ณ วันนี้ การแก้ไขกรณีพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชาไปถึงไหน
มาดูกัน โดยเริ่มที่ท่าทีของรัฐบาล จากที่ Pavin
Chachavalpongpun ถอดความหนังสือทางการที่ไทยส่งให้คณะทูตถาวรและผู้สังเกตุการณ์ประเทศต่างๆ
ที่ยูเอ็นเสนอฟ้องสองพ่อลูกเขมร ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ
“ซึ่งไทยมองว่าเป็นการรุกราน และกระทบต่ออธิปไตยของไทย” ดังเช่น ประเด็นกับระเบิด PMN-2 ที่กัมพูชาวางใหม่ “ระเบิดเหล่านี้เป็นกับระเบิดที่เพิ่งถูกนำมาวาง” ทั้งที่ควรจะได้ทำลายเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ โน่นแล้ว
กรณีกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน รัฐบาลไทยยืนยันว่า “เมื่อวันที่ ๒๔ กค. เวลา ๐๘. ๒๐ น. ทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงใส่ฐานทัพไทยก่อน ที่ตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์” จากนั้น “ทหารกัมพูชาได้โจมตีแบบไม่เลือกเป้าหมาย ใส่พลเรือนและสิ่งปลูกสร้างของประชาชน”
ไทยชี้แจงว่า การโจมตีของกัมพูชาเป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา ๒(๔) ที่ห้ามการคุกคามหรือใช้กำลังกับอธิปไตยของประเทศอื่น และเป็นการละเมิดหลักการเพื่อนบ้านที่ดี ส่วนไทยนั้นทำการตอบโต้ ก็เพียงเป็นการ ‘ป้องกันตัวเอง’ ตามมาตรา ๕๑ กฏบัตรสหประชาชาติ
นอกจากมีการ “ประณามการโจมตีพลเรือนและโรงพยาบาล” ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาปี ๑๙๔๙ อย่างร้ายแรง “โดยเฉพาะมาตรา 18 ที่คุ้มครองโรงพยาบาล และมาตรา 19 ที่คุ้มครองผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บ”
ลงท้าย ไทยยังต้องการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี พร้อมที่จะเข้าร่วมในกลไกการเจรจาทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว ได้แก่ “คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission) ที่มีกำหนดประชุมในต้นเดือน กย. ๒๕๖๘
แล้วยังไม่พลาดเป้า ปวินไม่วายสรุปท้ายข้อเขียนกระแทกใส่ ทักษิณ ชินวัตร “เรื่องทักษิณยุให้กองทัพสู้ต่อ จึงเข้าทางเขมรแทน นี่กลัวว่า กต. ไทยจะทำงานเหนื่อยเปล่าถ้าทักษิณยังไม่หุบปาก”
แล้วฝ่ายค้านล่ะ ว่าอย่างไร #พรรคประชาชน ออกมาเสนอมาตรการให้รัฐบาลยื่นฟ้องฮุนเซนกับฮุนมาเนต ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ “ตามมาตรา ๘ (๒)(b)(i) และอนุสัญญาเจนีวา ตามมาตรา ๑๔๗ ซึ่งนำไปสู่หลักเขตอำนาจศาลสากล”
ต่อการนี้เนื่องจากไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรม แต่กัมพูชาเป็นรัฐภาคีของศาลอาญาระหว่างประเทศอยู่แล้ว (ตั้งแต่ปี ๒๐๐๒) “ศาลจึงมีเขตอำนาจเหนือคดีได้โดยตรง หากผู้กระทำความผิดเป็นบุคคลสัญชาติกัมพูชา”
(https://www.facebook.com/permalink.php=100054162881442 และ https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/kNVWFT1Z)