บันทึกประวัติการณ์ ‘หาเสียง’ วันแรกอย่างเปิดหน้าของ
‘ไอตู้บ’ เค้าพูดไรบ้าง หลังจาก ‘ปลดล็อค’ ให้ นักการเมืองทำการรณรงค์แข่งเลือกตั้งได้
คำแรก “ถ้า เป็นนักการเมืองเต็มตัว ตอนนี้ผมจะบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้”
อ้าว ‘ไอ-๕’ จะว่าก็ว่าไป
ไม่เห็นจะต้องกั๊กไว้นิดว่า ‘ถ้า’ สงสัยบุคคลิกตามกรรมพันธุ์
เอาทุกอย่างแต่ไม่ชอบยอมรับ อ้อนตอนลงพื้นที่บึงกาฬ “รู้ไหมผมเป็นทุกข์” แต่ยอม “ยอมตายจากตรงนี้”
ทุกข์เรื่องไรเหรอ “เพราะผมบริหารประเทศ”
ก็เฮียไปแย่งอำนาจเขามาเองไม่ใช่เหรอ แต่ว่า “ผมมาวันนี้...ดีใจเพราะมีคนมารับเยอะ
เรียกลุงตู่ ลุงตู่...เพราะเขามีความหวังไง” หวังไรไม่บอกตรงๆ เพียงสั่ง “ประชาชนต้องศึกษาสิ่งที่รัฐบาลทำมา”
ทีละขั้นตอน อย่าเร่ง (๒๐ ปีนั่นเลย)
“แต่เราจะมาหลอกลวง ล่อลวง ไม่ได้
โดยเฉพาะที่บอกว่าเดี๋ยวจะดีขึ้น จะทำไอ้นั่นไอ้นี่” ไม่รู้ฮีพูดถึงใคร
ใช่คนที่เคยคุยปีหน้า ประเทศ ‘หายจน’ หรือเปล่า
ควรจะไม่ใช่เพราะคนพูดลูกน้องตัวเอง นอกนั้นยังขวิดรัฐบาลก่อนอีก
ดูเหมือนว่าอดีตนายกฯ หญิงเธอจามจนเกิดภูมิคุ้มกันไปแล้ว
ยังอีก “...ตู่เผย ปลดล้อคปุ๊บ โดนตั้งขบวนด่าปั๊บ...เริ่มมีการตั้งแถว ตั้งขบวนชุมนุมต่อต้านด่ารัฐบาลกันแล้วถามหน่อยว่าทำไปเพื่ออะไร
แล้วจะให้คนพวกนี้มาบริหารประเทศหรือ”
ถ้าดูผลกรรมห้าปีที่ผ่านมาก็น่าลองหละนะ ถึงอย่างไรก็คงไม่เลวไปกว่าเดิม
(https://www.facebook.com/100001454030105/posts/2092570397468074/ และ https://www.matichon.co.th/politics/news_1269178)
จากนั้นพอเห็นเรือไม้ที่เขาตั้งแสดง กระโจนลงไปทันที
ชอบนักไอ้พายเรือบกเนี่ย นั่งขัดสมาธิ กำไม้พายงัดทำท่าจ้วงแล้วพ่นว่า “เหมือนเป็นหางเสือ สมัยเด็กผมก็เคยพายเรือข้ามคลอง
เลยรู้ว่าลำบากอย่างไร” Prachaya Nongnuch @Prachaya_Ice คนที่เอารูปมาโพสต์เป็นงง ‘หางเสือ’ ไรหวะ
อีกตอนทำปาฐกถาและปากปราศรัย “จากนี้เป็นช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านของเรา...ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องร่วมมือเดินหน้าประเทศ และขออย่าทะเลาะ
หรืออย่าให้ใครมาปลุกว่ารัฐบาลทำอะไรก็เพื่อเอื้อประโยชน์คนรวย”
หาเสียงนัดแรกนี่มีแต่เรื่องแก้ตัวนิ “ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องร่วมมือเดินหน้าประเทศ และขออย่าทะเลาะ
หรืออย่าให้ใครมาปลุกว่ารัฐบาลทำอะไรก็เพื่อเอื้อประโยชน์คนรวย”
คงตั้งใจจะปรามกรณีชาวบ้านตบตีแย่งกันกดเอทีเอ็ม ‘อั้งเปาคริสตมาส’
มั้ง
และแล้วก็แขวะเขาอีก ทั้งที่ตนเองจำนนว่าเป็น “โครงการที่ทั่วโลกยอมรับ...เรื่องรักษาพยาบาล
๓๐ บาท ซึ่งประชาชนชอบ...ใครคิดขึ้นมาก็แล้วแต่ตนไม่รู้...แต่โรงพยาบาลเจ๊งหมด” ทั้งนี้ทั้งนั้นไอ-ตู้บอ้างว่าความผิดไปตกอยู่กับ
“คนไม่ดี ที่พูดให้ร้ายทั้งในและต่างประเทศ”
ปลิ้นไปเรื่อยเหมือนลิเก
ทั้งหมดนั่นเพื่อจะแก้ตัวในการเปิดหน้าออกหาเสียงวันแรก
ที่แจกเงินตอนใกล้เลือกตั้งเพราะต้อง “ดูแลผู้มีรายได้ต่ำกว่า ๑-๓ แสนบาทต่อปี...คนเหล่านี้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์เสียภาษีทั้งสิ้น”
แบบเดียวกับที่ลูกน้องอีกคนไปพูดที่หนองคาย
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
ก็ปราศรัยหาเสียงแก้ตัวเหมือนกัน ที่หนองคาย ขอเข้าไปเป็นรัฐบาลอีกสมัยเพื่อ “สานต่อและพัฒนาต่อยอด...โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ซึ่งไม่ใช่การแจกเงินคนจนอย่างที่มีการกล่าวหา”
ทั่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แสดงภูมิการใช้เหตุผล “เมื่อประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอ ก็ต้องเติมให้ประชาชน
เราต้องการสร้างสังคมประชารัฐ คนจะอดตายอยู่แล้ว คุณไม่เติมให้เขาได้ยังไง
ต้องเติมให้”
