วันพฤหัสบดี, มีนาคม 22, 2561

กระบวนการดักดานไม่เอาเลือกตั้ง โหม "ทำลายล้างกันโดยเอา ‘เจ้า’ มาเป็นข้ออ้าง"

บทบรรณาธิการ ประชาไทอิงลิช เมื่อวาน (๒๑ มีนา) เอ่ยถึงบรรยากาศทางการเมืองในกระแสเลือกตั้ง ที่หวังกันว่า คสช.จะรักษาคำพูด (เสียที) ว่าจะจัดให้มีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ นั้น

มีข้อคำนึงอย่างหนักสองเรื่องหลัก คือ ๑.ยังไม่มีอะไรแน่นอนว่าการเลือกตั้งที่หวังกันนั้นจะมาแน่ๆ และ ๒.ยังมีคนถูกดำเนินคดีจากการเรียกร้องให้มีเลือกตั้งอยู่

โดยกรณีข้อ ๒. ประชาไทอ้างถึงการดำเนินคดีต่อกลุ่มผู้เรียกร้องเลือกตั้งที่พัทยาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แต่ล่าสุด ๒๐ มีนา อัยการทหารผู้ช่วย มทบ.๓๓ ภูพิงค์ ได้แจ้งความกล่าวโทษกลุ่มคนเชียงใหม่อยากเลือกตั้ง ๖ ราย 

“ข้อหาขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๓/๒๕๕๘ ชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป” (https://prachatai.com/journal/2018/02/75534)

ส่วนข้อ ๑. นั่นดูจากคำให้สัมภาษณ์ของอดีต กกต. คนดังที่เพิ่งโดน คสช. เด้งจากตำแหน่งด้วย ม.๔๔ ว่าอย่างดี “ต้องทดเวลาเพิ่มอีกสองเดือน เผื่อให้ศาลวินิจฉัยประมาณเดือนครึ่งและนำกลับมาแก้อีกครึ่งเดือน

จึงต้องนับเวลาใหม่ จึงเป็นจากประมาณ ๑๑ เดือนก็เป็น ๑๓ เดือน แปลว่าจะได้เลือกตั้ง เม.ย. ๒๕๖๒ แต่ถ้าเกิดศาลวินิจฉัยแล้วถึงขั้นให้ร่างกฎหมายลูกตกไปก็จะช้าเพิ่มไปอย่างน้อย ๖ เดือน

อย่างร้าย “คิดว่าเลือกตั้งกุมภาพันธ์ปีหน้าจะเกิดขึ้นจริงๆ หรือไม่...ตรงนี้ผมไม่ทายแล้วกัน เพราะมันมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายปัจจัยที่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคตข้างหน้า”


ข้อสรุปของประชาไทอิงลิชชี้ว่าสองพรรคการเมืองใหญ่ (ประชาธิปัตย์และเพื่อไทย) จำเป็นต้องร่วมมือกันต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ แม้นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (๒๕๖๐) เป็นเรื่องยากยิ่งเมื่อใน รธน.เต็มไปด้วยปราการปิดกั้น และทั้งสองพรรคต่างประกาศว่าไม่มีทางร่วมกันได้ (ปชป.หนักแน่นกว่าเพื่อไทย)
 
โดยประชาไทเสนอให้นักการเมือง (ที่ไม่ใช่เคยเป็นทหาร หรืออยากเป็นลูกไล่ทหารต่อไป) คุยกันในประเด็นที่จะเป็นความอยู่รอดของอนาคตการเมืองในครรลองประชาธิปไตย ได้แก่ระบบสวัสดิการแห่งรัฐ เศรษฐกิจดิจิทัล และการปฏิรูปกองทัพ


เช่นที่มีพรรคเล็กๆ น้อยๆ พรรคย่อยเสนอกันไว้แล้ว ดัง ปิยบุตร แสงกนกกุล แห่งพรรคอนาคตใหม่เสนอ ๖ ข้อเพื่อขจัด แอก แห่งกฎหมายที่ใช้ครอบงำทางการเมืองอีกอย่างน้อย ๒๐ ปีของ คสช. หรือที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวศ เสนอปฎิรูปกองทัพ ย้ายกองทหารออกจากรุงเทพฯ ให้หมด เหลือไว้แต่ทหารรักษาพระองค์


ทว่าอนิจจาแนวคิดก้าวหน้าเพื่อการปฏิรูปองคาพยพในประเทศให้เป็นประชาธิปไตย ถูกคัดง้างอย่างหักโหมโดยกระบวนลูกไล่ คสช. และพวกนิยมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รุมโจมตีพรรคอนาคตใหม่อย่างเมามัน ว่าเป็นขบวนการล้มเจ้า

รายแรกที่ต้องเอ่ยถึงเป็นเจ้าเก่า พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ กล่าวหาพรรคอนาคตใหม่ว่าเป็น
 
“ที่ต้องการละเมิดสิทธิส่วนพระองค์อย่างเสรี ด้วยการอ้างเหตุแห่งความคิดต่างตามเสรีประชาธิปไตย...เพื่อต่อยอดและขยายผลสู่การล้มล้างราชบัลลังก์ในภายภาคหน้า” ล้วนแล้วแต่เป็นถ้อยคำจาบจ้วงล่วงเกินโดยไม่มีหลักฐานข้อเท็จจริงสนับสนุน

อีกคน เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ อดีตผู้สื่อข่าวด้านความมั่นคงของ นสพ.บางกอกโพสต์ และอดีต บก.ข่าวการเมืองไทยพีบีเอส เขียนเฟชบุ๊คกล่าวหาทั้งปิยบุตร แสงกนกกุล และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่วิจารณ์กฎหมายมาตรา ๑๑๒ ถูกใช้กลั่นแกล้งผู้เห็นต่างทางการเมือง ว่าเป็นการบิดเบือนสร้างความเข้าใจผิด

เสริมสุขคนนี้ที่เคยเขียนข่าวในบางกอกโพสต์ว่ารันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิสร้างใหม่ๆ ไม่ทันไรเกิดรอยแตกร้าว มาคราวนี้เขาโยงสองแกนนำพรรคอนาคตใหม่ว่าสนับสนุนพวกที่จาบจ้วงสถาบันในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

รายที่สามนี่หนักกว่าเพื่อน ขู่ฆ่าบนหน้าโซเชียลกันเลยทีเดียว พ.ต.อ.ภาคภูมิ สุนทรศร อดีตรองผู้บังคับการข่าวกรองยาเสพติด โพสต์เฟชบุ๊ค ว่าร้ายสองแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ว่า

“มึงพูดเจาะจงว่า ม ๑๑๒ เป็นอุปสรรคต่อระบอบประชาธิปไตย ถ้าพวกมึงจะเอาเรื่องนี้เป็นตัวชู เหตุผลพวกมึงเพียงต้องการวิจารณ์ถากถางสถาบันได้อิสสระโดยไม่มีความผิด...

ชีวิตกูฆ่าคนเหี้ยๆมาเยอะจนจำจำนวนไม่ได้ แล้วกับพวกมึงมันง่ายมากสำหรับกู กูถือว่ามึงชั่วกว่าโจรผู้ร้าย นักค้ายา...เสียดายที่มึงเสือกมาเกิดในประเทศไทย บรรพบุรุษของมึงทำประโยชน์อะไรให้ชาติบ้างมั้ย...”


มิใยที่ สุณัย ผาสุก แห่งฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ จะเตือนว่า “ทางการไทยไม่ควรเพิกเฉยต่อกรณีอดีตนายตำรวจขู่ฆ่าธนาธรและปิยบุตร ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงการยุยงสร้างความเกลียดชังด้วยข้อกล่าวหา ล้มเจ้าผ่านสื่อและโซเชียลมีเดียที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ #อย่าให้ซ้ำรอยหกตุลา #อนาคตใหม่

มิใยที่ นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ สื่อมวลชนอาวุโสฝ่ายประชาธิปไตย จะต้องปรารภด้วยความละเหี่ยใจว่า “ได้เวลาหยุดอ่านไลน์กลุ่ม ศิษย์เก่าอีกรอบ เพราะเริ่มมีการแชร์ข้อความ/รูปทำนองว่าคนรุ่นใหม่ล้มเจ้า ล้มศาสนา ไม่รักชาติ (ล้มชาติ) กันอีกแล้ว”

นิธินันท์บ่น “มันมากเกินกว่า ความคิดต่างแต่มันเข้าข่าย ไม่มีความสมเหตุสมผล’ ‘น่าเศร้าใจกับความเป็นบัณฑิตจนไม่สามารถร่วมวงสนทนา ต้องกลับไปสู่โหมด แปลกแยกดังเดิม”

ไฉนพอมีแสงรำไรในการเลือกตั้ง บรรยากาศการเมืองแบ่งแยกแตกขั้วทำท่าจะกลับมาอีก ทั้งที่นายทุนสามานย์อันตรธานไปแล้ว พวกที่โดนข้อหาล้มเจ้าก็ไปอยู่ต่างประเทศ (สุขสบายกันดีเสียด้วย)

คงเหลือแต่รัฐประหารสามานย์ที่กำลังเป็นจ้าวหัวใจของทุกคนที่ไม่ใช่ลิ่วล้อและลูกไล่พวกเขา ยังจะทำลายล้างกันโดยเอา เจ้ามาเป็นข้ออ้างอีกละหรือ ฤๅนี่เป็นกระบวนการดักดาน ไม่เอาเลือกตั้ง