
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
18 hours ago
·
ONTHISDAY: 5 ปีชุมนุม #ม็อบ17พฤศจิกา หน้ารัฐสภา ปี 63 ถูกแก๊สน้ำตา - รถฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าสลายชุมนุม ต่อมาพบผู้ถูกดำเนินคดี 13 คน
.
.
วันนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว (17 พ.ย. 2563) คณะราษฎร 2563 มีการชุมนุม #ม็อบ17พฤศจิกา #กูสั่งให้มึงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ บริเวณหน้ารัฐสภา แยกเกียกกาย เพื่อติดตามการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีวาระพิจารณาลงมติรับหลักการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ 7 ฉบับ โดยหนึ่งในนั้นมีร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่เสนอโดย iLaw และมีประชาชนเข้าชื่อกว่า 100,732 รายชื่อ
.
แต่ในระหว่างชุมนุม เจ้าหน้าที่รัฐเข้าสลายการชุมนุมด้วยการฉีดน้ำแรงดันสูงผสมสารเคมี อีกทั้งขัดขวางหรือยิงแก๊สน้ำตาอย่างต่อเนื่องถึง 5 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 14.22 น. จนถึง 19.22 น. ทั้งที่ยังไม่มีความรุนแรงอันจะเป็นเหตุอันเพียงพอให้เจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุม ต่อมาเวทีได้ประกาศยกเลิกการชุมนุมตั้งแต่เวลา 21.00 น. หลังผู้ชุมนุมสามารถเข้าปักหลักที่หน้ารัฐสภาได้ไม่กี่ชั่วโมง
.
iLaw รายงานว่าพบเจ้าหน้าที่รัฐฉีดน้ำเปล่าแรงดันสูงทั้งหมด 3 ครั้ง ฉีดน้ำผสมสารเคมี 28 ครั้ง ฉีดน้ำผสมสีและสารเคมี 5 ครั้ง และขว้างหรือยิงแก๊ซน้ำตา 38 ครั้ง โดยจำนวนกระสุนแก๊สน้ำตาอาจมากกว่าจำนวนที่ขว้างหรือยิง โดยการสลายการชุมนุมครั้งนี้ ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าหรือการเจรจาใด ๆ และยังไม่มีการก่อจลาจลหรือการใช้ความรุนแรงจากฝั่งผู้ชุมนุม อันจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้าสลายการชุมนุม
.
มีรายงานจาก BBC ไทย อีกว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บมากถึง 55 คน ในจำนวนนี้มี 6 คน มีบาดแผลจากการถูกยิง ไม่ใช่ผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะเท่านั้น การใช้สารเคมีและแก๊ซน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ ยังส่งผลให้ทั้งผู้ชุมนุมและประชาชนหลายคนได้รับผลกระทบทางร่างกาย
.
อย่างไรก็ตาม ในวันชุมนุมดังกล่าว กลุ่ม “ไทยภักดี” นำโดย นพ. วรงค์ เดชกิจวิกรม มีการจัดกิจกรรมบริเวณหน้ารัฐสภาเพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยพบว่ามีเหตุปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับมวลชนกลุ่มเสื้อเหลืองบริเวณแยกเกียกกาย
.
ในขณะเดียวกันที่จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เวลา 18.45 น. ประชาชนกว่า 500 คน ทยอยออกมารวมตัวกันคัดค้านการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ เดินเท้าไปยัง สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ความรุนแรงพยายามสลายการชุมนุมในกรุงเทพมหานคร และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายด้วย
.
.
จากการชุมนุมในวันดังกล่าว ต่อมาพบว่ามีผู้ถูกดำเนินคดีอย่างน้อย 13 คน ในจำนวน 7 คดี โดยในจำนวนดังกล่าวมีคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ทั้งสิ้น 1 คดี ดังต่อไปนี้
.
คดีของพริษฐ์ ชิวารักษ์ และอานนท์ นำภา จากเหตุปราศรัยในพื้นที่ชุมนุม ต่อมาถูกดำเนินคดีรวม 6 ข้อหา ได้แก่ มาตรา 112, มาตรา 116, มาตรา 215, พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ โดยพบว่าคดีในส่วนของข้อหามาตรา 112 มีประชาชนกลุ่มปกป้องสถาบันฯ เป็นผู้กล่าวหาโดย สมชาย อิสระ เป็นผู้กล่าวหาอานนท์ และประดิษฐ์ ต้นจาน เป็นผู้กล่าวหาพริษฐ์.
คดีนี้ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาแล้ว หลังสืบพยานโจทก์และจำเลยไป 7 นัด โดยมีคำพิพากษายกฟ้องพริษฐ์ในข้อหามาตรา 112 และลงโทษอานนท์ในข้อหามาตรา 112 จำคุก 3 ปี ส่วนฐานความผิดตามมาตรา 116 ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 6 เดือน ก่อนลดโทษหนึ่งในสาม คงจำคุกพริษฐ์ 4 เดือน และจำคุกอานนท์ 2 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา ปัจจุบันคดีอยู่ในชั้นอุทธรณ์
.
คดีของ วีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล, เอกชัย หงส์กังวาน, ชลธิชา แจ้งเร็ว และ ภาณุพงศ์ จาดนอก ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ, ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 จากเหตุร่วมชุมนุมในวันดังกล่าว.
คดีนี้สิ้นสุดลงหลังพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องทั้งสี่คนในทุกข้อกล่าวหา โดยสรุประบุว่าไม่ปรากฏพฤติการณ์บ่งชี้ว่าทั้งสี่เป็นผู้ใช้กำลังประทุษร้ายเจ้าพนักงาน หรือก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง อีกทั้งผู้ต้องหาทั้งสี่ไม่ใช่ผู้ดูแลหรือผู้รับผิดชอบในการจัดการชุมนุม จึงไม่มีหน้าที่ขออนุญาตจัดการชุมนุม และไม่มีหน้าที่โดยตรงในการจัดมาตรการป้องกันโรคเพื่อให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติ และบริเวณที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเท ไม่มีลักษณะเป็นสถานที่แออัด
.
คดีของธนาธร วิทยเบญจางค์, วัชรภัทร ธรรมจักร และ “รามิล” ศิวัญชลี วิธญเสรีวัฒน์ เหตุชุมนุมเดินขบวนจากสามกษัตริย์ไปยัง สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีเกับเจ้าหน้าที่ที่ใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา ในกรุงเทพฯ.
ต่อมาทั้งสามคนถูกสั่งฟ้องในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หลังศาลแขวงเชียงใหม่สืบพยานไป 3 นัด มีคำพิพากษาออกมาเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2567 ว่ามีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษปรับคนละ 6,000 บาท ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษหนึ่งในสาม เหลือปรับคนละ 4,000 บาท
.
ต่อมาเฉพาะศิวัญชลีอุทธรณ์คำพิพากษา และในวันที่ 22 เม.ย. 2568 ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน ปัจจุบันคดีสิ้นสุดลงทั้งสามคนแล้ว
.
ในขณะเดียวกันก็พบว่ามีประชาชนอีก 4 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยมีเหตุมาจากการโพสต์ข้อความถึงกรณีอาจมีการยิงแก๊สน้ำตาออกมาจากบริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ระหว่างการสลายการชุมนุมในวันดังกล่าว โดยมี สุรสิทธิ์ ทองจันทร์ ผู้รับมอบอำนาจจากผู้บริหารบริษัทบุญรอดฯ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องประชาชน 4 คน ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ แยกเป็นคดีละหนึ่งคน ดังต่อไปนี้
.
คดีของ ธนากร ท้วมเสงี่ยม แอดมินเพจ “ประชาชนเบียร์” ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องตั้งแต่ชั้นไต่สวนมูลฟ้องและชั้นอุทธรณ์.
คดีของ งามแสนหลวง สิงห์เฉลิม ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้อง และศาลอุทธรณ์ก็มีคำพิพากษายกฟ้องเช่นกัน.
คดีของ สรญา (สงวนนามสกุล) ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องคดีไปเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2565 ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ เนื่องจากพิพากษาไม่ครบตามฟ้อง จนเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2567 ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาใหม่อีกครั้ง โดยให้ยกฟ้องคดีเช่นเดิม.
สุดท้าย คดีของ มนต์ทิพา วิโรจน์พันธ์ุ ถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาเพิ่มอีก 1 ข้อหา หลังศาลมีคำสั่งรับฟ้อง ต่อมามีการไกล่เกลี่ยคดี จำเลยยินยอมโพสต์ขอโทษ โจทก์จึงถอนฟ้องคดีนี้ไป.
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทั้งสี่คดีถึงที่สุดแล้ว
.
2 คดีประชาชนฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เหตุสลายชุมนุม #ม็อบ17พฤศจิกา.
นอกจากนั้นแล้ว หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ยังคดีที่ประชาชนได้ร่วมกันฟ้องร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จากการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมจนเกินสมควรแก่เหตุดังกล่าว โดยแบ่งเป็นสองคดี ได้แก่ คดีที่ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง และคดีที่ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง
.
ในคดีที่ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2564 ประชาชนจำนวน 11 คน นำโดย อังคณา นีละไพจิตร และ “ลูกเกด” ชลธิชา แจ้งเร็ว เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นจำเลย เรียกร้องให้ยุติการใช้กำลังจัดการการชุมนุมที่รุนแรงเกินสมควรแก่เหตุกับผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรและประชาชนทุกกลุ่ม พร้อมทั้งให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการละเมิดเสรีภาพการชุมนุมผู้ฟ้องคดี
.
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2564 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับฟ้องและให้จำหน่ายคดี โดยวินิจฉัยว่า แม้มูลฟ้องคดีนี้จะเป็นคดีพิพาทที่เกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่รัฐละเลยหน้าที่ตามกฎหมายและเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐอันเกิดจากการละเลยหน้าที่ แต่เนื่องจากมูลเหตุคดีนี้ฟ้องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ ซึ่งตามกฎหมายมีเจตนารมณ์ให้ศาลแพ่งหรือศาลจังหวัดในพื้นที่ชุมนุมเป็นศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาคดี คดีนี้จึงไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครองที่จะรับไว้พิจารณา แต่โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา
.
สำหรับคดีที่ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2564 ประชาชน 9 คน นำโดย อังคณา นีละไพจิตร เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) หลังจากได้ผลกระทบจากการสลายการชุมนุม เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ต่อเสรีภาพการชุมนุม และสิทธิในชีวิตและร่างกาย ค่ารักษาพยาบาล จำนวน 3,020,147 บาท และขอให้กำหนดมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดกั้นขัดขวาง และใช้กำลังสลายการชุมนุมโดยไม่เป็นไปตามกฎหมายการชุมนุมสาธารณะและหลักสากล
.
ศาลแพ่งมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2566 ให้โจทก์ชนะคดี โดยศาลแพ่งเห็นว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ การที่เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำผสมสารเคมีและแก๊สน้ำตา ที่ไม่สามารถควบคุมทิศทางได้และไม่ประกาศแจ้งให้ผู้ชุมนุมได้ทราบ รวมถึงผลกระทบที่จะได้รับก่อน การกระทำของเจ้าหน้าที่จึงไม่ได้ปฏิบัติตามแผนการดูแลการชุมนุมสาธารณะฯ ไม่ได้สัดส่วนต่อความรุนแรง ไม่ได้ใช้ความอดทนอดกลั้นต่อผู้ชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมและประชาชนที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมแต่อยู่บริเวณดังกล่าวรับความเสียหายด้วย อันเป็นการละเมิดต่อเสรีภาพในการชุมนุมและสิทธิเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย ให้ชดใช้ค่าเสียหายผู้ชุมนุมแต่ละคนเป็นจำนวนไม่เท่ากัน ระหว่าง 22,000-126,775 บาท
.
ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์ คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
.
.
อ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ไhttps://tlhr2014.com/archives/79880https://www.facebook.com/photo/?fbid=1246622613974873&set=a.656922399611567