Tara Buakamsri
17 hours ago
·
ผมได้ Note ด้านล่างมาจากคุณ Dario Berrebi - Consultant at Restless Stories ขอเอามาแปะไว้เพื่อเปิดดีเบตกัน บนหลักการที่ว่า "ถกเถียงเพื่อหาข้อสรุปที่เหมาะสมสอดคล้องกับบริบท(โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกรุงเทพมหานครที่มีประชากรมากกว่า10 ล้านคน) ยังดีกว่าหาข้อสรุปโดยไม่ถกเถียงกันเลย" :
"...การจัดการคุณภาพอากาศในปารีส(ประชากร 2 ล้านกว่าคน) ได้กลายเป็นต้นแบบระดับโลก
เมืองหลวงแห่งนี้ได้เปลี่ยนจาก "Red Alert" ของคุณภาพอากาศที่ย่ำแย่ในปี 2007 มาเป็นเมืองที่อากาศสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การปล่อยมลพิษในปารีสลดลงถึง 40% ในเวลาเพียง 10 ปี
ทำไมและทำอย่างไรถึงเกิดขึ้นได้?
ในความเป็นจริง ตั้งแต่ปี 2000 ประชาชนในยุโรปกว่า 5 ล้านคนเสียชีวิตจากมลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก
10 ปีก่อน หลายคนในเมืองปารีสมักเป็นโรคหอบหืดทุกฤดูร้อน และมักถูกบอกว่าเป็นเรื่องในจินตนาการของตัวเอง
การจัดการคุณภาพอากาศไม่ใช่ "อุดมการณ์สายเขียว" ตามที่หลายคนแซะ แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันต่อสภาพภูมิอากาศและเป็นความท้าทายด้านสาธารณสุขที่เร่งด่วน
มาตรการที่ถูกนำมาใช้ในปารีสและพื้นที่โดยรอบในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา คือ:
การปลูกต้นไม้ 170,000 ต้น ภายในสิ้นปีนี้ การสร้างพื้นที่สีเขียวใหม่กว่า 300 เฮกตาร์ การสร้างเส้นทางจักรยานและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับจักรยานรวม 1,400 กิโลเมตร การจัดตั้งเขตปล่อยมลพิษต่ำ การเปลี่ยนพื้นที่ริมแม่น้ำให้เป็นเขตคนเดิน (Note : แนวคิดคนละแบบกับทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา) การนำแนวคิด "เมือง 15 นาที" มาใช้
มาตรการห้าม(และถูกกล่าวหาว่าเป็น "เผด็จการ"): การจราจรความเร็วสูงในใจกลางปารีส รถดีเซลรุ่นเก่า การเข้าถึงของรถ SUV พร้อมค่าที่จอดรถที่สูงขึ้น การลดที่จอดรถในเขตเมืองถึง 70,000 ช่องปารีสได้พิสูจน์แล้วว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเป็นไปได้ – และในระยะเวลาไม่นาน
แน่นอนว่ามันไม่ได้สมบูรณ์แบบ หัวข้อนี้ยังคงเป็นประเด็นการเมืองในฝรั่งเศส แม้จะมีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้
ความก้าวหน้านี้เป็นไปได้เพราะมีผู้กล้าที่จะต่อสู้เพื่อลดการพึ่งพารถยนต์ในปารีส
การเปลี่ยนแปลงในเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย มันคือโครงการต่อเนื่อง – บางครั้งก็ทำให้ไม่สบายใจ แต่เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง..."
สถิติจาก Airparif สำนักงานสังเกตการณ์คุณภาพอากาศแห่งชาติใน Île-de-France: https://buff.ly/3DGcCc1
https://www.facebook.com/photo/?fbid=9496649553699577&set=a.100199933344633
