วันจันทร์, กันยายน 01, 2568

การเมืองไทย ณ วันนี้ ไม่ใช่การเมืองแบบ 3 ก๊ก การเมืองไทย มันเป็นการเมืองแบบก๊กเดียว แล้วแบ่งบางอำนาจให้พวกที่เหลือข้างล่าง - คนตัดสินใจตัวจริง ตอนนี้เค้า "มีสติ และ ใจเย็น" หาจังหวะคุมสถานการณ์


Pakinai Chomsinsubmun 
14 hours ago
·
เป้าหมายทั้ง พท และ ภจท ตอนนี้คือต้องการนายกของตัวเอง ผมว่าทุกคนรู้อยู่แล้ว
ความน่าสนใจคือตอนนี้มีไพ่ในมืออะไรกันบ้าง ?
1. ผมคิดว่าทิศทางการเมืองชั้นบน (ชนชั้นนำ) น่าจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ พูดได้ว่าเป็นช่วงฝุ่นตลบ ดูจากสายการเมืองที่พยายามวิ่งไปหาอนุทิน และกลุ่มที่รอดูความชัดเจนของข้างบน (จริงๆผมรอดูท่าทีของสมศักดิ์เทพฯแบบชัดๆนะ แกยังนิ่งๆอยู่ ดูยังแทงกั้ก ถ้าแกขยับยังไง ไม่ขยับยังไง แสดงว่าแกคงรู้ทางลมในทางลึกดีและน่าจะมองอนาคตออก)
2. ดูจากขั้วแป้ง ขั้วนี้แทงข้างอนุทินโช๊ะเลย เหมือนวัดใจลงพนัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้อยู่กับคุณทักษิณมาตั้งแต่ช่วงมีปัญหากับป้อมใน พปชร ในแวดวงการเมืองเองก็รู้ดีว่าพรรคแป้งเหมือนพรรคสำรองของเพื่อไทยเพราะความสนิทกับคุณทักษิณ
ดังนั้น การแสดงความชัดเจนประกาศย้ายขั้วโต้งๆแบบนี้ คงมั่นใจว่าการเมืองเปลี่ยนทิศ และคงมั่นใจคำพูดของอนุทินว่าได้รับไฟเขียวมาแล้ว ถึงกล้าย้ายขั้วแบบไม่เกรงใจสีแดง สะท้อนว่าสีน้ำเงินมีไพ่เรื่องไฟเขียวในมือ
3. ปฎิกิริยาของเพื่อไทยตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เรื่องว่าจะเอายังไงกับพรรคส้ม ดูไม่เป็นกระบวนท่าเท่าไหร่ แต่มีความพยายาม "เล่นหลายช่อง" เผื่อทางหนีทีไล่ ไม่ตัดส้มออกแต่ก็ไม่ถึงกับเอาด้วย ตรงนี้น่าจะสะท้อนว่าหลังบ้านเองกำลังวิ่งต่อเจรจากับขั้วอำนาจข้างบนแบบเอาเป็นเอาตายอยู่ (หรือไม่ก็เล่นเกมฉากหน้าให้สังคมพอเห็นว่าทำตามกระบวนการรัฐสภาปกติ แสดงความเทพการเมือง แต่ของจริงวิ่งตีนขวิดหลังบ้าน ยังเอาไม่จบ)
การวิ่งต่อเจรจากับระดับบนยังไงก็ต้องคุยเรื่องสีส้ม ความชัดเจนจากข้างบนว่าตอนนี้จะเอายังไงกับส้มมันจะสะท้อนออกมาเองผ่านการเจรจาหน้าฉาก (หมายถึง ข้างบนประเมินส้มเอาไว้ยังไง แล้วคุณทักษิณไปคุยยังไงเอาไว้ เราจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อมีเนื้อหาเจรจาหน้าฉากให้เห็น คนทั่วไปไม่เห็นกระบวนการเจรจาหลังบ้านหรอก)
การแทงกั้กส้มไว้ก่อนย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการฟันธงโช๊ะๆ เพราะมีเนื้อหาการเจรจาหลังบ้านกำกับทั้งหมด เป็นธรรมชาติของการเมืองชนชั้นนำไทย จึงไม่แปลกว่าทำไมข้อเสนอในระยะ 2 วันที่ผ่านมาเปลี่ยนไปมา คนนั้นพูดที คนนี้พูดที
อย่าลืมว่าเป้าหมายของคุณทักษิณคือการคุมอำนาจในฐานะผู้นำรัฐบาล ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ "วิธีการ" เพื่อไปสู่เป้าหมายนั้น เรื่องหักหลังส้ม-ไม่หักหลังส้ม หักหลัง ภจท-ไม่หักหลัง ภจท ถือเป็น "เรื่องรอง" สำหรับคุณทักษิณ เพราะแกทำได้ทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง จะเป็นมิตรหรือหักหลังใครย่อมทำได้หมด เพื่อเป้าหมายทางการเมือง เป็นธรรมชาติของแก
แกมั่นใจตัวเองว่ารอบนี้ยังคุมอำนาจได้เหมือนเดิม แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ แกไม่ได้คุมอะไรในมือได้หมดตั้งแต่ต้นแล้วหลังกลับมาไทย เพียงแต่ตอนนี้ลึกๆน่าจะเริ่มไม่มั่นใจอำนาจตัวเองเหมือนก่อนหน้านี้เท่าไหร่แล้วล่ะ เลยดิ้นรนทุกวิธีการ
อำนาจคุณทักษิณไม่ได้มีเต็มมือ ดูตรงไหนได้บ้าง ก็ลองดูที่ปัญหากับทหารในช่วงชายแดนกัมพูชา ปัญหาเรื่อง ก.ตร. ที่ไม่สามารถคุมตำรวจให้อยู่ในแถวของตัวเองได้ ปัญหาควบคุมภูมิใจไทยไม่ได้เรื่องมหาดไทย รวมถึงปัญหาเรื่องไม่สามารถดำเนินนโยบายใหญ่ๆได้จนไม่มีผลงานชิ้นโบว์แดงเป็นที่ประจักษ์
อีกอย่าง คะแนนนิยมเพื่อไทยอยู่ในเหว ความชอบธรรมเรื่องกัมพูชาติดลบ ไพ่ในมือจุดนี้ของคุณทักษิณย่อมหายไป ความชอบธรรมในการตั้งรัฐบาลย่อมน้อยลง เป็นแรงกดดันกลับเข้าไป
แกกำลังดิ้นรนสุดๆเพื่อรักษาอำนาจทางการเมืองของตัวเองเอาไว้ ยังเชื่อว่าทักษะเจรจาของแกสามารถรักษาอำนาจได้ เหมือนคนแก่ที่ยึดติดอำนาจคนหนึ่ง
4. อนุทินมีความมั่นใจตัวเองสูงมาก ว่าจะได้กินเกมนี้ ความมั่นใจสูงนี้น่าจะเกิดจากการพูดคุยกับข้างบนมาแล้วระดับหนึ่งว่าขอไฟเขียว ความเข้มข้นของความมั่นใจจากข้างบนเกิดขึ้นมาเยอะในตอนที่ซัดกับเพื่อไทยเรื่องมหาดไทย เรื่อง สว ลามมาเรื่องเขากระโดง จนอยู่ร่วมกันไม่ได้
แต่ถึงยังไง คนส่วนใหญ่มองแต่ตัวเลข สส แต่ตัวเลขในสภาของน้ำเงินมีแต้มต่อที่ สว. แทบจะครองสภาบนเอาไว้ในมือ มีผลต่อสภาล่างแน่นอน ถ้ากฎหมายไม่ผ่าน สว ทุกอย่างจะติดขัดช้าลงทั้งหมด
ที่สำคัญ อนุทินเป็นคนแรกที่ออกมาประกาศตู้มว่า "เอาด้วยกับข้อเสนอของส้ม" ถ้าเราเชื่อว่าอนุทินคุยกับข้างบนมาพอสมควรแล้ว เท่ากับว่าการยอมรับส้มรอบนี้น่าจะได้รับ "ไฟเขียว" มาเช่นกัน (แต่เราอย่าลืมว่าพรรคส้มมีแผลเรื่องกลุ่ม สส 112 ที่คาอยู่กลุ่มใหญ่ ไม่รู้จะโดนเอาออกจากสภาวันไหน ตรงนี้แหละน่าจะเป็นเนื้อหาพูดคุยของพวกเขาอยู่บ้างว่าส้มไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น สามารถจัดการได้ในภายหลังตั้งรัฐบาลแล้ว)
------
เท่าที่เห็นก็ประมาณนี้ครับ ผมไม่ได้ไปรู้ข้อมูลวงในอะไรหรอก แล้วไม่สนใจด้วย เพราะการตัดสินใจของผู้นำทางการเมืองแต่ละขั้วมันเปลี่ยนไปมาได้ตลอด แต่ละขั้วก็ฟาดฟันกัน บลัฟกันไปมาเพื่อหวังผลทางการเมือง เราไม่มีทางรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้างในสภาวะแบบนี้

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=10161399554846610&id=539526609