โฆษกพลังประชารัฐจัด ‘พีอาร์’ ก่อนงานเลี้ยงโต๊ะจีนแบบฟิวชั่นที่ศูนย์สิริกิติ์
ว่า คสช. อนุมัติจัดตั้ง ‘สำนักงานบูรณาการลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาความยากจน’
ที่สื่อเรียกง่ายๆ ว่า ‘สำนักงานแก้จน’
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ในหัวโขน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอ้างเหตุความเหลื่อมล้ำ
(ช่องว่างความมั่งมีกับความจน มากกว่ากัน ๑๑ เท่า) และความยากจน
(คนรายได้ต่ำกว่าเดือนละ ๒,๖๖๗ บาท มีจำนวน ๘.๖ เปอร์เซ็นต์ของประชากร หรือ ๕.๘
ล้านคน) ไม่สามารถแก้ไขได้มาเป็นเวลา ๓๐ ปี
แต่เขาโวว่า คสช.มีเป้าหมายจะทำให้
“สำเร็จภายในระยะเวลา ๒๐ ปี ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ”
คงนึกว่าเนอะ ๓๐ ปีไม่มีอะไรดี อีก ๒๐ ปี ไม่เสียหลาย เรื่องนี้รู้ๆ กันแล้วว่าแผน
คสช.เป็นอย่างไร ลูกไล่คนหนึ่ง (วันชัย สอนศิริ) เก็บเอาไปคุย
“ผมเป็นคนเขียนรัฐธรรมนูญโดยเสนอในสมัยที่ผมเป็น
สปท. (สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) ให้ สว. ๒๕๐ คนนี้
มีสิทธิ์ร่วมในการโหวตคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี” จุดมุ่งหมายเพื่อเป้นช่องทางให้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก
กอบศักดิ์ยังผายภูมิว่า นี่เป็นจุดเปลี่ยนอันสำมะคัญของประเทศเชียวละ
โธ่ธั้ง แล้วที่ผ่านมาตั้ง ๕ ปี มีเกือบทุกอย่าง ทั้งอำนาจและงบประมาณ (ขาดแค่ทักษะกับสติปัญญา)
มัวแต่นั่งคิดกันอยู่นั่น พอจะต้องเปิดเลือกตั้งสร้างความชอบธรรมก็เอาเชียว
เสร็จแล้วทำอะไรรู้มั้ย ตั้งกรรมการ ๒
คณะนั่งกันอยู่ที่ทำเนียบฯ คณะหนึ่งไว้ออกนโยบายและ ‘ยุทธศาสตร์’
ให้นายกฯ เกาะหัวโต๊ะ อีกชุดนัยว่าเป็นชุดย่อยไว้ทำการบริหาร ชุดนี้
รมต. สำนักนายกฯ เป็นหัวเรือ โครงการเริ่มเมื่อวาน ๑๙ ธันวานั่นเลย
กิจกรรมแรกที่ว่าจะทำก็คือ จัดงานชื่อเก๋ ‘สร้างสุขทุกช่วงวัย’
แบบว่าตั้งโต๊ะหรือออกร้านแสดง “ข้อมูลสวัสดิการต่างๆ ที่ประชาชนจะได้จากภาครัฐตั้งแต่เกิดจนตาย
มากกว่า ๔๐ โครงการ” นั่นละ อ้างอีกว่ามีเงินรองรับโครงการถึง ๕ แสนล้านบาท
บวกงบปฏิบัติการ (ทั่น รมว.เรียกว่างบ ‘ฟังชั่น’) อีก ๓ แสนล้าน
เป็นอันว่านี่คือวิธีแก้ปัญหายากจนของรัฐบาลพลังประชารัฐ
ที่ดูแล้วไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการโปรโมชั่นรัฐบาล คสช. โดยมีนัยยะระหว่างบรรทัดว่า
จะอยู่ต่ออีก ๒๐ ปี อะไรทำนองนั้น แม้ตอนนี้กำหนดเลือกตั้งแน่นอน ๒๔ กุมภา
แต่รัฐบาล คสช. ก็ไม่ได้ทำตัว ‘รักษาการ’ อย่างที่ควร
ตามที่ ไอลอว์ สรุปเป็นกร๊าฟฟิคไว้
อะไรที่รัฐบาลรักษาการทำไม่ได้ คสช.ทำได้เกือบหมด ยกเว้น ‘ใช้ทรัพยากรของรัฐ’ ในการหาเสียง ซึ่งก็เกือบไปแล้วในการจัดงานเลี้ยงแบบโต๊ะจีน
(แต่อาหารแบบฟิ้วชั่น) เมื่อคืนนี้ (๑๙ ธันวา)
จากทวี้ตของ @SekSamyan : “งานระดมทุน
พรรคพลังประชารัฐ กลายเป็นเวทีคอนเสิร์ต หลังมีข่าว ๔ รมต.เปลี่ยนแผนไม่ขึ้นเวที
หวั่นโดนตัดสิทธิ์การเมือง ผิด กม.เลือกตั้ง” แต่ว่า ‘ยิ่งชีพ
(เป๋า) @yingcheep’ แย้งว่า “กม.เลือกตั้ง (ก็)
ห้ามจัดมหรสพ” นะ
(ดูตัวบทกฎหมายที่ https://www.facebook.com/iLawClub/photos/a.10150540436460551/10161355780895551/?type=3&theater)
ถึงอย่างไรงานนี้กินกันแปร้ ครื้นเครงเต็มคราบ
ดูจากทวี้ตของ ‘thapanee ietsrichai @thapanee3miti’ “ศิลปินมาร้องเพลง
ทั้งพี่หรั่ง, พี่รัดเกล้า, คิงส์
เดอะวอยซ์, ทาทา ยัง, นูโว” ส่วนอาหารขึ้นคานแค่ไหนดูได้จากรูป
ถ้าค่าโต๊ะละ ๓ ล้าน จำนวน ๒๐๐ กว่าโต๊ะ ได้เงินเหนาะๆ
เหยียบ ๗๐๐ ล้าน เอาไปใช้โครงการแก้จนละก็ คงจะน่าชื่นชมอยู่
แต่ทว่าเงินส่วนนี้เข้าพลังประชารัฐไว้ทำกิจกรรมการเมืองล้วนๆ แต่ที่แจกคนจนโน่น
งบประมาณจากคลัง
อย่างรายการแจกล่าสุด ‘ลดแว้ท ๕ เปอร์เซ็นต์’
อ้างว่าเป็นมาตรการ ‘ส่งเสริม อีเพย์เม้นต์’
ช่วงตรุษจีนที่ใครๆ พูดถึงว่า “ประยุทธ์แจกอั่งเปา”
แต่งานนี้กระทรวงการคลังรับเอาไปทำ ด้วยการเอาเงินภาษีอากรมาใช้ “คืนภาษีให้ประชาชน”
สาบานได้ ไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนทำได้ซับซ้อนอย่าง คสช. นั่นก็คือ
ใครที่ซื้อสินค้าในช่วงตรุษจีนด้วยบัตรเดบิท ‘อี เพย์เม้นต์’ ในวงเงินไม่เกิน ๒ หมื่นบาท จะได้รับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน ๑ พันบาท
ผ่านทางระบบ ‘พร้อมเพย์’ ที่ผูกไว้กับบัตรประชาชนภายใน
๑๕ วันหลังการซื้อสินค้า
เงินที่คลังจ่ายคืนทั้งหมดนี้คาดว่าประมาณ ๙ พันล้านบาท นายอภิศักดิ์
ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ยืนยัน “ไม่ใช่การหาเสียงและไม่เกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง”
ต้องเชื่อเขาสิ