แน่ละรัฐบาลอนุทินสั่งฉับไว “ระงับ” ปฏิญญา ที่เซ็นกันไว้ต่อหน้า ‘ทรั้มพ์’ ที่มาเลเซีย นั่นก็มาตรการทางการทูตอย่างเหมาะสม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ แจ้งกับนายปรัก สุคน รองนายกฯ กัมพูชา ว่าเหตุการณ์ที่เกิดนั้น
“ไม่เป็นไปตามเป้าประสงค์” ของ ‘Joint Decoration’ ข้อตกลงที่สองฝ่ายร่วมลงนามไว้ แล้วเมื่อกี้ทางเลขาฯ กฤษฎีกาได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การสั่งระงับแถลงการณ์ร่วมเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่ใช่หนังสือสนธิสัญญา แถมยังเบากว่าเอ็มโอยูด้วยซ้ำ
แต่กองทัพและหน่วยงานการปกครองกลับตีฆ้องร้องป่าวยังกับว่าจะเริ่มสงครามกันแล้ว “พลเอก อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผบ.ทหารสูงสุด ได้สั่งการไปยังเหล่าทัพทั้ง ๓ ให้ยึดมติการประชุมคณะผู้บัญชาการทางทหาร (คบท.) ที่สำคัญ ๓ ครั้ง ที่ยังคงไม่ได้ยกเลิก”
คือ ใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถฯ ตามมติ ๒๔ กรกฎา ๖๘ กับมติ ๑๙ กันยา ๖๘ คือยังคงปิดด่านชายแดน สร้างแนวรั้วกั้น และมีการลาดตระเวน ให้ทั้งใช้กำลังตามกฏ ROE เพื่อป้องกันตนเอง พร้อมกับอีกมติเมื่อ ๗ ตุลา ๖๘ ให้ใช้กฏอัยการศึกได้
ที่เกิดเหตุห่างจากเขตแดนเข้ามาประมาณ ๑ กิโลเมตร จึงชี้ชัดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ยั่วยุ ตามความเห็นของพล.ท.พงศกร รอดชมพู อดีตกรรมการสภาความมั่นคงฯ ว่าถ้ามีการยกเลิกข้อตกลงไทย-กัมพูชา จะไปเข้าทางฝ่ายเขมร
ไม่เช่นนั้นปัญหาการรุกล้ำเขตแดนเข้ามาของประชาชนเขมร อยู่อาศัยเป็นหมู่บ้านในฝั่งไทยจะต้องทำการรื้อถอนกลับไป ‘เสธฯ โหน่ง’ แนะให้กองทัพไทยใช้วิธีโจมตีฐานที่มั่นทางทหารกัมพูชาอย่างจำกัด เป็นการสั่งสอน ทั้งนี้ต้องแจ้งให้ชาวโลกทราบด้วย
ซึ่ง รังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ที่ไปร่วมรายการเดียวกันของช่อง One 31 ชี้ว่า เขมรต้องการเบี่ยงเบนจุดสนใจไปจากกรณีสแกมเมอร์ ที่กำลังร้อนแรงในไทย ถ้ารัฐบาลไทยลงมือจัดการ จะกระทบผลประโยชน์รายได้ของรัฐบาลฮุนมาเนต/ฮุนเซน มหาศาล
(https://x.com/b_B1B2B3/status/1988124337820627209, https://ch3plus.com/news/political/morning/451292 และ https://www.facebook.com/ThePoliticsByMatichon/posts/HfBwd9v6B)
