พลันเมื่อผลการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีชัดเจนว่าทรั้มพ์ชนะ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐก็เผยแผนงานซึ่งตระเตรียมมาแล้วพักใหญ่ ว่าจะหาทางยุติคดีอาญาระดับรัฐบาลกลางของ ดอแนลด์ ทรั้มพ์ สองคดีลงให้ได้อย่างไร
ทั้งนี้เนื่องจากเป็นนโยบายหลักของกระทรวงมายาวนานแล้วว่า จะไม่มีการดำเนินคดีต่อประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่ง ส่วนคำถามว่าเมื่อพ้นตำแหน่งแล้วจะกลับมาดำเนินคดีใหม่หรือไม่ แล้วก็ผู้ต้องหาอีกสองคนที่มีส่วนร่วมล่ะจะเอาไง
เหล่านี้ทาง ‘ดีโอเจ’ –Department of Justice ยังไม่มีทางออกที่แน่ชัด รู้แต่ว่าต้องหาทางจัดการให้สำเร็จก่อนทรั้มพ์จะเข้าสู่พิธีรับตำแหน่งในต้นเดือนมกราปีหน้า พร้อมกันไปกับทีมกฎหมายของทรั้มพ์ ซึ่งกำลังเร่งมือหาทางปิดคดีต่างๆ ให้หมดได้ในวันนี้วันพรุ่ง
สองคดีอาญาระดับชาติที่อยู่ในระหว่างรอดำเนินคดีโดยรัฐบาลกลางก็คือ คดีขัดขวางการเลือกตั้ง ไม่ยอมรับผลความพ่ายแพ้ในปี ๒๐๒๐ กับคดีขนเอาเอกสารราชการสำคัญจากทำเนียบประธานาธิบดีไปเก็บไว้ที่บ้าน มาร์อะลาโก ในฟลอริดา
ยังมีคดีที่ถูกตัดสินไปแล้ว รอการลงทัณฑ์อีกหลายคดี ไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้คณะกรรมการเลือกตั้งรัฐจอร์เจียแก้ไขคะแนนช่วงที่กำลังแพ้เลือกตั้งปี ๒๐๒๐ และคดีทุจริตทางการเงินโดยธุรกิจส่วนตัวของทรั้มพ์ในศาลนิวยอร์ค
ซึ่งทีมกฎหมายของทรั้มพ์กำลังหาทางปิดคดีเหล่านั้น อาจจะด้วยการใช้อำนาจทางการบริหารของประธานาธิบดีสั่ง กระทรวงยุติธรรมยังไม่มีหนทางแน่นอนว่าจะทำอย่างไร เพราะเรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องใหม่ ไม่เคยมีมาก่อน
บนเนื้อผ้าแห่งรูปคดีแล้ว ทั้งข้อหาพยายามพลิกผลเลือกตั้งอย่างผิดกฎหมาย และการนำเอกสารลับด้านความมั่นคงของประเทศไปเก็บไว้ของทรั้มพ์ เป็นความผิดร้ายแรงยิ่งกว่าคดีวอเตอร์เกตที่อดีตประธานาธิบดีนิกสันถูกกล่าวหา
“แนวคิดที่ว่าเพียงท่านเอาชนะเลือกตั้งได้ ก็สามารถหลีกลี้ความยุติธรรมได้เช่นนี้ มันเฉือนลึกเข้าไปในความเชื่อมั่นต่อระบบกฎหมายของเรา พร้อมทั้งการเมืองด้วย” จ๊อยซ์ แว้นซ์ อดีตอัยการซึ่งให้ความเห็นแก่เอ็นบีซีนิวส์กล่าวด้วยความละเหี่ยใจ
เป็นการย้ำแน่นหนักลงไปอีกในครั้งนี้ว่า ในการเมืองอเมริกันนั้น ชัยชนะจากการเลือกตั้งมีอำนาจอิทธิพลยิ่งกว่า ระบบกฎหมายอาญาที่ใช้ตัดสินความยุติธรรม