พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนให้สัมภาษณ์ที่เขาชนไก่ เปิดเผยยอดผู้สมัครเข้าเป็นทหารทางออนไลน์ ว่าถึง ๗ มกรามีแล้ว ๑,๔๐๐ นาย แต่ตัวเลขไม่นิ่งเพราะต้องมีการคัดกรองคุณสมบัติ แล้วอาจเหลือไม่ถึง
ทั่น ผบ.กล่าวถึงโครงการสมัครใจเป็นทหาร ว่ายังบอกไม่ได้ว่าปีนี้จะมีเพิ่มขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยสร้างแรงจูงใจ “โดยเฉพาะเรื่องค่าตอบแทน ซึ่งหากเพิ่มขึ้นก็ต้องเป็นภาระด้านงบประมาณ” เลยทำให้ทั่นเกิดไอเดียบรรเจิด ต่อคนที่ไม่อยากเป็นทหาร
“ก็จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน เพื่อมาชดเชยในเรื่องค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นของผู้ที่สมัครใจเข้ามา” และว่า “จุดนี้ก็จะแก้ไขปัญหาเรื่องค่าตอบแทนที่เป็นแรงจูงใจได้” ทั่นมองแต่ด้านงบประมาณ ขณะที่ไม่ได้เห็นเรื่องศักดิ์ศรีมนุษย์ หรือความเสมอภาค
ทหารเกณฑ์ถูกมองว่าเป็นสมบัติของกองทัพ ไม่ต่างจากไพร่ในสมัยโบราณ ซึ่งแม้มิใช่ทาส ก็ตกเป็นสมบัติของกษัตริย์ (ไพร่หลวง) เจ้าขุนมูลนาย (ไพร่สม) และกองทัพ (ไพร่ส่วย) หากไม่มารับใช้ก็ต้องนำสิ่งของมีค่ามามอบให้เป็นการทดแทน
เพจ @ThaiArmedForce มีปฏิกิริยา “พอฟังแนวคิดนี้แล้วอึ้งปนฮา คิดได้ยังไง นี่ยิ่งกว่าใช้เงินซื้อต่ำแหน่งอีก คือแบบนี้ง่ายเลยครับ ต่อไปนี้ลูกหลานใครไม่อยากเป็นทหาร ก็มาเป็นไพร่ส่วย จ่ายเงินอุดหนุนสัก ๒ ปี แบบนี้ใช่มะ”
เพจดังกล่าวยังบอกด้วยว่า เอาจริงๆ แล้ว มีทางออกที่ดีกว่า “เราสามารถลดแรงกดดันการเพิ่มงบประมาณได้ด้วยการแก้ไขระบบการรับราชการทหาร แทนที่จะถูกเกณฑ์ ๖ เดือนถึง ๒ ปี ก็เปิดโอกาสให้คนมาสมัครและอยู่ยาวได้จนถึงอายุ ๔๕ แบบทหารพราน”
เขาว่าทหารพรานนี่คนนิยมสมัครกันมาก น่าจะเพราะ “เปิดโอกาสให้พลทหารเติบโตได้ เข้าสู่ระบบทหารประจำการ เป็นนายสิบนายร้อยได้...ต้องปรับการทำงาน ไม่ใช่บังคับอยู่ในค่ายแบบนักโทษ...ทำงานแบบไปเช้าเย็นกลับแบบทหารประจำการได้”
จนไปถึง #ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ซึ่ง “ทำยาก เพราะต้องแก้กฎหมาย กองทัพต้องปรับตัว ต้องพยายาม ต้องสังคยานา ต้องปรับวัฒนธรรม พฤติกรรม ต้องตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรมนุษย์...ไม่เห็นทหารเกณฑ์เป็นของฟรีจะสั่งไปทำอะไรก็ได้”
(https://x.com/ThaiArmedForce/status/1877216543660282067 และ https://www.naewna.com/politic/851911=EhdRXCfPmgMIuk3MMnQVrA)
