วันพุธ, มกราคม 29, 2568

ผลจากนโยบายทรัมป์ ทำให้ องค์กรไม่แสวงหากำไรจำนวนมากในไทย (และทั่วโลก) ถูกสั่งตัดเงิน ถูกตรวจสอบ ถูกสั่งให้หยุดทำงาน หลายแห่งเป็นองค์กรที่ทำงานด้านมนุษยธรรมหรือให้บริการจำเป็นเร่งด่วน เช่น ช่วยเหลือผู้อพยพพลัดถิ่น โรงพยาบาลชายแดน หรือบริการสุขภาพ แล้วมีคนคอมเมนต์สะใจ ใครสะใจลองอ่านโพสต์นี้ดู

.....

·
ผลจากนโยบายทรัมป์ ทำให้องค์กรไม่แสวงหากำไรจำนวนมากในไทย (และทั่วโลก) ถูกสั่งตัดเงิน และไม่ใช่แค่เรื่องเงิน ปัจจุบันมีองค์กรที่ถูกสั่งให้ "หยุดให้บริการสุขภาพที่ทำอยู่อย่างถาวร" ถูกตรวจสอบ ถูกสั่งให้หยุดทำงานทันที และบางแห่งถูกตรวจสอบย้อนหลัง หลายแห่งเป็นองค์กรที่ทำงานด้านมนุษยธรรมหรือให้บริการจำเป็นเร่งด่วน เช่น ช่วยเหลือผู้อพยพพลัดถิ่น โรงพยาบาลชายแดน หรือบริการสุขภาพสำหรับผู้หญิงและผู้มีความหลากหลายทางเพศ
สิ่งนี้เรียกว่า Global Gag Rule หรือการพยายามเอื้อมมือมาบีบคอประชากรเปราะบางทั้งโลก
เห็นคอมเมนต์จากคนมีตังค์เติมเน็ตบางคนแล้วท้อจัย มีคนกระแนะกระแหนว่าที่โดนริบเงินเพราะองค์กรไทยวิจารณ์สหรัฐมาก เกลียดสหรัฐแต่จ้องจะเอาเงิน ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย สหรัฐและประเทศร่ำรวยอื่นๆ ไม่ได้ให้เงินใครทำงานเพราะใจดี เงินเหลือ แต่เพราะมีพันธกิจที่ต้องการสนับสนุนสิทธิมนุษยชนด้านต่างๆ ในประเทศยากจนหรือ Global South อยู่แล้ว สิ่งนี้เป็นความตั้งใจของแหล่งทุนต่างๆ ที่จะสนับสนุนให้โลกเติบโตไปในทางที่ดีไปด้วยกัน เพราะเขารู้ว่าประเทศเขาจะรอดอยู่แห่งเดียวไม่ได้ และส่วนตัวแล้วสำหรับเรา การให้ทุนเป็นการ "เสียภาษี" ของประเทศที่ร่ำรวยกว่าเพื่อเฉลี่ยการพัฒนา และเพื่อชดเชยความเสียหายจากการพัฒนาของประเทศหนึ่ง ที่ไปดูดทรัพยากรหรือสร้างมลภาวะให้อีกประเทศหนึ่ง
แล้วเราวิพากษ์วิจารณ์ประเทศที่เรารับทุนมาได้ไหม? เราเชื่อว่าการตั้งกระดูกสันหลังให้ตรง ไม่สงบปากสงบคำต่ออำนาจเงินเป็นหลักการหนึ่งที่ใครก็ตามควรยึดถือ เรามีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์องค์กรทุน และเรามีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำโลก ยิ้มสยามกับมารยาทงามแบบไทยๆ ใช้ไม่ได้ถ้าคุณต้องการซื่อตรงกับอุดมการณ์
และการถูกตัดงบสนับสนุนครั้งนี้ไม่ได้มาเพราะเราด่าใคร แต่เป็นนโยบายที่ถูกวางไว้ล่วงหน้าหลายปี (และยิ่งเข้มข้นขึ้นในสมัยที่สองของประธานาธิบดีทรัมป์) สิ่งนี้ไม่ใช่ American First ไม่ใช่การแบกประเทศอื่นจนหลังหักเลยเลิก แต่เป็นการพยายามควบคุมทิศทางโลกให้เป็นแบบเดียวกับสหรัฐผ่านการควบคุมเงินทุน เช่น การบอกว่าประเทศไทยควรหยุดสนับสนุนผู้มีความหลากหลายทางเพศ บอกว่าไทยควรยกเลิกบริการทำแท้ง หรือบอกว่าเราควรหยุดรักษาผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี -- สอดคล้องกับการประกาศ Geneva Consensus Declaration, การตั้งผู้แทน UN ที่มีความคิดต่อต้านการทำแท้ง และนโยบายใน Project 2025 ที่พูดถึงการ "ทำโลกให้เป็นสหรัฐ" ผ่านการใช้อำนาจจากองค์กร UN หรือแหล่งทุนต่างๆ
อย่างหนึ่งที่ควรถูกวิพากวิจารณ์พอๆ กับทรัมป์ คือ การตั้งคำถามกลับไปยังรัฐบาลไทยว่าทำหน้าที่สนับสนุนงานขององค์กรไม่แสวงหากำไรต่างๆ มากพอหรือยัง? มีหน่วยงานรัฐไหนสักแห่งในไทยไหมที่ให้ทุนทำงานรณรงค์เรื่องทำแท้งปลอดภัย ไม่มี -- จะมีก็แค่ สปสช. ซึ่งสนับสนุนงบให้บริการการแพทย์เท่านั้น แต่งานที่เราต้องทำมีมากกว่าการให้หมอจ่ายยา เราต้องทำงานรณรงค์ สื่อสาร สร้างความเข้าใจ ลบอคติ ประชุม ต่อรอง กดดัน ทำนิทรรศการ ฯลฯ บางคนเดินมาสารภาพกับเราเลยว่าเรื่องนี้ทำแล้วมันเคลมผลงานไม่ได้ เจ้าหน้าที่รัฐไทยอายด้วยซ้ำที่จะพูดคำว่า "ทำแท้ง" ในขณะที่มีคนไทยท้องไม่พร้อมปีละนับแสนคน
แน่นอนว่าเงินเป็นเรื่องจำเป็น การปฏิวัติต้องใช้เงิน ไม่ว่าจะมาจากสหรัฐ ไทย หรือประเทศไหนก็ตาม แต่เราก็มีสิทธิจะวิพากวิจารณ์ว่านโยบายของสหรัฐไม่ถูกต้อง ไม่ใช่เพราะเราต้องการเงิน แต่เพราะเรามองเห็นว่าทรัมป์ต้องการละเมิดสิทธิของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม ผู้มีความหลากหลายทางเพศและคนข้ามเพศ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้อพยพ ฯลฯ เพราะการตัดเงินมาพร้อมกับการสั่งให้พวกเราหยุดการทำงานเหล่านี้อย่างเฉพาะเจาะจง เขาจงใจให้คนที่เราทำงานด้วยไม่ได้รับบริการสุขภาพ
ในข่าวที่อ่านเป็นเรื่อง รพ.ชายแดนที่ได้รับงบจาก IRC ปิดตัว แล้วมีคนคอมเมนต์สะใจว่าไม่ต้องไปช่วยคนต่างด้าว ให้ช่วยคนไทยก่อน ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้รู้ไหมว่าคนไทยก็โดนตัดความช่วยเหลืออย่างเดียวกัน มันแค่ยังมาไม่ถึงตัวเขาเท่านั้นเอง

https://www.facebook.com/chonthita.kraisrikul/posts/9437389839652961
.....
Related article:
Trump's freeze on US aid rings alarm bells from Thailand to Ukraine
https://www.reuters.com/world/us/trumps-freeze-us-aid-rings-alarm-bells-thailand-ukraine-2025-01-28/