วันศุกร์, มกราคม 10, 2568

ความอหังการของ ‘ทักษิณ’ ในคำปราศรัยหาเสียง กลับเป็นแรงกระแทกถอยหลังทางการเมืองหนักขึ้นเรื่อยๆ ถมซ้ำกรณี ‘อภิสิทธิ์ชน’ ชั้น ๑๔

ความอหังการของ ทักษิณ ชินวัตร ในคำปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้ง อบจ. ที่พรรคเพื่อไทยสนับสนุน หลายแห่งทั่วประเทศ แทนที่จะทำให้พ่อนายกฯ ดูยิ่งยง กลับเป็นแรงกระแทกถอยหลังทางการเมืองหนักขึ้นเรื่อยๆ

ถึงขั้นพรรคเพื่อไทยต้องให้เลขาธิการแบ่งรับแบ่งสู้เมื่อถูกนักข่าวถามจี้ว่า “พรรค พท.จะต้องเปลี่ยนรูปแบบของการหาเสียงหรือไม่” นาย สรวงศ์ เทียนทอง ตอบเลี่ยงผลักภาระไปให้ กกต. ว่า “หาก กกต.มองว่าสุ่มเสี่ยงก็ต้องปรับเปลี่ยน”

ท่าที กกต.นั้นแรกก็มีการปรามๆ ในที ว่าการพูดหาเสียงโดยอ้างนโยบายของรัฐบาล (ที่จริงทักษิณพูดในทางกำหนดนโยบายให้แก่รัฐบาลด้วยซ้ำ) นั้น “ต้องดูว่าข้อกฎหมายเป็นอย่างไร และต้องกำชับไปยังผู้ช่วยหาเสียงทุกคน”

ส่วนจะมีการตักเตือนทักษิณกันเองเป็นการภายในไหม สรวงศ์บอกว่า “ไม่มีอะไร น.ส.แพทองธาร รับทราบและมีการพูดคุยกันเบื้องต้นแล้ว” และดูเหมือนทั้งนายกฯ และพรรคเพื่อไทยไม่ได้แสดงอาการวิตกอย่างใด พ้องกับกิริยาตอบสนองของประธาน กกต.

อิทธิพร บุญประคอง ตอบสัมภาษณ์เมื่อสองวันก่อนอย่างลอยๆ ว่า “การหาเสียงต้องเป็นไปตามกรอบ ไม่ฝ่าฝืนกฎหมายไม่ใส่ร้ายผู้อื่น และไม่เข้าข่ายหลอกลวง หากอยู่บนพื้นฐานนี้ก็สามารถทำได้” กกต.เองก็จับตาตรวจสอบอยู่เสมอแล้ว

ทว่าเสียงนินทาว่าร้ายจากสาธารณะบางส่วนก็หนักขึ้น ๆ เป็นเพราะทักษิณเองเป็นผู้สุมไฟด้วยคำพูดของตน ไม่แน่ว่ามีเจตนาอะไร หรือเพียงแค่ยิ่งแก่ยิ่งลืมตัว ข้อวิพากษ์โจมตีจึงปรากฏถี่ขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ดังข้อเขียนของ ประสาร มฤคพิทักษ์ ที่ อิศรา

เขาว่ากรณี อภิสิทธิ์ชน ชั้น ๑๔ เป็นอนันตริยกรรมต่อกระบวนการยุติธรรมไทย เป็นความรุนแรงสั่งสม ที่เร่งวันปะทุ โดยรัฐบาลนั้นเองจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อผลพวงที่ไม่พึงปรารถนา” เรื่องนี้มี ๔ องค์กร ซึ่งไม่ได้เป็น อริ เฉพาะตัว ชี้ชัดความไม่เหมาะสม

ไม่ว่าจากการที่ ปปช.มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวน แพทยสภา พบว่าคำร้องให้ตรวจสอบจริยธรรมวิชาชีพคณะแพทย์โรงพยาบาลตำรวจและราชทัณฑ์ มีมูล คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) เห็นว่าการ เลือกปฏิบัติต่อทักษิณ “มีเหตุพิเศษ”

และกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนวุฒิสภา (ชุดก่อนหน้านี้ ซึ่งมี สมชาย แสวงการ เป็นประธาน) เชิญบุคคลากรจากกรมราชทัณฑ์และ รพ.ตำรวจไปให้ปากคำ แล้วลงมติว่า “มีเหตุผิดปกติที่รัฐควรจะต้องดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด”

การก่อหวอดของบรรดากลุ่ม คนเกลียดทักษิณมันละม้ายคล้ายกับความร้อนระอุที่เกิดกับรัฐบาล ของทักษิณครั้งก่อนๆ รวมทั้งชุดที่มีพี่เขยและน้องสาวเป็นนายกฯ คราวนี้มีลูกสาวเป็นนายกฯบรรยากาศมิได้ต่างไปเท่าใดเลย อาจร้ายกว่าด้วยซ้ำ

(https://www.isranews.org/article/isranews-article/134812-Thaksin-3.html, https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/qq6JAB7JmCx และ https://www.matichon.co.th/politics/news_4993150)