วันอังคาร, มิถุนายน 04, 2567

ข่าวห้ามเม้นต์ มักแพร่แรงและเร็ว ทั้งที่ไม่มีอะไร ไม่เหมือนข่าวไม่เป็นข่าว จะแรงจะเร็วอยู่ที่ปฏิกิริยาของผู้รับ


ในการสื่อสารสำหรับคนหมู่มาก (ที่เรียกว่า มวลชน) สมัยนี้ ไม่ว่าจะทางเดียว (Press/Journal) หรือสองทาง (Social Media) มันมีตัวช่วยที่เรียกว่า เทคโนโลยี่อำนวยความสะดวกให้มาก ฉะนั้นบางทีการ สื่อ จะไม่เป็นระบบหรือมีระเบียบ

สิ่งที่เราเรียกรวมๆ ว่า ข่าวหรือแท้จริงคือการเล่าแจ้ง บางครั้งบางเรื่องมันติดค้างและแขวนเติ่งอยู่กลางทางในโลกไซเบอร์-เสมือนจริง ผู้ส่ง ส่งออกได้ ผู้รับ บ้างเห็นรำไร บ้างถูกปะทะกระจังหน้าอย่างแรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันไม่ไปตลอดรอดฝั่ง

ดังจะยกตัวอย่างข่าว ๒-๓ ข่าว เรื่องแรกเมื่อสิ้นเดือนที่แล้วนี่เอง จั่วหัวข่าวว่า “มติชนปิดเม้นต์” ก็น่าจะมีคนอ่านตื่นเต้นกับมันมากอยู่ ทั้งที่เนื้อเรื่องมีจิ๊บเดียว คือ  “องคมนตรีไปแจกถุงพระราชทาน ผู้ประสบวาตภัย จังหวัดอุบลฯ”

ที่ห้ามเม้นต์อาจจะเป็นเพราะองคมนตรี ป้ายแดง คนนี้ ซึ่งมาจากนายกรัฐมนตรีที่สร้างความเร้าใจต่อประชากรเป็นจำนวนมาก ได้เข้าไปเม้นต์ ไปด่า ไม่ว่าแกจะทำอะไร  แม้จะอยู่เฉยๆ เห็นภาพใบหน้าแล้วมันสะกิดต่อมบริภาษณ์

เนื้อข่าว ๕ ย่อหน้ายาวๆ แต่เนื้อความแค่บอกว่าแกไปอุบล เอาถุงสีน้ำตาลจำนวนมาก ๗๘๙ ถุง ไปให้กับผู้ว่าฯ นายอำเภอ และข้าราชการของจังหวัดนำไปแจกชาวบ้านในเขตวาตภัย ย้ำว่าในหลวงฯ ทรงห่วงใย และมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มา

อีกข่าวเป็นภาพหนังสือราชการ ลับที่สุด ด่วนที่สุด สมัยปี พ.ศ.๒๕๕๗ มีแต่ข้อความ เม้นต์ ของทนายนักกิจกรรมนามระบือ ประเวศ ประภานุกูลกิจ ว่า “๑๐ ปีที่แล้ว มีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ (เฉพาะเงินฝากธนาคารนี้ธนาคารเดียว)

หนึ่งหมื่น สามพัน เก้าร้อย สี่สิบแปด ล้านบาท ทั้งที่เป็นทหารอย่างเดียว นี่ยังไม่นับทรัพย์สินอื่น เป็นทหารมันดีอย่างนี้ไง”

สุดท้ายหยิบมาจากผู้โพสต์เดียวกัน Prawais Prapanugoolkij และกรุ๊ปไลน์ ต่างกรรมต่างวาระ น่าจะเป็นซุบซิบ หรือแม้แต่ fake news เสียมากกว่า แต่ข่าวแบบนี้ได้รับความสนใจมาก โดยไม่ต้องคำนึงว่ามันจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า

ข่าวแบบนี้เห็นง่าย อ่านง่าย ข้อความกระชับสั้นๆ บางทีดูแล้วพึมพำหุหุ หึหึ แล้วก็ผ่านไป บางคนไม่หวังว่ามันจะเกิดขึ้นจริงด้วยซ้ำ แค่ดูแค่อ่านเอามัน แต่บางคนจริงจัง โดยเฉพาะผู้ถูกพาดพิง ถือว่าเป็นการใส่ไคล้ ใส่ความ ทำให้เสียหาย

ต้องฟ้องเรียกร้องเงินทำขวัญหลายสิบล้านถึงร้อยล้าน ให้หวาดกลัว และก่อความลำบาก ในกรณีผู้โพสต์เป็นนักรบไซเบอร์ธรรมดาทั่วไป บางครั้งไปฟ้องในที่ไกลๆ ให้ยากเข็นมากขึ้นไปอีก แต่มันจะมีกรณี backfire หรือแรงถีบกลับหลัง

คือพอฟ้องปั๊บมันกระหึ่มขึ้นมาทันที มีความสนใจจากสาธาณะมากกว่าเดิมเป็นสิบเป็นร้อยเท่า การฟ้องเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ไม่มีใครเอาเยี่ยงอย่าง กลับกลายเป็นฟ้องครั้งเดียวได้ผลในการกระจายข่าว มากกว่าปล่อยวางทำไม่รู้ไม่ชี้หลายเท่านัก

ดูตัวอย่าง กั๊ลป์เอเนอร์จี้เมื่อก่อนไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดไหน แบบเสือนอนกินไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า ช้างในห้อง’ อีกทั้งบทบาทการเมืองในค่ายอนุรักษ์นิยม ห้ำหั่นขบวนการของคนรุ่นใหม่สุดลิ่มเพียงใด ไหนจะเป็นเจ้าของสื่อเครื่องแรงอีกต่างหาก

แต่พอกั๊ลฟ์ฟ้อง รังสิมันต์ โรม ส.ส.ก้าวไกล เรียกร้อยล้านเท่านั้น สำหรับผู้ที่บอกตัวเองว่าอยู่ในกระบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยและความเท่าเทียมในสังคม ทุกอย่าง “Hell broke loose.” เหมือนเปิดกระป๋องเจอหนอนเต็ม