วันเสาร์, เมษายน 27, 2567

‘ว๊อยซ์ทีวี’ กลายเป็นสื่อที่ ‘เคย’ เหตุเพราะ ‘ถุงขยะท็อกสิค’ นั่นละ

ว๊อยซ์ทีวีกลายเป็นสื่อที่ เคย ออน (แอร์และไลน์) ไปแล้ว เมื่อโดน ชินวัตร เจ้าของเททิ้ง และไม่ยอมขาย หลายคนที่เคยข้องเกี่ยวต่างแสดงความคิดถึงครั้งหลัง ตอนยังเป็นสื่อคุณภาพ จนกระทั่งการเมืองข้ามขั้ว-ตระบัดสัตย์ ทำให้มีอันเป็นไป

เอาอย่างสะใจก็ Pavin Chachavalpongpun ที่ว่า “สมน้ำหน้าที่ปล่อยให้ผู้ดำเนินรายการดูถูกคนดูมาตลอดเวลา พอคนไม่ดูต่อ จนรายการเจ๊ง...ค่ะ สังคมเปี่ยมคุณธรรม ก็ไหนอวดรวยว่าเจ้าของว๊อยซ์เป็นอภิมหาเศรษฐี”

มีคนบอกว่าพนักงานได้ค่าป่วยการครบเครื่อง แถมทิปอีก ๑ เดือน เป็นอันว่าพวกตกงานคงไม่เดือดร้อน โดยเฉพาะนังแบกตัวยง เห็นเริงร่าจะไปขายของออนไลน์ต่อ กิจการกำลังดี แต่ก็เห็นแว่บมีคนเย้า “พี่แขกอย่าไปจัดไล้ฟ์ขอบริจาคล่ะ”

ซีเรียสหน่อย ก็ Thanapol Eawsakul บอกว่า “ไม่ได้ปิดเพราะขาดทุน” ในเมื่อตัวเลขขาดทุนสะสมมา ๑๕ ปี ๒,๙๐๐ ล้าน พอเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะฟื้นก็ฟื้นได้ แต่เจ้าของไม่เอา “เพราะไม่เห็นประโยชน์ในการจ่ายเงินอีกแล้ว”

ตีความข้อวิเคราะห์นั้นอีกทอด น่าจะไม่ต้องการลากถูลู่ถูกัง ถุงขยะท็อกสิคที่ผูกติดเอวอยู่อีกต่อไปด้วย “อาจจะหมายถึงการเลือกตั้งข้างหน้าที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้” อีกแล้วก็ได้ มีเครื่องมืออื่นถมเถไป ที่แน่ๆ “เขาไม่ขาย” เดี๋ยวกลายเป็นบ้านปรีดี

เพียงแต่พวกแดงติ่งนายใหญ่ทำเป็นบ่น เฮ้อ เหลือแต่สื่อสลิ่มที่มีกำไรกับสื่อ generic ติ่งส้มเท่านั้น

(https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/ZLZJqXx7mWGEH8 และ https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/EK8gogXi2) 

กกต.เอาอีกแล้ว ทั้งข่มขู่และเล่นแร่แปรธาตุ กับกระบวนการได้มาซึ่ง สว.ชุดใหม่ ๒๕๖๗

กกต.เอาอีกแล้ว ทั้งข่มขู่และเล่นแร่แปรธาตุ ในความพยายามที่จะจำกัดและกีดกัน การสมัคร สว.๖๗ เพื่อจะเข้าไปโหวตออกเสียงเลือก สว.ตัวจริง พร้อมทั้งตรวจสอบกระบวนการ เลือกกันเอง ในหมู่ผู้สมัคร สว.ที่ กกต.กำกับอย่างเข้มงวด

เย็นวานนี้ (๒๖ เมษา) ไอลอว์โพสต์เตือนเรื่อง กกต.เตรียมลักไก่ออกระเบียบใหม่ให้มีผลทันที “เพื่อจำกัดการแนะนำตัวของผู้สมัคร #สว67 ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์” เมื่อใดระเบียบนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เท่ากับข้อมูลผู้สมัคร สว.ถูกปิดกั้นทันที

ข้อมูลเหล่านี้สำคัญอย่างไร ในการเลือกตั้งทั่วๆ ไป ผู้ออกเสียงจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัคร ไม่ว่าจุดยืนหรือวิสัยทัศน์ เพื่อประกอบการพิจารณาความสามารถและความเหมาะสม แม้ว่าเป็นการเลือกกันเองในกลุ่มอาชีพเพื่อให้ได้ สว.เช่นนี้ก็ตาม

พฤติกรรมของ กกต.ทั้งที่ผ่านมาและที่กำลังทำเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ๒๐๐ คนชุดใหม่นี้ แสดงถึงความพยายามปิดกั้นไม่ให้ประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วม ตรงข้ามกับการรณรงค์ของภาคประชาชน ที่เรียกร้องคนทั่วไปให้สมัครกันมากๆ

กกต.ต้องการให้กระบวนการเป็นไปเงียบๆ เพื่อตนจะจัดการควบคุมได้ง่าย (ใครจะรู้ว่าเช่นนั้นแล้ว จะไม่มีการกำกับทิศทางพร้อมกันไปด้วย) เมื่อวาน กกต.ออกแถลงขู่ว่า การทำแคมเปญชักชวนบุคคลหลากหลายอาชีพให้สมัคร สว. “อาจผิดกฎหมาย”

ไอลอว์แถลงโต้ว่า “ไม่ผิด” เพราะได้ตรวจสอบแล้วกับ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ไม่มีข้อห้ามใดๆ เลย “ข้อห้ามที่ใกล้เคียงกับเรื่องนี้ คือการวางเงื่อนไขเรื่องการ แนะนำตัว ผู้สมัคร สว.ซึ่งกฎหมายเปิดทางให้ กกต.กำหนดเงื่อนไขได้” เท่านั้น

และก็ยังไม่เคยมีประกาศเงื่อนไขดังกล่าว จนกระทั่งไอลอว์ได้ยินเบาะแสมา ไม่เพียงเท่านั้น พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.พรรคก้าวไกลเปิดเผยถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ ๒๘ มีนาคม ในเรื่องนี้ กกต.สัญญาว่าจะเปิดกว้างการแนะนำตัวผู้สมัคร สว.

แต่แล้วจู่ๆ กลับมาออกระเบียบ ให้ “ผู้สมัครแนะนำตัวได้ตามแค่เอกสารของ กกต.” (เนื้อหา ๕ บรรทัด) “ห้าม post เอกสารแนะนำตัวของตนเองทางออนไลน์” และ “ประชาชน (ยัง) มีข้อจำกัด” ในการให้ความเห็นเกี่ยวกับผู้สมัคร

ทั้งการข่มขู่และสร้างข้อจำกัด บ่งว่า กกต.ต้องการมุบมิดจัดหา สว.ชุดใหม่ให้ห่างหูห่างตาประชาชนโดยแท้

(https://twitter.com/paritw92/status/1784042389604319460, https://www.facebook.com/iLawClub/posts/88GbnBkV5NqGQ และ https://twitter.com/Thairath_News/status/1783764168837156888) 

ปิดวอซท์ทีวี แล้วมาเดินทางสายนี้ จะเป็นผลดีต่อ "อาณาจักรชินวัตร" ?


Jom Petchpradab
4h
·
ปิดวอซท์ทีวี แล้วมาเดินทางสายนี้ น่าจะเป็นผลดีต่อ "อาณาจักรชินวัตร" มากกว่ามั้งครับ
.....
Jom Petchpradab
2h·

“Voice tv” จากมุมมอง อดีตพิธีกรฟรีแลนซ์ ยุคบุกเบิก
ในฐานะอดีตฟรีแลนซ์ Voice tv ในยุคแรกเริ่ม ตั้งแต่เป็นพิธีกรรายการ The Intelligence และรายการ Hot Topic คนแรก ...ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ หรือช็อคอะไรกับการปิด Voice tv
เพราะแรกเริ่มแห่งการก่อกำเนิด Voice tv ขึ้นมา เริ่มจากเครือชินวัตร เห็นชัดแล้วว่า ไอทีวี ที่เข้าไปรับซื้อไว้ ไม่อาจจะหาทางจ่ายเงินให้กับสัมปทานที่ทำไว้กับรัฐได้ ทั้งสัญญาที่เอาเปรียบ บวกกับความผิดพลาดของรัฐบาลที่ทำให้เกิดวิกฤติต้มยำกุ้งขึ้นมาในปี 2540 จนเกือบไม่มีธุรกิจใดยืนหยัดอยู่ได้ แต่ไอทีวี.ก็ยังต้องจ่ายเงินให้รัฐบาลตามสัญญาเดิม
อีกทั้งปัญหาทางการเมืองที่เกิดกระแสต่อต้านระบอบทักษิณอย่างรุนแรง จนนำไปสู่การทำรัฐประหาร จนถึง จุดจบไอทีวี.มาถึง เมื่อมีการทำรัฐประหารโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เผด็จการทหารจึงเข้ามายึดไอทีวี.ไปเป็นของรัฐ
ในเวลาใกล้เคียงกันบริษัทในเครือชินวัตร โดยคุณหญิงพจนมาน ชินวัตร และคุณทักษิณ ชินวัตร ได้มอบให้ คุณพานทองแท้ ชินวัตร หรือคุณโอ๊ค ลูกชายคนเดียวไปดำเนินการเปิด Voice tv คู่ขนานไปด้วยอยู่แล้ว ( เหมือนการชิมลางทดสอบความสามารถในการทำธุรกิจของคุณโอ๊ค) โดยช่วงแรกจึงมีการติดต่อทาบทามคนไอทีวี.เข้าไปศึกษาติดตั้งระบบสร้างองค์กร แต่การเปิดตัว Voice tv ช่วงแรกประกาศนโยบายชัดเจนว่า จะเป็นทีวี.ของคนรุ่นใหม่ เน้นความคิด ไอเดียที่สร้างสรรค์ แบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เน้นจะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ สร้างแรงบันดาลใจ เพื่อความบันเทิง ศิลปะ เป็นหลัก ไม่เป็นสถานีข่าวสาร และหลีกเลี่ยงข่าวการเมืองอย่างชัดเจน
แต่เมื่อ ไอทีวี.ถูกยึดไปและแปรสภาพเป็น ไทยพีบีเอส สำเร็จ ด้วยความเห็นอกเห็นใจ เสียดายบุคลากรข่าวที่มีคุณภาพของไอทีวี. ที่ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นสื่อรับใช้ทักษิณ จนเกือบจะไม่มีช่องไหนรับเข้าทำงาน ผู้บริหาร Voice tv ขณะนั้นจึงเปิดพื้นที่ และยอมปรับเปลี่ยนนโยบายจากเดิมที่ไม่ต้องการเป็นสถานีข่าวการเมืองหนัก ๆ มาเป็น Voice tv ที่เน้นข่าวสารการเมืองมากขึ้น บวกกับ เมื่อพรรคเพื่อไทย พ้นไปจากอำนาจ ถูกอำนาจเผด็จการเล่นงาน จนกลายเป็นพรรคฝ่ายค้าน
Voice tv จึงถูกปรับเปลี่ยน เปิดพื้นที่ เพิ่มเนื้อหา มาเป็นสื่อเพื่อการต่อสู้กับเผด็จการทหาร เรียกร้องต่อสู้เพื่อคนตัวเล็กตัวน้อย ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมสำหรับคนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่อีกนัยหนึ่งซึ่งถือเป็นภารกิจแฝงที่สำคัญของ Voice tv นั่นก็คือการหน้าที่ต่อสู้ เป็นกระบอกเสียง เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพรรคเพื่อไทย และตระกูลชินวัตร ไปด้วยแบบกลาย ๆ อย่างเนียนๆ
จนมาถึงจุดอวสาน "Voice tv" ในวันที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ..ในเวลานี้
ที่ผมยืนยันว่า"Voice tv"มีภารกิจแฝงที่สำคัญคือการเป็นกระบอกเสียงต่อสู้ให้กับตระกูลชินวัตร ด้วยก็เพราะ รายการ Hot topic ที่ผมเป็นพิธีกรอยู่ช่วงเย็นๆ ทุกวัน ก่อนข่าวค่ำ ได้ถูกสั่งปิดรายการกระทันหัน พร้อมเลิกจ้างผมในทันทีอย่างไม่มีเบาะแส หรือพูดคุยอะไรกับผมมาก่อนเลยแม้แต่น้อย เป็นการาสั่งปิดรายการ ขณะที่ผมกำลังเตรียมตัวออกอากาศประมาณ 1 ชั่วโมง. คำอธิบายที่ได้จากผู้บริหารเวลานั้นไม่มีความชัดเจนใด ไม่มีผู้บริหารคนไหนอธิบายกับผมอย่างตรงไปตรงมา
ในฐานะเป็นฟรีแลนซ์ จึงไม่ได้โวยวายมาก เพราะเตรียมใจและเรียนรู้มาแล้วจากไอทีวี.ว่าเป้าหมายการทำธุรกิจสื่อในเครือบริษัทชินวัตรนั้น ไม่ได้ต้องการให้เป็นสถาบันสื่อเพื่อคนมืออาชีพ ทำหน้าที่เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนคนยากไร้คนด้อยโอกาส หรือเพื่อสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้เองที่ผมจึงทำงานที่"Voice tv"ในฐานะฟรีแลนซ์แต่เพียงเท่านั้น แม้ว่าผู้บริหาร"Voice tv"เวลานั้น พยายามคะยั้นคะยอให้ผมป็นพนักงานประจำ เพราะนอกจากจะได้เป็นพิธีกรแล้ว ยังได้ทำหน้าที่ในการบริหารช่องไปด้วย แต่ด้วยเพราะไม่มีความไว้วางใจการทำธุรกิจสื่อของเครือชินวัตรอยู่แล้วแต่ต้น
ผมมาทราบเหตุผลในไม่กี่วันต่อมา ถึงเหตุผลที่รายการ Hot Topic ถูกปิดอย่างกระทันหัน ก็เพราะว่า ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน มีผู้บริหาร Voice tv ได้เดินทางไปพบ คุณทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง และคุณทักษิณได้เปรยขึ้นกับผู้บริหาร Voice tv ว่ารายการที่ผมทำอยู่มักจะเปิดพื้นที่ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นศัตรูทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยอยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่นักวิชาการ หรือสัมภาษณ์ข้าราชการที่ต่อต้านระบอบทักษิณมาก่อน ซึ่งพอคณะผู้บริหาร Voice tv ชุดดังกล่าวกลับมาถึงไทยก็รีบดำเนินการปิดรายการที่ผมทำอยู่ทันที โดยไม่มีวี่แววหรือไม่มีเค้าลางอะไรมาก่อนเลย
ดังนั้น ปิด Voice tv จึงไม่ได้สร้างความรู้สึกอะไรกับผม นอกจากเสียใจกับน้อง ๆ หลายคนที่ต้องตกงานเริ่มหางานกันใหม่ แต่ในขณะที่พรรคเพื่อไทยยังคงอยู่ในอำนาจเป็นรัฐบาล คงจะพอหาช่องทางโอกาสได้อยู่ไม่มากก็น้อย
แต่ต้องบอกว่า “โล่งใจ” กับการที่ Voice tv ต้องปิดตัวไป นั่นก็คือจะได้หมดความรำคาญกับ “ตรรกะป่วยๆ” ของบรรดา นายแบกนางแบกเสียที ...

ชวนดูรายการ Hot Topic ทางช่อง Voice TV เมื่อ12ปีที่แล้ว(ปี2555) ชื่อตอน"เหยื่อ112ปรองดองกับใคร?" ถ้าวันนั้นไม่มีว้อยซ์TVก็คงไม่มีสื่อใดในยุคนั้นกล้าเสนอเรื่องเกี่ยวกับม.112 12ปีผ่านไปสรุปว่าสังคมไทยยังคงวนลูปเดิมอยู่


ชมคลิปที่
(https://www.dailymotion.com/video/xr6q5j?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0O_DJUKA_w-lKyqqvSj1ebedr-nc0grWoqbfIM2uEBIPi37-ZvHMBuhr8_aem_AdYi-j4LlzalRm1HGbjyx6Y4wBSNzCBWJdCwbCIjfZB-X1d8hQuu2mNb5E9eaBPYy1wNbydqUjyEi94mAER_u9GC)

Nithiwat Wannasiri
1h ·

ชวนดูรายการ Hot Topic ทางช่อง Voice TV เมื่อ12ปีที่แล้ว(ปี2555) ชื่อตอน"เหยื่อ112ปรองดองกับใคร?"
ในการผลักดันให้รวมผู้ถูกคุมขังคดีมาตรา112อยู่ในการนิรโทษกรรมทางการเมืองในครั้งนั้นด้วย
ได้รับเชิญไปสัมภาษณ์จากคุณ Jom Petchpradab
ในนามผู้ประสานงานกลุ่มเสรีราษฎร
ถ้าวันนั้นไม่มีว้อยซ์TVก็คงไม่มีสื่อใดในยุคนั้นกล้าเสนอเรื่องเกี่ยวกับม.112
12ปีผ่านไปสรุปว่าสังคมไทยยังคงวนลูปเดิมอยู่


บัสบาสยุติอดอาหาร แต่ยังสู้ต่อในเรือนจำ กังวลเหตุปลายเดือนที่แล้ว มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบไปตามหาพ่อที่บ้าน


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
15h
·
บัสบาสยุติอดอาหาร แต่ยังสู้ต่อในเรือนจำ กังวลเหตุปลายเดือนที่แล้ว มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบไปตามหาพ่อที่บ้าน
.
.
วันที่ 25 เม.ย. 2567 ที่เรือนจำกลางเชียงราย ทนายความเข้าเยี่ยม “บัสบาส” มงคล ถิระโคตร นักกิจกรรมในจังหวัดเชียงรายวัย 30 ปี ที่ถูกศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาลงโทษจำคุก 50 ปี ในคดีตาม #มาตรา112 และศาลฎีกามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างฎีกา ทำให้เขาถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค. 2567
.
บัสบาสแจ้งว่าตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. 2567 เขาได้ยุติการอดอาหารแล้ว เนื่องจากมีสภาพร่างกายอ่อนเพลียมาก ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงนี้ รวมระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. 2567 บัสบาสอดอาหารมา 58 วัน เพื่อร่วมเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมืองทุกคน
.
บัสบาสทราบว่ากระแสความสนใจเรื่องนี้ไม่ได้มีมากนัก แต่ก่อนหน้านี้เขาก็ยังยืนยันจะแสดงออกด้วยปฏิบัติการนี้ เท่าที่ร่างกายตัวเองจะไหว เพราะเป็นสิ่งที่พอทำได้จากในเรือนจำ และเขายังต่อสู้ต่อไป
.
เมื่อวันที่ 24 เม.ย. พ่อของบัสบาสยังเพิ่งเดินทางมาเยี่ยมที่เรือนจำ เขาเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของพ่อที่ไม่ค่อยแข็งแรงและอายุมากแล้ว นอกจากนั้นยังเป็นห่วงในเรื่องการคุกคามจากเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะทราบว่าในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีกลุ่มชายประมาณ 4-5 คน ที่คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบไปติดตามหาพ่อที่บ้าน แต่พ่อไม่อยู่ จึงไปสอบถามกับเพื่อนบ้าน ถึงความเป็นอยู่ต่าง ๆ ของบ้านบัสบาสแทน
.
ก่อนหน้านี้เพื่อนของบัสบาสได้ขอคำปรึกษาปัญหาเรื่องระบบการเยี่ยมของเรือนจำเชียงราย ที่อนุญาตให้ญาติเยี่ยมได้เพียงเดือนละ 1 ครั้ง และลงทะเบียนเยี่ยมทางออนไลน์ได้อีก 1 ครั้ง ซึ่งกำหนดเวลาประมาณ 10 นาที ทำให้พ่อกับแม่ของบัสบาสแทบจะไม่ได้มาเยี่ยม หลังจากลูกถูกคุมขัง แตกต่างจากเรือนจำที่อื่น ๆ อาทิที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ ญาติยังเยี่ยมได้อาทิตย์ละครั้ง ซึ่งเพื่อนบัสบาสอยากหาทางร้องเรียนในเรื่องนี้ต่อไป เพราะเห็นว่าเป็นการจำกัดสิทธิเกินไป
.
บัสบาสยังพูดถึงปัญหาการส่งจดหมาย หลังเขาได้รับจดหมายที่คนภายนอกส่งเข้ามาบางส่วน โดยเป็นจดหมายที่ส่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับอีกเลย ตัวเขาเองได้ส่งจดหมายสั้น ๆ ไปถึงพ่อกับแม่ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน แต่จากการสอบถาม ก็พบว่าที่บ้านก็ยังไม่เคยได้รับจดหมาย แม้จะเป็นการส่งถึงบุคคลที่อยู่ภายในรายชื่อที่เยี่ยมญาติได้ก็ตาม
.
บัสบาสจึงอยากให้มีการตรวจสอบในเรื่องนี้ เพราะไม่ทราบว่ามีการปิดกั้นจดหมาย ไม่ส่งจดหมายออก หรือไม่นำจดหมายมาให้หรือไม่ แม้จะเขียนเรื่องชีวิตประจำวันทั่วไปก็ตาม ตอนนี้เขาอยากทราบรายละเอียดทั้งตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ และระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องการส่งจดหมาย และการติตด่อสื่อสารของผู้ต้องขัง ว่ากำหนดอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อย่างไรกันแน่
.
บัสบาสอยากฝากเชิญชวนเพื่อน ๆ ภายนอก ร่วมกันบริจาคหนังสือที่ดี ๆ เข้าไปภายในเรือนจำได้ โดยไม่สามารถส่งให้ผู้ต้องขังส่วนตัวได้ แต่มีห้องสมุดในเรือนจำแดน 1 ที่เขาอยู่ ผู้ต้องขังสามารถไปยืมมาได้ ซึ่งตอนนี้พบว่าส่วนใหญ่มีเป็นหนังสือแนวศาสนา และนวนิยายอีกนิดหน่อย ส่วนหนังสือแนวปรัชญา แนวการเมือง หรือแนวที่น่าสนใจอื่น ๆ มีน้อยมาก โดยเขาคิดว่าหนังสือแนวปรัชญาการเมืองน่าจะสามารถส่งเข้ามาได้
.
สามารถส่งจดหมายไปที่ มงคล ถิระโคตร แดน 1 เรือนจำกลางเชียงราย เลขที่ 222 หมู่ที่ 3 ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย 57000
.
.
อ่านบนเว็บไซต์ https://tlhr2014.com/archives/66484
.

โพสต์ล่าสุดจากเรือนจำ จากอานนท์ นำภา 26 เม.ย. 2567


อานนท์ นำภา
9h ·

“ผู้หญิงคนนั้นถือรองเท้าขึ้นศาล”
.
26 เม.ย. 2567 ถึงปราณและขาลลูกรัก
.
อย่าแปลกใจ ถ้าเวลาเจอพ่อแล้วพ่อเดินเท้าเปล่า ไม่ใช่ว่าเรือนจำจะไม่ให้ผู้ต้องขังใส่รองเท้า ความจริงเรือนจำอนุญาตให้ผู้ต้องขังใส่รองเท้าแตะไปศาลได้มาซักพักแล้ว แต่เป็นศาลเองที่ออกระเบียบห้ามผู้ต้องขังสวมรองเท้าแตะขึ้นห้องพิจารณา เวลาพ่อออกศาล พ่อจึงสวมรองเท้าแตะขึ้นรถเรือนจำออกไปปล้วต้องวางทิ้งไว้ที่ห้องขังใต้ถุนศาล แล้วเดินเท้าเปล่าขึ้นห้องพิจารณา
.
หลายเดือนก่อน มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินถือรองเท้าไปศาล เธอเพียงต้องการให้สามีเธอได้สวมรองเท้าเหมือนคนปกติในห้องพิจารณาของศาล มันเป็นรองเท้าคู่ใหม่ที่เธอเพิ่งซื้อมายี่ห้อไนกี้สีน้ำตาล เธอเอามาให้สามีเธอลองใส่ว่าใส่ได้หรือไม่ ปรากฎว่ามันเล็กไป อีกสักสองสัปดาห์ เธอจึงเอาอีกคู่มาให้ลองใส่ ทราบภายหลังว่าเธอเอาไปเปลี่ยนให้ขนาดพอดีกับเท้าของสามีเธอ แล้วเธอก็ขอร้องให้เขาสวมมันเดินในห้องพิจารณา
.
สามีเธอปฎิเสธที่จะใส่มัน!
.
เหตุผลคือ ถ้าสามีเธอใส่รองเท้าแตะในห้องพิจารณาของศาล คนที่จะโดนศาลด่าก็คือเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่คุมตัวสามีเธอมา เขาไม่ต้องการให้ใครต้องมาโดนด่าหรือเดือดร้อนเพราะเขา
.
ภาพของผู้หญิงคนนั้นที่เดินถือรองเท้ามาศาลยังคงติดตรึงในห้วงสำนึกของพ่อ พ่อฝากลูกทั้งสองให้กำลังใจผู้หญิงคนนั้นด้วย ดูแลและหอมแก้มเขาก่อนนอน บอกเขาว่า พ่อจะรอวันที่จะได้ออกไปสวมรองเท้าคู่นั้น “ไนกี้สีน้ำตาล”
.
รักและคิดถึงลูกทั้งสอง
อานน์ นำภา แดน




.....

อานนท์ นำภา
13h
·
ประกาศ ประกาศ และฝากแชร์
.
อยากขอรับหนังสือกฎหมายที่ทุกคนไม่ใช้แล้ว หรือแม้แต่หนังสือเรียนกฎหมายก็ได้ เพื่อส่งให้เพื่อนๆในเรือนจำ เนื่องจากเพื่อนๆที่ถูกขังอยู่ หลายคนเริ่มมีความสนใจด้านกฎหมาย มีคนที่เรียนกฎหมายและสนใจการเรียนต่อกฎหมาย โดยพวกเขาอยากอ่านหนังสือเพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจของตัวเอง แต่ไม่มีหนังสือกฎหมายอ่าน
……….
ถ้าใครสนใจบริจาคหนังสือประเภทนี้หรือมีแล้วไม่ได้ใช้งาน สามารถส่งต่อมาได้ที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่าบริจาคหนังสือ
……….
ที่อยู่
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
66/4 ซ.ลาดพร้าว 16 แขวงจอมพล เขตจตุจักร
10900



ปิด Voice TV ทักษิณ หันหลังให้ Mass politics ? อธิบายอีกแบบหนึ่ง คือ เลือกตั้งครั้งหน้า ชินวัตร ไม่จำเป็นต้องหวังชนะเลือกตั้งเป็นที่หนึ่งอีกแล้ว คือ แม้ได้ที่ 3 ที่ 4 ก็ได้ ขอแค่ฉันได้ร่วมผสมอยู่ในรัฐบาลผสม


.....
Kritsada Aiken
10h
·
ในฐานะที่เป็น fc Voice TV ตั้งแต่เปิดสถานีปี 2010 มาจน unsubscribe ไปเมื่อปีที่แล้ว ขอวิเคราะห์ว่า การที่ตระกูลชินวัตร ไม่สนับสนุนเงิน Voice TV ต่อ จนปิดกิจการ ไม่ใช่เป็นเรื่องขาดทุนอย่างเดียว เพราะหลังรัฐประหาร 2014 Voice ก็ขาดทุนเยอะมาก อาจจะเยอะกว่าตอนนี้ด้วยซ้ำ แต่ไม่ตัดสินใจปิด เพราะตอนนั้น พท ต้องการเล่นเกมส์มวลชนต่อ และ Voice ก็คือปากเสียงที่ดึงมวลชน แต่การปิดครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณว่า เพื่อไทยหันหลังให้ Mass politics เดินหน้าสู่การเมืองแบบบ้านใหญ่-อนุรักษ์นิยม เต็มตัว (แนวทางแบบพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่อนุรักษ์นิยมอุดมการณ์ แบบรวมไทยสร้างชาติ) … อธิบายอีกแบบหนึ่ง คือ เลือกตั้งครั้งหน้า ชินวัตร ไม่หวังชนะเลือกตั้งอีกแล้ว คือ ได้ที่ 3 ที่ 4 ก็ได้ขอแค่ฉันได้ร่วมผสมอยู่ในรัฐบาล coalition

(https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=401234452784959&id=100086952220346&ref=embed_post)
.....

Thanapol Eawsakul
12h
·
ถ้าใครเคยอ่านผลประกอบการ วอยซ์ ทีวี จะไม่แปลกใจ
วอยซ์ ทีวี ไม่เคยขาดทุนต่ำกว่าปีละ 100 ล้านเลยในรอบ 10 ปี
ดังนั้น คนอย่างทักษิณ ชินวัตร เมื่อเขาได้ทุกอย่างแล้ว เขาไม่แบกต่อไปหรอกครับ
.....





ทักษิณ เท วอยซ์ ทีวีไปแล้ว เลือกตั้งครั้งหน้า อาจจะเทเพื่อไทย (เพื่อ Rebrand อาณาจักรใหม่ ?)


(https://twitter.com/Xyxell/status/1783684435604590902/photo/1)

Thanapol Eawsakul
12h
·
ทักษิณ เท วอยซ์ ทีวีไปแล้ว
เลือกตั้งครั้งหน้า อาจจะเทเพื่อไทย ต่อด้วย
ไม่มีอะไรให้ต้องเสี่ยงอีกแล้ว
ใครฝากอนาคตไว้กับพรรคเพื่อไทยคิดดี ๆ นะครับ
อันนี้หมายถึงชนชั้นนำที่ทำสัญญาปีศาจดัวยกัน
.....



@itshe88
·12h
คุณอมรัตน์ว่าเขาปิดเพื่อทำแบรนด์ใหม่ไหมคะ เพราะไม่อยากแบกคาแรกเตอร์เดิม หนีฟรุตปริ้นส์

@AmaratJeab
·12h
ไปทำแบรนด์ใหม่ ถึงอย่างไรก็ดีขึ้นค่ะ คงได้บทเรียนไม่ให้พื้นที่กับ toxic มากเท่าเก่าแล้ว


ส่องเพจ อ.ลูกบิด อานนท์ "โหวกเหวกวิวาทว้อยซ์ ทีวี แขกแบกมานานปี บ่นบ้า จำจรจากลาที ทับท่วม ขาดทุน ส้มแดงหลอมหล่อหน้า ร่วมเหล้นการเมือง"


Arnond Sakworawich
10h
·
โหวกเหวกวิวาทว้อยซ์ ทีวี
แขกแบกมานานปี บ่นบ้า
จำจรจากลาที ทับท่วม ขาดทุน
ส้มแดงหลอมหล่อหน้า ร่วมเหล้นการเมือง


กกต. เตือน ชวนประชาชน สมัคร สว. คณะก้าวหน้า มีหนาว ที่จริง กกต. คือคนที่หนาว


เรื่องเล่าเช้านี้ @MorningNewsTV3

พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวการเมืองช่อง 3 ถึงกรณี กกต. ออกประกาศว่าไม่สามารถจูงใจหรือชี้ชวนบุคคลให้สมัครเป็น สว. ได้ ว่า เรื่องนี้ต้องแยกให้ชัดว่า กกต. กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ วันนี้มีความเคลื่อนไหวจาก กกต. 2 ชุด ชุดแรกเป็นการออกระเบียบของ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวผู้สมัคร สว. โดยระเบียบนี้ ตนอ่านแล้วก็สบายใจว่าสอดคล้องกับที่ประธาน กกต. เคยพูดไว้ว่าการรณรงค์เชิญชวนคนไปสมัคร สว. ของคณะก้าวหน้าไม่ผิดกฎหมายอะไร เพราะก็ทำแบบเดียวกับ กกต. คือเชิญชวนคนไปมีส่วนร่วมทางการเมือง ตัวระเบียบนี้ก็ออกมาชัดเจนว่าสามารถมีผู้ช่วยแนะนำตัวได้ ซึ่งคล้ายกับผู้ช่วยหาเสียงในกรณีของ สส. 

ขณะเดียวกัน กกต.ก็ออกประกาศโพสต์ในเฟซบุ๊กอีก ระบุชัดเจนว่าการรวมกลุ่มการแสดงตัวในหน้าเว็บไซต์ไม่ถูกต้อง กกต. เก็บข้อมูลไว้แล้ว มีการกล่าวในลักษณะว่าให้หยุดการกระทำ หากไม่หยุดจะถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ซึ่งหากเอาให้ชัดคือ “ไม่ใช่แคมเปญของคณะก้าวหน้า” แต่ กกต.กำลังพุ่งเป้าไปที่เว็บไซต์ Senate 67 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของภาคประชาชน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคณะก้าวหน้า เพียงแต่เวลาเรารณรงค์ให้ประชาชนลงไปสมัคร สว. เราก็เเนะนำว่าให้ไปแสดงตัวในเว็บไซต์นี้ เพราะเป็นข้อมูลเปิด (Open source) ให้ประชาชนเข้าไปดูได้ว่ามีใครบ้าง เพื่อให้ประชาชนทำการบ้านไปก่อน ถือเป็นเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกให้ประชาชน 

เมื่อ กกต. โพสต์เฟซบุ๊กแบบนี้ คำถามแรกก็คือแม้จะไม่ได้กระทบอะไรกับคณะก้าวหน้า แต่ กกต.ใช้อำนาจอะไร เพราะในระเบียบของ กกต. ที่ออกมาในวันเดียวกัน ไม่มีข้อไหนเลยนะคะที่บอกว่าห้าม Senate 67 ไม่สามารถตีความได้เลยว่าเว็บไซต์ Senate 67 ผิดระเบียบข้อไหน แล้วทำให้ตั้งคำถามได้ต่อไปว่า กกต. เอาอำนาจใหม่มาบังคับใช้ #เรื่องเล่าเช้านี้ #ข่าวช่อง3 #ข่าวการเมือง

.....


Pannika Wanich @Pannika_FWP

ไม่หนาวนะคะ ร้อนมาก🥹

กกต. บอกชัดว่าการรณรงค์ให้ประชาชนไปสมัคร สว. ทำได้ เพราะเป็นการรณรงค์แบบเดียวกับที่กกต.ทำ เพราะฉะนั้นย้ำตรงนี้ว่า คณะก้าวหน้าจะเดินหน้ารณรงค์ต่อเนื่อง ใครจะมาฟังพวกเราก็ไม่ต้องกังวลนะคะ ถูกกฎหมายทุกประการ 

คนที่หนาวตอนนี้น่าจะเป็นคนที่พยายามสร้างความกลัว ทำให้คนเข้าใจผิดว่าแคมเปญของเราผิดกฎหมายมากกว่า


อยากสมัคร สว. รีบดูด่วน ระเบียบ กกต. วางเงื่อนไขไว้หลายอย่าง การแนะนำตัวทางอิเล็กทรอนิกส์ ต้องส่งให้เฉพาะผู้สมัครด้วยกัน



อยากสมัคร สว. 67 ดูด่วน กกต. ออกระเบียบ สร้างเงื่อนไขการแนะนำตัวผู้สมัคร

เมษายน 26, 2024
iLaw

ระบบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดใหม่ภายใต้ระบบ “แบ่งกลุ่มอาชีพ” – “เลือกกันเอง” ตามรัฐธรรมนูญ 2560 เฉพาะผู้สมัคร สว. ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปเท่านั้น ที่จะมีสิทธิในการ “เลือก” ผู้ที่สมควรจะเป็น สว. ทำหน้าที่ในรัฐสภาเป็นผู้แทนปวงชนได้ ระบบนี้เป็นระบบที่ถูกออกแบบมาใหม่ โดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 (กรธ.) นำโดยมีชัย ฤชุพันธุ์

นอกจากระบบที่ออกแบบมาให้ประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิเข้าไปเลือก สว. ได้ ต่างจากการเลือกตั้ง สส. และต่างจากการเลือกตั้ง สว. ตามรัฐธรรมนูญ 2540 และรัฐธรรมนูญ 2550 ผู้สมัคร สว. 2567 ยังไม่สามารถหาเสียงได้ ทำได้เพียงแต่ “แนะนำตัว” ตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนด

วันที่ 26 เมษายน 2567 ราชกิจจานุเบกษาก็เผยแพร่ระเบียบ กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 (ระเบียบ กกต. การแนะนำตัวฯ) มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2567) โดยวางเงื่อนไขในการแนะนำตัวของผู้สมัครอย่างเข้มข้น

ทำเอกสารแนะนำตัวได้ไม่เกินสองหน้าเอสี่ แนะนำตัวทางอิเล็กทรอนิกส์จำกัดให้รู้เฉพาะผู้สมัคร สว.

ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 (พ.ร.ป.สว. ฯ) ซึ่งเป็นกฎหมายหลักในการกำหนดรายละเอียดเรื่องการเลือก สว. มาตรา 36 วางหลักให้ ผู้สมัครแนะนำตัวได้ตามวิธีการและเงื่อนไขที่ กกต. กำหนด และในวรรคสองยังระบุอีกว่า หากบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่ผู้สมัคร จะช่วยเหลือผู้สมัครในการแนะนำตัว ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ กกต. กำหนดด้วย และในมาตรา 70 กำหนดบทลงโทษว่า ผู้สมัคร รวมถึงบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้สมัคร หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเรื่องการแนะนำตัว ที่กกต. กำหนด จะมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งห้าปี

สำหรับวิธีการแนะนำตัว ระเบียบ กกต. การแนะนำตัวฯ ข้อ 5 ระบุว่า ให้ “ผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือก” สามารถแนะนำตัวตามระเบียบนี้ได้นับแต่วันที่ระเบียบฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ส่วนวิธีการแนะนำตัว ในระเบียบระบุไว้สองกรณี

กรณีแรก การแนะนำตัวแบบใช้เอกสาร ผู้สมัครสามารถทำเอกสารแนะนำตัวได้ ระบุข้อความยาวไม่เกินสองหน้ากระดาษเอสี่ (ข้อ 7) โดยสิ่งที่สามารถระบุในเอกสารได้ คือ
  • ข้อมูลส่วนตัว
  • รูปถ่าย
  • ประวัติการศึกษา
  • ประวัติการทำงาน หรือประสบการณ์ในการทำงานในกลุ่มที่สมัคร
ทั้งนี้ ผู้สมัครไม่สามารถนำเอกสารแนะนำตัว ไปแจกในสถานที่เลือก หมายความว่า ถ้าผู้สมัคร สว.จะแจกเอกสารแนะนำตัวกัน ก็ต้องทำภายนอกสถานที่เลือก ก่อนการเลือกระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ

กรณีที่สอง การแนะนำตัวผ่านทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ผู้สมัครสามารถทำได้ “ด้วยตนเอง” ซึ่งหมายความว่า หากจะแนะนำตัวผ่านโซเขียลมีเดียต่างๆ การส่ง การเผยแพร่ข้อความ จะต้องทำผ่านบัญชีส่วนตัวของผู้สมัครรายนั้น โดยการแนะนำตัวผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิสก์ ผู้สมัครต้องใช้ข้อความเหมือนในเอกสารแนะนำตัวที่เป็นกระดาษตามกรณีแรก และเผยแพร่แก่ “ผู้สมัครอื่น” ในการเลือกเท่านั้น (ข้อ 8)

หากผู้สมัครจะแนะนำตัวผ่านทางช่องทางออนไลน์ เช่น การส่งข้อความทางไลน์ เฟซบุ๊ก หรือโซเชียลมีเดียอื่นๆ ก็ต้องจำกัดส่งให้เฉพาะ “ผู้สมัครอื่น” หรือตั้งค่าให้เฉพาะผู้ที่สมัคร สว. เท่านั้นที่จะเห็นข้อความการแนะนำตัว ขณะที่สาธารณชน จะไม่สามารถเห็นได้เลยว่าผู้สมัคร สว. แต่ละคน แนะนำตัวกันอย่างไร หรือพูดอีกอย่างคือ ระเบียบ กกต. การแนะนำตัวฯ ออกแบบมาให้เฉพาะ “ผู้สมัคร สว.” พูดคุยกันเอง แนะนำตัวเองเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขเรื่องผู้สมัครจะแนะนำตัวผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์โดยเผยแพร่ได้เฉพาะ “ผู้สมัครอื่น” เท่านั้น ใช้แค่กับกรณีการแนะนำตัวผ่านช่องทางนี้ หากเป็นการแนะนำในกรณีแรก คือการแนะนำตัวแบบใช้เอกสารปรินท์เป็นกระดาษออกมา ในระเบียบ กกต. ข้อ 11 (3) ห้ามแจกเอกสารแนะนำตัวด้วยการวาง โปรย หรือติดประกาศในที่สาธารณะ ในระหว่างวันที่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภามีผลบังคับใช้ จนถึงวันที่ กกต. ประกาศผลการเลือก สว. เท่ากับว่าหากผู้สมัคร สว. อยากแนะนำตัวด้วยเอกสาร โดยติดประกาศในที่สาธารณะ หรือวางในที่ต่างๆ ก็สามารถทำได้ก่อนพระราชกฤษฎีกาประกาศใช้

นอกจากนี้ หากผู้สมัคร สว. จะมีผู้ที่ช่วยเหลือในการแนะนำตัว รวมถึงบุคคลอื่นที่อยากจะช่วยเหลือผู้สมัครแนะนำตัว ก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการในระเบียบ กกต. ก่อน ข้อ 9 กำหนดว่า ก่อนจะดำเนินการแนะนำตัว ผู้สมัคร สว. ต้องแจ้งชื่อ คนอื่นที่ผู้สมัครยินยอมให้ช่วยเหลือแนะนำตัว หรือเรียกว่า “ผู้ช่วยเหลือผู้สมัคร” ต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดด้วย และหากจะเปลี่ยนแปลงชื่อก็ต้องแจ้งด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเป็นกรณีที่ผู้สมัครให้ สามี ภรรยา หรือบุตร เป็นผู้ช่วยเหลือผู้สมัคร ไม่จำเป็นต้องแจ้งชื่อ

กรณีที่ผู้สมัครไม่ได้แจ้งชื่อผู้ช่วยเหลือผู้สมัคร ถ้าผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดได้รับแจ้งเรื่องนี้ สามารถแจ้งให้ผู้สมัครปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ ถ้าผู้สมัครยังไม่ดำเนินการตาม ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดอาจนำมาเป็นเหตุดำเนินการสืบสวนหรือไต่สวน ตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาดได้

หลัง พ.ร.ฎ. ออก จนถึงวันประกาศผล ผู้สมัคร สว. แนะนำตัว-ให้สัมภาษณ์ออกสื่อไม่ได้

สำหรับข้อห้ามในการแนะนำตัว ระเบียบ กกต. การแนะนำตัวฯ กำหนดข้อห้ามผู้สมัคร และผู้ช่วยเหลือผู้สมัคร ดังนี้
  • ห้ามผู้สมัคร หรือผู้ช่วยเหลือผู้สมัคร นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการแนะนำตัว (ข้อ 10)
  • นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภามีผลบังคับใช้ จนถึงวันที่ กกต. ประกาศผลการเลือก สว. ห้ามผู้สมัครหรือผู้ช่วยเหลือผู้สมัคร แนะนำตัวในกรณีดังต่อไปนี้ (ข้อ 11)
    • ฝ่าฝืนข้อห้ามตาม พ.ร.ป. สว. ฯ กล่าวคือ ห้ามแนะนำตัวโดยจัดให้มีมหรสพ งานรื่นเริง ตามมาตรา 77 (2)
    • ผู้ที่ประกอบอาชีพสื่อ-สายบันเทิง ห้ามใช้ความสามารถหรืออาชีพตัวเองเอื้อประโยชน์ในการแนะนำตัว
    • ห้ามแจกเอกสารแนะนำตัวด้วยการวาง โปรย หรือติดประกาศในที่สาธารณะ
    • ห้ามแนะนำตัวโดยใช้ถ้อยคำรุนแรงหรือปลุกระดมก่อให้เกิดความไม่สงบในพื้นที่
    • ห้ามแนะนำตัวทางวิทยุ โทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์
    • ห้ามให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน นักข่าว หรือสื่อโฆษณา ที่เผยแพร่ทางแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ
    • ห้ามจงใจไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบนี้
ระเบียบ กกต. ห้ามเยอะกว่า พ.ร.ป. สว.ฯ ผู้สมัคร ห้ามยอมให้ผู้สมัครคนอื่นเข้ามา “ช่วยเหลือ”

ในพ.ร.ป. สว.ฯ หนึ่งในข้อห้ามสำคัญของผู้สมัคร คือ ห้ามผู้สมัครใดยินยอมให้บุคคลต่อไปนี้ “ช่วยเหลือเพื่อให้ได้รับเลือกเป็น สว.” (มาตรา 76 วรรคสอง)
  • กรรมการบริหารพรรคการเมือง
  • ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นใดในพรรคการเมือง
  • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
  • สมาชิกสภาท้องถิ่น
  • ผู้บริหารท้องถิ่น
  • ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
หากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น

นอกจากข้อห้ามข้างต้น ตามพ.ร.ป. สว.ฯ มาตรา 76 ระเบียบ กกต. การแนะนำตัวฯ ข้อ 12 ยังกำหนดข้อห้ามที่ดูเผินๆ เหมือนจะคล้ายกัน แต่เขียน “กว้าง” กว่ามาก โดยระบุห้าม “ผู้สมัคร” ยินยอมให้บุคคลเหล่านี้เข้ามา “ช่วยเหลือผู้สมัครไม่ว่ากรณีใดๆ”
  • ผู้สมัครคนอื่น
  • กรรมการบริหารพรรคการเมือง
  • ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นใดในพรรคการเมือง
  • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
  • สมาชิกสภาท้องถิ่นผู้บริหารท้องถิ่น
  • ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
การที่ระเบียบ กกต. เขียนไว้เช่นนี้ เป็นการระบุกว้างกว่ากรณีของมาตรา 76 ที่กำหนดเฉพาะห้ามผู้สมัครยินยอมให้ผู้อื่น “ช่วยเหลือเพื่อให้ได้รับเลือกเป็น สว.” ขณะที่กรณีของข้อ 12 กำหนดไว้ว่าเป็นการ “ช่วยเหลือผู้สมัครไม่ว่ากรณีใดๆ” โดยข้อความดังกล่าวเปิดพื้นที่ให้ กกต.ใช้ดุลยพินิจในการตีความว่าการกระทำใดที่จะเป็นการช่วยเหลือผู้สมัคร และขัดต่อระเบียบฉบับนี้

https://www.ilaw.or.th/articles/30357


ในห้วงเวลากว่าสิบปี ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งในรายการที่จุดกระแสให้ Voice TV กลายเป็นที่รู้จักคือ Divas Cafe ที่ครั้งหนึ่งเคยมี แขก คำผกา ช่อ พรรณิการ์ และโบว์ ณัฏฐา มานั่งวิเคราะห์ข่าวอย่างออกรสออกชาติพร้อมข้อมูลแน่นปึ้ก ที่ให้ความสำคัญกับสิทธิของผู้หญิงและแนวคิดแบบหัวก้าวหน้า



Divas Café รายการทีวีถูกตีตรา ‘ควายแดง’ เคยมีดรีมทีม ‘แขก-ช่อ-โบว์’ ทำเนื้อหาที่มาก่อนกาล

19 พ.ค. 2566
The People

รายการ ‘ดีว่า คาเฟ่’ (Divas Café) อดีตรายการยอดฮิตของช่อง Voice TV ที่ครั้งหนึ่ง ‘แขก คำผกา’ ‘ช่อ พรรณิการ์’ และ ‘โบว์ ณัฏฐา’ ตัวตึงจากหลากหลายขั้วในปัจจุบันเป็นพิธีกรร่วมกัน ภาพความทรงจำของรายการทีวีที่มีผู้หญิงวิเคราะห์เรื่องต่าง ๆ ด้วยแนวคิดแบบหัวก้าวหน้า คุยด้านสิทธิ เสรีภาพ
  • ครั้งหนึ่งในอดีต ‘แขก - คำผกา’, ‘ช่อ - พรรณิการ์’ และ ‘โบว์ - ณัฏฐา’ เคยทำรายการ ‘ดีว่าส์ คาเฟ่’ (Divas Café) ร่วมกัน เป็นรายการเนื้อหาเชิงวิเคราะห์โดยผู้หญิงที่พูดถึงแง่มุมที่ก้าวหน้า
  • แม้รายการนี้จะยุติลงแล้ว แต่ในปัจจุบัน ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของทั้งสภาพการเมือง สถานะและบทบาทของพิธีกรหลายรายจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ตัวรายการ พิธีกร และเนื้อหา ยังถือเป็นอีกหมุดหมายหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในสังคมหลายแง่มุม
เมื่อไม่กี่วันมานี้ เพจเฟซบุ๊คที่ชื่อว่า ‘Double Standard’ ได้แชร์รูปภาพรายการ ‘ดีว่าส์ คาเฟ่’ (Divas Café) อดีตรายการยอดฮิตของช่อง Voice TV ที่ครั้งหนึ่ง คุณ ‘แขก คำผกา’ คุณ ‘ช่อ พรรณิการ์’ และคุณ ‘โบว์ ณัฏฐา’ เคยเป็นพิธีกรร่วมกัน ทำเอาหลายคนตื่นเต้นตกใจ และอยากรู้ว่านั่นคือเรื่องจริงเหรอ บรรยากาศของรายการจะเป็นอย่างไร เขาตีกันไหม ย้อนความไปจนถึงรายการนั้นคือรายการอะไร เกี่ยวกับอะไร ถึงขั้นหลายคนย้อนกลับไปดูเทปเก่า ๆ

บทความนี้จึงอยากอธิบายความเป็นมาเป็นไปของรูปภาพดังกล่าว รวมถึงเนื้อหาของรายการ Divas Café ที่สุดแสนจะก้าวหน้า ยิ่งไปกว่านั้น เวลาที่ผ่านมาแล้วกว่าทศวรรษ รายการนี้ได้ทิ้งอะไรให้แก่สังคมไทยไว้บ้าง และเราควรถูกจัดวาง Divas Café ไว้ตรงไหนในประวัติศาสตร์สื่อและวิวัฒนาการของประชาธิปไตยไทย

ย้อนกลับไปในช่วง 1-2 ทศวรรษ หากพูดถึงรายการของผู้หญิง เราคงทราบกันว่าโดยมากจะเป็นรายการข่าวบันเทิง ซุบซิบดารา หรือขยับขึ้นมาหาสาระหน่อยก็อาจจะเป็น ‘ผู้หญิงถึงผู้หญิง’ หรือ ‘แจ๋ว’ ซึ่งประเด็นส่วนมากจะเป็นเกล็ดความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพและเคล็ดลับตามแบบฉบับแม่บ้าน มีบ้างที่จะพูดถึงประเด็นสังคม แต่ก็เป็นการวิเคราะห์บนฐานคิดแบบศีลธรรมอันดี ความดี - ชั่วแบบคาดเดาได้

จนกระทั่ง ต้นปี 2012 ช่อง Voice TV ได้เปิดตัวรายการใหม่คือ Divas Café เป็นรายการวิเคราะห์ข่าวของผู้หญิงโดยมีพิธีกรหญิงสามคนหลัก ๆ (เหล่าแฟนคลับรู้ดีว่าเราจะเรียกการรวมตัวของสามท่านนี้ว่าเป็น กาแฟรสดั้งเดิม เพราะเป็นพิธีกรรุ่นแรก) ซึ่งประกอบด้วย‘
  • ลักษณา ปันวิชัย’ หรือ ‘คำผกา’ หรือ ‘พี่แขก’ หรือ ‘นางแบกเพื่อไทย’ เป็น ดีว่าส์สายการเมือง ผู้วิพากษ์วิจารณ์ประเด็นทางการเมืองอย่างเผ็ดร้อน ตรงไปตรงมา พี่แขกให้มุมมองต่อเรื่อง ๆ หนึ่งที่ไปไกลกว่าฐานคิดแบบดี-ชั่ว พยายามอ้างอิงทฤษฎีและเนื้อหาในบทความของบรรดานักวิชาการชื่อดังทั้งของไทยและต่างประเทศโดยนำมาอธิบายให้เข้าใจได้ง่าย บางครั้ง อาจมีบ้างที่พี่แขกจะโดน SMS หรือ comment จากผู้ชมบางส่วนที่บ่นเรื่องอารมณ์โกรธของพี่แขกที่โทนส่งให้เสียงแหลมปี๊ด แต่เธอก็ไม่แคร์
  • ‘มนทกานติ รังสิพราหมณกุล’ หรือ ‘พี่เบีย’ อดีต บ.ก. นิตยสาร Madame Figaro ฉบับภาษาไทย พี่เบียรับหน้าที่เป็น ดีว่าส์สายแฟชั่น ภาพจำของเธอคือเสียงนุ่ม ๆ เรียกผู้ชมให้ช่วยกันส่ง SMS เข้ามาทักทายพิธีกรและร่วมแสดงความคิดเห็นในรายการ และท่านั่งไขว่ห้างซิกเนเจอร์ที่ทำให้ขาดูเรียวสวยจนดีว่าส์ทุกคนต้องทำตาม เรื่องเล่าเกี่ยวกับแฟชั่นของพี่เบียไม่ได้เป็นเพียงการบอกเล่าถึงความสวยงามหรือความหรูหราของสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม แต่เสื้อผ้าแต่ละชิ้นจะถูกโยงเข้ากับริบทของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมือง
  • ‘วันรัก สุวรรณวัฒนา’ หรือ ‘อาจารย์เฟย์’ อาจารย์จากภาควิชาภาษาฝรั่งเศส มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับหน้าที่ ดีว่าส์สายฝรั่งเศส บอกเล่าถึงประเทศฝรั่งเศสในฐานะประเทศก้าวหน้าด้านประชาธิปไตยทั้งผ่านประวัติศาสตร์ การเมือง วัฒนธรรม ปรัชญา วรรณกรรม และประเด็นร้อนในสังคม พร้อมชวนเปรียบเทียบกับความเป็นไปในสังคมไทย อาจารย์เฟย์เป็นอีกคนที่มักจะนำเนื้อความน่าสนใจจากบทความวิชาการมานำเสนอในรายการ
เวลาผ่านไปสักระยะ เริ่มมีดีว่าส์คนอื่น ๆ มาเสริมทัพ ประกอบด้วย ‘จิตต์สุภา ฉิน’ (ซู่ชิง) ดีว่าส์สายไอที ‘กรกฏ พัลลภรักษา’ (นิ่ม) ดีว่าส์สายท่องเที่ยว ‘อินทิรา เจริญปุระ’ (ทราย) ดีว่าส์สายบันเทิง อรรถ - บุญนาค ดีว่าส์สายญี่ปุ่น และอีกหลาย ๆ ท่าน เช่น ช่อ – พรรณิการ์, ฝ้าย – สุลักษณ์, โบ – ณัฏฐา, หมอตั้ว – วิพุธสินี, อาจารย์อุ๋ย – สลิสา, เจนี่ – เออเชนี, ไก่ - ทัศนวรรณ รวมถึง อาจารย์ปวิน และอาจารย์ปิยบุตร ที่ผันบทบาทจากแขกรับเชิญมาเป็นพิธีกรประจำ

แม้ว่าแต่ละคนจะมีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านชัดเจนและรายการมีการแบ่งเวลาให้ได้พูดถึงเรื่องที่เตรียมมาในแต่ละช่วงอย่างชัดเจน แต่ในช่วงเหล่าดีว่าส์แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ผู้ชมจะได้เห็นมุมมองของดีว่าส์การเมืองวิเคราะห์เรื่องแฟชั่น ดีว่าส์แฟชั่นเสริมข้อมูลเชิงวัฒนธรรมให้แก่ดีว่าส์ฝรั่งเศส หรือดีว่าส์ฝรั่งเศสเสริมข้อมูลเชิงปรัชญาให้แก่ดีว่าส์การเมือง

การปะทะสังสรรค์ทางความคิดนี้ทำให้เนื้อหาในรายการมีความเข้มข้น มีมิติที่ซับซ้อน และมีความน่าสนใจ และเหนือสิ่งอื่นใด นี่คือบทพิสูจน์ว่าผู้หญิงไม่ได้พูดแต่เรื่องการบ้าน แต่ยังพูดเรื่องการเมืองหรือกิจธุระของสาธารณชนได้อย่างแหลมคมและก้าวหน้า หรือผู้ชายเองก็สามารถพูดเพื่อความหลากหลายทางเพศได้ด้วยสำนึกที่ว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องของคนกลุ่มใดหลุ่มหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของทุกคน

หนึ่งเรื่องที่ Divas Café โดดเด่นมากคือการพูดถึงเรื่องเพศ Divas Café น่าจะเป็นสื่อแรก ๆ ในไทยที่ให้ความสำคัญกับสิทธิของผู้หญิงและความหลากหลายทางเพศในแง่ของการต่อสู้เชิงอุดมการณ์ เรามักจะได้ยินคำศัพท์เชิงวิชาการเกี่ยวกับเพศอยู่บ่อย ๆ เช่น ‘เพศสภาพ’ ‘เพศวิถี’ ‘อัตลักษณ์ทางเพศ’ ‘เควียร์’ ‘LGBT’ ‘ความลื่นไหลทางเพศ’ ‘สังคมชายเป็นใหญ่’ ‘ปิตาธิปไตย’ ฯลฯ

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ คำศัพท์พวกนั้นได้กลายเป็น ‘ความปกติใหม่’ ที่แทรกซึมเข้าสู่โลกทัศน์ของใครหลายคนจนเราเชื่อ ยึดมั่น และตระหนักรู้ว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นมากต่อชีวิตของพลเมือง

ยิ่งไปกว่านั้น ภาพของผู้หญิงในรายการ Divas Café ที่ทั้งเปรี้ยว เซ็กซี่ (โดยเฉพาะชุดพี่แขก) การนั่งไขว่ห้าง ความคิดก้าวหน้า น้ำเสียงที่ดัง ความโกรธ วีน หัวเราะปากกว้าง ๆ สุดเสียง ทั้งหมดนั้นสวนทางกับภาพจำของผู้หญิงในสื่อที่ต้องแต่งกายเรียบร้อย มิดชิด พูดจาเสียงเบาด้วยถ้อยคำไพเราะ แสดงออกแบบนางเอกในขนบ ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้เกิดจากความไม่ตั้งใจหรือความเป็นธรรมชาติ แต่มันคือการพยายามจะสื่อสารกับสังคมขวาจัดว่า ความเป็นผู้หญิงมีหลายแบบ และพอเถอะกับการเชิดชูภาพลักษณ์ของผู้หญิงตามแบบขนบ

แน่นอนว่าความก้าวหน้านี้ในช่วงเกือบสิบปีก่อนของไทยย่อมถูกด่าเละจากสังคมขวาจัด ถูกแปะป้ายว่าเป็นรายการควายแดงเช่นเดียวกับรายการอื่น ๆ ใน Voice TV

จุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ของรายการน่าจะเป็นช่วงรัฐประหาร Voice TV ถูกควบคุมเนื้อหาที่จะเผยแพร่ บางครั้งถึงขั้นมีทหารมายืนสังเกตการณ์อยู่หลังกล้องขณะที่มีการถ่ายทอด ซึ่งบั่นทอนกำลังใจของพิธีกรหลาย ๆ คน โดยเฉพาะตัวยืนอย่างพี่แขกที่ถึงขั้นต้องมาขออนุญาตลางานไปช่วงหนึ่ง โดยเธออธิบายว่า ปรับตัวไม่ได้กับสภาวะการทำงานของช่องในช่วงนั้น

ในขณะเดียวกัน ผลพวงของรัฐประหารบีบบังคับรายการโดยอ้อมให้ต้องพยายามหาคอนเทนต์เรื่องอื่น ๆ มานำเสนอ ทำให้ความเข้มข้นในเชิงอุดมการณ์ประชาธิปไตยของรายการลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่แฟนคลับของรายการก็ยังเหนียวแน่น แบะรายการก็ดำเนินไปต่ออีกพักหนึ่ง

จนในที่สุดรายการ Divas Café ต้องยุติลงในปี 2015 หลังจาก Voice TV มีการปรับผังรายการ

ปัจจุบัน เราได้เห็นเหล่าบรรดาพิธีกรแยกย้ายกันไปทำหน้าที่แตกต่างกันไปในปริมณฑลทางการเมือง บางคนถูกมองว่าเป็นเหลือง บางคนเป็นแม่ยกม็อบฯ บางคนเป็นส้ม บางคนยังคงแดง แต่ทุกคนเคยหว่านเมล็ดแห่งประชาธิปไตยไว้ร่วมกันในนามของ Divas Café

จากรายการที่ถูกแปะป้ายว่าของ ‘ไอ้พวกควายแดง’ ในวันนั้น ฉันคิดว่าเราไม่ควรเหลือความทรงจำไว้เพียงแค่ภาพเพียง ‘แขก-โบว์-ช่อ’ แต่มันควรถูกให้ความหมายว่า เป็นการปฏิวัติของผู้หญิงที่ท้าทายต่อสังคมชายเป็นใหญ่ และเป็นหนึ่งในสื่อที่มีคุณูปการไม่น้อยในการต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยของไทย

หมายเหตุ: อันที่จริงรุ่นแรกมี คุณ วิลาสินี แวน ฮาแรน ด้วย แต่จัดรายการไปเพียงไม่กี่เทป

ภาพ: เพจ Double Standard / Voice TV

https://www.thepeople.co/social/look-up/51719

ถ้า "ทักษิณ" อยากได้คะแนนนิยมกลับมาจากคนเสื้อแดง ต้องแสดงสปิริตและความจริงใจต่อคนเสื้อแดงและผู้สูญเสีย

https://www.facebook.com/watch/?v=449692840764172&t=0

The Politics ข่าวบ้าน การเมือง
4h·

ไม่ใช่แค่เลือกตั้งแล้วจบ!แต่คนเสื้อแดงอยากเห็นสปิริต "ทักษิณ" ต่อผู้สูญเสีย
.
The Politics X ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ คุยกับ "ประกิต กอบกิจวัฒนา" ถึงกรณีคนเสื้อแดงและผู้สูญเสีย อยากเห็นสปิริตและความจริงใจจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย
.
#matichontv #ข่าวการเมืองมติชน #thepolitics #คนเสื้อแดง #ทักษิณ

คลิปเต็ม
The Politics X อ.ศิโรตม์ : 26 เม.ย.67 I สนทนา "แมว-ประกิต" : แบรนด์เพื่อไทย ไม่ขลัง? โจทย์ยากสู้ก้าวไกล ชัชชาติทางออก?
(https://www.facebook.com/watch/?v=976287220099245&t=0)