เนื้อหาล้วนๆ ที่ http://prachatai.org/journal/2015/01/57475
“ความเป็นมืออาชีพ” ของสาวอาบอบนวด
“ความเป็นมืออาชีพ” ของสาวอาบอบนวด
ผลงานข่าวเจาะเยาวชน ที่จะโต้มายาคติที่ว่า
อาชีพหมอนวดเป็นงานง่าย สบายๆ ไร้ทักษะ แท้จริงแล้วพวกเธอต้องฝึกฝน
ดูแลตัวเอง เพื่อเป็นผู้ให้บริการทางเพศที่เรียกได้ว่าเป็น "มืออาชีพ"
สตีเว่น ดี เลวิทท์ กับ สุธีร์ เวนตาเตชได้เขียนไว้ในหนังสือ มองโลก อย่างฉลาดด้วยเศรษฐศาสตร์ โคตรพิลึก ว่าการค้าประเวณีเป็นตลาดแรงงานประเภทหนึ่งที่ผู้หญิงกุมอำนาจมาโดยตลอดกาล
กุมอำนาจที่นี้ คือ แรงงานโสเภณี
สามารถเป็นแรงงานที่มีอำนาจในการต่อรองค่าตอบแทน
และโดดเด่นในการทำงานมากกว่าผู้หญิงในอาชีพอื่นๆ เช่น ในภาคธุรกิจการเงิน
ที่สัดส่วนของผู้บริหาร มีผู้หญิงอยู่จำนวนน้อยกว่าชายมาก
สัดส่วนของผู้หญิงที่ได้รับค่าตอบแทนสูงสุด ก็มีน้อยกว่าชายหลายเท่าตัว
สำหรับ
ในประเทศไทย ในงานวิจัยของ ดารารัตน์ เมตตาริกานนท์
ได้เสนอไว้ในงานวิจัยเรื่อง โสเภณีกับนโยบายของรัฐบาลไทย พ.ศ. 2411 – 2503
ว่า มีหลักฐานว่า อาชีพโสเภณีถูกกล่าวถึงครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อพุทธศักราช 1904 หรือสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่หนึ่ง
ซึ่งโสเภณีถูกกล่าวถึงในกฎหมายลักษณะผัวเมีย นั่นแปลว่าประเทศไทยนั้นมีโสเภณีมาไม่ต่ำกว่า 653 ปี
ส่วนประเทศไทยในปัจจุบัน การให้บริการทางเพศที่ดูจะเป็นที่นิยม และเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูที่สุด คือ อาบ อบ นวด
อย่างไรก็ตาม ตามความหมายของ สถานอาบอบนวด ในพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่
4) พุทธศักราช 2546 ออกเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พุทธศักราช 2546 คือ
สถานให้บริการนวด นวดแผนไทย ฯลฯ ที่มิได้รวมการขายบริการเข้าไปด้วย
ส่วนการขายบริการทางเพศ หรือ การค้าประเวณีนั้น ผิดกฎหมายตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 และต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แม้อาชีพโสเภณีจะเรียกได้ว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก และสังคมไทยอาชีพโสเภณีเป็นอาชีพที่ยังไม่ถูกยอมรับ และถูกมองอย่างดูถูกว่าเป็นเพียงการ "แบปี๊ขาย" เป็นงานสบาย ไม่ต้องใช้สมอง
ไม่ต้องใช้ทักษะหรือความรู้ใดๆ และเป็นอาชีพที่สกปรก
เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากมาย
ในปัจจุบัน การขายบริการมีความสลับซับซ้อนและมีหลากหลายรูปแบบ
เพื่อที่จะเข้าใจอาชีพโสเภณีมากขึ้นว่าพวกเธอถูกมองเป็นอย่างภาพเหมารวมเช่นนั้นจริงๆ หรือจริงๆ
แล้วอาชีพขายบริการทางเพศต้องใช้ทักษะ ความรู้ และความเชี่ยวชาญ
มีเส้นทางของอาชีพเฉกเช่นวิชาชีพอื่นๆ อย่าง หมอ ครู นักข่าว วิศวกร
นอกจากสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ และค้นคว้าจากงานวิจัยต่างๆ แล้ว
ผู้เขียนได้ไปสัมภาษณ์หญิงบริการสี่คนคือ
โป๊ยเซียน อายุ 40 ปี
เธอมีพี่น้องสองคน เข้าสู่วงการอาบอบนวดเพราะเป็นอาชีพที่มีรายได้มาก
ก่อนเป็นหมอนวดเธอเป็นนักร้องคาเฟ่มาก่อน แต่ก็เปลี่ยนมาขายบริการในที่สุด
เพราะเล็งเห็นว่าอาชีพขายบริการทำรายได้มากกว่าอาชีพนักร้องคาเฟ่ อีกทั้งเธอยังต้องเลี้ยงดูลูกอีกหนึ่งคนด้วย
เข็ม อายุ 37 ปี
ประกอบอาชีพผู้ช่วยพยาบาลมาก่อน
เธอมีลูกกับสามีเก่าสองคนหลังแยกทางกับสามี เธอก็เข้าสู่วงการอาบอบนวดเพื่อให้มีรายได้ที่เพียงพอกับการเลี้ยงดูตัวเองและส่งเสียให้ลูก
พิกุล อายุ 38 ปี
เคยทำอาชีพค้าขายมาก่อนและค่อนข้างมีฐานะดี
หากแต่วิกฤติกับธุรกิจเมื่อเกือบ 10 ปีก่อนเธอจึงต้องเลิกทำธุรกิจ
เลิกรากับสามี และเลี้ยงดูลูกทั้งสองคนโดยลำพัง
เธอหันไปทำงานเป็นสาวคาราโอเกะที่เชียงใหม่แต่เนื่องจากรายได้น้อยไม่พอเลี้ยงดูลูก จากคำแนะนำของเพื่อนเธอจึงเข้าสู่วงการอาบอบนวด
ฟ้า อายุ 38 ปี
เธอมีครอบครัวกับสามีคนเก่าและมีลูกด้วยกันสองคน ปัจจุบันลูกของเธอกำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นอุดมศึกษา เธอบอกว่าเธอเป็นคนหัวดี
คิดเลขเก่ง จึงได้งานเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าที่ห้างดัง
แต่ด้วยความที่รายได้ที่ได้ก็ยังไม่พอกับภาระรายจ่ายที่เธอต้องเลี้ยงดูพ่อแม่น้องสาวและลูกของเธอ เธอจึงเข้าสู่วงการอาบอบนวด
พวกเธอทั้ง 4 คน ทำงานในสถานอาบอบนวดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก
ซึ่งเป็นสถานบริการขนาด 22 ห้อง และมีหญิงบริการ 30-40 คนต่อเดือน
ถือเป็นสถานบริการระดับค่อนข้างหรูในจังหวัด
ขายบริการ = งานง่ายๆ ไร้ทักษะ?
ที่คนส่วนใหญ่มองว่า อาชีพขายบริการทางเพศเป็นอาชีพที่สบาย และไม่ต้องใช้สมอง
ก็เพราะมองว่า
การขายบริการเป็นเพียงแค่การมีเพศสัมพันธ์กับแขกที่มาใช้บริการ
ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะความเชี่ยวชาญใดๆ
จริงอยู่ว่า ผู้ทำอาชีพขายบริการไม่จำเป็นต้องเรียนจบปริญญาใดๆ
และไม่ยากที่หญิงคนหนึ่งจะเข้าสู่อาชีพนี้ แต่กว่าที่หญิงบริการคนหนึ่งจะทำงานจนเป็นมืออาชีพในอาชีพขายบริการทางเพศนี้ได้
ก็ต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์พอสมควร
ยิ่งในตลาดการขายบริการที่มีผู้ค้าบริการจำนวนมาก
ทักษะการให้บริการที่ทำให้แขกติดใจและกลับมาใช้บริการอีกจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทั้งยังมีทักษะในการเอาตัวรอดยามคับขัน เช่น
เมื่อเจอแขกที่ใช้ความรุนแรงหรือไม่ยอมใส่ถุงยางอนามัย
“ลองนึกภาพดูนะ เข้าห้อง ปิดห้อง อยู่กับชายที่ไม่รู้จักสองต่อสอง
ถ้าข้อตกลงระหว่างการซื้อไม่ลงเอยกัน
ชายผู้ที่มีกำลังเหนือกว่าย่อมทำร้ายเขาได้
แต่พวกเขาก็สามารถใช้ทักษะบวกประสบการณ์ที่เขาเจอเหตุการณ์นี้ปฏิเสธการถูกทำร้ายได้อย่างมืออาชีพ ให้คนธรรมดาอย่างเราไปทำคงจะเอาตัวรอดได้ยากเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้” ญาศศิภาส์ สุกใส
นักวิจัยอิสระ กล่าว
ญาศศิภาส์
มองว่า
อาชีพขายบริการก็เหมือนการประกอบธุรกิจส่วนตัวประเภทหนึ่ง
ซึ่งไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร
และผู้ที่มาประกอบอาชีพนี้ก็ไม่ใช่คนที่ยากจนหรือขาดการศึกษาเสมอไป
เธอเล่าว่า เธอเคยพบหญิงขายบริการที่มีดีกรีปริญญาโทเลยทีเดียว
ซึ่งเลือกมาทำอาชีพนี้เพราะรายได้ดี
เธอกล่าวว่า ทักษะของหญิงบริการเป็นสิ่งกำหนดราคาในการให้บริการในแต่ละครั้ง
ซึ่งหญิงบริการที่บริการได้ดีกว่า เอาอกเอาใจทำให้แขกพอใจได้มากกว่า
ก็ย่อมจะมีอำนาจในการต่อรองมากกว่า และทำรายได้ได้สูงกว่า
นี่คือสิ่งที่เหมือนกับการประกอบธุรกิจอื่นๆ
“เมื่อไม่มีความต้องการซื้อ ความต้องการขายก็จะไม่มี
ทั้งสองอย่างล้วนขึ้นอยู่กับผู้ชายว่าคุณสามารถที่จะซื้อบริการได้หรือเปล่า
ถ้าคุณต้องการบริการดี เอาอกเอาใจ
ได้รับแต่ความสุขและความประทับใจกลับบ้าน
คุณต้องยอมจ่ายราคาสูงให้กับหญิงบริการที่บริการดีกว่า”
การเอาอกเอาใจแขกจึงเป็นทักษะที่สำคัญยิ่งของอาชีพหญิงบริการ
เพื่อพิชิตใจแขกให้ประทับใจผลงานกลับมาใช้บริการอีกครั้ง หรือภาษาหมอนวด
เรียกว่า “ขึ้นซ้ำ” เป็นการเพิ่มจำนวนแขกจากลูกค้าทั่วไปเป็นลูกค้าประจำ
โป๊ยเซียน
กล่าวว่า เคล็ดลับในการเอาใจแขกของเธอคือ การสร้างจินตนาการให้แขกรู้สึกว่าเธอรู้ใจ เข้าใจ ใส่ใจแขก “พี่ไม่ได้ทำตัวเป็นแฟนแขก
แต่พี่เป็นกันเองกับแขก เราไม่ได้คิดลึกซึ้ง
พี่ต้องแสร้งจินตนาการจากการกระทำกับแขก เช่น พูดกับแขกว่า คิดถึงจังเลย
หายไปไหนมา กอด หอม บีบ นวด แขกมาเที่ยว พี่อยากให้แขกรู้สึกว่าพี่รู้ใจ
พี่เข้าใจ พี่ใส่ใจ”
หญิงบริการแต่ละคนก็มีความเห็นและมุมมองต่อการเอาใจ หรือ "ยอมให้"
กับแขกแตกต่างกันไป
หญิงบริการจำนวนหนึ่งยอมทำทุกอย่างตามที่แขกต้องการเพื่อให้แขกพอใจ
แต่หญิงบริการอีกจำนวนหนึ่งมองว่าการให้บริการนั้นมีลิมิต
และอนุญาตให้แขกทำได้แค่บางอย่างเท่านั้น
เข็มเล่าว่า เธอไม่มีข้อห้ามอะไรเวลาให้บริการกับแขก เพราะอยากให้แขกรู้สึกว่าเขาได้ใช้เงินอย่างคุ้มค่าในการมาใช้บริการกับเธอ
และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอมีแขกประจำมากมาย
“พี่ให้แขกได้ทุกอย่าง เพราะพี่คิดว่าแขกเขาจ่ายเงิน เขามาเที่ยว เขามาหาเรา
ห้ามเขาทำนู่นทำนี่ไม่ได้หรอก มันเป็นสิทธิของเขา ไหนๆ เราก็ทำอาชีพนี้แล้ว
ที่สำคัญแขกประจำพี่ให้เหตุผลกับพี่ว่า
เขาไม่อยากเปลี่ยนไปเป็นหมอนวดคนอื่น เพราะพี่บริการเอาอกเอาใจเขาเก่ง
แล้วอย่างนี้จะให้พี่เลิกเอาใจแขกก็คงไม่ได้”
ในขณะที่พิกุลกล่าวว่า ความเป็นกันเองและการปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
เป็นหัวใจสำคัญในการทำให้แขกติดใจเธอ
เธอจึงมักจะอาบน้ำและขึ้นเตียงกับแขกอย่างไม่รีบเร่ง
และนี่ยิ่งทำให้เธอเสร็จงานต่อรอบเร็วขึ้น
และเพิ่มรอบการให้บริการได้มากขึ้นอีกด้วย
“พี่ไม่เล็งไปที่มามาเอาเอาเสร็จแล้วไป
แต่พี่จะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เช่น แขกประจำของพี่ ชอบสนุกในอ่าง
พี่ก็จะปล่อยให้แขกจับ คลำ บีบ เค้น ร่างกายของพี่
แต่พี่ก็มีข้อจำกัดของพี่ด้วย การถามแขกพี่ว่าพอยัง พอแล้ว ไปเตียงกัน
พี่มองว่าการปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเป็นการแสดงความเป็นมืออาชีพของพี่
เพราะพี่คิดว่ายิ่งปล่อยไปตามธรรมชาติแขกยิ่งเสร็จเร็ว แทงสองครั้ง
สามครั้ง แล้วเสร็จโคตรดี เพื่อพี่จะได้ไปขึ้นรอบใหม่
เป็นการเพิ่มรอบเพิ่มรายได้ให้กับพี่ แต่มีบางทีแขกพี่เสร็จเร็วแล้วพี่เผอิญอยากได้ทิปเพิ่ม พี่ก็จะชวนแขกพี่นวดเพื่อให้แขกติดใจการบริการของพี่ และพี่ก็ได้ทิปด้วย”
ในขณะเดียวกันถึงแม้หญิงบริการบางกลุ่มมีมุมมองการเอาใจ หรือ “ยอมให้”
กับแขกนั้น พวกเธอกลับมองว่า การให้บริการย่อมต้องมีข้อจำกัด
ทั้งเพื่อความรู้สึกสบายใจของเธอเอง และเพราะเหตุผลว่าแขกที่มาใช้บริการไม่ใช่คู่รักของเธอ
พวกเธอก็จะไม่อนุญาตให้แขกกระทำกับเธอในลักษณะที่เหมือนเป็นการแสดงความรัก
และเหตุผลด้านสุขอนามัย
อย่างเช่นโป๊ยเซียน ที่แม้ให้ความสำคัญกับการสร้างจินตนาการให้แขกรู้สึกว่าเธอรู้ใจ เข้าใจ ใส่ใจแขก กล่าวว่าเธอไม่ยอมให้แขกจูบปาก
เพราะแขกมักมีกลิ่นปาก กลิ่นบุหรี่ที่เธอไม่ชอบ
และเธอจะขัดขืนอย่างถึงที่สุด หากแขกพยายามจะจูบปากเธอ
“พี่ห้ามแขกจูบปาก
ถ้าแขกจะจูบปากพี่ พี่จะถีบลูกเดียว เพราะพี่มองว่า
มันไม่ใช่สิ่งที่พี่ต้องปฏิบัติเพื่อตามใจแขก อีกอย่างจูบ
พี่รู้สึกขยะแขยงกลิ่นนู่นนี่นั่น เช่น กลิ่นบุหรี่ พี่รับไม่ได้”
พิกุล
เธอให้ความสำคัญกับการปล่อยไปแบบเป็นธรรมชาติ
แต่เธอนั้นมีข้อจำกัดสำคัญคือ การห้ามแขกจูบปาก
เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของความรัก และเห็นว่าไม่ใช่สิ่งที่หมอนวดต้องทำกับแขก
“พี่ห้ามแขกจูบปาก
เพราะมันเป็นการแสดงความรัก แปลว่าแอบมีจงมีใจให้แขก
และไม่ใช่ทักษะที่พี่ต้องแสดงผ่านอาชีพหมอนวด
เคยมีบ้างที่พี่พบเจอแขกขี้เล่น แขกหยอก อยากจูบปากพี่ แต่พี่เจรจาต่อรองกับแขกดีๆ เช่น พูดว่าอย่าเลยพี่ หนูไม่เอา
ส่วนของใบหน้าหนูห้ามยุ่ง กลับบ้านเถอะ หรือไม่ก็เปลี่ยนคน
มันเป็นกฎของหนู”
ฟ้ามองว่าการจูบปากเป็นการแสดงออกถึงความรักที่เธอไม่อยากนำมาใช้กับแขก
และเธอยังกังวลเรื่องความสะอาดในช่องปากของแขกอีกด้วย “พี่ห้ามแขกจูบปากพี่
พี่มองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงความรักสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับพี่ไม่จูบแขกและแฟนของพี่ แฟนที่ไม่จูบเพราะสามารถแสดงความรักต่อกันด้วยการกอด
เกาะแขน มองตา ใช้ความรู้สึกดีๆ กับแฟน ส่วนแขกพี่ไม่จูบเพราะกลิ่นปาก
แขกบางคนไม่สะอาด ถึงสะอาดยังไง ก็ไม่ให้จูบอยู่ดี ไม่ใช่คู่ผัวตัวเมียกัน”
การให้บริการแบบไหนที่แขกต้องการ
เนื่องจากมีสถานบริการจำนวนมาก
และมีผู้ประกอบอาชีพหญิงบริการอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน
ทั้งในสถานบริการที่ถูกกฎหมาย ทำอย่างอิสระ ฯลฯ
สถานบริการและผู้ทำอาชีพขายบริการจึงจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเพื่อดึงดูดลูกค้า
อินเทอร์เน็ตเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อาชีพนี้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
เว็บบอร์ดรีวิวอาบอบนวดเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมจากนักเที่ยวอย่างมาก
นอกจากที่เหล่าผู้ใช้บริการจะมา "รีวิว"
การให้บริการของหมอนวดและสถานบริการแล้ว
พื้นที่แห่งนี้ยังเป็นเหมือนสมาคมของผู้ชื่นชอบการไปอาบอบนวด
มาแลกเปลี่ยนข้อมูลและความเห็นกัน และแน่นอนว่าฝ่ายผู้ให้บริการเองก็สามารถมาอ่านความเห็นเหล่านี้เพื่อนำไปพัฒนาการบริการของตัวเองด้วยเช่นกัน
แม้หญิงบริการจะอยากได้แขกที่สะอาด และไม่รุ่มร่ามกับเธอนัก
แต่เธอก็ไม่สามารถเลือกแขกได้ตลอด เมื่อมองจากฝั่งแขก
เว็บบอร์ดเป็นพื้นที่ที่แขกใช้สะท้อนความต้องการและความเห็นต่อการบริการของ
พวกเขาได้เป็นอย่างดี ผ่านคะแนนของการรีวิวแต่ละครั้ง
หากสาวคนไหนได้คะแนนจากการรีวิวต่ำ ก็เป็นไปได้ว่าจะมีแขกไปใช้บริการน้อยลง หากแต่ถ้าหมอนวดคนไหนได้คะแนนสูง
ก็จะเกิดเป็นกระแสปากต่อปากทำให้มีแขกคนอื่นๆ
เข้าไปเรียกใช้บริการเป็นจำนวนมาก
เว็บบอร์ดเหล่านี้จึงมีความสำคัญต่อธุรกิจอาบอบนวดอย่างยิ่ง
“ส่งการบ้าน” คือ แสลงของเว็บบอร์ดอาบอบนวด
ซึ่งหมายถึงการมาเขียนรีวิวหลังใช้บริการถึงความพอใจ ว่าการใช้บริการครั้งนี้นั้น “เงินหล่น” ซึ่งหมายถึงการบริการครั้งนี้ไม่มีคุณภาพ รู้สึกผิดหวังกับการบริการของผู้ให้บริการ
ไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป จึงเปรียบได้ว่าทำเงินหล่นหายไป และ “เงินทอน”
ซึ่งหมายถึงการบริการที่ดีมากจนแขกประทับใจ ทั้งยังมีการบริการที่เรียกว่า
“กรุ๊งกริ๊ง” ซึ่งหมายถึงได้รับการบริการต่ำกว่าคาดหวัง แต่ไม่ถึงกับ
“เงินหล่น”
ในการรีวิวแต่ละครั้ง
ผู้รีวิวจะเล่าประสบการณ์ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าไปในสถานให้บริการจนถึงเสร็จกิจ การรีวิวมักจะเน้นไปที่รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ
ขนาดหน้าอกของสาวผู้ให้บริการ ไปจนถึงสีสันของอวัยวะเพศ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องลีลาในการให้บริการ การเอาใจใส่ในการบริการ
และแน่นอนจำนวนเงินที่จ่ายไป พร้อมให้ความเห็นว่าพอใจหรือไม่
และจะกลับไปใช้บริการกับสาวคนนี้อีกหรือไม่
ในทุกเว็บบอร์ดยังมีการให้คะแนนกับการใช้บริการแต่ละครั้ง
โดยแบ่งเป็นประเภทความพึงพอใจดังต่อไปนี้ : “GF” , “เนื้อตัว” , “หน้าตา”
และ “การบริการ”
GF ย่อมากจาก Girlfriend Factor คือ ความรู้สึกพึงพอใจและมีความสุขเหมือนได้อยู่กับแฟน
โดย
ในเว็บบอร์ด “สังคมราตรีของคนเชียงใหม่” ได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า
“คือความรู้สึกพอใจและมีความสุขเหมือนได้อยู่กับแฟนนะครับ
ส่วนมากจะหมายถึงการที่น้องมีมนุษยสัมพันธ์ดี หยอกล้อ
เป็นกันเอง ทำให้ไม่เกร็งไม่เหมือนอยู่กับคนแปลกหน้านะครับ เป็นความสามารถเฉพาะบุคคลของหมอนวดนะครับ” และ เป็นการให้คะแนนโดยดูจาก
“การเอาอกเอาใจใส่แขก มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
คะแนนในส่วนนี้ถ้าอยู่ในเรทที่สูงมากๆ คุณคาดหวังไว้ได้เลยว่า
น้องเค้าจะดูแลคุณได้เหมือนว่าคุณอยู่กับแฟน ยังไงอย่างนั้นครับ”
ในส่วนของรูปร่างหน้าตาภายนอกของหญิงผู้ให้บริการ
ดูจะมีความสำคัญถึงครึ่งหนึ่งของความพึงพอใจในการใช้บริการเลยทีเดียว
เห็นได้จากเป็นสองในสี่ข้อของการให้คะแนน
โดยหญิงบริการที่มีผิวขาวเนียนมักได้คะแนนมากกว่า
ขนาดของหน้าอกและสีของปทุมถันก็เป็นอย่างหนึ่งที่เหล่าชายนักเที่ยวต่างให้ความสำคัญ
ดังจะเห็นได้จากศัพท์ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อบรรยายลักษณะของหน้าอก เช่น “หลอดไฟ” “ไฟหน้า” “ซีนอน” เป็นต้น นอกจากหน้าอกแล้ว
อวัยวะเพศก็ยังเป็นส่วนที่ถูกประเมินอย่างมาก เช่น มีสีขาวชมพูหรือไม่
และเรียบเนียน หรือมีขนปกคลุม
คะแนนด้าน “การบริการ”
มักให้ตามความทุ่มเทของหญิงบริการที่ทำเพื่อให้แขกพึงพอใจในด้านกามรมณ์
ซึ่งมาจากการให้ร่วมเพศหลายครั้ง การบริการโดยใช้ลิ้นและปาก
โดยที่ถ้าหากหญิงบริการยอมอมอวัยวะเพศของแขกโดยไม่ใส่ถุงยางอนามัย
หรือที่เรียกว่า “อมสด” ก็จะได้คะแนนมากกว่า หรือไปในขั้นที่สูงกว่า เช่น
การให้ร่วมเพศทางทวารหนัก ซึ่งถูกเรียกในหมู่ชายนักเที่ยวว่า “อ๊อฟโรด”
และยังมีการให้บริการโดยใช้ปากใต้น้ำให้แขกในอ่างอาบน้ำ หรือ “ดำน้ำ”
ที่ซึ่งถูกมองว่าเป็นการบริการที่ยาก และต้องใช้ความ “อึด”
ของหญิงบริการเป็นอย่างมาก
ตัวอย่างการ “ส่งการบ้าน” ของแขกสามคน หลังจากไปใช้บริการที่อาบ อบ นวด สามแห่งในกรุงเทพมหานคร ในเว็บบอร์ด Top 10 Thai Night
แขกคนที่หนึ่งให้คะแนนหมอนวด ดังนี้
“บริการ 10
GF 10
หน้าตา 8
เนื้อตัว 7 (ไม่ขาวไม่เนียน)”
แขกคนนี้ระบุว่า ชอบการให้บริการของหมอนวดคนนี้ เพราะเต็มที่กับการบริการมาก
ยอมให้แขกมีเพศสัมพันธ์หลายครั้ง และไม่ถือตัวเรื่องความสะอาด
เพราะยอมใช้ปากดูดอวัยวะเพศแขกตั้งแต่ยังไม่ได้อาบน้ำ แขกยังกล่าวอีกว่า
หมอนวดคนนี้บริการแขกแบบทุ่มเทและไม่ถือตัว “เหมือนแฟน”
ทำให้แขกประทับใจและอยากมาใช้บริการในครั้งต่อไป แต่แขกก็ติดว่าหน้าอกเล็กของหมอนวดเล็กไปหน่อย และผิวพรรณไม่ขาวเนียน
แขกคนที่สองเล่าว่า เขาชื่นชอบความสวยของหมอนวดเพราะหมอนวด “ขาว บาง
คล้ายลูกคุณหนู” ทั้งยังพูดคุยเป็นกันเอง อวัยวะเพศสวย
อีกทั้งชื่นชอบเสียงครางและการตอบสนองของร่างกายที่แขกคนนี้บอกว่า
มั่นใจว่าการตอบสนองดังกล่าวของหมอนวดคนนี้เป็นไปตามธรรมชาติ
ที่เกิดจากการมีอารมณ์ร่วมจริงๆ
ไม่ใช่การแสร้งทำทั้งยังมีช่องคลอดที่แน่นทำให้เขารู้สึกเหมือนได้ร่วมเพศกับสาวแรกรุ่นอีกด้วย
แขกคนที่สามชื่นชอบความสวยของสาวที่ให้บริการ เพราะเธอมีหน้าท้องแบนสวย
หัวนมสีชมพูและไม่แข็ง ทั้งยังมีรูปร่างที่ดีมาก
ทำให้แขกเกิดอารมณ์ทางเพศมากขึ้น แขกยังชื่นชมอีกว่าเธอเป็นคนที่ยอมให้แขกสัมผัสและเลียได้ทั่วร่างกายโดยไม่มีบ่น
จากตัวอย่างทั้งสามข้างต้น จะเห็นได้ว่าการดูแลรูปร่างและหน้าตา
การทำให้ผิวพรรณเรียบเนียนเป็นสิ่งสำคัญในอาชีพหญิงบริการ
หากสาวใดปล่อยตัวอาจทำให้แขกหดหายไปง่ายๆ นอกจากนี้
การตอบสนองต่อแขกให้เห็นว่ามีอารมณ์ร่วมเป็นสิ่งสำคัญมาก
ที่ต้องทำให้แขกรู้สึกว่าเธอนั้นมีความรู้สึกเสียวซ่านไปพร้อมกับแขกจริงๆ
อย่างไรก็ตามจากการสัมภาษณ์หญิงบริการ ต่างก็ตอบตรงกันว่า
การเสแสร้งแสดงความรู้สึก เช่น การแสร้งว่ามีอารมณ์ร่วมกับแขก
เป็นสิ่งที่จำเป็นและแสดงความเป็นมืออาชีพของเธอ
ฟ้ามองว่า การแสร้งความรู้สึกร่วมระหว่างมีการสอดใส่เป็นสิ่งจำเป็น
เพราะจะทำให้แขกประทับใจ กลับมาใช้บริการกับเธออีกครั้ง
“พี่ต้องแสร้งอยู่แล้ว ว่าพี่มีอารมณ์ร่วมกับแขก ไม่ใช่แขกเข้าไปถึง
นอนกระดึ๊บๆ ให้แขกเอาลูกเดียว"
ขณะเดียวกัน โป๊ยเซียนมีการมองประเด็นที่แตกต่างจากฟ้า คือเธอมองการกระทำของเธอที่มีต่อแขกเป็นการแสร้งการจินตนาการ
ให้แขกรู้สึกว่าเธอรู้ใจ เข้าใจ ใส่ใจแขก “พี่ไม่คิดว่าเป็นแฟน
แต่พี่เป็นกันเองกับแขก เราไม่ได้คิดลึกซึ้ง
พี่ต้องแสร้งจินตนาการจากการกระทำกับแขก”
การทุ่มเทตามใจแขกก็เป็นสิ่งที่สำคัญ จะเห็นได้ว่าหญิงใดที่ยิ่งทุ่มเท
ไม่ห่วงเรื่องสุขอนามัย เช่นการ “อมสด” ก็จะยิ่งได้คะแนนสูง
เพราะทำให้แขกมีอารมณ์ร่วมได้มากกว่าตอนที่ใส่ถุงยางอนามัย
อย่างไรก็ตาม อาชีพบริการทางเพศนั้นเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูง
ไม่ใช่แค่จากการร่วมเพศทางช่องคลอดโดยไม่สวมถุงยางอนามัย
แต่ยังรวมถึงการกลืนกิน หรือการมีเพศสัมพันธ์ทางปากอีกด้วย
การ “ทุ่มเท”
ในการให้บริการกับแขกจึงมีขีดจำกัด เป็นกฎเหล็กของสาวเหล่านี้
ที่จะทำให้ตัวเองห่างไกลจากโรค และประกอบอาชีพหญิงบริการต่อไปได้อีกยาวนาน
การป้องกันตัวเองจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของหญิงบริการ
ทุกอาชีพย่อมมีความเสี่ยงและปัญหาสุขภาพ อาชีพหมอนวดก็เช่นกัน
พวกเธอนั้นมีความเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากเป็นพิเศษ
จึงต้องมีการรักษาตัวเองให้ปลอดภัยเพื่อให้มีกำลังแรงและกำลังใจในการทำอาชีพหมอนวดไปได้ยาวนาน
เพื่อสะสมเงินได้ก้อนใหญ่สำหรับเลี้ยงตัวเมื่ออายุมาก
และดูแลร่างกายของหมอนวดไม่ทรุดโทรม สามารถทำงานได้ไม่เป็นภาระของครอบครัว
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted disease : STD)
หรือคนไทยมักเรียกว่า กามโรค โรคบุรุษ หรือโรคผู้หญิง คือ
โรคติดเชื้อที่เกิดจากการสัมผัสทางเพศ
เชื้อโรคจะติดต่อจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งโดยผ่านทางเลือด น้ำอสุจิ
โรคเหล่านี้พบมากในผู้ที่มีคู่นอนหลายคน
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันมักมีความเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบมากในประเทศไทย ได้แก่
1. โรคหนองในแท้-เทียม อาการของโรคที่จะแสดงเห็นชัดเมื่อได้รับเชื้อสองชนิดนี้คือ จะมีตกขาวผิดปกติ
ปัสสาวะขัด มีไข้ เจ็บท้อง และมีเลือดออกเมื่อมีการร่วมเพศ
โดยการติดต่อของโรคหนองในแท้-เทียม จะเกิดจากการร่วมเพศทางปาก ช่องคลอด
และทวาร ยิ่งคู่นอนมากโอกาสได้รับเชื้อก็มากตาม
2. ซิฟิลิส
อาการของโรคนั้นขึ้นอยู่กับระยะของโรค
แต่ที่จะสังเกตเห็นอาการได้ชัดเจนในระยะแรกคือ
จะมีรอยแผลริมแข็งถลอกแผลเดียวบริเวณทวารหนัก ช่องคลอด และริมฝีปาก
สำหรับซิฟิลิสนั้นมีการติดต่อเชื้อจากการร่วมเพศ
การสัมผัสแผลที่มีเชื้อผ่านผิวหนัง เยื่อบุตา ปาก และจากแม่สู่ลูก
3. เชื้อ
'เอชพีวี' เป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง
โดยอาการที่พบจะมีตกขาวมากกว่าปกติและมีกลิ่นเหม็น ประจำเดือนมาผิดปกติ
มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ แสบร้อน คันบริเวณที่มีการติดเชื้อ
โดยเชื้อเอชพีวีจะมีการติดต่อเชื้อจากการร่วมเพศของผู้หญิงและผู้ชายที่มีการติดเชื้อเอชพีวีได้ทุกทาง ทั้งปาก
ช่องคลอด ทวารหนัก หรือแม้แต่การคลอดทารกจากแม่สู่ลูก
4. เชื้อ
'เอชไอวี' ซึ่งทำให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง สามารถติดต่อได้ทางเลือด อสุจิ
สารคัดหลั่งในช่องคลอด หรือน้ำนม
ซึ่งมาจากการร่วมเพศโดยไม่สวมถุงยางอนามัย
ใช้เข็มฉีดยาปนเปื้อนเชื้อเอชไอวี
รับเลือดที่ปนเปื้อนเชื้อเอชไอวี และจากแม่สู่ลูกทางน้ำนม
การลดความเสี่ยงโรคเหล่านี้คือ การงดมีเพศสัมพันธ์ หรือมีคู่นอนน้อยคน และสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
อย่างไรก็ตาม ด้วยอาชีพขายบริการ การป้องกันตัวจากโรคติดต่อที่เป็นไปได้คือ การสวมถุงยางอนามัยนั่นเอง
สุภาพ
แกล้วกล้า พยาบาลวิชาชีพชำนาญการประจำสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก
กล่าวถึงวิธีป้องกันของหมอนวดจากโรคติดต่อที่สำคัญที่สุด
“จะให้งดมีเพศสัมพันธ์ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะด้วยอาชีพของพวกเธอ
ด้วยพลังของฮอร์โมนความต้องการทางเพศสูงของผู้ชาย
จึงควรใช้วิธีการสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งขณะมีการร่วมเพศ
มีการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหาร ผัก ผลไม้ที่มีประโยชน์
และออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ”
สุภาพยังเล่าว่า สำนักงานกระทรวงสาธารณสุขประจำจังหวัดพิษณุโลก
ได้มีการดำเนินโครงการรับงบประมาณสนับสนุนจากต่างประเทศ
โดยมีสำนักระบาดวิทยาเป็นผู้ประสานโครงการรับงบประมาณจากต่างประเทศมาพัฒนา
เป็นโครงการในเครือข่าย 32 จังหวัดของประเทศ
จังหวัดพิษณุโลกเป็นกลุ่มเป้าหมายหนึ่งที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการจากสำนักระบาดวิทยา โดยมีสำนักกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการโครงการในเครือ 32
จังหวัด
ด้วยการลงภาคสนามให้ความรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ให้กับหญิงบริการทางเพศ พร้อมแจกถุงยางอนามัยในกระบวนการขั้นแรกของโครงการ
ซึ่งการให้ความรู้และแจกถุงยางอนามัยนี้จะทำทุกๆ หกเดือนต่อปี
ตลอดจนมีการตรวจเพื่อรักษาหญิงบริการ สำหรับหญิงบริการคนไหนที่ตรวจพบว่า
อาจเข้าข่ายติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ข้างต้นก็จะมีการรักษาหญิงบริการคนนั้นทันที ทั้งนี้การตรวจเพื่อรักษาและการตรวจเพื่อป้องกันล้วนใช้วิธีการตรวจเดียวกัน คือ วิธีการเจาะเลือดเพื่อตรวจเชื้อเอชไอวี
โรคซิฟิลิส และตรวจปัสสาวะเพื่อคัดกรองการติดเชื้อหนองในแท้และหนองในเทียม
ซึ่งเป็นกระบวนการขั้นที่สองของโครงการ
โดยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการตามโครงการเฉลี่ยรายคนอยู่ที่ 2,000 บาท
แต่หญิงบริการที่เข้าร่วมโครงการเครือข่าย 32 จังหวัดนี้
สามารถมารับบริการได้ฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
บางปีที่งบประมาณจากสำนักระบาดวิทยาไม่เพียงพอต่อการให้บริการการรักษาและป้องกัน
ก็จะมีการปรับเปลี่ยนการลงภาคสนามของสำนักงานสาธารณสุขประจำจังหวัดเหลือเพียงหนึ่งครั้งต่อปี
“ค่าใช้จ่ายในการตรวจเพื่อรักษาและป้องกันหญิงบริการจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ค่อนข้างสูง
จึงควรมีวิธีการป้องกันการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ให้กับหญิงบริการทางเพศมากกว่าการตรวจรักษาด้วยการจ้างห้องชันสูตร
เปลี่ยนมาเป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้จ่ายมาก คือ
การแจกถุงยางอนามัยและให้ความรู้เพียงอย่างเดียว
เนื่องจากต้นทุนการผลิตถุงยางอนามัยเมื่อเทียบกับการรักษาจากการจ้างห้องชันสูตรตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะน้อยกว่ามาก
เพราะต้นทุนจริงของการผลิตถุงยางอนามัยเพียงแค่หนึ่งบาท
อีกทั้งความรู้ในการเผยแพร่หญิงบริการไม่ต้องจ้างวิทยากรคนไหน
เพราะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง”
พยาบาลวิชาชีพชำนาญการประจำสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดพิษณุโลก กล่าว
โป๊ยเซียนกล่าวว่า ด้วยทักษะการตามใจแขกทำให้เธอสามารถสร้างรายได้จากอาชีพหมอนวดเป็นกอบเป็นกำ แต่เธอก็จะไม่มีวันตามใจแขกในการไม่ใส่ถุงยางอนามัย
แขกบางรายถึงกับใช้กำลังบังคับเธอให้มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุงยางอนามัย
ซึ่งเธอก็ต้องใช้ไหวพริบเอาตัวรอดออกมา
“มีแขกที่มีความคิดไม่สวมถุงยางอนามัยเพราะขอเอาสด
พี่พยายามปฏิเสธแขกด้วยวิธีการต่างๆ แต่แขกไม่ยอม จับแขนพี่กดลงที่เตียง
แต่พี่อาศัยจังหวะที่แขกเผลอด้วยการถีบแขกตกเตียงแล้ววิ่งออกจากห้อง
เพราะพี่คิดเสมอว่าพี่ต้องรักษาตัวเองให้ปลอดภัย
เพราะพี่ค่อนข้างจะอายุมากแล้ว อาการของโรคจะชัดเจนมากกว่าหมอนวดที่ยังสาว
ยังมีเหตุการณ์เสนอเงินเพิ่มเพื่อขอเอาสด แต่พี่ก็พูดให้แขกคิดว่า
ต่อให้พี่ให้หนูเป็นแสน หนูก็ไม่เอา คิดว่าเงินซื้อหนูได้หรอ
พี่ไปหาคนอื่นเถอะ”
พิกุล
หญิงบริการลูกสองที่ตั้งมั่นว่า แม้เธอจะทำอาชีพขายบริการที่มีความเสี่ยง
แต่เธอก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้มีอายุยืนยาวที่สุดเพื่อเลี้ยงดูลูก
กล่าวว่า
เธอให้ความสำคัญกับการใส่ถุงยางอนามัยตั้งแต่ในช่วงลูบไล้ และเธอไม่กังวลหากกฎเหล็กในการใส่ถุงยางอนามัยของเธออาจทำให้แขกไม่พึงพอใจ
“แขกพี่จะต้องสวมถุงยางอนามัยตั้งแต่พี่ลูบไล้อวัยวะเพศแขกจนแข็ง
เพราะพี่มองว่าเป็นการป้องกันผู้ชายใจเร็ว
มีเหมือนกันที่แขกของพี่พูดเลี่ยงบอกว่าแพ้ถุง พี่ก็จะพูดกับแขกไปเลยว่า
‘พี่แพ้ถุงพี่ไปเอากับเมียที่บ้านพี่เถอะค่ะ’
พี่คิดเสมอว่า
พี่ไม่เกรงใจแขกและไม่กลัวว่าแขกจะไม่มาขึ้นเธอซ้ำ เนื่องจากพี่มองว่าการสวมถุงยางอนามัย เป็นเสมือนกฎเหล็กในอาชีพของพี่”
ฟ้าเล่าว่า เมื่อเจอแขกขอมีเพศสัมพันธ์แบบไม่สวมถุงยางอนามัย
เธอจะใช้วาทศิลป์ในการเกลี้ยกล่อมแขก
“มีมาเหมือนกัน
ที่แขกมาแบบขอพี่ไม่สวมถุง แต่พี่ต้องพูดให้แขกคิด ปฏิเสธแบบมีชั้นเชิง ณ
สถานการณ์นั้น ช่วงเวลานั้น อธิบายอย่างมีเหตุผล เช่น
พี่ไม่กลัวว่าหนูจะติดอะไรมาเหรอ ทำงานทุกวัน มากหน้าหลายตา
ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับพี่แค่คนเดียว”
จะเห็นได้ว่าการป้องกันตัวเองจากโรคติดต่อ
มีความสัมพันธ์อย่างยิ่งกับทักษะในการต่อรองแขกอย่างยิ่ง
หมอนวดที่ยิ่งมีทักษะในการเจรจาต่อรองกับแขกสูง ยิ่งปลอดภัยจากโรคมากขึ้น
ในงานวิจัยชุด เอชไอวี และผู้ให้บริการทางเพศ
ตีพิมพ์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2557 ซึ่งประกอบด้วยงานวิจัยย่อยเจ็ดฉบับ พบว่าผู้ให้บริการทางเพศซึ่งเผชิญกับความเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทาง
เพศสัมพันธ์อื่นๆ
สิ่งที่เป็นอุปสรรคในการเข้าถึงการป้องกันและการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สำหรับผู้ให้บริการทางเพศคือ การที่อาชีพนี้ผิดกฎหมาย
การไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม การถูกปฏิบัติอย่างกีดกัน
จากสังคมที่พวกเขาอยู่ "ความอยุติธรรม" ทางสังคม กฎหมายและเศรษฐกิจ
ทำให้พวกเขามีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อเอชไอวี
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับงานบริการทางเพศ ที่เป็นอุปสรรคต่อการรณรงค์ป้องการการติดเชื้อเอชไอวี แปลและดัดแปลงจากงานวิจัยชุด HIV and Sex Workers (ดูภาพขนาดใหญ่) |
กลับมาที่จังหวัดพิษณุโลก นอกจากการป้องกันตัวเองโดยการใส่ถุงยางอนามัยแล้ว
หญิงบริการยังมักไปตรวจสุขภาพ ตรวจเลือด
และตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ
สำนักงานสาธารณสุขประจำจังหวัดเป็นแหล่งพื้นที่หนึ่งที่หญิงบริการให้ความไว้วางใจในการเข้ารับการตรวจเพื่อรักษา
และเข้ารับการตรวจเพื่อป้องกันตามโครงการในเครือข่าย 32 จังหวัด
ซึ่งทางสำนักสาธารณสุขประจังหวัดบริการการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ฟรี
ทุกเดือนมกราคมและมิถุนายน
(หากงบประมาณในโครงการมีเพียงพอต่อการตรวจเพื่อรับการรักษาและการตรวจเพื่อป้องกันของหญิงบริการผู้เข้าร่วมโครงการจะตรวจทุกเดือนมกราคมและมิถุนายน
แต่หากงบประมาณในโครงการไม่เพียงพอต่อการตรวจเพื่อรับการรักษาและการตรวจเพื่อป้องกันของหญิงบริการผู้เข้าร่วมโครงการ จะตรวจเฉพาะเดือนมกราคมเท่านั้น)
เพื่อเจาะเลือดและนำผลเลือดจากการชันสูตรมาดูว่าติดเชื้อเอชไอวีหรือเป็นโรคซิฟิลิสหรือติดเชื้อเอชพีวีที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่ อีกทั้งมีให้บริการตรวจภายในจากการตรวจปัสสาวะ
เพื่อส่งปัสสาวะไปตรวจที่ห้องชันสูตร หาเชื้อคลาไมเดีย (Chlamydia
trachomatis) ที่เป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบในน้ำอสุจิ และน้ำในช่องคลอดสตรี
ซึ่งเป็นเชื้อที่ติดต่อจากการถ่ายทอดทางการมีเพศสัมพันธ์
จากการเข้าร่วมโครงการในเครือข่าย 32 จังหวัดของหญิงบริการอาบอบนวดในช่วงปี 56
และปี 57 ลองมาดูกันว่า
ผลลัพธ์ที่ได้สำนักงานสาธารณสุขประจำจังหวัดได้จัดทำโครงการในเครือข่าย 32
ขึ้นมา เพื่อป้องกันและรักษาหญิงบริการให้มีความปลอดภัยในชีวิตนั้น
จะมีผลสรุปจากตัวเลขการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างไร
ซึ่งทางสำนักสาธารณสุขได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถิติหญิงบริการติดเชื้อเอชไอวี
และหญิงบริการที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้ความดังนี้
ในปี
2556 กลุ่มหญิงบริการทางเพศรายเก่าจำนวนสองคนติดเชื้อเอชไอวี
คิดเป็นร้อยละ 0.61 จากหญิงบริการเข้าร่วมโครงการ 325 คน ขณะเดียวกัน ในปี
2557 กลุ่มหญิงบริการทางเพศจำนวน 12 คน โดยแบ่งเป็น หนึ่ง
กลุ่มหญิงบริการทางเพศรายใหม่ จำนวนแปดคนเป็นโรคซิฟิลิสซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คิดเป็นร้อยละ 1.56
จากหญิงบริการเข้าร่วมโครงการ 255 คน และสอง กลุ่มหญิงบริการทางเพศรายเก่า
จำนวน 4 คนติดเชื้อเอชไอวีซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คิดเป็นร้อยละ
3.14 จากหญิงบริการเข้าร่วมโครงการ 255 คน
จะเห็นได้ว่า หญิงบริการทางเพศที่เข้าร่วมโครงการมีจำนวนการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาสองคน
และเป็นโรคซิฟิลิสที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มจำนวนขึ้นจากปีที่ผ่านมาแปดคน อย่างไรก็ตาม คุณสุภาพ แกล้วกล้า
พยาบาลวิชาชีพชำนาญการประจำสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกเห็นว่า
สาเหตุที่หญิงบริการติดเชื้อเอชไอวีและเป็นโรคซิฟิลิส
ไม่ได้ติดมาจากการทำงาน แต่ติดมาจากคู่รักเสียมากกว่า
“ถ้าจะติดโรคจากแขกคงไม่ใช่
เนื่องจากการทำงานของหมอนวดและหญิงบริการทางเพศจะใส่ถุงยางกับแขกเป็นประจำ
ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
เพราะหมอนวดและหญิงบริการทางเพศกลัวแขกเอาโรคติดต่อมาให้”
ขณะเดียวกัน
หมอนวดได้เล่าถึงการดูแลสุขภาพของตนเองเพื่อให้ตนเองมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
ไม่ติดเชื้อเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โดยการเข้าร่วมโครงการกับสำนักงานสาธารณสุขประจำจังหวัด ดังนี้
ฟ้าบอกว่า
นอกจากเธอให้ความสำคัญการห้ามจูบและการป้องกันตัวเองจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว เธอยังตรวจเลือดและตรวจภายในเป็นประจำทุกสามเดือนหรือหกเดือน ตามที่สำนักงานสาธารณสุขจะมาตรวจให้สถานบริการอาบอบนวด
มีการซักประวัติโดยใช้เบอร์เป็นตัวย่อแทนชื่อ-สกุลจริง
พร้อมได้รับแจกถุงยางอนามัย แต่บางครั้งถุงยางอนามัยมีจำนวนไม่เพียงพอ
เธอก็จะใช้เงินส่วนตัวซื้อถุงยางอนามัยเอง
“พี่ไม่ใช้ถุงยางอนามัยของแขกที่เตรียมมา เพราะเธอเกรงว่าแขกจะแอบเจาะ
และไม่ปลอดภัยสำหรับพี่”
การเตรียมถุงยางอนามัยให้พร้อมตลอดเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับหญิงบริการ
หากเปรียบว่า อาชีพนักข่าวต้องมีปากกา
อาชีพหญิงบริการก็ขาดเครื่องมือหากินสำคัญอย่างถุงยางอนามัยไปไม่ได้เลยทีเดียว
และถึงแม้จะได้รับถุงยางแจกฟรีจากกรมสาธารณสุข แต่นั่นก็อาจยังไม่พอ
โป๊ยเซียนบอกว่า แม้สำนักงานสาธารณสุขจะมีถุงยางอนามัยแจกให้
แต่หลายครั้งขนาดของถุงยางอนามัยที่ได้มาก็ไม่พอดีกับอวัยวะเพศของแขก
ที่อาจใหญ่หรือเล็กกว่ามาตรฐาน เธอจะต้องใช้เงินส่วนตัวซื้อเอง
“พี่ก็ต้องใช้เงินส่วนตัวซื้อทุกอย่างเอง
เพราะพี่ไม่ไว้ใจแขกที่จัดเตรียมถุงยางอนามัยมา เนื่องจากอาจมีรอยฉีกขาด
แต่ถ้าแขกแกะกล่องใหม่ให้เธอเห็นต่อหน้าต่อตาพี่ พี่ก็จะยอมใช้ของแขก
เป็นการประหยัดรายจ่ายพี่ได้”
ปลายทางของอาชีพขายบริการ
เช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ ที่ใช้รูปร่างหน้าตาเป็นจุดขาย เช่น นางแบบ นักแสดง
ที่ผู้ที่ทำอาชีพเหล่านี้มักเริ่มอาชีพตั้งแต่อายุยังน้อย
และเลิกอาชีพเมื่ออายุมากขึ้น
หญิงบริการส่วนใหญ่มักเริ่มอาชีพนี้อายุระหว่าง 16-25 ปี ล้วนให้เหตุผลว่า
เริ่มทำอาชีพนี้เพราะสร้างรายได้มากกว่าอาชีพอื่น เมื่ออายุมากขึ้น
ลูกค้าก็หันไปหาหญิงบริการสาวๆ รุ่นใหม่แทน
จึงบีบให้พวกเธอต้องคอยมองหาลู่ทางทำมาหากินทางอื่นแทน
จากการสำรวจ
หลังจากเลิกอาชีพหญิงบริการอาบอบนวดด้วยอายุจำกัดหรือบางคนสามารถเก็บเงินได้มาก พวกเธอมักหันไปค้าขาย เช่น
เป็นแม่ค้าขายเครื่องสำอางค์นำเข้าจากเกาหลี ประกอบธุรกิจนวดและสปาโบราณ
แต่หากเธอ “โชคดี” กว่านั้น
อาจมีผู้ชายที่ดีรับอุปการะเลี้ยงดูในฐานะเพื่อนรู้ใจถึงขั้นลงทุนเปิดร้านเสริมสวยเป็นอาชีพให้แก้เหงา ก็จะทำให้พวกเธอสบาย
“พวกพี่ก็ทำอาชีพนี้มานานแล้ว ก็อยากพักร่างกาย อยากสบายบ้าง
ขอพึ่งความโชคดีของบุญเก่าที่ได้สะสมมา มีเงินเก็บเร็วๆ มีผู้ชายดีๆ เข้ามา
ไม่ใช่ว่าอาชีพสาวอาบอบนวดจะเป็นอาชีพที่โชคร้าย
แต่ด้วยสังคมไม่ยอมรับในอาชีพนี้จึงทำให้อาชีพนี้มีความโชคร้าย
แต่สำหรับพวกพี่แล้ว อาชีพนี้มีความโชคดี
ที่พวกพี่เป็นส่วนหนึ่งในการลดปัญหาการข่มขืน
และสร้างรายได้ให้กับพนักงานในร้านอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็นคนเชียร์แขก
แม่บ้านทำความสะอาด หรือแม้แต่พนักงานเสิร์ฟ” โป๊ยเซียนกล่าว
พิกุลกับโป๊ยเซียนพูดตรงกันว่า คงไม่ทำอาชีพค้าบริการไปจนแก่ และกำลังมองหาลู่ทางอาชีพอื่นอยู่
โดยที่พิกุลบอกว่า เธอกำลังเก็บหอมรอมริบ
เพราะเมื่ออายุมากขึ้นก็จะเลิกอาชีพหมอนวด
“พี่ทำตั้งแต่อายุ 30 ย่าง 31
ทำๆหยุดๆ มีปีนี้ที่พี่ทำเกือบครบ 1 ปีแล้ว แต่ก่อนสามถึงสี่เดือนต่อปี
ตอนนี้อายุก็จะปาไป 38 แล้ว กำลังเก็บหอมรอมริบเพื่อสร้างอาชีพให้ตนเอง
ด้วยความฝันที่ว่าอยากเป็นแม่ค้าขายเครื่องสำอางค์นำเข้าจากเกาหลี
เพราะพี่มองว่าเราได้ใช้ ได้ขายด้วย
ตอบโจทย์ความสวยที่พี่อยากเก็บไว้ให้ยั่งยืนจนพี่แก่เฒ่า
และพี่อยากเป็นเถ้าแก่เนี้ยหรือไม่ก็ไปเรียนต่อสายนวดแผนโบราณ พี่มีคิดๆ
อยู่เหมือนกันว่าจะเลิกอาชีพนี้ ก็น่าจะประมาณซักสามปี ดูเงิน ดูทุน
ก็จะเลิกเลย”
ส่วนโป๊ยเซียนกล่าวว่า อายุเป็นสิ่งสำคัญในอาชีพของเธอ เพราะเมื่ออายุมากร่างกายของเธอจะสร้างเงินไม่ได้ หรือภาษาหญิงบริการเรียกว่า “ขายไม่ออก”
เธอมีความฝันว่า เมื่อเลิกอาชีพนี้แล้วจะไปทำธุรกิจการนวดและสปา
“พี่เริ่มอายุมากแล้ว เก็บตังค์ได้สักก้อนใหญ่
มีความฝันจะเอาตังค์ไปเรียนนวดแผนโบราณ เพราะอยากมีความมั่นคงในอาชีพ
ในเมื่อเราเลือกมาทางนวดนี้แล้ว เราก็เลยคิดว่าเราอยากนวดให้จริงจัง
มีวิชาอยู่ในตัว ถ้าให้ฝันแบบไกลๆ เราอยากเปิดสปาเลย”
ญาศศิภาส์ สุกใส ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่าการคิดเลิกอาชีพนี้คงไม่ได้สะท้อนว่า
พวกเขาไม่ชอบอาชีพหญิงบริการ
แต่ด้วยรสนิยมของชายไทยส่วนใหญ่ที่อยากมีเพศสัมพันธ์กับสาววัยใสมากกว่าป้าวัย 40 จึงทำให้หญิงบริการต้องมีการ “เกษียณอายุ” ไป
บทสรุป
ถึงแม้อาชีพหญิงบริการนั้นจะผิดกฎหมายไทยในปัจจุบัน แต่ที่พวกเธอยังดำรงอยู่ก็เพราะมีความต้องการซื้อการบริการจากแขก
ซึ่งความต้องการทางเพศก็เป็นสิ่งที่เป็นธรรมดาของมนุษย์ปุถุชน
อาชีพของพวกเธอก็มีขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว
นอกจากนี้ มันยังเป็นอาชีพที่มีการแข่งขันสูงอีกด้วย
ทำให้ผู้ให้บริการต้องพัฒนาทักษะ ความรู้ ความเชี่ยวชาญประกอบงานบริการจากเธออย่างสม่ำเสมอ เฉกเช่นเดียวกับวิชาชีพอื่นๆ
ทั้งเพื่อพัฒนาการบริการ และป้องกันตัวเองจากการโดนทำร้ายอีกด้วย
นอกจากงานของพวกเธอจะไม่ง่ายแล้ว ยังต้องมีการดูแลตัวเองที่ดี
ทั้งรูปร่างหน้าตาที่เป็นสิ่งดึงดูดใจแขก และที่สำคัญที่สุดคือด้านสุขภาพ
เพื่อป้องกันตัวเองจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เกี่ยวกับผู้เขียน พิมพ์กมล พิจิตรศิริ
เป็นนักศึกษาภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ ชั้นปีที่3
มหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้มีความสนใจประเด็นมนุษย์ในสังคมเป็นพิเศษ
นักข่าวพี่เลี้ยง : ทวีพร คุ้มเมธา
ภาพประกอบ : วศิน ปฐมหยก
รายงานข่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการทุนเพื่อทำข่าวสืบสวนสอบสวน กลุ่มเยาวชน มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน