วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 14, 2568

ศาลรัฐธรรมนูญเรียกนายกฯ และเลขาธิการ สมช. ไต่สวน “คดีคลิปเสียง” 21 ส.ค. ก่อนนัดอ่านคำวินิจฉัย 29 ส.ค. นายกฯ แพทองธารฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯ อย่างไรในทัศนะของคณะ สว. ย้อนอ่านคำร้องฉบับเต็ม


บีบีซีไทย - BBC Thai
12 hours ago
·
ศาลรัฐธรรมนูญเรียกนายกฯ และเลขาธิการ สมช. ไต่สวน “คดีคลิปเสียง” 21 ส.ค. ก่อนนัดอ่านคำวินิจฉัย 29 ส.ค.
.
วันนี้ (13 ส.ค.) ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมประจำสัปดาห์ โดยได้พิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง หลังประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
.
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และมีมติ 7 ต่อ2 ให้ น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่ 1 ก.ค. จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
.
คดีนี้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 36 คน ยื่นคำร้องผ่านประธานวุฒิสภาขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านายกฯ คนที่ 31 ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง หลังปรากฏคลิปสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งคณะ สว. มองว่า เป็นการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในลักษณะเป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมจะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการ และเห็นแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงกันข้าม
.
นายกฯ แพทองธารได้ขอขยายเวลาส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา 2 ครั้ง ก่อนส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญตามเส้นตายเมื่อ 4 ส.ค.
.
ล่าสุดสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญออกเอกสารข่าว โดยสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
- ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาคดีกําหนดนัดไต่สวนพยานบุคคลจํานวน 2 ปากคือ ผู้ถูกร้อง (น.ส.แพทองธาร) และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (นายฉัตรชัย บางชวด) วันที่ 21 ส.ค. เวลา 10.30 น. พยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกหากไม่มาตามกําหนดนัดถือว่าไม่ติดใจเป็นพยานบุคคล
- ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องที่ประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดี ให้ยื่นเป็นหนังสือต่อศาลภายใน 27 ส.ค. หากไม่ยื่นภายในกําหนดถือว่าไม่ติดใจ
- ศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันศุกร์ที่ 29 ส.ค. เวลา 09.30 น. และนัดฟังคำวินิจฉัยเวลา 15.00 น.
.
ชะตากรรมอันไม่แน่นอนของผู้นำรัฐบาล ทำให้เกิดกระแสข่าวว่า น.ส.แพทองธารอาจชิงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งก่อนมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อรักษาอำนาจต่อรองในทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย (พท.) อย่างไรก็ตามแกนนำพรรค พท. หลายคนได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้
.
ด้านนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบิดาของนายกฯ แพทองธาร เคยออกมาแสดงความมั่นใจในข้อกฎหมาย และ “มั่นใจในความบริสุทธิ์ใจของลูกผม”
.
ในระหว่างให้สัมภาษณ์กับ 3 บก. เครือเนชั่น เมื่อ 9 ก.ค. นายทักษิณกล่าวถึงคดีของนายกฯ คนที่ 31 เอาไว้ว่า “มีหลายออฟชั่น 1. นายกฯ รอด กลับไปทำงานยาว หากไม่รอดก็มี 2 อย่าง เสนอชัยเกษม (นายชัยเกษม นิติศิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่เหลืออยู่ของพรรค พท.) หรือยุบสภา ตอนนี้ชัยเกษมฟิต ตีกอล์ฟสบายมาก”
.
นายกฯ แพทองธารฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯ อย่างไรในทัศนะของคณะ สว. ย้อนอ่านคำร้องฉบับเต็มได้ ที่นี่
https://bbc.in/4mHdiPQ
.....

ใครคือผู้ร้อง อาศัยอำนาจใด

สว. ที่ลุกขึ้นมากล่าวหานายกฯ มีจำนวน 36 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ถูกเรียกว่า "สว. สีน้ำเงิน" นำโดย พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา ประธาน กมธ.การทหารและความมั่นคง วุฒิสภา แต่สำหรับการยื่นคำร้องส่งศาลตีความคุณสมบัตินายกฯ ในครั้งนี้ พวกเขาเรียกตัวเองว่า "สว. ผู้รักชาติรักแผ่นดิน"


พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา นำทีมแถลงเมื่อ 19 มิ.ย. ว่า "บัดนี้ความอดทนของคนในชาติได้สิ้นสุดลงแล้ว จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากผู้นำรัฐบาลที่ด้อยความสามารถ ขาดประสิทธิภาพ ขาดภาวะผู้นำ ประเทศชาติขาดความเป็นปึกแผ่น ไร้ศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ"

วุฒิสมาชิกกลุ่มนี้อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ที่เปิดทางให้ สส. หรือ สว. จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกว่าสมาชิกภาพของสมาชิกคนใดคนหนึ่งแห่งสภานั้นสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ และให้ประธานส่งคําร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้นั้นสิ้นสุดลงหรือไม่ ทั้งนี้กรณี สว. ต้องอาศัยเสียง 20 คน จากสมาชิกทั้งหมด 200 คน


สำหรับรายชื่อของผู้ยื่นคำร้อง นอกจาก พล.อ.สวัสดิ์แล้ว ยังมีประธาน กมธ. ของวุฒิสภาชุดอื่นอีก 6 คน ประกอบด้วย นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ประธาน กมธ.คมนาคม, นายอลงกต วรกี ประธาน กมธ.ติดตามบริหารงบประมาณ, นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ประธาน กมธ.สาธารณสุข, นางวราภัสร์ ไพพรรณรัตน์ ประธาน กมธ.การพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และความหลากหลายทางสังคม, นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์ ประธาน กมธ.แรงงาน, นายนิรัตน์ อยู่ภักดี ประธาน กมธ.ต่างประเทศ

ขอให้ศาลมีคำสั่งเรื่องใด

คำร้องของ 36 สว. ที่ส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้มีคำวินิจฉัยใน 2 ข้อ

1. ให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้อง (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร) สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5)

2. ให้มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย เนื่องจากปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่า "ผู้ถูกร้องมีความสัมพันธ์ส่วนตัวและแอบเจรจากับประธานวุฒิสภากัมพูชาในลักษณะเป็นภัยภัยต่อความมั่นคงอาณาเขตไทย และอำนาจอธิปไตยของไทย อันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงและยากแก่การเยียวยาในภายหลัง ดังนั้นเพื่อป้องกันความรุนแรงอันใกล้ที่จะถึง ประกอบกับคำร้องของผู้ร้องมีเหตุอันมีน้ำหนักที่ศาลจะวินิจฉัยให้เป็นไปตามคำร้อง" จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดมาตรการหรือวิธีการเป็นการชั่วคราว โดยสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

ถ้อยคำไหนในคลิปที่ สว. "ติดใจ"

บทสนทนาระหว่างผู้นำ 2 ประเทศในคลิปนี้มีความยาว 17.06 นาที ทว่าเนื้อหาที่ถูก สว. ผู้ร้อง ระบุว่าเป็น "ถ้อยคำในช่วงที่สำคัญ" มีอยู่ 4 ตอน ได้แก่
  • "ไม่อยากให้ uncle (อา) ไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าพอไปฟังฝั่งตรงข้ามอย่างพวกแม่ทัพภาค 2 อย่างเนี้ยค่ะ เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย ซึ่งพอไปฟังอย่างนั้นเสร็จ ก็ไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจ หรือว่าโกรธ เพราะจริง ๆ แล้วไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลยค่ะ"
  • "เขาอยากจะดูเท่ เขาก็พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติค่ะ"
  • "บอกว่าจริง ๆ แล้วถ้าท่านอยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้"
  • "จริง ๆ แล้วท่านจะเอาอะไรจริง ๆ ให้บอกอิ๊งได้เลย ยกหูบอกก็ได้ อันไหนไม่เป็นข่าว ก็คือไม่เป็นข่าว อันนั้นที่หลุดไป มันหลุดเพราะสื่อ เพราะไม่ได้คุยกับอิ๊งแค่ 2 คน มันคุยกันเป็นกลุ่มนะพี่ มันเลยหลุดน่ะ แต่ถ้าคุยกับอิ๊ง 2 คน มันไม่มีหลุดอยู่แล้ว"

นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เมื่อ 23 เม.ย. 2568 ที่วุฒิสภาราชอาณาจักรกัมพูชา ในวาระ 75 ปีความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา

คำร้องของคณะ สว. ระบุว่า แม้ น.ส.แพทองธาร จะพยายามแถลงข่าวแก้ตัวว่า เป็นเพราะทราบข้อมูลจากล่ามว่าสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 จึงพยายามทำความเข้าใจ ซึ่งเป็นการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์แบบส่วนตัว มองว่าไม่ควรนำมาเปิดเผย และย้ำว่ามีจุดมุ่งหมายที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและอธิปไตยของไทย จึงคุยด้วยความนุ่มนวล แต่ สว. ผู้ร้องเห็นว่า "ฟังไม่ขึ้น" เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียง ผู้ถูกร้องย่อมพยายามที่จะต้องหาข้อแก้ตัวและจะแก้ตัวอย่างไรก็ได้

คำร้องของ สว. ระบุต่อไปว่า หากผู้ถูกร้องมีเจตนาในการเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ของประเทศไทยจริง สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักการและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใสตามกระบวนการของกระทรวงการด่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ไม่มีเหตุผลความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องแอบเจรจากันเป็นการส่วนตัว และเรียกผู้นำประเทศที่กำลังมีการปะทะกันทางการทหารหรือสภาวะสงครามที่มีความขัดแย้งกันทางบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยว่า "uncle" และเรียกแม่ทัพภาคที่ 2 ว่า "ฝั่งตรงข้าม"

นอกจากนี้ พล.อ.สวัสดิ์ และคณะ ยังไล่เรียงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นับจากทหารไทย-กัมพูชาปะทะกันที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อ 28 พ.ค. ซึ่งนำมาสู่ความเคลื่อนไหวของกัมพูชาในหลายกรณี แต่นายกฯ ไทยกลับ "ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหว-นิ่งเฉย-ไม่กำหนดมาตรการใดให้มีความชัดเจน" ไม่ว่าจะเป็น กรณีการต่อต้านสินค้าและภาพยนตร์ไทย, การตัดอินเทอร์เน็ตและไฟฟ้าจากประเทศไทย, การยื่นเรื่องฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ, การถูกสื่อมวลชนตั้งคำถามในทำนองว่าทางกัมพูชาได้มีการรุกล้ำพื้นที่เข้ามาแล้ว 200 เมตร รวมทั้งตั้งคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุน เพื่อให้ผู้ถูกร้องชี้แจง แต่ผู้ถูกร้องกลับโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้

นั่นทำให้ สว. และประชาชนทั่วไปเกิดความสงสัยว่า เหตุใดนายกฯ ไทยจึงแสดงออกถึงความนิ่งเฉยและไม่ปฏิบัติหน้าที่ในการโต้ตอบหรือกำหนดมาตรการรวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่บุคคลผู้อยู่ในสภาวะ วิสัย และพฤติการณ์แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศพึงกระทำ จนกระทั่งผู้นำฝ่ายกัมพูชานำคลิปเสียงสนทนาส่วนตัวมาเผยแพร่ จึงเป็นหลักฐานที่ทำให้ สว. และคนไทยเข้าใจแล้วว่า "นายกฯ ไทย ผู้ถูกกล่าวหา นิ่งเฉย เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัว"

ข้อกล่าวหาคืออะไร ผิดกฎหมายข้อไหน

สว. ผู้ร้อง เห็นว่า พฤติการณ์ของนายกฯ เข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมาย อาทิ

รัฐธรรมนูญปี 2560
  • มาตรา 50 (บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ)
  • มาตรา 52 (รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขต)
  • มาตรา 164 (1) และ (4) (ครม. ต้องปฏิบัติหน้าที่และใช้อํานาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ เปิดเผย และมีความรอบคอบและระมัดระวังในการดําเนินกิจการต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม, สร้างเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ผาสุก และสามัคคีปรองดองกัน)
ประมวลกฎหมายอาญา
  • หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายใน ราชอาณาจักร
  • หมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร เช่น ฐานเป็นกบฏ หรือคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทําการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศหรือที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ
  • มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมและมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
  • มาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญฯ ปี 2561 ที่ใช้บังคับกับ ครม. ด้วย อ้างถึงข้อ 6, 7, 8, 27 วรรคหนึ่ง
  • มาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ข้อ 11, 12, 13, 15, 16, 17, 19, 21, 27 วรรคสอง
  • ประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมืองปี 2564 ข้อ 4 (1) (5), ข้อ 5 (1-7), ข้อ 6 (1) (2) (4) (5), ข้อ 7 (1-5), ข้อ 8 (1-2), ข้อ 9 (1) (4), ข้อ 10 (1-3, 9)


ในท้ายคำร้องของ 36 สว. ระบุว่า จากพฤติการณ์และความผิดทั้งหมดนี้จึงถือได้ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และอาจกล่าวได้ถึงขนาดว่า "ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อประเทศชาติและประชาชนเลย รวมทั้งฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง" เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง

ร้อง ป.ป.ช. ไต่สวนอาญา-การเมือง

นอกจากส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความคุณสมบัตินายกฯ แพทองธาร สว. จำนวน 34 คน นำโดย พล.อ.สวัสดิ์ ยังยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนและดำเนินการกับ น.ส.แพทองธาร โดยใช้ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย เอกสารประกอบการพิจารณาชุดเดียวกัน

คำกล่าวหาของคณะ สว. ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. บรรยายข้อกล่าวหาว่า น.ส.แพทองธาร ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์, ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย, ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

คณะ สว. ขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ 2 ข้อ ดังนี้

1. ไต่สวนและดำเนินการกับผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลฎีกา และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และดำเนินคดีอาญาฐานความผิดต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินคดีอื่นใดที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับผู้ถูกกล่าวหาและผู้อื่นที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ต่อไป

2. ขอให้มีคำสั่งให้ผู้กล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ เป็นการชั่วคราวไว้ก่อน จนกว่าจะปรากฏการไต่สวนของ ป.ป.ช. ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับอาณาเขตไทย อำนาจอธิปไตยของชาติ และความเสียหายต่อผลประโยชน์อื่นของประเทศชาติและประชาชน


กลุ่ม "รวมพลังแผ่นดิน" นัดชุมนุม 28 มิ.ย. เพื่อขับไล่นายกฯ

นอกจาก สว. ชุดปัจจุบัน ยังมีอดีต สว. สมชาย แสวงการ และแนวร่วมกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "รวมพลังแผ่นดิน" เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส. แพทองธาร ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กล่าวหาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119, 120, 122, 128 และ 129 รวมถึงมี "นักร้อง(เรียน)ทางการเมือง" ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบในกรณีเดียวกัน

ที่มา บีบีซีไทย
เปิดคำร้องฉบับเต็ม สว. กล่าวหา แพทองธาร ชินวัตร ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม ปม "คลิปเสียงหลุด" สนทนาฮุน เซน
https://www.bbc.com/thai/articles/c9w15n78rnlo