วันอังคาร, พฤศจิกายน 12, 2567

คนนี้ไง ‘บอร์เดอร์ซาร์’ ของทรั้มพ์ รับงานใหญ่กำจัดต่างด้าว นับล้านๆ คน เขาบอกถ้าการเนรเทศทำให้ครอบครัวพัดพราก ก็ไล่ออกไปทั้งครอบครัวเลยสิ

คนนี้ไง ที่ ทรั้มพ์ ตั้งให้เป็น ซาร์พระองค์ผู้ปกป้องเขตแดน รับงานใหญ่ขับไล่ต่างด้าวผิวไม่ขาว ที่ลักลอบเข้ามาอยู่ในสหรัฐ แบกงานสู้ชีวิตสู่จุดหมายความเป็นอยู่ที่ดีกว่าในประเทศที่พวกเขาผละมา เป็นจำนวนล้านๆ คน

ชื่อเสียงในการเป็นคนไม่ยอมอ่อน ต่อการบังคับใช้กฎหมายในงานด้านนี้ของเขา มีมาตั้งแต่รับหน้าที่รักษาการ ผอ.หน่วยควบคุมปราบปรามด้านอิมมิเกรชั่น มานานก่อนหน้านี้แล้ว ทอม โฮแมน จะเป็นผู้สานฝันให้ ดอแนลด์ ทรั้มพ์ ได้เหมาะเหม็งตรงปก

โฮแมน พร้อมด้วย สตีเฟ็น มิลเลอร์ อดีตที่ปรึกษาใกล้ชิดของทรั้มพ์เมื่อตอนเป็นประธานาธิบดีครั้งก่อน ได้รับแต่งตั้งกลับเข้าทำเนียบขาว เป็นรองหัวหน้าสำนักประธานาธิบดี รับผิดชอบนโยบายในประเทศ จะร่วมกันผลักดันให้การกำจัดต่างด้าวสำเร็จ

หลายคลิปจากการที่โฮแมนเข้าไปให้การต่อคณะกรรมาธิการคองเกรส ในประเด็นนโยบายขับไล่ต่างด้าวออกนอกประเทศ อันหนึ่งที่ใช้สโลแกนว่า ‘Zero tolerant’ –ความอดกลั้นเป็นศูนย์ ไม่ต้องคำนึงเรื่อสิทธิมนุษยชน นั้น

แสดงความแข็งกร้าวไม่ยอมผ่อนปรนใดๆ ทั้งสิ้น เวลาตอบคำถาม เวลาถูกซักโดยประธานหรือกรรมาธิการที่เป็นหญิง เขาจะตอบแบบดึงดัน ยืนกรานแนวคิดของเขาย้ำซ้ำ โดยไม่คำนึงว่าเนื้อหาของคำถามว่าอย่างไร เช่นเมื่อคราวที่ ส.ส.หญิงรัฐนิวยอร์คเป็นผู้ซัก

อเล็กซานเดรีย อ็อคคาสิโอ คอร์เทซ ส.ส.สาวดาวรุ่งสายก้าวหน้าของพรรคเดโมแครท พยายามชี้ว่านโยบาย ความอดกลั้นเป็นศูนย์ในการจับต่างด้าวส่งออกนอกประเทศ ตีความได้ว่าเป็นตัวการทำให้เกิดการพรากพ่อแม่จากลูก

โฮแมนย้อนด้วยการอุปมาอุปมัยในเรื่องไม่ตรงกันแต่คล้ายคลึง เช่น “ถ้าผมถูกจับขับรถเมา แล้วผมมีเด็กเล็กอยู่ในรถมาด้วย ผมก็ต้องถูกพราก (และ) ถ้าผมเป็นตำรวจนิวยอร์ค ไปจับผุ้เป็นพ่อที่โหดร้ายทารุณกับคนในครอบครัว ผมก็พรากพ่อไปจากลูกๆ”

เขาตอบในจุดยืนอย่างเดียวของการบังคับใช้กฎหมาย ไม่สนใจว่าการบังคับใช้นั้นไร้ความเมตตาปราณีอย่างสิ้นเชิง อีกคำถามต่อเขาว่า “เป็นไปได้ไหมที่จะเนรเทศต่างด้าวโดยไม่ทำให้ครอบครัวต้องถูกแยกจากกัน” เขาตอบว่า อ๋อได้สิ

“ก็เนรเทศไปเสียด้วยกันหมดเลยทั้งครอบครัว” อีกตัวอย่างผู้ประกาศข่าวซีบีเอสถามเขาว่า “การเนรเทศแบบยกเข่งจะทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณถึง ๘๘ พันล้านเหรียญ เชียวนะ” โฮแมนตอบว่า “ก็แล้วมันคุ้มไหมล่ะสำหรับความมั่นคงแห่งชาติ”

แต่เบื้องลึกในจิตสำนึกของเขา น่าจะเป็นแบบ “ชนผิวขาวย่อมเหนือกว่าเชื้อชาติใดเป็นที่สุด” เนื่องจากเขาเคยไปร่วมงานชุมนุมของพวก White Supremacists’ ครั้นเมื่อถูกสื่อเผชิญหน้าให้ประณามผู้จัดงานนั้น เขาไม่ยอม

(https://x.com/letsgomathias/status/1856098830472925248)