วันอาทิตย์, มิถุนายน 23, 2567

สรุปเนื้อหา ”วิสัยทัศน์ก้าวไกลเปลี่ยนอุดรธานี“ โดย ชัยธวัช ตุลาธน, คณิศร ขุริรัง ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์


พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
2 hours ago·

มหกรรมนโยบาย “ก้าวไกล Policy Fest อุดรจ้วด ๆ” ที่ UD Town อุดรธานี จบลงวันนี้อย่างน่าประทับใจ
.
พรรคก้าวไกลได้นำเสนอนโยบาย รับฟังแลกเปลี่ยนความเห็นกับประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะครั้งนี้เป็นข้อเสนอเพื่อฉายภาพอนาคตของอีสานและจังหวัดอุดรธานี ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ให้หลุดพ้นวงจรแล้ง-ท่วม-เจ็บ-จน-หนี้
.
สรุปได้เป็น ”วิสัยทัศน์ก้าวไกลเปลี่ยนอุดรธานี“ โดย ชัยธวัช ตุลาธน, คณิศร ขุริรัง ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์


[ ทลายวงจร แล้ง-ท่วม-เจ็บ-จน-หนี้ ต้องใช้การเมืองนำ ]
.
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดงานก้าวไกล Policy Fest “อุดรจ้วดๆ” ในหัวข้อ “Breaking the Cycle : ทลายวงจรแล้ง ท่วม เจ็บ จน หนี้ ที่อุดรฯ“
.
ระบุที่มาของการจัดงาน ว่าจากการที่พรรคก้าวไกลวางบทบาทเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก นั่นแปลว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ได้แค่ค้านอย่างเดียว แต่จะเตรียมพร้อมเพื่อเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้าให้ได้ รูปธรรมคือการทำงานอย่างจริงจังและจับต้องได้ โดยเฉพาะในการทำนโยบาย ซึ่งพรรคการเมืองควรต้องทำตลอดเวลา ไม่ใช่เฉพาะเวลาเลือกตั้งเท่านั้น
.
ดังนั้น ต้องมีรายละเอียดในแต่ละเรื่อง มีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ในสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต โจทย์สำคัญของประเทศคืออะไร ซึ่งเราได้ประกาศไว้แล้วว่าเรามีวาระที่จะระเบิดศักยภาพของสังคมไทยใน 6 เรื่อง ในวันนี้จะเป็นการพูดในบริบทของภาคอีสาน โดยเฉพาะอุดรธานี
.
เมื่อปลายปี 2566 ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดสัมมนาเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจของภาคอีสาน ข้อสรุปคือเศรษฐกิจภาคอีสานมีความน่าเป็นห่วงกว่าภาพรวมของเศรษฐกิจในระดับชาติ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของภาคอีสานทั้งภาค ไม่ว่าจะจากภาคเกษตร อุตสาหกรรม การค้า ฯลฯ ของภาคอีสานจะต่ำกว่าของทั้งประเทศ 1-2% ในปี 2567 โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะเศรษฐกิจของภาคอีสานมีลักษณะเฉพาะที่คือผูกติดกับภาคเกษตรเป็นอย่างมากยิ่งกว่าภาคอื่น ๆ
.
แม้มูลค่าทางเศรษฐกิจของภาคอุตสาหกรรมอีสานจะอยู่ที่ 19% ส่วนภาคเกษตรอยู่ที่ประมาณ 20% แต่น้ำหนักของภาคเกษตรในภาคอีสานก็ยังเยอะมากกว่าภาคอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ เพราะประชากรเกือบ 60% ของครัวเรือนอีสานเป็นครัวเรือนเกษตร และเศรษฐกิจที่พึ่งพิงการเกษตรก็กระจายตัวไปทั่วทั้งภูมิภาค ขณะที่อุตสาหกรรมในอีสานประมาณครึ่งหนึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ผูกติดกับภาคเกษตรเช่นกัน.
นอกจากครัวเรือนอีสานส่วนใหญ่จะเป็นครัวเรือนเกษตรแล้ว การเกษตรในภาคอีสานยังพึ่งพิงธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ มีพื้นที่ทำการเกษตรเพียง 5-10% เท่านั้นที่เป็นพื้นที่ชลประทาน ที่เหลือทั้งหมดพึ่งพิงแต่น้ำธรรมชาติ ปัญหาคือเมื่อไรที่ธรรมชาติผันผวน การเกษตรภาคอีสานก็จะผันผวน และรายได้ของคนอีสานก็จะผันผวนตามไปด้วย ภัยแล้งจะเป็นปัญหาหนักในปีนี้ และอาจจะต่อเนื่องไปอีกสี่ปี
.
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินว่าเศรษฐกิจอีสานจะลบ 1-2% เมื่อเทียบกับจีดีพีของประเทศ เพราะได้รับผลกระทบจากภูมิอากาศผันผวนอย่างรุนแรง ขณะที่ศักยภาพในการผลิตของภาคเกษตรไทยก็ดิ่งหัวลงในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกไปแล้ว นี่คือความน่ากังวลของภาคเกษตรไทยโดยเฉพาะภาคอีสาน นั่นหมายความว่าการลงทุนที่ใส่เข้าไปแม้จะมากแต่ผลผลิตจะน้อยลง
.
เรื่องที่ดินก็เป็นปัญหาสำคัญ คนอีสานที่อยากมีความมั่นคงในที่ดิน อยากจะทำเกษตร ลงทุน หรือเปลี่ยนจากการทำเกษตรแบบเดิมไปเป็นอุตสาหกรรมเกษตร การแปรรูป เศรษฐกิจท่องเที่ยว หรือการพาณิชย์ คำถามใหญ่ก็คือจะมีความมั่นคงในที่ดินอย่างไร ที่ ส.ป.ก. 18 ล้านไร่จะเอาอย่างไร ให้ใช้ที่ดินเป็นสินทรัพย์เข้าถึงแหล่งทุนได้หรือไม่ ไม่จำเป็นต้องทำการเกษตรแบบเดิมเพื่อให้สอดคล้องกับพัฒนาการของสังคมไทยได้หรือไม่ ยังมีที่ดินอีก 1 ล้านไร่ที่มีข้อพิพาทกับรัฐ ป่าทับที่ไม่มีสิทธิที่ทำกินอีก 3 ล้านไร่
.
นี่คือหนึ่งในเหตุปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานการณ์หนี้ครัวเรือนในภาคอีสานน่าเป็นห่วงที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะครัวเรือนภาคเกษตร ที่กว่า 80% เป็นหนี้และมีหนี้เฉลี่ยสูงสุดเมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ ของประเทศ มูลค่าหนี้สินในภาคอีสานโดยเปรียบเทียบ 8 ปีจากปี 2556-2564 เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากเฉลี่ยครัวเรือนละ 1.2 แสนบาท กลายเป็น 2.6 แสนบาท โดยที่หนี้สินต่อรายได้สูงขึ้น จาก 7.6 เท่าเป็น 12 เท่า
.
ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่มีอะไรใหม่ เป็นสิ่งที่ชาวอีสานต้องสัมผัสอยู่ทุกวัน ความยากจนและกันดารได้ผลักดันให้คนอีสานต้องเดินทางไปทุกที่ และสิ่งที่ได้มาคือทำให้ชาวอีสานมีลักษณะเด่นคือรับรู้โลกกว้างมากกว่า และเอาประสบการณ์ของตัวเองมาเปรียบเทียบกับบ้านเกิดของตัวเองได้มากกว่า และมีแรงปรารถนาที่อยากจะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นอย่างแรงกล้ามากกว่า
.
ปัญหาความแล้งจนเจ็บนั้นเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะคนอีสานเอง แต่เชื่อมโยงกับปัญหาการเมือง นโยบายของรัฐ กฎหมาย และระเบียบ ความจนทางเศรษฐกิจนั้นเกิดขึ้นจากความจนในอำนาจและโอกาสที่เกิดขึ้นจากการเมืองด้วย
.
ดังนั้น เราจะออกจากวงจรแล้งจนเจ็บแบบนี้ ก็ต้องเกี่ยวข้องกับการเมือง ที่ผ่านมาหลายคนมองคนอีสานว่าโง่จนเจ็บ ไม่มีการศึกษา ไม่เข้าใจการเมือง จึงมีปัญหาถูกซื้อเสียง เห็นแก่ผลประโยชน์เฉพาะหน้าและระบบอุปถัมภ์ ทำให้ประชาธิปไตยไทยไม่พัฒนา
.
แต่ตนกลับมองเห็นภาพกลับกัน ประสบการณ์อีสานที่เคยสัมผัสทำให้ได้เห็นว่าจริงๆ แล้วพี่น้องในชนบทโดยเฉพาะภาคอีสานสามารถใช้ประโยชน์จากระบอบประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ในการใช้เป็นพื้นที่ต่อรอง กดดัน เรียกร้อง และแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพยากรและสิทธิที่พี่น้องควรจะได้อย่างชาญฉลาดที่สุด
.
“มาถึงวันนี้ผมเชื่อว่าพี่น้องเห็นแล้ว ว่าสิ่งที่เราเรียกร้องแลกเปลี่ยนได้กับความไว้วางใจของเรา กับเสียงของเรา คือสิ่งที่มันใหญ่กว่าเงินหลักพันหรือถนนแค่ไม่กี่เส้น คือนโยบายที่จะแก้ปัญหาของเราทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาว”
.
“ผมอยากเชิญชวนพี่น้องให้ใช้สิทธิใช้อำนาจของเราในระบบประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง ผลักดันนโยบายที่พี่น้องประชาชนเห็นว่าตอบโจทย์ที่สุดทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาว และเป็นนโยบายที่พี่น้องทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันและออกแบบได้“


[ คนอุดรธานีต้องเท่าเทียมกัน ]
.
คณิศร ขุริรัง ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี พรรคก้าวไกล แสดงวิสัยทัศน์เปลี่ยนอุดรธานี ระบุว่า อบจ.อุดรธานีมีงบประมาณต่อวาระหนึ่งสี่ปี 4.4 พันล้านบาท 12 ปีที่ผ่านมานับเป็นงบประมาณราว 1.3 หมื่นล้านบาท
.
แต่อดรู้สึกไม่ได้ว่าการพัฒนาของจังหวัดอุดรธานีเหมือนถูกแช่แข็ง หยุดอยู่กับที่ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจการเกษตรอุตสาหกรรม นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ตนตัดสินใจเข้ามาเปลี่ยนอุดรธานี ด้วยวิสัยทัศน์ว่า “คนอุดรธานีต้องเท่าเทียมกัน” ทั้งในด้านการได้รับบริการ ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งสาธารณะที่มีมาตรฐาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความสะดวกสบาย เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญ
.
รวมทั้งการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ผ่านโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งเป็นหน่วยบริการด้านสุขภาพปฐมภูมิที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนที่สุด แต่ที่ผ่านมาการจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐไม่เพียงพอในการยกระดับศักยภาพให้เท่าเทียมกับโรงพยาบาลในเมือง ทำให้ประชาชนกว่า 90% ต้องเดินทางเข้าเมืองมารับบริการสุขภาพ ถ้าเราส่งเสริม รพ.สต. ให้มาอยู่ในการดูแลของ อบจ.อุดรธานี ก็จะสามารถสนับสนุนงบประมาณเข้าไปพัฒนาให้มีคุณภาพเทียบเท่ากับโรงพยาบาลในเมืองได้
.
รพ.สต. ในอุดรธานีมี 207 แห่ง แต่จนถึงปัจจุบัน อบจ.อุดรธานี ยังไม่ได้รับโอนมาแม้แต่แห่งเดียว ดังนั้น นโยบายของตนคือการรับโอน รพ.สต. ที่มีความพร้อมเข้ามาในสังกัด อบจ.อุดรธานีทันที


[ ปลดล็อกศักยภาพอุดรธานีและอีสาน เริ่มที่ปลดล็อกที่ดิน - ระบบชลประทาน ]
.
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวปาฐกถาปิดเวที “Udon Beyond Limits : อนาคตอุดรที่ก้าวไกล” โดยระบุว่าความตั้งใจที่พรรคก้าวไกลจัดงานนี้ขึ้นมา คืออยากให้นโยบายการเมืองเป็นเรื่องสนุก เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้สำหรับประชาชนทุกคน
.
อุดรธานีและภาคอีสานเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีจุดแข็ง ก็คือตัวของคนอีสานเอง แต่ศักยภาพนี้ก็ต้องพบกับอุปสรรคหลายอย่าง เช่นที่ สส.พรรคก้าวไกลได้ร่วมกันอภิปรายงบประมาณ 2568 คืองบประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท ที่ถูกจัดสรรมายังไม่ตรงจุด
.
ในมหกรรมนโยบายที่กรุงเทพ พรรคก้าวไกลเสนอ 6 บิ๊กแบงไปแล้ว แต่เราก็ยังไม่ลืมวาระเฉพาะกาลและเฉพาะพื้นที่ ที่สำคัญก็คือเรื่องของอำนาจในการตัดสินใจ อำนาจงบประมาณ และอำนาจเกี่ยวกับกฎหมาย ที่ผ่านมางบประมาณไม่ตอบโจทย์ กฎหมายก็มีปัญหาอย่างที่พรรคก้าวไกลพยายามเข้าไปแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับที่ดิน
.
75% ของคนในประเทศนี้ยังไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง นี่คือหนึ่งในปัญหาที่หากยังไม่มีการแก้ไข ก็จะปลดล็อกศักยภาพออกมาไม่ได้ รวมทั้งเรื่องที่ประเทศไทยมีพื้นที่ชลประทานแค่ 24% อีก 75% ไม่มีระบบชลประทาน นั่นแปลว่าประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่ยังมีเกษตรกรอีกจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงน้ำถ้าอยู่นอกเขตชลประทาน
.
เมื่อไม่นานมานี้นายกรัฐมนตรีบอกว่าเห็นประเทศไทยเป็นเหมือนเฟอรารี่ แต่ต้องอย่าลืมว่าเฟอรารี่คันละ 30 ล้านบาท นั่งได้แค่สองคน ถ้าเช่นนั้นตนและพรรคก้าวไกลขอเป็นรถเมล์ไฟฟ้า เหมือนที่นโยบายของพรรคก้าวไกลอยากตั้งอุตสาหกรรมผลิตรถเมล์ไฟฟ้าที่ภาคอีสาน รถเมล์ไฟฟ้าที่ทำโดยฝีมือคนอีสานคันละ 7 ล้านบาท นั่งได้ 20 คน ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้ด้วย และสร้างงานให้คนอีสานได้ด้วย
.
ที่ผ่านมาตนได้เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งที่มีผู้มาใช้สิทธิ์มากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย กว่า 75% ของคนไทยออกไปใช้สิทธิใช้เสียง นี่คือประวัติศาสตร์ที่พวกเราสร้างร่วมกันและไม่มีใครลบออกได้ อย่างไรก็ตามต้องฝากพี่น้องชาวอุดรธานี ที่เชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของประชาธิปไตย ให้ออกมาใช้สิทธิกันอีกครั้งหนึ่ง
.
เริ่มที่การเลือกตั้งนายก อบจ. ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้านี้
 
https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/posts/pfbid0PbF8z5z1Vao4P3qhqKPP3Cje5iEgM9ii4hGmnAbHEzqiY3wQXuqcdbnjDBtHeMBal