว ถึงมาเชิญชวนให้มาร่วมกัน อย่าให้ประชามติตกไป อย่าให้ประชาชนไปอยู่คูหาเดียว ไม่ไปออกเสียงประชามติ

เมื่อมองจากมุมนักต่อสู้เรียกร้องรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย เห็นว่า ประชามติ 2569 คือหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่อาจไปสู่ "ด้านมืด" หรือ "ด้านสว่าง" ก็ได้
  • ถ้าไม่ผ่าน: จบเลย แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้อีกแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าจะทำประชามติอีกเมื่อไร หรือถ้ามีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในรัฐสภา ก็จะมีคนบอกว่าประชามติไม่ให้แก้แล้วนี่
  • ถ้าผ่าน: ประชามติมันมีแรงกดดัน มีพลังของประชาชนที่บอกว่าต้องจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำให้ฝ่ายต่าง ๆ ต้องไปคิด สว. ก็ต้องคิด สว. ชุดนี้ยังคิดไม่ได้ สว. ชุดหน้าก็ต้องคิด

เครือข่ายภาคประชาชนเดินขบวนเรียกร้องให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เมื่อ 10 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันรัฐธรรมนูญ

การออกเสียงประชามติยกที่ 3 นี้ จะจัดขึ้นในวันเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไป 8 ก.พ. 2569 เพื่อสอบถามประชาชนผู้มีอำนาจในการสถาปนารัฐธรรมนูญว่า "ท่านเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่" ซึ่งเป็นคำถามจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของรัฐบาล "อนุทิน" ไม่ใช่คำถามตามมติของที่ประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อ 11 ธ.ค. แต่อย่างใด

การผ่านความเห็นชอบ อาศัยเสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง ทว่าคะแนนที่ได้ต้องมากกว่าผู้กาช่อง "ไม่แสดงความคิดเห็น" หรือ No Vote

ภารกิจสุดท้ายกับเพื่อไทย?

เมื่อถามว่า นี่คือภารกิจสุดท้ายกับพรรค พท. หรือยัง จาตุรนต์ "ตอบไม่ถูก" โดยบอกว่า ภารกิจเรื่องทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ถ้ายังมีช่องทางทำได้อีก ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ภารกิจสุดท้าย ส่วนการเลือกตั้ง ก่อนหน้านี้คิดจะไม่ลงสมัครเลยด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรทำได้เท่าไหร่แล้ว แต่บังเอิญมาเกิดเรื่องประชามติขึ้น

สำหรับชายผู้นี้ รัฐธรรมนูญเป็น "เหตุผล" หนึ่งที่ทำให้ยังอยู่กับการเมืองมา ไม่ใช่ "ข้ออ้าง" แน่นอน

ส่วนกับพรรคสีแดง เขายอมรับว่าถูกคนนอกถามหลายครั้งว่าถ้าเห็นไม่ตรงกับพรรคอยู่บ่อย ๆ ทำไมไม่ออกไป ทำไมยังอยู่

"บางอารมณ์ ผมก็บอกว่าอ้าว ผมก็มีความเป็นเจ้าของพรรคเหมือนกัน ถึงแม้คุณจะคำนวณความเป็นเจ้าของพรรคจากอะไร ไม่รู้ใช่ไหม แต่เราก็มีความเป็นเจ้าของพรรค"

"การเป็นนักการเมืองก็คือพรรคใช้คน คนก็ใช้พรรค ผมก็ใช้พรรคการเมืองเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับเผด็จการ ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ก็พรรคก็มีขึ้นมีลง… เป็นครั้งสุดท้ายกับพรรคเพื่อไทยไหม พรรคเพื่อไทยอาจจะปรับตัวได้มากในคราวนี้อีกก็ได้ หรือถ้าทรุดลงไปอีกด้วยเหตุอะไรก็ตาม ผมกับอีกหลาย ๆ คนจะช่วยทำให้ฟื้นขึ้นมาอีกได้ไหม หรือยังไง อันนี้ก็ต้องคิดกันต่อไป"

นี่อาจพอเป็นคำตอบได้ว่าจาตุรนต์ยังมีอนาคตกับพรรคสีแดงหรือไม่

https://www.bbc.com/thai/articles/crl97wyn0zno
.....

https://www.facebook.com/reel/1217255120268889



ก่อนถึงวันออกเสียงประชามติทั่วประเทศ ชวนมาช่วยกันติดสติ๊กเกอร์รณรงค์ "พร้อมเปลี่ยน เขียนรัฐธรรมนูญใหม่" ติดที่ไหนก็ได้ในพื้นที่ของเราเอง หรือที่ที่เขาอนุญาตให้ติดแล้ว ช่วยกันเผยแพร่ว่า ถึงเวลาที่บ้านเมืองต้องเดินหน้าสู่ความเปลี่ยนแปลง


iLaw
16 hours ago
·
ก่อนถึงวันออกเสียงประชามติทั่วประเทศ ชวนมาช่วยกันติดสติ๊กเกอร์รณรงค์ "พร้อมเปลี่ยน เขียนรัฐธรรมนูญใหม่"
ติดหน้าออฟฟิศ ติดประตูกระจก ติดที่บ้าน ติดที่ร้านอาหาร ติดที่ท้ายรถ ติดมอเตอร์ไซค์ ติดไอแพด ฯลฯ
ติดที่ไหนก็ได้ในพื้นที่ของเราเอง หรือที่ที่เขาอนุญาตให้ติดแล้ว
ช่วยกันเผยแพร่สื่อสารว่า ถึงเวลาที่บ้านเมืองต้องเดินหน้าสู่ความเปลี่ยนแปลง
Sticker แผ่นละ 30 บาท รวมค่าส่ง
อยากให้กระจายไปถึงมือทุกคนโดยเร็ว และเริ่มติดกันได้โดยเร็ว
ก่อนถึงวันเข้าคูหา 8 กุมภาพันธ์ 2569 เพื่อไปกา "เห็นชอบ" ว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
สั่งของได้ทาง inbox เฟซบุ๊ก iLaw เท่านั้น
สนใจทักมาเลย สั่งวันนี้ส่งวันนี้เลย!!

https://www.facebook.com/iLawClub/posts/1285939173579699
.....


iLaw
21 hours ago
·
มาแน่แล้ว ประชามติรัฐธรรมนูญใหม่พร้อมเลือกตั้ง ซึ่งในการทำประชามติครั้งนี้จะมีคำถามสำคัญว่า ท่านเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่" ประชาชนต้องพร้อมใจกันลงประชามติออกเสียง “เห็นชอบ” กับคำถามนี้ให้มากที่สุด เพื่อเปิดทางออกจากระบอบการเมืองที่อำนาจอยู่ในมือของคณะรัฐประหารและพวกพ้อง และเปิดโอกาสสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่จะมีการเมืองที่โปร่งใส เป็นธรรม ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
.
รัฐธรรมนูญคือกติกาสูงสุดของประเทศ เป็นรากฐานของรัฐที่ปกครองโดยกฎหมายที่จะใช้เป็นหลักเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน คุ้มครองศักดิศรีความเป็นมนุษย์ จำกัดอำนาจรัฐไม่ให้ลิดรอนประชาชน รัฐธรรมนูญจึงเป็นหลักประกันที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มั่นคง ปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
.
การกำหนดโครงสร้างด้านสวัสดิการเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ จะช่วยสร้างหลักประกันเชิงนโยบายว่าประชาชนย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้รัฐดำเนินตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนไปในแต่ละยุคสมัย และทำให้กฎหมายลำดับชั้นต่ำกว่าต้องเดินไปสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ
.
แม้ประเทศไทยไม่ได้เป็นรัฐสวัสดิการเต็มรูปแบบเสมือนประเทศแถบยุโรป แต่รัฐธรรมนูญไทยในอดีตเคยวางร่องรอยของการจัดสวัสดิการโดยรัฐเอาไว้ และยึดหลักการบางข้อมาอย่างต่อเนื่อง ทว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ได้ปรับเปลี่ยนถ้อยคำเล็กๆ น้อยๆ ที่เคยมีอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ คล้ายวางกับดักไว้เป็นช่องว่างให้รัฐลดระดับการดูแลสวัสดิการประชาชนลงไป
.
ชวนอ่านบทความไล่เรียงรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิต สิทธิและปากท้องของประชาชนว่ามีอะไรหายไปหรือเพิ่มเข้ามาจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้บ้าง https://www.ilaw.or.th/articles/56166

https://www.facebook.com/photo?fbid=1285802506926699&set=a.625664036273886





กกต.ชี้แจงแล้ว ไม่มีทำประชามติล่วงหน้า เข้าคูหาพร้อมกัน 8 ก.พ. 69 แต่ลงทะเบียนประชามตินอกเขตได้ ใครไม่สะดวกเดินทางกลับบ้าน “เลือกตั้ง-ทำประชามติ” ต้องลงทะเบียน 2 รอบ คือ 1. เลือกตั้งล่วงหน้า-นอกเขต วันที่ 1 ก.พ. 2. ทำประชามติวันจริง-นอกเขต วันที่ 8 ก.พ.





https://x.com/iLawclub/status/2003401118299443687


 

ความเห็นน่าคิด... ในโลกที่ความเลวถูกเรียกว่า “ความเป็นจริง” การยืนหยัดในความซื่อตรง อาจไม่ใช่ความไร้เดียงสา แต่คือความกล้าหาญรูปแบบสุดท้าย ที่การเมืองยังพอมีให้ประชาชนเลือกอยู่


ภาพจาก 101
ตระบัดสัตย์-รักษาคำพูด New Low-New High การเมืองใหม่ที่เรียบง่าย
.....
16 hours ago
·
6. การเมืองที่ถูกหัวเราะว่า “อ่อนหัด” อาจเป็นการเมืองแบบสุดท้ายที่ยังเหลือศักดิ์ศรี
มีคำพูดหนึ่งลอยวนในสังคมการเมืองไทยเสมอว่า พรรคที่ซื่อตรงเกินไป จะไม่มีวันชนะว่า การเมืองที่ไม่เล่นเกมสกปรก คือการเมืองของมือใหม่ และว่า ถ้าไม่รู้จักดีล ไม่รู้จักหลบ ไม่รู้จักเงียบ ก็ไม่มีวันรอด
คำพูดเหล่านี้ฟังดูเหมือนความจริงที่ผ่านโลกมาโชกโชน แต่แท้จริงแล้ว มันคือความเคยชินที่ปลอมตัวเป็นปัญญา
การเมืองไทยสอนเรามานานว่าคนที่โกงเก่งคือ “คนเก่ง”คนที่เปลี่ยนข้างได้ทันคือ “คนฉลาด”และคนที่ไม่ยึดอะไรเลย คือ “นักการเมืองมืออาชีพ”
เมื่อมีพรรคการเมืองหนึ่งเดินเข้ามา พร้อมความซื่อตรง ความตรงไปตรงมา และความพยายามจะพูดความจริงกับประชาชน เสียงหัวเราะจึงดังขึ้นทันที
อ่อนหัด ไม่รู้จักโลกจริง ไม่เข้าใจเกมอำนาจ
แต่บางที…สิ่งที่สังคมเรียกว่า “โลกจริง” อาจเป็นเพียงโลกที่ถูกทำให้คุ้นชินกับความเลว จนลืมไปว่า การเมืองไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป
ความซื่อตรงไม่ใช่ความโง่ มันคือการเลือกจะไม่เล่นในเกมที่ตั้งกติกาไว้ให้คนเลวได้เปรียบ มันคือการปฏิเสธจะยอมรับว่า “การโกหกคือทักษะ” และ “การหักหลังคือความสามารถ”
ในสังคมที่ประชาชนหมดศรัทธา สิ่งที่หายากที่สุดไม่ใช่ยุทธศาสตร์ แต่คือ ความน่าเชื่อถือ
ผู้คนอาจไม่รู้ทั้งหมดว่าใครเก่งกว่าใคร แต่พวกเขารู้ดีว่าใคร “พูดแล้วกลับคำ” ใคร “สัญญาแล้วหาย” และใคร “อยู่ข้างประชาชนเฉพาะตอนหาเสียง”
การเมืองที่ถูกดูแคลนว่าอ่อนหัด อาจเป็นการเมืองแบบเดียวที่ยังกล้าพูดว่า อำนาจควรถูกตรวจสอบ ผลประโยชน์ควรถูกเปิดเผย และเสียงของประชาชนควรมีความหมายมากกว่าดีลลับหลังฉาก
คำกล่าวหาว่า “ซื่อตรงเกินไปจะชนะได้อย่างไร” แท้จริงแล้วไม่ได้ตั้งคำถามกับพรรคการเมือง แต่มันตั้งคำถามกับสังคมทั้งสังคม
ว่าเรายอมรับแล้วหรือยัง ว่าการเมืองที่ดีเป็นไปไม่ได้ ว่าเราต้องเลือกเพียง “เลวน้อยกว่า” และต้องทำใจว่าไม่มีใครซื่อตรงได้จริง
ถ้าเป็นเช่นนั้น การเลือกตั้งก็ไม่ใช่ความหวัง แต่เป็นพิธีกรรมซ้ำซาก ที่ทำให้เรารู้สึกว่าได้เลือก ทั้งที่โครงสร้างเดิมยังเลือกแทนเราเสมอ
พรรคการเมืองที่ไม่ยอมสกปรก อาจแพ้ได้ แต่จะทำให้สังคมต้องเผชิญกระจกเงา
ว่าแท้จริงแล้ว เรากำลังดูถูกพรรคการเมือง หรือกำลังดูถูกความฝันของตัวเราเอง ที่อยากเห็นการเมืองซื่อตรง แต่ไม่กล้าเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้จริง
บางที การเมืองที่ถูกเรียกว่า “อ่อนหัด” อาจไม่ใช่การเมืองที่แพ้ แต่เป็นการเมืองที่ปฏิเสธจะชนะ ด้วยวิธีที่ทำให้ประเทศแพ้ไปตลอดกาล
และในโลกที่ความเลวถูกเรียกว่า “ความเป็นจริง” การยืนหยัดในความซื่อตรง อาจไม่ใช่ความไร้เดียงสา แต่คือความกล้าหาญรูปแบบสุดท้าย ที่การเมืองยังพอมีให้ประชาชนเลือกอยู่

https://www.facebook.com/PhichainaBhuket/posts/1389478199301081



'ไทยรัฐทีวี' มันร้าย! 555 พรรคไหนไม่มาดีเบต ก็ตั้งป้ายพรรคไว้บนเก้าอี้ แต่แนะนำนะว่า ใครคือแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคนั้น - คลิป 🔴LIVE: ไทยรัฐดีเบต #ดีเบตอีกสักตั้ง ไทยรัฐเลือกตั้ง 69 ท้าชนนโยบาย พาไทยออกจากเงามืด | 23 ธ.ค. 68







🔴LIVE: ไทยรัฐดีเบต #ดีเบตอีกสักตั้ง ไทยรัฐเลือกตั้ง 69 ท้าชนนโยบาย พาไทยออกจากเงามืด | 23 ธ.ค. 68

Thairath News

Streamed live 9 hours ago

พบกับเวที ดีเบตครั้งแรกของการเลือกตั้งครั้งนี้
ดีเบตอีกสักตั้ง กับ ไทยรัฐ เลือกตั้ง 69
.
กาย พงศ์เกษม พร้อมเปิดเวทีดีเบตเลือกตั้งใหญ่ระดับประเทศที่คนไทยหลายคนรอคอย ท้าชนนโยบาย พาไทยออกจากเงามืด เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ประชันนโยบายและวิสัยทัศน์ต่อปัญหาใหญ่ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ กับตัวแทนแต่ละพรรคการเมือง
🔥
1. ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนและแคนดิเดตนายกฯ
2. ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย
3. อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และแคนดิเดตนายกฯ
4. พลเอก รังษี กิติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจและแคนดิเดตนายกฯ
5. พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติและแคนดิเดตนายกฯ
6. ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล แคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ
7. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่และแคนดิเดตนายกฯ
8. คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยและแคนดิเดตนายกฯ
ประเดิมความร้อนแรง บนเวทีแรก 23 ธันวาคม นี้ เวลา 17.30 น. เป็นตันไป
.
​​โหวตเลย! ใครดีเบตได้โดนใจคุณที่สุด? 👉🏻 https://go.thairath.co.th/abcc32

https://www.youtube.com/watch?v=cPjcUCIg7Uo







Sirote Klampaiboon
@sirotek
·5h

ไทยรัฐโพลจาก “เวทีไทยรัฐดีเบต #ดีเบตอีกสักตั้ง ” โดยพรรคประชาชน -ณัฐพงษ์ นำโด่งมาเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนน 44.7 เปอร์เซ็นต์

พรรคเพื่อไทย-ยศชนัน จบด้วยคะแนน 22.8 เปอร์เซ็นต์ และพรรคประชาธิปัตย์-อภิสิทธิ์ ได้ไป 12.3 เปอร์เซ็นต์

จากนี้ต้องดูว่าจะมี เครือข่ายพรรคเพื่อไทยตัดต่อโพลให้ยศชนันขึ้นอันดับ 1 เหมือนที่เกิดกับมติชนโพลหรือไม่

https://x.com/sirotek/status/2003470434331992444



สรุปผลคะแนน Popular Vote จาก “เวทีไทยรัฐดีเบต #ดีเบตอีกสักตั้ง ไทยรัฐเลือกตั้ง 69 ท้าชนนโยบาย พาไทยออกจากเงามืด” โดยพรรคประชาชน -ณัฐพงษ์ นำโด่งมาเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนน 44.7 เปอร์เซ็นต์


Thairath_News
@Thairath_News
·6h

สรุปผลคะแนน Popular Vote จาก “เวทีไทยรัฐดีเบต #ดีเบตอีกสักตั้ง ไทยรัฐเลือกตั้ง 69 ท้าชนนโยบาย พาไทยออกจากเงามืด” โดยพรรคประชาชน -ณัฐพงษ์ นำโด่งมาเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนน 44.7 เปอร์เซ็นต์

ทางด้านพรรคเพื่อไทย-ยศชนัน จบด้วยคะแนน 22.8 เปอร์เซ็นต์ และพรรคประชาธิปัตย์-อภิสิทธิ์ ได้ไป 12.3 เปอร์เซ็นต์

https://x.com/Thairath_News/status/2003457202519179694






 https://x.com/Thairath_News/status/2003422060434063650



เท้งกล้าหาญมาก หัวหน้าพรรคประชาชน เป็นคนเดียวในไทยรัฐดีเบต ที่ยกมือเห็นด้วยว่า ถ้าได้เป็นนายกฯ จะเห็นด้วยกับร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่รวมผู้ต้องขัง ม.112


The MATTER
4 hours ago
·
BRIEF: หัวหน้าพรรคประชาชน เป็นคนเดียวในไทยรัฐดีเบต ที่ยกมือเห็นด้วยว่า ถ้าได้เป็นนายกฯ จะเห็นด้วยกับร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่รวมผู้ต้องขัง ม.112
.
กรณีการนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองใน ม.112 เป็นข้อถกเถียงในสังคมไทยมาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับในการเลือกตั้งครั้งนี้
.
ในเวทีไทยรัฐดีเบตวันนี้ ได้มีคำถามว่า ถ้าได้เป็นนายกฯ จะเห็นด้วยกับร่างกฎหมายนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองในคดี ม.112 โดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนเป็นคนเดียวบนเวทีที่ยกมือแสดงออกว่า “เห็นด้วย”
.
ณัฐพงษ์ระบุว่า พรรคประชาชนจะพยายามผลักดันตามข้อจำกัดที่มีอยู่ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยให้พรรคการเมืองห้ามหาเสียงในเรื่อง ม.112
.
“ถ้ารัฐบาลพรรคประชาชน สิ่งที่เราอยากยืนยันก็คือ การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของพี่น้องประชาชน ไม่ควรมีใครต้องติดคุกเพราะคำพูด จริงๆ ถ้าจะอ้างอิงตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ปัจจุบันไม่มีพรรคการเมืองในที่สามารถเอาประเด็นนี้ไปหาเสียงได้อีก เพียงแต่ผมอยากแสดงจุดยืนทิ้งท้ายไว้นิดเดียว ว่าจริงๆ เราต้องยอมรับตามข้อเท็จจริง ว่ากฎหมายฉบับนี้ยังมีปัญหาอยู่บางส่วน”
.
ถึงแม้ว่าณัฐพงษ์จะเป็นเพียงคนเดียวที่ยกมือ แต่เรื่องนี้ก็มีความเห็นของ ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ตัวแทนพรรคคนอื่นๆ บนเวทีมีความ ‘อึกอัก’
.
“ปัจจุบันเรื่องนี้ผ่านสภาไปแล้ว และไปอยู่ที่ สว. เพราะฉะนั้นสิ่งนี้ถ้าใครได้กลับมาเป็นรัฐบาล ก็จำเป็นต้องพูดคุยกันและไปต่อในเรื่องของเนื้อหา ก็เลยทำให้ทุกคนกระอักกระอ่วน” ยศชนัน ระบุ

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1434399184911444&set=a.813354760349226






https://x.com/webdevxp/status/2003444914814849294