ว่าไปแล้ว ‘โซเชียล มีเดีย’ ให้ ‘คุณค่า’ แก่สังคมโดยรวม มากกว่าเป็นสถานที่แสดงออกของบุคคล ทั้งธรรมดาๆ และไม่ธรรมดา ในแง่ของข้อมูลข่าวสาร นอกเหนือจากแหล่งผลิตชนิดที่เป็นบรรษัท จำเพาะที่กล่าวถึงครั้งนี้ #ในนามความมั่นคง
อนุสนธิ์จากคำบ่นของ ‘ครูทิว’ ที่ถูกเฝ้ามองและแอบติดตาม จากการเป็นผู้ร่วมกิจกรรมเวิร์คช้อป ในกลุ่ม ‘ครูก้าวหน้า’ ว่า “ความจริงมันข่มขื่นกว่าจะยอมรับได้ว่า เราอยู่ในประเทศที่ปราศจากสิทธิเสรีภาพ และมีโอกาสที่คุณจะถูกคุกคามได้ทุกเมื่อ”
พยานที่ถูกใช้ปรักปรำเขา ให้การว่า “แม้ไม่ได้เป็นเพื่อนทางโซเซียลกับผม ไม่ได้รู้จักส่วนตัว แต่ทราบข้อมูลพฤติการณ์ของผมมาตลอด ผ่าน ‘กลุ่ม’ ที่ส่งข้อมูลข่าวสารให้กัน” อีกรายบอกว่า “แม้ผมจะไม่เคยมีการกระทำความผิดตามกฎหมาย
ไม่ว่าเกี่ยวกับสถาบันหรือความมั่นคง ก็ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ” และ “ข้อมูลที่ได้มาจากหน่วยข่าวกรอง ไม่สามารถนำเอกสารมาเปิดเผยได้เนื่องจากเป็นความลับ (แต่เอามาเบิกความปรักปรำผมได้ เอาสิ!)”
เขาลงท้ายกับความสับปรับของหน่วยงานรัฐเหล่านั้นว่า “ผมคงจะยืนหยัด ยึดมั่นสิ่งที่ทำมาตลอด ไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเถื่อนเหล่านี้” เออจริงสินะ คำว่า ‘เถื่อน’ มันกินความหมายยิ่งว่าบัดซบ จัญไร และ/หรือ...เห้ กับ...สัตว์หน้าขน ด้วยซ้ำไป
ดังประสบการณ์ของนักวิชาการท่านหนึ่ง “เล่าสู่กันฟัง (พร้อมทั้ง) ขอร้องว่าไม่แค้ป ไม่แชร์ ไม่เอาไปทำข่าว” ถึงเรื่องราวที่เกิดระหว่างงานสัปดาห์หนังสือ มีชายนอกเครื่องแบบมา ๒ คนมาคอยถ่ายรูป “เขามาประจำเวลามีนักวิชาการไปเซ็นต์หนังสือ”
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งราว ๒-๓ สัปดาห์ผ่านไป “มีทหารในหน่วยงานความมั่นคงแห่งหนึ่ง ติดต่อมา ส่งรูปถ่ายมาให้ดู เป็นรูปเรากำลังเซ็นหนังสือให้เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ถามเราว่าจำเด็กคนนี้ได้ไหม จำได้สิ เพราะเขาหน้าคมเข้ม” บอกด้วยว่ามาจากจังหวัดชายแดนใต้
ด้วยการสอบถามแหล่งข่าวจึงทราบว่า หน่วยงานนั้นพยายามโยงนักวิชาการคนดังกล่าวเข้ากับ กลุ่มสันติภาพภาคใต้ ‘บีอาร์เอ็น’ เพราะในช่วงเวลานั้นมีเรื่องตากใบกำลังหมดอายุความเป็นข่าวใหญ่อยู่ จึงมีการสร้างข่าวปลอมที่โยงเรื่องตากใบ
“เข้ากับพรรคส้มและ BRN ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเรียกร้องเรื่องตากใบ...ต้องการใช้โอกาสนี้ประกาศให้ BRN เป็นกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งจะส่งผลให้กระบวนการเจรจาจะล้มลงทันที” และ “รัฐบาลจะไม่เจรจากับกลุ่มที่มีสถานะเป็นกลุ่มก่อการร้าย
...มีคนเท่าไรที่เป็นเหยื่อการสร้างข้อมูลเท็จแบบนี้กันนะ” นักวิชาการท่านนั้นได้แต่ถอนหายใจ