ศาสดาDecember 11
·
ทุกคนพ่ายแพ้ในเกมนี้
แม้บทสรุปของเรื่องราววันนี้คือ อนุทินยุบสภาฯ รัฐธรรมนูญไม่ได้แก้ แต่สิ่งที่ใหญ่กว่านั้นคือ การเมืองไทยจากนี้ต่อไปจะเดินอย่างไร?
ยังไม่ต้องพูดถึงมิติการแก้ปัญหาประเทศ ไม่พูดถึงมิติการแก้รัฐธรรมนูญ พูดถึงโครงสร้างทางการเมืองหรืออะไรก็ตาม เอาแค่คำถามง่ายๆ คือ หลังการเลือกตั้งนี้ ถ้าไม่มีพรรคการเมืองไหนชนะขาดเกิน 251 เสียงจะทำอย่างไร? (หรือถ้าไม่มั่นใจก็ต้อง 270 เสียงเลย) เพื่อไทย ภูมิใจไทย หรือแม้แต่พรรคประชาชน ยังไงก็น่าจะไม่ถึง
บางคนบอกว่าเดี๋ยวเพื่อไทยกับภูมิใจไทยก็ไปจับกันอยู่ดี ก็อาจจะใช่ในมุมหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าหลังการเลือกตั้งปี 66 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ “บาดแผล” ที่ต่างฝ่ายมีต่อกัน เพื่อไทยกับก้าวไกลมีบาดแผลแรกหลังข้ามขั้ว ถัดมาก็เพื่อไทยกับภูมิใจไทยที่ล่อกันจนรัฐบาลล้ม และล่าสุดคือภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ที่กลายร่างเป็นผู้รับเหมาทิ้งงาน MOA แม้จะอ้างว่าไม่สามารถสั่งการ ส.ว. ได้ แต่ทุกคนก็รู้ว่า ส.ว. อยู่ในการควบคุมของสีน้ำเงิน
การเมืองที่เต็มไปด้วย “บาดแผล” ของพรรคที่เป็นขั้วอำนาจทั้งสามฝ่ายนี้ ทำให้เกิดรัฐบาลที่อ่อนแอ เพราะแม้จะผสมจัดตั้งกันได้ แต่ก็ “ง่อนแง่น” และพร้อมจะ “แทงกัน” ตลอดเวลา นี่ยังไม่นับรวมถึง “บาดแผล” ระหว่างกองเชียร์ของฝั่งประชาธิปไตย ที่ไม่ได้ดีขึ้นเลยตลอดสองปีที่ผ่านมา
หลังการเลือกตั้ง 2566 ผ่านไปสองปี
สีแดง เสียเครดิตจากการข้ามขั้ว เสียเครดิตจากเรื่องคลิปฮุนเซน เสียตัวเล่นสำคัญอย่างคุณอิ๊ง ผู้นำทางจิตวิญญาณติดคุก ความเชื่อมั่นในการกลับมาเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลน้อยลง โดนดูด โดนสึกศรัทธาจากการข้ามขั้วปี 62
สีส้ม ถูกมองว่าเป็นพรรคที่ “ผู้มีอำนาจ” ไม่ต้องการให้เป็นรัฐบาล (ชนะก็อาจโดนบล็อกอีก) เสียเครดิตจากการยกมือให้อนุทิน และโดนอนุทินหักหลังเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ มิหนำซ้ำอนุทินยังไม่สามารถเป็นรัฐบาลที่ “ได้เรื่อง” เลยสักเรื่อง แม้จะเปิดตัวหวือหวา ดึงคนมีเครดิตมาร่วมงาน แต่ก็ล้มเหลวทั้งเรื่องชายแดนกัมพูชาและการจัดการปัญหาน้ำท่วมภาคใต้
สีน้ำเงิน แม้จะมีแต้มต่อจาก deep state หนุนหลัง มีพลังองค์กรอิสระและ ส.ว. อยู่ในมือ มีกองทัพเป็นพันธมิตร แต่ก็ขาดความชอบธรรมในแง่การยอมรับ ไม่เป็นที่นิยมของประชาชน ไม่มีรูปธรรม ไม่มีความสามารถในการบริหารงาน ตั้งรัฐบาลเองไม่ได้หากไม่มีส้มหรือแดง ไหนจะมีรอยร้าวจากการหักหลังทั้งกับแดงและส้ม
การรัฐประหาร 2549 ทำลายการเมืองไทยชนิดที่ลากเราถอยหลังลงคลอง พ่วงมากับรัฐประหาร 2557 ที่ตอกฝาโลง ปิดอนาคตประเทศไทย ทำลายทั้งรัฐธรรมนูญ หลักนิติรัฐ นิติธรรม หลักการทางกฎหมาย ระเบียบทางการเมือง และพัฒนาการทั้งหมดที่เรามีจากหลังพฤษภาทมิฬจนได้รัฐธรรมนูญ 2540
การกำเนิดของรัฐธรรมนูญ 2550 และรัฐธรรมนูญ 2560 ได้สร้างระบอบการเมืองที่อุบาทว์และประหลาด เปลี่ยนให้องค์กรอิสระกลายเป็นกลไกขัดขวางระบอบประชาธิปไตย ทำให้แม้แต่การริเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญก็แทบจะเป็นไปไม่ได้
ประเทศไทยจะต้องจมอยู่ในวังวนนรกนี้อีกกี่ปี? เพราะตั้งแต่ปี 2548 จนถึง 2568 ความขัดแย้งสองทศวรรษยังดำเนินต่อ ไม่เพียงไม่ดีขึ้น แต่จมดิ่งลงทุกวัน การทำดีลและประนีประนอมจอมปลอมเกิดขึ้นไม่รู้กี่ครั้ง ไม่ว่าจะในนาม “กลับบ้านข้ามขั้ว” หรือ “Grand Compromise”
ไม่ต้องพูดถึงประวัติศาสตร์ระยะไกล เอาแค่ระยะใกล้ 20 ปีก็พิสูจน์แล้วว่า ชนชั้นนำไทยไม่มีความจริงใจในการหาทางออก เพราะกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากโครงสร้างรัฐราชการไม่เคยเสียอะไรในห้วงความขัดแย้งที่ผ่านมา ตรงกันข้ามกลับได้อำนาจเพิ่มทุกครั้งหลังรัฐประหาร หรือเกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง
ผมไม่มีคำตอบว่าประเทศเราจะมีทางออกอย่างไร และไม่มีแม้แต่ภาพจินตนาการว่าหลังเลือกตั้งครั้งนี้ใครจะจับกับใคร แต่ที่บอกได้คือ การเมืองจะเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าใครจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่มองโลกในแง่ร้าย แต่เพราะโครงสร้างและกลไกอำนาจสร้างให้ทุกคนมีบาดแผลและรอยร้าวต่อกัน ต้องหยิบดาบหยิบปืนที่กลไกอำนาจนอกระบบวางไว้มาใช้สู้กันเองเพื่อความอยู่รอด
อย่าลืมว่าไม่ว่าเราจะเชียร์สีอะไร แดง น้ำเงิน หรือส้ม แต่คนที่เราเชียร์คือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ควรยืนข้างอำนาจสูงสุดคือประชาชน เพื่อต่อสู้กับอำนาจของโครงสร้างรัฐราชการ หากแต่เกมที่ผู้มีอำนาจร่างไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 บีบให้เราล่อกันเองเพื่อความอยู่รอด มิหนำซ้ำกลุ่มผู้มีอิทธิพลนอกเกมยังมากระซิบคนนั้นที คนนี้ที ให้จับกับคนนั้นเพื่อบี้คนนี้ สักพักก็ยืมคนนั้นมาสู้คนนั้น จนเริ่มหมั่นไส้ เกลียดกันเอง และสุดท้ายลืมไปว่าศัตรู (ปัญหา) ที่แท้จริงของประเทศอยู่ตรงไหน
อยากถามว่าทฤษฎีนี้จริงไหม? ก็ให้ดูว่าตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา เพดานการต่อสู้ถกเถียงของเราต่ำลงจริงหรือไม่ ย้ำว่าทุกสีทุกฝ่าย ถ้าใช่ นั่นคือเราถอยจากการต่อสู้ภาพใหญ่ กลายเป็นการต่อสู้กันเองอย่างสมบูรณ์
คนที่ดีไซน์กลไกแบบนี้ทั้งแสบและเหี้ยมจริงๆ อัจฉริยภาพในการดึงประเทศถอยหลังนั้นเกินจินตนาการ ทำให้รัฐบาลจากประชาชน(ไม่ว่าจากสีไหน) พรรคการเมือง(ทุกพรรค) พลังการเมือง(ทุกสีทุกกลุ่ม) อ่อนแอ พ่ายแพ้หมด แบ่งแยกและปกครอง ทำให้ทุกคนกลายเป็นตัวเล็กตัวน้อยและตีกันเอง
เหนือสิ่งอื่นใดคือความพ่ายแพ้ของประเทศโดยรวม เพราะเมื่อการเมืองอ่อนแอ รัฐไม่เข้มแข็ง กลไกต่างๆ ที่ควรทำหน้าที่ก็อ่อนแอ ประเทศก็ถดถอยโดยสมบูรณ์
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1467281931620585&set=a.621161979565922