วันศุกร์, กรกฎาคม 25, 2568

พิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา “ปมขัดแย้งเก่า ปัญหาใหม่ และเดิมพันที่สูงขึ้น” สื่อมาเลย์เสนอให้ใช้ช่องทางอาเซียน แก้ปัญหาดีกว่า

ต่อข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา หลายต่อหลายท่านเสนอความเห็นปรากฏทางสื่อสังคมเป็นจำนวนมาก ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นข้อเขียนของ Pavin Chachavalpongpun หลายชิ้นให้ข้อคิดตามหลักการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศละเอียดและแม่นยำ

ล่าสุดเขาบอกว่ามันเป็น “ปมขัดแย้งเก่า ปัญหาใหม่ และเดิมพันที่สูงขึ้น” โดยต้นตอมาจากการผิดใจกันระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร กับ ฮุนเซน แม้นว่าบางแห่งชี้ว่าฮุนเซนพยายามปั่นกระแสเพื่อนำไปสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศ สร้างความนิยมในประเทศ

มีไม่น้อยที่เชื่อว่าฮุนเซนต้องการปกป้องผลประโยชน์ของครอบครัวตน ที่ได้รับอย่างมหาศาลจากปฏิบัติการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และคาสิโนตามชายแดน แต่ว่านอกจากการส่งฝูงบิน เอฟ-๑๖ ไปโจมตีที่มั่นทางทหารเขมรสองรอบอย่างได้ผลแล้ว

การต่อสู้ในชั้นเชิงการเมืองระหว่างประเทศที่องค์การสหประชาชาติ โดยเฉพาะในคณะมนตรีความมั่นคง ที่ฮุนมาเนต นายกฯ เขมร ยื่นฟ้องทันทีทันใดหลังจากการระดมยิงใส่ประเทศไทย ปวินให้ข้อคิดเห็นไว้อย่างเข้าที

หากไทยสามารถพิสูจน์ได้ว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน นั่นหมายถึงกัมพูชาเป็นฝ่ายรุกรานโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งจะทำให้การกระทำของไทยเป็นการป้องกันตนเองโดยชอบธรรม ตามที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา ๕๑”

โดยเฉพาะการยิงใส่โรงพยาบาล “ซึ่งเป็นสถานที่ที่ให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บ ถือเป็นการกระทำที่สะเทือนใจและมักจะดึงดูดความเห็นอกเห็นใจและการสนับสนุนจากนานาชาติได้เป็นอย่างดี” ทำให้นานาชาติเห็นใจและสนับสนุนไทย

ถึงกระนั้นการต่อสู้ในยูเอ็นยังมีข้อจำกัด ไม่เพียงว่าฉันทามติของประเทศสมาชิกเป็นอย่างไร แล้วการที่สมาชิกถาวรผู้ร่วมเริ่มก่อตั้งองค์การ ๕ ประเทศ คือสหรัฐ รัสเซีย สหราชอาณาจักร ฝร่งเศส และจีน มีสิทธิพิเศษยับยั้งมติขององค์การได้

วินตั้งข้อสังเกตุว่า “หากจีนเลือกที่จะไม่ใช้สิทธิยับยั้งและสนับสนุนให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ อาจจะทำให้กระบวนการยุติความขัดแย้งเดินหน้าได้รวดเร็วขึ้น” แต่ถ้ามีประเทศใดในห้าใช้สิทธิยับยั้ง การแก้ไขปัญหาจะ “ถูกจำกัดลง

และอาจต้องพึ่งพาบทบาทขององค์กรระดับภูมิภาคอย่างอาเซียน หรือการเจรจาทวิภาคีเป็นหลักต่อไป” ต่อการใช้อาเซียนเป็นสรณะนี้ อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลย์ ซึ่งเป็นประธานอาเซียนปีนี้ ได้ยื่นมือเข้ามาเป็นตัวกลาง

สถานการณ์น่ากังวลมาก ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียน และเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทชิดเชื้อกับมาเลเซีย ผมได้ส่งข้อความไปยังนายกฯ ของทั้งสองประเทศ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พูดคุยกับเขาภายในคืนนี้ (๒๔ กรกฎา)

สื่อในมาเลเซียวิจารณ์ว่าบทบาทของอันวาร์ในฐานะประธานอาเซียนสำคัญมาก ต่อการแก้ไขกรณีพิพาทไทย-กัมพูชานี้ “อาเซียนควรออกมาจัดการปัญหาและวางตัวเป็น ผู้ไกล่เกลี่ยเช่น ประสานงานกับสหประชาชาติ” เสียเองด้วยซ้ำไป

(https://www.facebook.com/permalink.php=100044866014352, https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/95gDm32Z และ https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/2yx1JDemJLqA)

“มันบอกว่ายาก...​ของประเทศพี่ยังทำไม่ได้เลย...มันหมายถึงใครวะ” ปริศนา “ถ้านายไม่อ่าน แล้วนายจะรู้อะไร”

หมายเหตุ :ภาพ ‘ปลากรอบ’ คนละเรื่องเดียวกัน

เปลี่ยนภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน เป็น Humor นะ กรณีนี้

Ekasit Tanoat Kosintharobol เขียนเล่าความเล็กความน้อยเท่านั้นแหละ กรูว่า เขียนเนื้อหาไม่กี่บรรทัด แต่พอลงท้าย Implication มันพุ่งจู๊ดไปไกลลิบ เหมือนจุดตะไลขึ้นฟ้า

“ถามคนงานชาวเขมรที่ทำงานให้เรา​ว่า...มึงชอบฮุนเซนป่ะ มันบอกว่าไม่ชอบ

ถามมันต่อ ว่าในประเทศมึง​ มีคนไม่ชอบฮุนเซนเยอะป่ะ มันบอกว่าประมาณ​ ๘๐% เลยถามมันว่า แล้วทำไมไม่รวมตัวกัน​ แล้วไล่มันออกจากประเทศไปล่ะ

มันบอกว่ายาก​...ของประเทศพี่ยังทำไม่ได้เลย...มันหมายถึงใครวะ”

มีคนตอบนะ แต่ไม่บอกดีกว่า อุบไว้เป็น Climax!

(https://www.facebook.com/tanoat/posts/twj2ixgLjce3d)

และแล้วการปะทะก็ปรากฏ อดีตกับอนาคตกลับหลังหัน มิตรภาพนานปีที่ผูกพัน พลิกเป็นฟันต่อฟันตาต่อตา


Kasian Tejapira
17 hours ago 
·
และแล้วการปะทะก็ปรากฏ
%%%%%%
และแล้วการปะทะก็ปรากฏ
อดีตกับอนาคตกลับหลังหัน
มิตรภาพนานปีที่ผูกพัน
พลิกเป็นฟันต่อฟันตาต่อตา
สองตระกูลอีลีตอดีตร้าว
สองประชาชาติกร้าวเลือดขึ้นหน้า
กลางพายุคุกคามนามวิภา
ซัดกระหน่ำน้ำตาและเลือดใคร

https://www.facebook.com/kasian.tejapira/posts/10238068522354991



‘ฮุน เซน’ โพสต์โต้ ‘ทักษิณ’ อีก ลั่น ด้วยข้ออ้างจะแก้แค้นฮุน เซน เขากำลังหันสู่สงคราม ผลลัพธ์สูงสุดคือความทุกข์ทรมานของประชาชน


สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
50 minutes ago
·
‘ฮุน เซน’ โพสต์โต้ ‘ทักษิณ’ อีก ลั่น ด้วยข้ออ้างจะแก้แค้นฮุน เซน เขากำลังหันสู่สงคราม ผลลัพธ์สูงสุดคือความทุกข์ทรมานของประชาชน
กลางดึกที่ผ่านมาท‘ฮุน เซน’ ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ภาพความสัมพันธ์ครอบครัว ‘ชินวัตร’ พร้อมข้อความระบุ
“ก่อนหน้านี้ ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกแถลงการณ์ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนพร้อมทำสงคราม โดยมีเป้าหมายเพื่อสั่งสอนฮุน เซน คำพูดของทักษิณยิ่งตอกย้ำถึงการรุกรานทางทหารของประเทศไทยต่อกัมพูชา
ผมไม่แปลกใจกับทัศนคติของทักษิณที่มีต่อผม เพราะเขาได้ทรยศต่อพระมหากษัตริย์ไทย รวมถึงสมาชิกในพรรคของเขาเอง สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือ เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารชาวมุสลิมไทยหลายร้อยคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อปี 2547 ตอนนี้ ด้วยข้ออ้างว่าจะแก้แค้นฮุน เซน เขากำลังหันไปสู่สงคราม ซึ่งผลลัพธ์สูงสุดคือความทุกข์ทรมานของประชาชน”
.....


สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
23 minutes ago
·
‘ปลัด มท.‘ เผย มีประชาชนต้องอพยพจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา มากกว่า 100,000 คน ไปยังศูนย์พักพิง 295 แห่ง กำชับผู้ว่าฯ นายอำเภอ บูรณาการทุกภาคส่วนดูแลความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ถูกสุขลักษณะ พร้อมสร้างขวัญกำลังใจประชาชนควบคู่การบำรุงขวัญกำลังพลตามแนวพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง

วันนี้ (24 ก.ค. 68) เวลา 22.30 น. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการบริหารจัดการสถานการณ์ภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นจากการลักลอบยิงอาวุธของกัมพูชาเข้ามาล่วงล้ำอธิปไตยของประเทศไทยจนส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ที่พักอาศัยพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้รับผลกระทบ ทั้งการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงต้องอพยพย้ายที่พักชั่วคราว โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง นำกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) บูรณาการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และทุกภาคส่วน นำยานพาหนะของทุกหน่วยงานเร่งอพยพประชาชนเข้าไปยังพื้นที่ปลอดภัยห่างจากแนวการปะทะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งให้ดูแลด้านการใช้ชีวิตครอบคลุมปัจจัยความจำเป็นพื้นฐาน ทั้งด้านอาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค ห้องน้ำ และที่พัก ให้ถูกสุขลักษณะ โดยเน้นย้ำเรื่อง “ความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”

“สำหรับจำนวนประชาชนผู้ที่ได้ทำการอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวทั้ง 4 จังหวัดข้างต้น ณ วันที่ 24 ก.ค. 68 เวลา 22.30 น. มีจำนวนรวม 100,672 คน ศูนย์พักพิง 295 แห่ง จำแนกเป็น จังหวัดสุรินทร์ 56,000 คน ศูนย์พักพิง 67 แห่ง จังหวัดศรีสะเกษ 17,196 คน ศูนย์พักพิง 58 แห่ง จังหวัดบุรีรัมย์ 17,000 คน ศูนย์พักพิง 1 แห่ง และจังหวัดอุบลราชธานี 10,476 คน ศูนย์พักพิง 169 แห่ง” นายอรรษิษฐ์ กล่าว

นายอรรษิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยยังได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนสร้างขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนควบคู่การบำรุงขวัญกำลังพลทั้งฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามแนวพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง พร้อมทั้งร่วมกันเป็นกำลังใจให้กับบรรดาพี่น้องทหารหาญผู้ที่กำลังทำหน้าที่เป็นกำลังส่วนหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และสร้างความรับรู้เข้าใจให้ประชาชนในศูนย์พักพิงได้ทราบถึงสถานการณ์ รวมทั้งการดูแลความปลอดภัยทรัพย์บริเวณหมู่บ้าน อาคารบ้านเรือน โดยกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พร้อมทั้งย้ำเตือน “ห้ามกลับไปยังพื้นที่หมู่บ้าน” จนกว่าทางภาครัฐจะประกาศให้สามารถกลับไปได้ตามปกติ


https://www.facebook.com/photo?fbid=1369116284575307&set=a.328293581990921
https://www.facebook.com/sorrayuth9115/posts/1369101314576804



ถ้ามีกำลัง เรี่ยวแรง อยากช่วยอะไรสังคมไทย อยากช่วยประเทศไทย โปรดระดมสรรพกำลังไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ภาคเหนือ ไม่ต้องไปไล่กระทืบแรงงานกัมพูชา มีประโยชน์กว่า มีมนุษยธรรมกว่า และดูมีมันสมองกว่า



Jakkapon Phonlaor
10 hours ago
·
ถ้ามีกำลัง เรี่ยวแรง อยากช่วยอะไรสังคมไทย อยากช่วยประเทศไทย โปรดระดมสรรพกำลังไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ภาคเหนือ ไม่ต้องไปไล่กระทืบแรงงานกัมพูชา
.
มีประโยชน์กว่า
มีมนุษยธรรมกว่า
และดูมีมันสมองกว่า.

Jakkapon Phonlaor
7 hours ago
·
การไล่ทำร้ายพลเรือน-แรงงานกัมพูชาที่ทำงานในประเทศไทย ไม่ได้ส่งผลดีอะไรเลยต่อการสร้างสันติภาพและหาทางออกจากความขัดแย้งที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
.
การกระทืบคนกัมพูชาที่ทำงานในไทย ไม่ได้ทำให้ระบอบฮุนเซนหยุดยั้งการก่อเหตุปะทะตามแนวชายแดน
การไล่ล่าแรงงานกัมพูชาในไทย ไม่ได้ทำให้ทหารแและพลเรือนที่ชายแดนลดความเสี่ยงจากเหตุรุนแรงลง
การล่าแม่มดคนกัมพูชา ไม่ได้ทำให้คนที่บาดเจ็บ พิการ หรือเสียชีวิตที่เหตุปะทะที่ชายแดนพื้นคืนกลับมาเหมือนเดิม
การทำร้ายคนกัมพูชาที่เป็นพลเรือนมือเปล่าในประเทศไทย จึงไม่ได้ก่อเกิดประโยชน์อะไรเลย นอกจากสนองความสะใจและเติมเต็มปมด้อยในชีวิตของมนุษย์บางประเภท
.
สังคมไทยถูกชี้นำด้วยมนุษย์ไร้วุฒิภาวะที่เอาแต่สร้าง content ไร้สาระ ปัญญาอ่อนมามากพอแล้ว ลำพังถ้าทำเรื่องบ้าๆ บอๆ หาแสง อัดคลิปท้าทายด่ากันไปวันๆ ก็ยังพอว่า แต่นี่มันเรื่องระดับชาติและเกี่ยวพันกับชีวิตคนที่ชายแดนจำนวนมาก
.
เราต้องฉุกคิดกันได้แล้วว่า จะยอมให้พวกนักหาแสงไร้วุฒิภาวะและไร้ความรู้พวกนี้มาคอยชี้นำสังคมหรือ? สังคมไทยไม่มีคนที่มีความรู้ความสามารถที่จะชี้นำสังคมมากกว่าพวกอันธพาล และพวกปากจัดอัดคลิปไปวันๆ พวกนี้แล้วหรือ?
.
ที่ต้องพูดกันแรงๆ อย่างนี้ เพราะไม่อย่างนั้นเราจะกลายเป็นฝูงชนบ้าคลั่งวิ่งตามคนพวกนี้ เป็นขบวนแถวคนตาบอดวิ่งตามคนบ้าที่ไม่รู้จะพาเราทั้งสังคมกระโจนลงปากเหวไปเมื่อไหร่
.
มาตรการตอบโต้ทางการทหารของไทยต่อการกระทำของกัมพูชาที่โจมตีเข้ามาเป็นเรื่องที่ต้องทำ และกองทัพเดินหน้าทำอยู่ โดยพุ่งเป้าที่เป้าหมายทางการทหารของกองทัพกัมพูชา นี่คือการสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลกว่าเราไม่ใช่รัฐอันธพาล โจมตีพลเรือนไม่เลือกหน้าแบบไร้ยางอายอย่างกัมพูชา
.
แต่ภาพลักษณ์ที่จะทำให้เราได้เปรียบในเวทีสากล กำลังถูกทำลายเพราะพวกอินฟลู ไร้สติ คิดจะแสวงหายอด like ยอด engagement ทำ content ปลุกกระแสไล่ล่าทำร้ายพลเรือนกัมพูชาในไทย - คุณคิดดูว่าทั่วโลกจะมองสังคมไทยอย่างไร? พลเรือนเราไปไล่ทำร้ายแรงงานมือเปล่า เพราะเขาเป็นคนกัมพูชา นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กแบบเด็กอนุบาลเอาขวดนมตีหัวกันตอนพักเที่ยงนะครับ มันไปถึงเรื่องความรุนแรงด้วยเหตุอันเนื่องมาจากอคติต่อชาติพันธุ์ได้เลย
.
หยุดตั้งสติ แล้วเลิกวิ่งตามคนพวกนี้ได้แล้ว บรรดาคนที่ทำเรื่องพวกนี้หวังยอด engagement เพื่อแลกกับผลประโยชน์และชื่อเสียง แต่ทั้งหมดนั้นต้องจ่ายด้วยต้นทุนของสังคมไทย และชีวิตของพี่น้องคนไทย ถามจริงๆ ว่ามันคุ้มค่ากันหรือ?
.
เราไม่ควรตกเป็นเครื่องมือของระบอบฮุนเซน เช่นเดียวกับที่ไม่ควรเต้นตามการชี้นำของอินฟลูพวกนี้ เพราะมันไม่ได้ก่อเกิดประโยชน์โพดผลอะไรเลยแม้แต่น้อย.

https://www.facebook.com/gungun.okc/posts/24192195220376347


The People
added 13 new photos.
10 hours ago
·
”น่าน“ อ่วมหนัก! น้ำท่วมสูงสุดในประวัติศาสตร์ เร่งอพยพคนออกจากพื้นที่
.
วันนี้ (24 ก.ค. 2568) ทีมกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และอีกหลายมูลนิธินำเรือท้องแบนเข้าไปช่วยเหลืออพยพผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่ อ.เมืองน่าน จ.น่าน หลังเกิดน้ำท่วมจนเต็มพื้นที่สูงกว่า 1 เมตร จากพายุโซนร้อน “วิภา” สร้างความเสียหายให้กับ วัด พื้นที่เขตเศรษฐกิจ และสถานที่ราชการสำคัญรวมถึงบ้านเรือนประชาชน ซึ่งต่างบอกว่าปีนี้ท่วมหนักกว่าทุกปี
.
ขณะที่สถานการณ์ล่าสุด จ.น่าน เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.ภูเพียง อ.ปัว อ.เชียงกลาง อ.ทำวังผา อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.เวียงสา รวม 26 ตำบล 39 หมู่บ้าน เบื้องต้นประชาชนได้รับผลกระทบ 7,450 ครัวเรือน 27,565 คน และมีผู้สูญหาย 1 ราย
.
ภาพ โสภน สุเสนา (Sopon Susena)


ฝ่ายใดได้ประโยชน์จากการตอบโต้ทางทหารครั้งล่าสุด ? ... ไม่มี... สงครามเล็ก สงครามใหญ่ สงครามไหนๆ ประชาชนก็พ่ายแพ้ No one wins in war 🌑


Chumpol Wan
7 hours ago
·
สงครามเล็ก
สงครามใหญ่
สงครามไหนๆ
ประชาชนก็พ่ายแพ้
ไม่มีชนชั้นนำ ไม่มีสงคราม
ไม่มีสงคราม ไม่มีคราบน้ำตา
ไม่มีคน ไม่มีสงคราม ไม่มีคราบน้ำตา
No one wins in war

https://www.facebook.com/photo/?fbid=24172675375700976&set=a.400787883316392
.....

ฝ่ายใดได้ประโยชน์จากการตอบโต้ทางทหารครั้งล่าสุด

ทั้งนายวิชานาและนายแมทธิวเห็นตรงกันว่า ไม่มีประเทศใดได้ประโยชน์จากเหตุปะทะครั้งนี้ และน่าเศร้าที่ประชาชนตามแนวชายแดนกลับได้รับผลกระทบจากความรุนแรงมากที่สุด

"ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาถูกกระทบกระเทือนจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นและการปิดพรมแดนที่ยืดเยื้อมาหลายเดือน บางคนถึงกับต้องสูญเสียชีวิตไปแล้ว" นายแมทธิว กล่าว

ด้าน นายวีร็อก อู กล่าวว่าจากสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น เป็นไปได้อย่างมากที่กัมพูชาจะเดินหน้าผลักดันให้ข้อพิพาทชายแดนกับไทยกลายเป็นประเด็นระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเขาเชื่อว่ากฎหมายระหว่างประเทศจะอยู่ข้างกัมพูชา

กลยุทธ์นี้รวมถึงการเรียกร้องให้มีคนกลางเข้ามาไกล่เกลี่ย หรือการยื่นเรื่องต่อองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ หรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ

"กัมพูชาจะพยายามดึงประเด็นเข้าสู่เวทีโลกแน่นอน เพราะเราเป็นรัฐเล็กกว่า และเราก็เชื่อว่ากฎหมายระหว่างประเทศอยู่ฝ่ายเรา" นายวีร็อกกล่าว

เขายังระบุว่า ความแตกแยกภายในของไทย และการที่แต่ละฝ่ายไม่ไว้วางใจกันเอง ทั้งทางการเมืองและกองทัพ เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการลดความตึงเครียดและหาทางประนีประนอม พร้อมระบุว่าเป้าหมายหลักของกัมพูชาคือการนำสถานการณ์กลับสู่จุดเดิมก่อนเกิดความขัดแย้ง โดยใช้วิกฤตครั้งนี้เพื่อสร้างความชอบธรรมบนเวทีระหว่างประเทศ

"ผมคิดว่ากัมพูชาจะชนะในเป้าหมายนั้น" นายวีร็อก กล่าว

เหตุการณ์กำลังมุ่งหน้าไปทางทิศใด

นายวิชานา นักวิชาการจากกัมพูชา ประเมินว่าสถานการณ์อาจยกระดับจากกรณีพิพาทพื้นที่ชายแดนทางบกไปสู่กรณีพื้นที่ทับซ้อนไหล่ทวีปในทะเล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งข้อพิพาทของทั้งสองประเทศ

ขณะที่ นายแมทธิว มองว่าหากเหตุปะทะยังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ "มีแนวโน้มว่ากัมพูชาจะได้รับความสูญเสียอย่างหนัก หากการสู้รบยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากความได้เปรียบทางทหารอยู่ที่ฝ่ายไทย"

ผู้เชี่ยวชาญจาก ICG เสนอว่าทั้งสองประเทศควรดำเนินมาตรการลดความตึงเครียด และแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ด้วยวิธีการสันติ เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียชีวิตเพิ่มเติม

ด้าน นายวีร็อก ชี้ว่าสิ่งที่ควรทำตอนนี้คือการหยุดยิงชั่วคราว แล้วกลับไปสู่การเจรจา โดยอาจเริ่มต้นจากการเปิด-ปิดด่านชายแดน

"แค่เปิดด่านกลับมาให้เป็นเหมือนเดิม กัมพูชาก็ให้สัญญามาหลายครั้งแล้วว่า ถ้าฝั่งไทยเปิด ฝั่งกัมพูชาจะเปิดภายใน 5 ชั่วโมงอย่างเร็วที่สุด นี่เป็นทางออกที่ง่ายมาก ไม่ต้องมีการเจรจาอะไรซับซ้อนด้วยซ้ำ" เขาบอก

อย่างไรก็ดี ทางการไทยยืนยันมาเสมอว่าไม่มีนโยบายปิดด่าน โดย พล.ร.ต.สุรสันติ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) บอกว่า "ที่ผ่านมาเป็นการควบคุมด่านต่าง ๆ ที่เข้มข้นขึ้น" โดยเฉพาะการจำกัดจำนวนคน และการจำกัดเวลาการเข้า-ออก

นักวิเคราะห์จากกัมพูชายังเสนอเพิ่มเติมด้วยว่าทั้งสองประเทศควรกลับไปสู่สถานะเดิมที่เคยเป็นมา นั่นคือการลาดตระเวนร่วมกันในพื้นที่พิพาททั้ง 4 แห่ง ซึ่งทำกันมาเกิน 15 ปีแล้ว

"อย่างน้อยมันก็ช่วยลดความตึงเครียดลงได้มาก" นายวีร็อก บอกกับบีบีซีไทย
.....

ส่วนหนึ่งของบทความ
วิเคราะห์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เหตุใดจึงยกระดับสู่ความรุนแรงอย่างมากในวันเดียว
บีบีซีไทย

อ่านบทความเต็มที่
https://www.bbc.com/thai/articles/c2ezek0p10jo





นักเรียนแลกเปลี่ยนกัมพูชา เขียนจดหมายระบาย หลังเกิดเหตุปะทะชายแดน รับกังวลสายตาผู้อื่นที่มองมา ผู้คนจะเกลียดผมไหม เพียงเพราะผมเป็นคนกัมพูชา ?


นักเรียนแลกเปลี่ยนกัมพูชา เขียนจดหมายระบาย หลังเกิดเหตุปะทะชายแดน

24 ก.ค. 2568
ข่าวสดออนไลน์

นักเรียนแลกเปลี่ยนกัมพูชา เขียนจดหมายระบาย หลังเกิดเหตุปะทะชายแดน รับกังวลสายตาผู้อื่นที่มองมา ผู้คนจะเกลียดผมไหม เพียงเพราะผมเป็นคนกัมพูชา ?

แฟนเพจเฟซบุ๊ก วารินชำราบบ้านเฮา อุบลราชธานี ได้เผยแพร่เนื้อหาจดหมายของนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวกัมพูชาท่านหนึ่ง ที่เข้ามาศึกษาในประเทศไทย โดยระบุใจความดังนี้

สวัสดีทุกคนครับ

ผมเป็นนักเรียนต่างชาติจากประเทศกัมพูชา ผมมาอาศัยอยู่ ม.อุบล ในประเทศไทยได้เกือบหนึ่งปีแล้ว และพูดตามตรงเลยว่า ทุกอย่างที่นี่มันน่าทึ่งจริง ๆ ความเมตตาของคนไทย รอยยิ้ม ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกได้ในทุก ๆ วัน ไม่ว่าผมจะไปที่ไหน ก็มีแต่คนให้กำลังใจผมที่เป็นชาวกัมพูชาและพยายามอย่างดีที่สุดในการพูดภาษาไทย รวมถึงการเปิดใจรับวัฒนธรรมของที่นี่

ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับประเพณีของไทยมากมาย และผมก็รักและให้ความเคารพอย่างลึกซึ้ง ประเทศไทยคือประเทศที่ผมเลือก เป็นสถานที่ที่มอบโอกาสให้กับผม ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น อาจารย์และทุกคนรอบตัวผมปฏิบัติกับผมด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์และความเมตตาอย่างแท้จริง

แต่ตั้งแต่เกิดสงคราม ความรู้สึกในใจผมก็เริ่มหนักอึ้ง ผมรู้สึกเศร้าในแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ผมกังวลทุกวัน เกี่ยวกับอนาคต เกี่ยวกับสายตาของผู้คนที่มองมาที่ผม และตอนนี้ผมก็เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า
“ผู้คนจะเกลียดผมไหม…เพียงเพราะผมเป็นคนกัมพูชา ?”

มันเจ็บปวดมากแค่จะคิดแบบนั้น เพราะตั้งแต่วันแรกที่ผมมาถึงที่นี่ ผมไม่เคยมองว่าประเทศไทยเป็นแค่ต่างแดน แต่ผมมองว่าที่นี่คือบ้านหลังที่สองของผม

ผมไม่เคยคิดร้าย ไม่เคยมีเจตนาอื่นใด นอกจากอยากใช้ชีวิต เรียนรู้ และเคารพทุกอย่างที่ประเทศไทยเป็น

ตอนนี้เมื่อสถานการณ์ตึงเครียดขึ้น ผมกลับรู้สึกเหมือนผมเป็นชาวกัมพูชาคนเดียวในประเทศนี้ ทั้งที่เคยรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย แต่ถึงแม้จะมีความกลัวและความไม่แน่นอนอยู่เต็มหัวใจ ผมก็ยังเชื่อมั่นในสันติภาพ ผมเชื่อในความดีของมนุษย์ และผมหวังสุดหัวใจว่าทั้งสองรัฐบาลจะเลือกพูดคุยกัน ไม่ใช่ทำสงคราม

เพราะพวกเรา โดยเฉพาะนักเรียนอย่างผม ต้องการแค่การมีชีวิต เรียนรู้ และได้รู้สึกว่าตนเองมีที่อยู่ในโลกนี้

https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_9863959
.....




เมื่อ 14 ปีก่อน ไทยและกัมพูชาเคยเปิดฉากตอบโต้กันด้วยอาวุธหนักจากข้อพิพาทเหนือปราสาทเขาพระวิหาร วันนี้เหตุการณ์คล้ายกันได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง บีบีซีไทยชวนอ่านวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ เหตุใดความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ยกระดับสู่ความรุนแรงอย่างมากในวันเดียว


เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2568 พบทหารกัมพูชาบรรจุกระสุนจรวด BM-21 ในพื้นที่จังหวัดพระวิหารของกัมพูชา หลังเกิดการยกระดับความขัดแย้งบริเวณชายแดนที่ยืดเยื้อมายาวนาน

วิเคราะห์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เหตุใดจึงยกระดับสู่ความรุนแรงอย่างมากในวันเดียว

จิราภรณ์ ศรีแจ่ม และ ปณิศา เอมโอชา
ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
เมื่อ 8 ชั่วโมงที่แล้ว

เมื่อ 14 ปีก่อน ไทยและกัมพูชาเคยเปิดฉากตอบโต้กันด้วยอาวุธหนักจากข้อพิพาทเหนือปราสาทเขาพระวิหาร วันนี้เหตุการณ์คล้ายกันได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อกองกำลังทั้งสองฝ่ายปะทะกันใกล้ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่พิพาทล่าสุด

ต่างฝ่ายต้างอ่างว่าอีกฝ่ายเป็นผู้เริ่มเปิดฉากยิงก่อน ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างลักษณะเดิมที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะในกรณีการยิงปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ซึ่งทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตบริเวณชายแดน และนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดข้อพิพาทชายแดนระหว่างสองประเทศ โดยทางกัมพูชาพยายามนำพื้นที่พิพาทที่ตกลงกันไม่ได้ขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ขณะที่ไทยยืนยันว่าต้องการใช้กรอบทวิภาคีเช่นเดิม และไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก

กรณีที่สมเด็จฮุน เซน ประธานสมาชิกวุฒิสภาของกัมพูชา ปล่อยคลิปเสียงสนทนาระหว่างเขากับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ยังนำไปสู่การแตกหักของสองตระกูลการเมืองที่ทรงอิทธิพลระดับภูมิภาค และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ

คลิปเสียงดังกล่าวยังทำให้ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องที่กล่าวหาว่าผู้นำรัฐบาลของไทยฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง จากข้อความบางส่วนที่ปรากฏในคลิปเสียง

ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเกือบทุกระดับ ตั้งแต่ระดับประชาชนในสื่อสังคมออนไลน์ที่ฟาดฟันกันด้วยข้อความยั่วยุและสร้างความเกลียดชัง การปะทะคารมกันระหว่างชาวไทยและชาวกัมพูชาที่ขึ้นมาเยือนปราสาทหินตาเมือนธม ใน จ.สุรินทร์ มาตรการตอบโต้ด่านชายแดนของกองทัพและรัฐบาล ไปจนถึงความสัมพันธ์ระดับประเทศ


กัมพูชาลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยในระดับต่ำสุด และให้ทูตไทยในกรุงพนมเปญ เดินทางกลับกรุงเทพฯ

วานนี้ (23 ก.ค.) ไทยเริ่มลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา โดยให้เหตุผลว่าห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ากำลังพลที่ลาดตระเวนแนวชายแดนบริเวณช่องบกและช่องอานม้า ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ซึ่งทางการไทยอ้างว่าพิสูจน์ได้ว่าเป็นระเบิดที่ถูกนำเข้ามาลอบวางใหม่ พร้อมกับยืนยันว่าระเบิดอยู่ในแนวเส้นทางลาดตระเวนในเขตแดนอธิปไตยของไทย

ขณะที่ทางกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ พร้อมกับชี้ว่าทหารไทยลาดตระเวนออกนอกเส้นทางที่ตกลงกันไว้ในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก หรือ MoU 2543 โดยอ้างว่าทหารไทยเดินล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของกัมพูชา และประสบกับทุ่นระเบิดเก่าที่ยังหลงเหลือจากสงคราม

พร้อมกันนี้ กัมพูชายังประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยในระดับต่ำสุด พร้อมกับประณามการใช้กำลังทางทหารของไทยในแนวชายแดน

ด้าน ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ส่งจดหมายถึงนายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด ประธานคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ขอให้สหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น (UN) เปิดประชุมคณะมนตรีความมั่นคง "เร่งด่วน" เพื่อหยุดการปะทะระหว่างไทยและกัมพูชา

บีบีซีไทยรวบรวมความเห็นจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวิเคราะห์ว่าเหตุรุนแรงครั้งนี้จะนำไปสู่จุดใด

เหตุการณ์ความรุนแรงยกระดับขึ้นจุดสูงสุดได้อย่างไร

นายวิชานา สาร์ นักวิเคราะห์ชาวกัมพูชาจากราชวิทยาลัยแห่งกัมพูชา ให้ความเห็นกับบีบีซีไทยว่าชนวนที่ทำให้ทั้งสองประเทศมาถึงการโต้ตอบทางทหาร เกิดจากฝ่ายไทยเองที่ไม่ยอมนำ 4 พื้นที่ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม (Ta Moan Thom), ตาเมือนโต๊ด (Ta Moan Toch), ปราสาทตาควาย (Ta Kro Bei) และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต (Mombei area) ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลโลกตามที่กัมพูชาเสนอ เพราะเห็นแล้วว่าการเจรจาแบบทวิภาคีไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้กับสองประเทศ

"การล้ำเส้นของไทยตามแผนที่กองทัพประกาศไว้เมื่อวานนี้ ประเทศไทยกำลังทำตัวเหมือนรัสเซียที่กำลังรุกรานยูเครน" นายวิชานา กล่าว

ด้าน ดร.ธนเชษฐ วิสัยจร หัวหน้าสาขาวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เห็นต่างจากนักวิชาการชาวกัมพูชา เขาบอกว่า "การอยู่ติดกับเพื่อนบ้านที่จ้องจะหาเรื่องตลอดเวลา" ทำให้ไทยควบคุมสถานการณ์แนวชายแดนได้ยาก

นักวิชาการจาก ม.อุบลราชธานี เห็นว่าตระกูลฮุนผู้ปกครองกัมพูชามาหลายสิบปี กำลังยกระดับสถานการณ์ชายแดนให้รุนแรงเพื่อดึงนานาชาติให้เข้ามาเกี่ยวข้อง และนำกรณีพิพาทเขตแดนที่มีกับไทยไปสู่เวทีโลก ทั้งที่ไทยพยายามทำให้ปัญหานี้อยู่ในระดับทวิภาคีมาโดยตลอด

เขายังบอกด้วยว่า ความเคลื่อนไหวของกัมพูชาครั้งนี้ ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างคะแนนนิยมในประเทศ จากท่าทีแข็งกร้าวของผู้นำกัมพูชาที่ไม่แสดงความหวาดหวั่นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับประเทศที่พวกเขามองว่า "ใหญ่กว่า"


กองทัพบกของไทยรายงานว่ากัมพูชาใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย

ด้าน นายแมทธิว วีเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา จากองค์กรอินเตอร์เนชันแนลไครซิสกรุ๊ปหรือไอซีจี (International Crisis Group - ICG) บอกกับบีบีซีไทยว่า "ดูเหมือนว่าสมเด็จฮุน เซน ได้เลือกเล่นไพ่ชาตินิยม เมื่อเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงความไม่แน่นอน" ในอำนาจของทายาทรุ่นสองอย่าง ฮุน มาเนต

"เขายังใช้เล่ห์เหลี่ยมในการจัดการกับความแตกแยกที่มีอยู่แล้วในการเมืองไทยอย่างชาญฉลาด จนทำให้รัฐบาลในกรุงเทพฯ เหลือผู้นำที่เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี และมีพรรคร่วมรัฐบาลที่อ่อนแอ" นายแมทธิว กล่าว

อย่างไรก็ดี วีร็อก อู นักวิเคราะห์การเมืองชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นประธานและผู้ก่อตั้งฟิวเจอร์ ฟอรัม (Future Forum) สถาบันคลังสมองด้านนโยบายสาธารณะในกัมพูชา เผยกับบีบีซีไทยว่า จุดเริ่มต้นของความรุนแรงครั้งล่าสุดนี้ เกิดขึ้นเมื่อฝั่งกองทัพไทยประกาศปิดการเข้าถึงปราสาททั้ง 3 หลัง และปิดพรมแดน

"ทันทีที่กองทัพไทย ประกาศปิดปราสาทตาเมือน แล้วจะล้อมรั้วลวดหนาม มันก็เหมือนเป็นการนำไปสู่สงครามแล้ว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง กัมพูชาจะยอมรับแบบนั้นได้อย่างไร... เพราะถ้าคุณไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าไปได้เลย ก็เหมือนคุณประกาศให้พื้นที่นั้นเป็นของคุณทั้งหมด ไม่มีใครยอมรับได้หรอก สำหรับผม มันชัดเจนมากว่าการกระทำแบบนั้นก็เหมือนเป็นการ 'ประกาศสงคราม' นั่นเอง" นายวีร็อก กล่าว

พื้นที่จุดปะทะกำลังบอกอะไร

ในตอนนี้ ยังไม่มีผลการสืบสวนข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการที่ได้รับการเผยแพร่ต่อสาธารณะ ในกรณีการเผาศาลาตรีมุข บริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมมรกตที่เกิดขึ้นในเดือน มี.ค. รวมถึงกรณีเหตุปะทะบริเวณช่องบกที่ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย เมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา

ทว่า หากนับรวมกับกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดจนขาขาดและกลายเป็นผู้พิการถาวร 2 นาย จะเห็นได้ว่าพื้นที่ที่ทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดยกระดับขึ้นไปอีกขั้นมักอยู่ในบริเวณแนวชายแดน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ของไทย หรือ อ.จวมกสาน จ.พระวิหาร ของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทที่ทางกัมพูชาพยายามนำขึ้นสู่ศาลโลก องค์กรระหว่างประเทศที่เคยตัดสินเป็นคุณแก่กัมพูชาในกรณีปราสาทเขาพระวิหารมาแล้ว

ล่าสุด เหตุปะทะกันนับตั้งแต่ช่วงเช้าก็เกิดบริเวณชายแดน จ.อุดรมีชัย ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ติดกับ จ.สุรินทร์, จ.บุรีรัมย์ และ จ.ศรีสะเกษ ของไทย ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของกลุ่มปราสาทหินที่เป็นกรณีพิพาท

นายแมทธิว บอกกับบีบีซีไทยว่า ดูเหมือนว่าการสู้รบจะปะทุขึ้นจากปฏิบัติการเฉพาะพื้นที่ในพื้นที่นั้น ๆ และทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว

"ทั้งสองฝ่ายเตรียมพร้อมที่จะสู้รบกันมาหลายสัปดาห์แล้ว ดังนั้น มันอาจใช้เวลาไม่นานนักที่จะพลิกสถานการณ์ให้กลายเป็นความขัดแย้งโดยตรง ซึ่งรวมถึงการยิงปะทะกันด้วยปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศได้" ผู้เชี่ยวชาญจาก ICG ระบุ


ร่องรอยทาสีทับคำหยาบคายบริเวณกำแพงสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ซึ่งตำรวจจับกุมชายไทยผู้ก่อเหตุได้ 1 คน

ด้านนายวิชานา มองว่าสาเหตุหลัก ๆ ที่พื้นที่ดังกล่าวเกิดปัญหาอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากตลอดแนวบริเวณนี้ยังไม่สามารถปักหลักเขตแดนร่วมกันได้ ประกอบกับ "ข่าวสารบิดเบือนที่อันตราย" ทำให้สถานการณ์แย่ลง

ขณเดียวกัน นายวีร็อก มีมุมมองคล้ายคลึงกัน โดยบอกว่าเมื่อพูดถึงสถานที่สำคัญตามพื้นที่พิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เขาชี้ว่ามันคือปราสาทเขาพระวิหาร แต่เมื่อข้อพิพาทนั้นได้รับการตัดสินในระดับนานาชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความขัดแย้งจึงเคลื่อนไปที่พื้นที่ใกล้เคียง

"ถ้าดูพื้นที่อื่น ๆ อย่างปราสาทตาเมือนธม หรือบริเวณรอบ ๆ ทั้งหมดนั้น ต่างก็เคยเป็นจุดปะทะมาแล้วในช่วงปี 2551 เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่ประเด็นใหม่ แต่เป็นพื้นที่พิพาทเก่าที่ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง แค่ครั้งนี้ เป้าหมายหลักไม่ได้อยู่ที่ปราสาทพระวิหารแล้ว จึงย้ายความเคลื่อนไหวมาอยู่ที่พื้นที่ใกล้เคียงแทน ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญรองลงมา แต่ก็ยังมีความหมายในเชิงยุทธศาสตร์และการเมืองอยู่"

ฝ่ายใดได้ประโยชน์จากการตอบโต้ทางทหารครั้งล่าสุด

ทหารกัมพูชากำลังลำเลียงจรวด BM-21 ขณะที่ทางไทยใช้ F-16 โจมตีทางอากาศ

ทั้งนายวิชานาและนายแมทธิวเห็นตรงกันว่า ไม่มีประเทศใดได้ประโยชน์จากเหตุปะทะครั้งนี้ และน่าเศร้าที่ประชาชนตามแนวชายแดนกลับได้รับผลกระทบจากความรุนแรงมากที่สุด

"ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาถูกกระทบกระเทือนจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นและการปิดพรมแดนที่ยืดเยื้อมาหลายเดือน บางคนถึงกับต้องสูญเสียชีวิตไปแล้ว" นายแมทธิว กล่าว

ด้าน นายวีร็อก อู กล่าวว่าจากสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น เป็นไปได้อย่างมากที่กัมพูชาจะเดินหน้าผลักดันให้ข้อพิพาทชายแดนกับไทยกลายเป็นประเด็นระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเขาเชื่อว่ากฎหมายระหว่างประเทศจะอยู่ข้างกัมพูชา

กลยุทธ์นี้รวมถึงการเรียกร้องให้มีคนกลางเข้ามาไกล่เกลี่ย หรือการยื่นเรื่องต่อองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ หรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ

"กัมพูชาจะพยายามดึงประเด็นเข้าสู่เวทีโลกแน่นอน เพราะเราเป็นรัฐเล็กกว่า และเราก็เชื่อว่ากฎหมายระหว่างประเทศอยู่ฝ่ายเรา" นายวีร็อกกล่าว

เขายังระบุว่า ความแตกแยกภายในของไทย และการที่แต่ละฝ่ายไม่ไว้วางใจกันเอง ทั้งทางการเมืองและกองทัพ เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการลดความตึงเครียดและหาทางประนีประนอม พร้อมระบุว่าเป้าหมายหลักของกัมพูชาคือการนำสถานการณ์กลับสู่จุดเดิมก่อนเกิดความขัดแย้ง โดยใช้วิกฤตครั้งนี้เพื่อสร้างความชอบธรรมบนเวทีระหว่างประเทศ

"ผมคิดว่ากัมพูชาจะชนะในเป้าหมายนั้น" นายวีร็อก กล่าว

เหตุการณ์กำลังมุ่งหน้าไปทางทิศใด

นายวิชานา นักวิชาการจากกัมพูชา ประเมินว่าสถานการณ์อาจยกระดับจากกรณีพิพาทพื้นที่ชายแดนทางบกไปสู่กรณีพื้นที่ทับซ้อนไหล่ทวีปในทะเล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งข้อพิพาทของทั้งสองประเทศ

ขณะที่ นายแมทธิว มองว่าหากเหตุปะทะยังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ "มีแนวโน้มว่ากัมพูชาจะได้รับความสูญเสียอย่างหนัก หากการสู้รบยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากความได้เปรียบทางทหารอยู่ที่ฝ่ายไทย"

ผู้เชี่ยวชาญจาก ICG เสนอว่าทั้งสองประเทศควรดำเนินมาตรการลดความตึงเครียด และแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ด้วยวิธีการสันติ เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียชีวิตเพิ่มเติม

ด้าน นายวีร็อก ชี้ว่าสิ่งที่ควรทำตอนนี้คือการหยุดยิงชั่วคราว แล้วกลับไปสู่การเจรจา โดยอาจเริ่มต้นจากการเปิด-ปิดด่านชายแด

"แค่เปิดด่านกลับมาให้เป็นเหมือนเดิม กัมพูชาก็ให้สัญญามาหลายครั้งแล้วว่า ถ้าฝั่งไทยเปิด ฝั่งกัมพูชาจะเปิดภายใน 5 ชั่วโมงอย่างเร็วที่สุด นี่เป็นทางออกที่ง่ายมาก ไม่ต้องมีการเจรจาอะไรซับซ้อนด้วยซ้ำ" เขาบอก

อย่างไรก็ดี ทางการไทยยืนยันมาเสมอว่าไม่มีนโยบายปิดด่าน โดย พล.ร.ต.สุรสันติ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) บอกว่า "ที่ผ่านมาเป็นการควบคุมด่านต่าง ๆ ที่เข้มข้นขึ้น" โดยเฉพาะการจำกัดจำนวนคน และการจำกัดเวลาการเข้า-ออก

นักวิเคราะห์จากกัมพูชายังเสนอเพิ่มเติมด้วยว่าทั้งสองประเทศควรกลับไปสู่สถานะเดิมที่เคยเป็นมา นั่นคือการลาดตระเวนร่วมกันในพื้นที่พิพาททั้ง 4 แห่ง ซึ่งทำกันมาเกิน 15 ปีแล้ว

"อย่างน้อยมันก็ช่วยลดความตึงเครียดลงได้มาก" นายวีร็อก บอกกับบีบีซีไทย

https://www.bbc.com/thai/articles/c2ezek0p10jo


ประมวลภาพเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ณ วันที่ 24 ก.ค. ซึ่งทำให้มีประชาชนคนไทยเสียชีวิตแล้ว 12 ราย

https://www.facebook.com/watch/?v=1241572087749248
https://www.youtube.com/shorts/snpA-cGotSw?feature=share


แม้ว่า รมว กต ได้ออกมาแถลงว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อนและยังได้โจมตีสถานที่พลเรือน อาจถือเป็นความพยายามของไทยในการสร้างความได้เปรียบทางการทูต หรือสร้างภาพลักษณ์ว่าไทยยึดมั่นในหลักสันติภาพและปกป้องประชาชนของตน แต่ก็มีความเสี่ยงหลายประการ


Pavin Chachavalpongpun
9 hours ago
·
พระเจ้ายังเข้าข้างไทยอยู่บ้าง ที่ รมว กต เราดันเดินทางไปประชุม UN เรื่อง sustainable development เลยใข้โอกาสนี้ แจ้งยูเอ็นเลยเรื่องการปะทะกับเขมร ดิชั้นขอแทรก ดังนี้
1. ไทยต้องตอกย้ำการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศที่ร้ายแรง: ข้อมูลที่ว่าโรงพยาบาลซึ่งเป็นสถานพยาบาลที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ถูกโจมตีโดยตรงนั้น เป็นหลักฐานที่ชัดเจนของการละเมิดกฎหมายสงคราม (Laws of War) และอนุสัญญาเจนีวา การทำลายสถานที่พลเรือนโดยเจตนา หรือการยิงใส่โดยไม่แยกแยะระหว่างเป้าหมายทางทหารและพลเรือนนั้น ถือเป็นอาชญากรรมสงครามที่ร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่ง หายไทยมีรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศที่น่าเชื่อถือมายืนยันข้อกล่าวหานี้ ยิ่งเพิ่มน้ำหนักและความน่าเชื่อถือให้กับท่าทีของไทย และสร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลต่อกัมพูชา ทำให้กัมพูชาตกอยู่ในฐานะที่ต้องชี้แจงอย่างหนักต่อประชาคมโลก
2. ไทยต้องอ้างเรื่องการเสริมความชอบธรรมในการป้องกันตนเองอย่างไม่อาจปฏิเสธได้: การที่รายงานระบุว่า "กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน" นั้นเป็น หัวใจสำคัญที่ยืนยันสิทธิของไทยในการป้องกันตนเอง ตามกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา 51 ข้อมูลนี้ช่วยให้ไทยสามารถนำเสนอภาพที่ชัดเจนว่า การดำเนินการทางทหารของไทยเป็นการตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตย ชีวิต และทรัพย์สินของพลเรือน จากการรุกรานที่กัมพูชาเป็นผู้ริเริ่ม เช่นกัน การมีรายงานจากสื่อต่างประเทศช่วยเสริมความน่าเชื่อถือให้กับคำกล่าวอ้างของไทย และบั่นทอนข้อโต้แย้งใดๆ ของกัมพูชาที่ว่าไทยเป็นผู้จุดชนวนความขัดแย้ง
3. ไทยต้องสร้างแรงกดดันด้านมนุษยธรรมและการเรียกร้องให้สอบสวน: การโจมตีโรงพยาบาลไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดกฎหมาย แต่ยังสร้างความกังวลอย่างลึกซึ้งในมิติของมนุษยธรรม ซึ่งจะดึงดูดความสนใจจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน องค์กรบรรเทาทุกข์ และประเทศต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับหลักมนุษยธรรม รายงานข่าวเช่นนี้จะกระตุ้นให้เกิดการเรียกร้องให้มีการสอบสวนที่เป็นอิสระ เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งหากผลการสอบสวนยืนยันข้อกล่าวหาของไทย ก็จะยิ่งตอกย้ำความผิดของกัมพูชาและอาจนำไปสู่มาตรการระหว่างประเทศที่เข้มงวดขึ้นต่อกัมพูชาได้ เช่น การประณาม การกดดันทางการทูต หรือแม้กระทั่งการพิจารณามาตรการลงโทษในภายหลัง
...ดังนั้น ไทยยังมีเครื่องมือสำคัญทางการทูตที่สามารถใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการต่อรอง ชี้แจงจุดยืน และแสวงหาการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในเวทีสำคัญอย่างสหประชาชาติ ซึ่งจะช่วยให้ไทยมีเสียงที่ดังขึ้นและมีน้ำหนักมากขึ้นในการเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่เป็นการละเมิดกฎหมายและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างสันติต่อไป
...พบกันที่รายการจอมขวัญ 6 โมงเย็นค่ะ

Pavin Chachavalpongpun
7 hours ago
·
รมว กต ได้ออกมาแถลงว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อนและยังได้โจมตีสถานที่พลเรือน อาจถือเป็นความพยายามของไทยในการสร้างความได้เปรียบทางการทูต หรือสร้างภาพลักษณ์ว่าไทยยึดมั่นในหลักสันติภาพและปกป้องประชาชนของตน อย่างไรก็ตาม แม้ท่าทีเช่นนี้จะทำให้ไทยดูเป็นฝ่ายที่มี “moral high ground” หรือข้อได้เปรียบเชิงคุณธรรมในสายตาประชาคมโลก แต่ก็มีความเสี่ยงหลายประการที่อาจทำให้สถานการณ์พลิกกลับกลายเป็นผลเสียได้เช่นกัน
…ประเด็นแรกนะคะ หากหลักฐานที่ไทยใช้กล่าวหาว่ากัมพูชายิงก่อนนั้นไม่ชัดเจนหรือไม่น่าเชื่อถือพอ เช่น ขาดภาพถ่ายจากดาวเทียม หรือพยานที่เป็นกลาง ก็อาจถูกประชาคมโลกตั้งคำถาม และลดความน่าเชื่อถือของไทยในเวทีระหว่างประเทศลงได้ ประการต่อมาคือ ความขัดแย้งนี้อาจถูกตีความว่าเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นปัญหาทางการเมืองในระดับตัวบุคคล ที่มาจากการผิดใจระหว่างทักษิณและฮุนเซน ก็อาจทำให้การต่อรองของเราอ่อนด้อยลงได้
…อีกความเสี่ยงหนึ่งคือ เรามั่นใจได้ไหมว่ากองทัพไทยไม่ได้ตอบโต้กลับอย่างรุนแรงเกินสมควร เช่น โจมตีหมู่บ้านชายแดนหรือพื้นที่พลเรือนของกัมพูชาเช่นกัน ก็อาจถูกประณามว่าใช้ความรุนแรงเกินจำเป็น และทำให้เสียสถานะทางจริยธรรมในทันที แม้จะเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อนก็ตาม ขณะเดียวกัน หากกัมพูชาสามารถขอการสนับสนุนทางการทูตจากประเทศอื่นได้รวดเร็วกว่าหรือมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เช่น จีน เวียดนาม หรือชาติสมาชิกอาเซียนบางประเทศ ก็อาจทำให้ไทยเสียเปรียบบนเวทีนานาชาติได้
…นอกจากนี้ ความขัดแย้งที่ยืดเยื้ออาจสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง โดยเฉพาะต่อการลงทุน ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดน แม้ว่าไทยจะสามารถแสดงให้โลกเห็นว่าเป็นผู้ถูกรังแก แต่หากสถานการณ์ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงภายในประเทศ ภาพลักษณ์โดยรวมก็อาจเสียหายเช่นกัน อีกทั้งการที่ไทยยื่นเรื่องเข้าสู่ UN แทนอาเซียนเช่นเดียวกับกัมพูชา อาจถูกมองว่าไทยไม่เคารพกลไกภายในภูมิภาค ไทยเป็นประเทศ founding father ของอาเซียนนะ อย่าลืม
…สรุปว่า แม้การชี้ว่า “กัมพูชายิงก่อน” และการนำเรื่องเข้าสู่เวที UN จะสร้างความได้เปรียบในเชิงภาพลักษณ์ในระยะสั้น ต่อไทย แต่หากไม่มีการบริหารจัดการข้อมูล ข้อเท็จจริง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างรอบคอบ ก็มีโอกาสที่ไทยจะเสียเปรียบในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ หรือความสัมพันธ์ในภูมิภาคอาเซียนเอง

https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun


ขอความร่วมมือ #ไม่สนับสนุนการทำร้ายประชาชนกัมพูชาที่อยู่ในไทย


ThaiNews – ไทยนิวส์ ·
7 hours ago
·
อย่าทำร้ายคนเขมรในไทย ควรให้เกียรติกัน!
.
"ดัง พันกร" แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กล่าสุด ระบุ
.
คนเขมรที่อยู่ในไทย
อย่าไปทำร้ายเขาเลยครับ
.
แต่ถ้าเป็นเคสๆไป ก็เห็นสมควร
มาทำมาหากินในประทศเรา ควรให้เกียรติกัน
.....

https://www.matichon.co.th/foreign/news_5290893

Jom Petchpradab
1 hour ago
·
ดูผู้นำเขาสิ.."เขาเล่นเป็น"
การสู้รบแพ้ชนะยังไงยังไม่รู้ แต่การสื่อสารของเขา ชนะไทยไปแล้ว
แม้จะเป็นการเล่น (ปฎิบัติการข่าวสาร) ทั้งระดับ บนดิน (ยึดหลักการ เหตุผล โดยผู้นำ) และใต้ดิน(ข่าวลวง ข่าวเท็จ โดยประชาชนที่บ้าคลั่ง)
.....



Drama-addict
7 hours ago
·
จ่าคะ อยากขอความร่วมมือโพสเรื่องนี้ด่วนๆเลยค่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยเสียภาพลักษณ์และเครดิตในเวทีโลกค่ะ

___________________________

ขอความร่วมมือ #ไม่สนับสนุนการทำร้ายประชาชนกัมพูชาที่อยู่ในไทย ค่ะ
นี่คือโพสของฮุนมาเน็ต เห็นได้ชัดเลยว่าตั้งใจจะยั่วยุให้คนไทยทำร้ายคนเขมร เพื่อใช้ภาพคนเขมรถูกทำร้ายเป็นเครื่องมือทำให้ไทยดูเป็นผู้ร้ายในเวทีโลก ดังนั้นถ้าคนไทยไหลไปตามกระแสทำร้ายคนเขมร เท่ากับเราผลิตคอนเทนท์ให้เขมรเอามาใช้โจมตีไทยค่ะ

รัฐบาลเขมรวางหมากมาแล้วว่าจะใช้คนเขมรเป็นเครื่องมือให้ไทยทำร้ายนี่แหละ ดังนั้นเราพยายามอดทนให้ได้มากที่สุด อย่าตามเกมส์ฮุนมาเน็ตค่ะ
และที่สำคัญไม่มีมนุษย์คนไหนควรโดนทำร้ายอยู่แล้วตามหลักมนุษยธรรม ยิ่งเรื่องเขมรเราต้องใจเย็นกันให้มากๆ เพราะตัวร้ายจริงๆในเรื่องนี้คือตระกูลฮุนค่ะ

อันนี้เป็นความเห็นจากเพื่อนอีกคนค่ะ

"ฮุนเซน ชอบใจเลยครับ ถ้ามีคนไทยออกมาทำรเสยคนกัมพูชาในไทย เพราะ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ ฮุนเซน ไม่ใช่ชัยชนะทางการสู้รบ เพราะเขาก็รู้ว่าทหารเขมรสู้ไทยไม่ได้ เเต่เป็นการฝั่งความเกลียดชังในใจคนทั้งสองชาติให้มากยิ่งขึ้น เพื่อตนเองสามารถปลุกเร้า ปลุกปั่นได้ดียิ่งขึ้นเมื่อถึงคราวต้องการ เพราะ ฉะนั้นใครออกไปล่าเเม่มด = ช่วยอังเคิล ทางอ้อม"

แถมตอนนี้คนไทยบางกลุ่มที่สนใจแต่เอนเกจเริ่มไปทำร้ายคนชาติพันธุ์อื่นๆในไทยแล้วค่ะ มันคือการสร้างศัตรูให้ไทยโดยไม่จำเป็น

ฮุนเซ็นต้องการให้ไทยโดดเดี่ยวทางการทูตค่ะ

ต้องการให้ต่างชาติมองว่าไทยรุนแรง ทำร้ายคนไปทั่วทุกชาติ

ถ้าจ่าเห็น รบกวนช่วยโพสเรื่องนี้ทีนะคะ มันสำคัญสำหรับภาพลักษณ์ทางการทูตไทยมากจริงๆ

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1271007744403493&set=a.791821822322090
.....


.....






เพจ whyhistory ทำคลิปไล่เรียงการปะทะระหว่างไทย-กัมพูชาวันนี้ ดูแล้วเข้าใจง่าย

https://www.facebook.com/watch/?v=1923905181705496

https://x.com/llalame_/status/1948393291411804198


การแถลงข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมวันที่ 27 สิงหาคม วันนี้น่าสนใจ มีข้อเรียกร้อง "เปลี่ยนม้ากลางศึก"


Thairath - ไทยรัฐออนไลน์ 
8 hours ago
·
“คณะรวมพลังแผ่นดิน” เรียกร้องให้ “นายกฯ อิ๊งค์” และ ครม. ลาออกแสดงความรับผิดชอบเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา บานปลายจนมีคนไทยบาดเจ็บและเสียชีวิต นัดชุมนุมใหญ่ 27 ก.ค. นี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
.....

Thanapol Eawsakul
7 hours ago
·
ฟังการแถลงข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมวันที่ 27 สิงหาคม วันนี้น่าสนใจ
กลุ่มผู้ชุมนุมพุ่งเป้าไปที่สภาพการปัจจุบันเกิดจากปัญหา 2 ตระกูลชินวัตร กับตระกูลฮุน
การที่ ตระกูลชินวัตรโดยทักษิณได้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว กับผู้นำกัมพูชา มาโดยตลอด แถม แพทองธาร ไปบอกว่า
Uncle (ฮุนเซน) ต้องการอะไรก็บอกมา
แถมทิ้งท้ายไปด้วยว่ากองทัพภาคที่ 2 ไม่ได้เป็น "พวกเรา"
ทั้งหมดทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเบี้ยล่างของกัมพูชา
ซึ่งอันนี้ก็มีส่วนถูกไม่น้อย
สิ่งที่แกนนำผู้ชุมนุมบอกว่าการแก้ปัญหาชายแดนตอนนี้จะหมดไปเมื่อแพทองธารต้องหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเท่านั้น แน่นอนว่าอันนี้คือข้อเสนอที่ Make Sense
แต่สิ่งที่ผู้ชุมนุมจะรุกต่อไปก็คือว่า ถ้าหากนายกรัฐมนตรีคนต่อไป มาจากพรรคเพื่อไทย ก็จะต้องอยู่ภายใต้อาณัติของทักษิณ ชินวัตร
และปัญหาเหล่านี้ก็ยังไม่จบไป อย่างแน่นอน
หรือถ้าพูดกันตรงไปตรงมาคือ ถ้าแพทองธารหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแล้วนายกรัฐมนตรีคนต่อไปยังเป็นชัยเกษม นิติศิริกลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังจะประท้วงต่อ
ซึ่งถึงตอนนั้นก็ต้องวัดใจ พรรคร่วมรัฐบาลชุดรวมกันเฉพาะกิจครั้งนี้แล้วว่ายังจะหนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยต่อไปหรือไม่
หรือคนเหล่านี้จะไปบีบพรรคเพื่อไทย ให้ไปเอานายกรัฐมนตรีคนอื่น นอกจากชัยเกษมหรือไม่
ขณะเดียวกันนั้น ต่อให้พรรคเพื่อไทย จะหยิบไพ่ยุบสภาขึ้นมา
จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่แน่ใจว่า กระบวนการยุบสภา จะสำเร็จลงได้จริงหรือไม่ ถ้าดูท่าทีของเลขาคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ให้ความเห็นมาก่อนหน้านั้น ที่ไปโยงกับอำนาจของพระมหากษัตริย์
กล่าวโดยสรุปผมคิดว่า
เวลา นายกรัฐมนตรี ของแพทองธาร นั้นหมดไปตั้งแต่วันที่คลิป ได้เผยแพร่เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนแล้ว
ดังนั้น อาจจะไม่ต้องรอ จนถึง คำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่คาดว่าจะไม่เกินวันที่ 20 สิงหาคมนี้
แต่นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ยังไม่รู้ว่าจะเป็นใคร ระหว่าง ชัยเกษม นิติศิริหรืออนุทิน ชาญวีรกุล ซึ่งถึงอย่างไรก็จะไม่มีทางเป็นประยุทธ์ จันทร์โอชาโดยเด็ดขาด

https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/24372450422395134

.....

ข้อเรียกร้องรัฐบาล ของ คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย

1) ยุติการแทรกแซงกิจการภารกิจของกองทัพและหน่วยงานความมั่นคงทันที

2) ยกเลิกคณะทำงานทีมไทยแลนด์ (ศก.ทบ.) และสนับสนุนดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี แนวทางนโยบายของกองทัพ สภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานความมั่นคง

3) ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ 2543 (MOU43) // แผนแม่บท (TOR46) บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์ในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (MOU44) // และแถลงการณ์ร่วม (JC44)

4) รัฐบาลต้องไม่เปิดโอกาสให้ต่างชาติไม่ว่าจะเป็นอเมริกา อิสราเอล ยุโรป จีน รัสเซีย หรือประเทศอื่นใด แทรกแซงสถานการณ์ รวมถึงให้หยุดการซ้อมรบกับนานาประเทศทันที

5) ให้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการณ์ประณามกัมพูชาและรายงานต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทันที เพื่อให้สามารถใช้กำลังในการป้องกันตนเองอย่างเต็มที่โดยชอบธรรมถูกต้องตามกฎมายระหว่างประเทศ

6) ให้รัฐบาลทั้งคณะลาออกทันที