นอกจากลำเอียงเข้าข้างพรรคการเมืองที่สนับสนุนหัวหน้า
คสช.เป็นนายกฯ แล้ว
กกต.ชุดนี้แสดงให้เห็นถึงการขาดประสิทธิภาพอย่างชัดแจ้งยิ่งขึ้น
หรือไม่เช่นนั้นก็คอยทำตามสั่งจาก คสช.
เสียจนคุณค่าความน่าเชื่อถือในตนเองเหือดหายมลายสิ้น
คงจำกันได้เมื่อตอนที่
กกต.ชุดนี้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ใหม่ๆ
ถูกตั้งคำถามว่านักการเมืองสามารถทำกจกรรมทางการเมืองอะไรได้บ้าง นายอิทธิพร
บุญประคอง ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานฯ ตอบว่าอำนาจชี้ขาดอยู่ที่ คสช.
มาวันนี้หลังจากที่มีนักการเมืองพรรคไทยรักษาชาติที่ถูกยุบ
ติดป้ายหาเสียงให้ผู้สนับสนุนหันไปเลือกผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่แทน นายวิษณุ
เครืองาม รองนายกฯ มีความเห็นว่าทำได้ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.
ก็ยังบอกว่าอดีตผู้สมัครช่วยพรรคอื่นหาเสียงได้
วานนี้ (๑๓ มีนา) ประธานฯ แจ้งว่า “อาจเข้าข่ายเป็นการชี้นำ
และครอบงำผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง” ที่ประชุม
กกต.จึงมีมติมอบหมายให้เลขาธิการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใต่สวน ฐิติมา ฉายแสง อดีตแกนนำพรรค
ทษช. ที่รณรงค์ “กราบขอ เทคะแนน ให้ฝั่งประชาธิปไตย พรรคอนาคตใหม่ กิตติชัย
เรืองสวัสดิ์ หมายเลข ๑๐”
ผู้เป็นพี่ชายก็เลยเหน็บ กกต. เสียหน้ายับ “ถ้าไม่เทคะแนนจะผิดฐานมีคะแนนในครอบครองหรือเปล่าครับ
ส่วนที่พวกผมไปปราศรัยกันอยู่นี่
ถ้าจะสอบสวนก็ขอชี้แจงว่าไม่มีชาวต่างชาติร่วมปราศรัยครับ”
นั่นอ้างถึงการตัดสินยุติสอบสวนพรรคพลังประชารัฐ ที่
กกต.บอกว่าหาไม่พบว่ามีต่างชาติบริจาคค่าโต๊ะจีน
ส่วนกรณีผู้สนับสนุนพรรคไทยรักษาชาติที่จังหวัดแพร่นับพัน
ออกมารรรงค์ที่หน้าบ้านของนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ให้ผู้มีสิทธิออกเสียงทำการ ‘โหวตโน’
เพื่อให้การเลือกตั้งเขตนั้นเป็นโมฆะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่นั้น
กกต.ก็ให้กรรมการสอบเช่นกัน
ความลักลั่นในเรื่องตัวบทกฎหมายก็อย่างหนึ่ง
ความชุ่ย มั่วซั่ว ผิดโน่นผิดนี่ หนสองหนพอทำเนา นี่ใกล้วันเข้ามาช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน
การจัดการของ กกต.ก็ยังมีผิดอยู่นั่นแล้วไม่หยุดหย่อน ล่าสุดนี่
กกต.พิมพ์รายละเอียดผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ สลับเพศ ไปเสียฉิบ
“ตั้ว ชุติมา กุมาร
พิธีกรข่าวสาวสวยจากค่ายพีซทีวี ซึ่งสวมเสื้อพรรคเพื่อชาติลงชิง ส.ส. บัญชีรายชื่อ
ทำไมกลายเป็นผู้ชายไปได้” (สำนักข่าวหงวน จัดให้)
อีกเรื่องที่นิวยอร์ค
บัตรเลือกตั้งผู้ออกเสียงนอกราชอาณาจักรถูกตีกลับ เพราะ
กกต.จัดซองสำหรับส่งกลับเป็นแนวตั้ง
ขณะที่ระเบียบของไปรษณีย์อเมริกันกำหนดให้ใช้แนวนอน
ไม่เช่นนั้นเครื่องตรวจไม่สามารถอ่านได้จึงตีกลับไปยังผู้ส่ง
เรื่องง่ายๆ ปลายจมูกอย่างนี้จะโทษสถานกงสุลหรือ
กกต. ก็ได้ทั้งคู่ กกต.เองแทนที่จะจัดพิมพ์หน้าซองตามมาตรฐานสากล ดันทุรังแหวกแนว
ส่วนสถานกงสุลก็น่าจะรู้ดีว่าอะไรควรและจัดการแก้ไขเสียก่อน
อย่างที่สถานทูตในมาเลเซียเอาลังกระดาษมาทำคูหากาบัตร
แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็ยังพอทำเนา
เหล่านั้นทำให้ขณะนี้มีเสียงด่า กกต.กันขรม
โดยเฉพาะที่ทั้งคณะเพิ่งถลุงงบประมาณ ๑๒ ล้านบาท พากันเดินทางไป ‘ดูงาน’ ที่ประเทศโครเอเชีย และเฮอเซโกวีนา แต่แล้วกลับ
“ห่วยแตกมาก” อย่างนี้
จึงไม่พ้นมีคน “กำลังสัยว่าไอ้คนแต่งตั้ง กกต.มันตาบอด
หรือพวก กกต.มันไม่จบ ป. ๑ หว่ะ” (Oom Thip @M232504)
ว่าตามจริงที่มาของ กกต.ชุดนี้ไม่เบาหรอก
นอกจากได้ชื่อว่า ‘ลิ่วล้อ’ ของ คสช.เต็มเปาแล้ว การได้มายัง ‘ลึกลับซับซ้อน’
พอดู เรื่องนี้ ‘ไอลอว์’ ขุดคุ้ยเอาไว้แล้วตั้งแต่ ตุลา ๖๑ โน่น
การคัดเลือก กกต.ชุดนี้ต้องทำกันถึง ๓ หน
ชุดแรกถูก สนช.ปฏิเสธทั้ง ๗ คน โดยไม่ยอมเปิดเผยเหตุผลว่า สนช.ไม่ชอบเพราะอะไร
จะเดาว่าเพราะผู้ได้รับการเสนอตัวล้วนไม่มีภูมิหลังเกี่ยวกับการเลือกตั้ง
ก็ไม่น่าจะใช่เพราะชุดสุดท้ายที่ได้มาก็ไม่มีใครชำนาญเรื่องการเลือกตั้งทั้งนั้น
ตัวประธานมาจากกระทรวงต่างประเทศ
เคยสัมผัสการเลือกตั้งตอนเป็นทูตกรุงเฮก ได้เป็นผู้แทนประเทศไทยในการรณรงค์ให้ไทยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกไม่ถาวรคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ
ที่ผลปรากฏว่า ‘failed’
ข้อสันนิษฐานหนึ่งที่แคนดิเดท กกต.ชุดแรกถูกปฏิเสธยกทีม
“อีกความเป็นไปได้หนึ่ง คือ สนช. ได้รับคำสั่งจากผู้มีอำนาจให้ไม่เห็นชอบทั้ง ๗ คน” พอมาถึงรอบสอง หลังจากคัดจาก ๓๓ คนเหลือ
๗ คนแล้วเข้า สนช. เมื่อ ๑๒ ก.ค. ๖๑
ประธานกรรมาธิการตรวจสอบคุณสมบัติ พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ
เสนอญัตติให้พิจารณาลับ ที่ประชุมเฮ เอาด้วย “สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. จึงขอให้ยุติการถ่ายทอดสด ปิดกล้องวงจรภายในสภา ให้สมาชิกงดใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด และเชิญผู้สื่อข่าวออกนอกห้องประชุม”
ใช้เวลาลับๆ นั่น ๓ ชั่วโมง ผลออกมาผ่าน ๕
คน ไม่ผ่านสองคน หนึ่งในสองคนที่ไม่ผ่าน เคยเป็นผู้ว่าราชการหลายจังหวัด
แถมเคยเป็น กกต.จังหวัดศรีสะเกษด้วย แต่เมื่อครั้งเป็นผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช
เคยถูกขึ้นป้ายต้านว่า “ไม่เอาผู้ว่าเสื้อแดง”
ครั้นเมื่อคัดกันครั้งที่สามเพื่อเติมเต็มอีกสองคน
เสนอชื่อมาสองคนผ่านฉลุยทั้งสองคน โดยมีข้อน่าทึ่งว่า ๕ คนที่ผ่านก่อนหน้านี้นั้น
มีบางคนที่เคย ‘ไม่ผ่าน’
ความเห็นชอบในชุดแรก แต่กลับมาเป็นแคนดิเดทใหม่ได้อีก
แล้วคราวนี้คะแนนพลิกกลับมาท่วมท้น
อีกข้อสังเกตุ “ทุกคนที่ผ่านการคัดเลือกมีประวัติการทำงานในวงการราชการมีผลงานที่มีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาล คสช.” ชนิดเรียกว่า ‘ลิ่วล้อ’ ก็ไม่ผิด เพราะ คสช.นี่แหละที่เสนอ “ขึ้นเงินเดือน
และจ่ายเงินเดือนย้อนหลังให้ กกต.” สนช.ผ่านกฎหมายเมื่อ ๒๗ กันยา ๖๑