คดี “ลิม กิมยา” สะท้อนประเทศไทยเป็นดินแดนที่ “ยิงง่าย หนีง่าย”
9 ม.ค. 2568
PPTV
การสังหารอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชากลางเมืองหลวงของไทย ทำให้ไทยถูกมองว่าเป็นประเทศที่เหมาะแก่การก่ออาชญากรรม เพราะกฎหมายไม่น่ากลัว-รัฐไม่จริงจัง
จากเหตุการณ์น่าตกใจที่ “เอ็ม กองเรือ” ก่อเหตุยิงสังหาร “ลิม กิมยา” อดีต สส.กัมพูชาและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เสียชีวิตกลางกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย แม้ควบคุมตัวได้อย่างรวดเร็วที่กัมพูชา แต่ได้นำมาซึ่งประเด็นที่ประชาชนตั้งคำถามเข้ามามากมาย
แต่คำถามสำคัญที่สุดคือ “ใครบ้างมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้” และ “ทำไมเหตุการณ์อุกอาจแบบนี้ถึงเกิดขึ้นที่ประเทศไทย ไม่ใช่ประเทศอื่น?”
ลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา
คนไทยอาจมีเอี่ยวด้วย?
“ผู้การแต้ม” พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นดีมากที่สามารถจับคนร้ายได้ เพราะผู้เสียชีวิตเป็นคนสำคัญทางการเมืองของประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าจับไม่ได้ อาจเกิดการเชื่อมโยงว่า ประเทศไทยรู้เห็นด้วยหรือไม่
“เมื่อจับได้ ต้องขยายผล ใครว่าจ้าง อย่างน้อยคนชี้เป้าต้องเกี่ยวข้อง ที่เป็นชาวกัมพูชา คนที่วางแผนต้องรู้ว่าคน ๆ นี้จะมาไทย มารถคันนี้ จึงให้คนตาม ประสานมือยิงไปดัก เชื่อว่าคนฆ่ากับถูกฆ่าไม่รู้จักกัน ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน เป็นการจ้างวาน” ผู้การแต้มกล่าว
พล.ต.ต.วิชัยเสริมว่า คนชี้เป้าที่กำลังไล่ล่าตัวนี้อาจไม่ใช่คนจ้างวานมือปืนด้วยซ้ำ มองว่าคนจะจ้างวานมือปืนไทยได้ก็ต้องเป็นคนไทยด้วยกัน ต้องมีคนไทยเชื่อม คุยกับมือปืน
“ถ้าถามว่าทำไมเขาไม่ก่อเหตุในประเทศตัวเอง สมมติเป็นเรื่องการเมือง เขาต้องคิดหลายชั้น ถ้าฝ่ายค้านหรือคนที่สำคัญตายอาจกระทบคู่ขัดแย้ง การมาฆ่าที่ประเทศอาจโยนไปว่าเป็นเรื่องนอกประเทศ เรื่องขัดแย้งอื่นได้” ผู้การแต้มบอก
พล.ต.วิชัยมองว่า การที่กล้ายิงนักการเมือง คนวางแผนต้องรู้อยู่แล้วว่าเป็นข่าวแน่ แต่คนยิงอาจจะไม่รู้ สั่งยิงก็ยิง “อาจจะรู้จักแค่คนจ้างวานชั้นแรก อาจมีคนเหนือกว่าคนจ้างวานอีกขั้น ไม่รู้รับงานกันมาอีกกี่ทอด”
ส่วนตัวผู้การแต้มเชื่อว่า คดีนี้เป็นเรื่องการเมืองแน่นอน เพราะ ลิม กิมยา มักวิจารณ์โจมตีรัฐบาลกัมพูชาเสมอ อาจเป็นหอกข้างแคร่พอสมควร
ที่น่าสนใจ ผู้การแต้มบอกว่า มือปืนคนนี้อาจถูกเลือกเพราะอยู่ที่จันทบุรี อาจคุ้นเคยชายแดน เป็นอดีตทหารด้วย ชำนาญเรื่องปืน เลือกใช้ .38 ฉลาด เพราะจะไม่มีปลอกกระสุนตก ยิงเสร็จไม่มีหลักฐาน นอกจากนี้ มือปืนนิ่งมาก ไปรอเพื่อยิง แล้วใช้เวลาแค่ 6 วินาทีในการก่อเหตุ แถมยังมือปืนไม่พรางหน้า ทั้งที่มีหมวกกันน็อกก็ยังไม่ใส่
“อาจารย์โต้ง” รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา และการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต เสริมว่า เคสนี้น่าสนใจว่าทำไมมือปืนเลือกหนีไปยังประเทศของคนที่ถูกยิง
“ยิงเสร็จ ดันหนีไปประเทศนั้นอีก คนทั่วไปมักจะหนีไปประเทศที่สามที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง ไม่หนีไปประเทศต้นทาง เพราะถ้าเขารู้ว่าคนชาติเขาโดนยิงต้องรีบตาม แต่นี่กลับกัน” อาจารย์บอก และเสริมว่า “ต้นทางที่สั่งจ้างวานน่าจะมาจากกัมพูชา คงไม่ใช่ออเดอร์ยุโรป เพราะเป็นตัวละครหลักในการต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา”
อีกข้อสังเกตที่อาจารย์โต้งบอกคือ กล้องจากรถทัวร์ที่ผู้เสียชีวิตเดินทางมาแสดงให้เห็นว่า คนที่ชี้เป้านั่งมาด้วยกัน โทรศัพท์ตลอด ลงจากรถเป็นคนสุดท้าย เปิดม่านไปมองเหยื่อแล้วโทรศัพท์ ตรงนี้ทีมสืบสวนแกะรอยได้ การใช้โทรศัพท์เกิดในไทย อาจสาวถึงผู้จ้างวาน
เครือข่ายภาคประชาชนย้ำว่า นี่แค่ช่องทางเดียวนะ ยังมีอีกหลายช่องทาง ขบวนการพวกนี้ยังคงทำเรื่องผิดกฎหมายต่อไปได้
สำหรับเครือข่ายที่พา เอ็ม กองเรือ ออกช่องทางธรรมชาตินี้ คุณอัมรินทร์บอกว่า เฉพาะในพื้นที่ต้องมี 3-5 คนที่ช่วยลำเลียงออกไป
ผู้การแต้มบอกอีกว่า คดีที่เกิดขึ้น รัฐบาลไทยต้องชัด แม้การที่ตำรวจติดตามจับกุมได้รวดเร็วจะเป็นการส่งสัญญาณอย่างหนึ่งว่าเราไม่เกี่ยวข้อง แต่การวางแผนยิงคนสำคัญที่มาประเทศไทย อาจมีข้อสงสัยว่ามี “ผู้ใหญ่” รู้เห็นด้วยหรือไม่
อีกทั้งมือปืนยังเคยเป็นทหาร “การจ้างคนมีสี คนที่จ้างอาจเป็นคนมีสีก็ได้ รวมถึงคนดูแลชายแดนก็คนมีสีหมด”
เอ็ม กองเรือ ผู้ก่อเหตุยิง ลิม กิมยา
ประเทศไทยยิงง่าย หนีง่าย?
ด้าน คุณอัมรินทร์ ยี่เฮง เครือข่ายภาคประชาชน จ.สระแก้ว เปิดเผยว่า การหลบหนีของนายเอ็มมีคนมารอรับแน่นอน มีการวางแผนให้มือปืนเดินไปออกช่องทางธรรมชาติ จากภาพวงจรปิดมีรถเลี้ยวเข้าตลาดเพื่อส่งมือปืนลง แล้วมีกระบวนการรับช่วงต่อ นัดแนะมือปืนเดินไปช่องทางธรรมชาติ
“เดินจากตลาด ตลาดตรงนั้นตลาดเฉพาะ คนที่เข้าได้ต้องมาส่งของ หรือมีคนรู้จักอยู่ในแผงเท่านั้น พอนายเอ็มเลี้ยวไปทางนั้น ผ่านร้านค้า ผ่านห้องน้ำ พอลงไปอีกนิดจะเป็นป่า ที่สามารถข้ามแดนไปได้เลย เดินไปอีก 500 เมตร” คุณอัมรินทร์บอก
คุณอัมรินทร์กล่าวว่า “จุดข้ามแดนนี้ต้องถามทหาร จะบอกไม่รู้เป็นไปไม่ได้ ทำไมปล่อยขบวนการพวกนี้ตั้งโต๊ะเก็บเงิน เก็บสินค้ากึ่งผิดกฎหมาย มันเป็นขบวนการ นำแรงงานเอาคนเข้าออก หรือแม้แต่คอลเซ็นเตอร์ ตั้งกระป๋องเก็บเงิน ทั้งที่เป็นพื้นที่ของประเทศไทยนะ”
ทางที่นำไปสู่ช่องทางธรรมชาติในการหลบหนีไปกัมพูชา
อาจารย์โต้งเสริมว่า สาเหตุหลักที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในไทยเป็นเพราะผู้ก่อเหตุไม่เกรงกลัวอำนาจรัฐ ทั้งที่เหตุลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว
อาจารย์โต้งยกตัวอย่างคดีชาวต่างชาติรับออเดอร์ยิงชาวต่างชาติด้วยกันที่หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บินมายิงชาวแคนาดา แล้วตีตั๋วรอกลับประเทศ แต่คดีนั้นตำรวจสอบสวนกลางประสานจับได้ ส่งผู้ร้ายข้ามแดนมารับโทษ
“ทำไมคนมองประเทศไทยเป็นประเทศก่อเหตุ เช่น ทำไมไม่ก่อเหตุที่สิงคโปร์ ญี่ปุ่น นั่นเพราะประเทศเหล่านี้มีกฎหมายเด็ดขาด ประหารคือประหาร แขวนคอจริง และโดยภูมิศาสตร์ ไทยถูกล้อมโดยประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา ลาว กัมพูชา ข้ามแดนง่าย แม่น้ำเดินข้ามยังได้เลย คนอาศัยช่องทางธรรมชาติหลบได้ง่าย” อาจารย์โต้งบอก
เขาเสริมว่า มีการศึกษาในต่างประเทศ ทำสถิติประเทศที่เกิดอาชญากรรม พบว่าประเทศที่เกิดอาชญากรรมน้อย คือประเทศที่การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ มีการคอร์รัปชันน้อย ส่วนประเทศที่อาชญากรรมสูง คือประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายต่ำ มีการทุจริตสูง
ผู้การแต้มบอกว่า แม้แต่กรณีของ “ซิงซิง” ทั่วโลกยังรายงานข่าวไปแล้วว่า ประเทศไทยเป็นทางผ่านของอาชญากรรม เกิดความเสียหายแล้ว ไทยจะแสดงบทบาทอย่างไรว่าเราไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ จะป้องกันอย่างไร จะเข้มงวดกฎหมายอย่างไร
“อย่าไปคิดว่าฆ่าแล้วหนีมีคดีนี้คดีเดียว ชายแดนเป็นแหล่งทั้งบุหรี่เถื่อน แรงงานเถื่อน ทำไมรัฐปล่อยปละละเลย เพราะรู้อยู่แล้วว่าเส้นทางธรรมชาติพวกนี้มีปัญหาต่อคนไทย เราทำไมไม่ช่วยเหลือ ทำไมไม่สกัด หน่วยงานไหนดูแลต้องไปดู” ผู้การแต้มบอก
พล.ต.ต.วิชัยย้ำว่า “นี่จะไม่ใช่คดีสุดท้าย เดี๋ยวก็มีอีก” เพราะ “รัฐบาลไม่เคยดูแลควบคุม เวลามีคนก่อเหตุเสียไปถึงต่างประเทศ ว่าเราเป็นประเทศที่ปืนหาง่าย ยิงง่าย หนีง่าย”
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/240289