วันจันทร์, ธันวาคม 15, 2568

ยิ่งชีพ ‘ไอลอว์’ ไม่ได้อยากได้การขอโทษจาก ปชน. แม้ไม่เห็นด้วยกับการลงคะแนนให้อนุทิน แต่อยากให้พรรคสีส้มโหมผลักดัน ‘ประชามติรับการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่’

นักวิชาการฝ่ายประชาธิปไตยที่ตำหนิและคาดคั้นว่า พรรคประชาชนออกมาขอโทษที่ไม่สามารถผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จสิ้นก่อนยุบสภา เท่านั้นไม่น่าให้อภัย แต่ควรจะต้องขอโทษที่โหวตให้ อนุทิน เป็นนายกฯ แต่แรก

ท่าทีเช่นนี้เปรียบได้กับ เสาวลักษณ์ โพธิ์งาม แห่งองค์กรสังคมนิยมแรงงาน ที่ “เรียกร้องให้ #พรรคประชาชน แสดงจุดยืนไม่เอาสงคราม อย่าเหยียบเรือสองแคม ปากหนึ่งต้องการสันติภาพ ปากหนึ่งให้ท้ายกองทัพ”

แต่กลับใช้ข้ออ้างที่ทำให้โดนโห่ไล่ “เพราะบอกว่า Scammer เป็นปัญหาเล็กน้อยมาก หลายนักวิชาการที่เขียนแสดงความเข้าใจ เห็นใจพรรคประชาชน ที่ดำเนินนโยบายผิดพลาดเรื่องโหวตอนุทิน พอจะเอ่ยชื่อได้ เช่น พิชิต ลิขิตฯ สมศักดิ์ เจียมฯ ธงชัย วินิจฯ และ ปวิน

สำหรับ ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ แห่ง ไอลอว์ เขาบอกว่า “ไม่ได้อยากได้การขอโทษจากพรรคสีส้ม ผมเชื่อว่าพวกเขาก็มีเจตนาจะทำให้มันดีนั่นแหละ ไอ้ที่ผ่านไปแล้ว ก็คือผ่านไปแล้ว ย้อนไม่ได้” แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการลงคะแนนให้อนุทิน

“ไม่ใช่เพราะกลัวว่าอนุทินจะเบี้ยว แต่กลัวว่าเค้าจะไม่เบี้ยว กลัวว่าเค้าจะได้แต้มทั้งหมด และควบคุมกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไว้ทั้งหมด” ก็สมหวังที่ภูมิใจไทยปล่อยธาตุแท้ออกมา ด้วยการไปโหวตให้ สว.สีน้ำเงิน ยืนยันอำนาจพิเศษ ๑ ใน ๓

แต่เขาเรียกร้องให้พรรคประชาชนผลักดัน ประชามติรับการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ อย่างจริงจัง ซึ่งเวลานี้ทุกพรรคเห็นชอบและเสนอถ้อยคำ ถามประชาชน ออกมาคล้ายคลึง ในทางเดียวกันว่า “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่”

เนื่องเพราะ “ถ้าคนลงคะแนน ไม่เห็นชอบมากกว่า พวกเขา (อนุทิน) จะครองอำนาจอยู่ภายใต้ระบอบนี้ได้อีกหลายสิบปี โดยแก้ไขอะไรไม่ได้” แต่ถ้า พรรคสีส้มได้คะแนนเลือกตั้งมากพอควร ไม่ถึงกับชนะท่วมท้น แต่ประชามติให้ร่าง รธน.ใหม่ล้นหลาม

“ประเทศนี้ยังมีโอกาสเดินหน้าได้ การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่จะไม่เกิดขึ้นง่าย จะไม่เสร็จง่าย และจะไม่ได้ฉบับที่ดีนัก แต่สักวันนึงพรรคการเมืองสีส้มก็จะชนะการเลือกตั้ง” ได้เป็นรัฐบาลที่ยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวของตัวเอง

ฉะนั้น ณ เวลานี้ การแก้ รธน.เป็นเป้าหมายสำคัญ จึงอยากให้พรรคส้ม “ต้องใส่แรง กำลังคน ทรัพยากร และเวลาอย่างเต็มที่” ระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง “บอกให้ประชาชนไปลงประชามติเห็นชอบกับการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่...เพื่ออนาคตของทุกคนด้วย”

(https://www.facebook.com/pow.ilaw/posts/s7mFHvr2m, https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/338YPaVdLQ3 และ https://www.facebook.com/baitongpost/posts/QpkQqQSQS) 

ความหวาดหวั่นของผู้อพยพ "ชาวบ้านหลายคนที่ผมไปคุยด้วย บอกว่า ตอนนี้เปรียบเหมือนเศรษฐกิจของครอบครัว ได้ล่มสลายไป ตั้งแต่การสู้รบกันครั้งแรก พยายามจะฟื้นกลับมาให้ได้ แต่ต้องมาหยุดทุกอย่างลงไปอีก และไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป"


สันติวิธี พ.
8 hours ago
·
ความหวาดหวั่นของผู้อพยพ

เฉพาะในพื้นที่สุรินทร์ที่ผมอยู่ทำข่าว มีผู้อพยพไปอยู่ตามศูนย์อพยพต่างๆ มากถึง 7 หมื่นกว่าคน (ข้อมูลของทางการ)

ตามหมู่บ้านใกล้จุดการสู้รบที่ผมเข้าไป ส่วนใหญ่อพยพออกไปมากกว่าการสู้รบครั้งที่แล้ว เหลือไว้แค่คนที่มีหน้าที่ดูแลหมู่บ้าน และคนที่ห่วงวัวควายที่เลี้ยงไว้

ที่ศูนย์อพยพ มีทั้งชาวบ้านที่นอนในอาคาร รถยนต์ และสนามหญ้า

บางคนออกมากางเต็นท์ หรือกางเต๊นท์ผ้าใบ พลาสติกแผ่นใหญ่ เท่าที่จะหาได้ กันแดดกันน้ำค้างนอนสนามหญ้า และบนรถ เพราะอาคารด้านในเต็ม บางคนให้เหตุผลเพราะในอาคารแออัด ส่วนบนรถสะดวกสบายกว่า

แต่ถ้าเลือกได้ หลายคนที่ผมได้คุยด้วย อยากกลับไปใช้ชีวิตที่บ้าน และขอเป็นการใช้ชีวิตแบบไม่หวาดระแวงเหมือนที่ผ่านมา เพราะหลังการหยุดยิงครั้งแรก ก็ไม่รู้ว่าจะสู้รบกันเมื่อไรอีก ดังนั้นหลังการสู้รบครั้งนี้ หากต้องเจรจา ก็อยากให้เจรจากันให้จบ แบ่งเขตแดนกันให้จบ ไม่ต้องมีการสู้รบกันอีก

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมมองว่าชาวบ้านหวาดวิตกไม่แพ้การสู้รบ คือการทำมาหากินต่อจากนี้

หลายครอบครัวไม่ได้มีเงินเก็บ หลายครอบครัวรอเงินก้อนจากการเก็บเกี่ยวพืชเกษตร โดยเฉพาะช่วงนี่คือฤดูตัดอ้อย

ส่วนข้าวเพิ่งเก็บเกี่ยวเสร็จ แต่บวกลบค่ารถเกี่ยว ค่าปุ๋ย เหลือไม่เท่าไร พอหมดหน้าเก็บเกี่ยวข้าว ชาวบ้านบางส่วนก็ไปทำงานรับจ้างต่อ

อีกหนึ่งอาชีพ คือสวนยางพารา มีทั้งเจ้าของสวน และคนรับจ้างกรีดยาง ที่ต่างต้องหนีภัยสู้รบไปอยู่ศูนย์อพยพ

พ่อค้าแม่ค้าอีกจำนวนมาก ที่ยังจำเป็นต้องกู้หนี้นอกระบบ ต้องหยุดค้าขาย แต่ดอกเบี้ยไม่หยุดเดิน และเจ้าหนี้ก็ไม่ได้หยุดทวง

แม้แต่หนี้ในระบบเอง ดอกเบี้ยยังเดินไปเรื่อยๆ แต่ชาวบ้านผู้อพยพ ต่างก็ไม่มีรายได้ในช่วงนี้

ชาวบ้านหลายคนที่ผมไปคุยด้วย บอกว่า ตอนนี้เปรียบเหมือนเศรษฐกิจของครอบครัว ได้ล่มสลายไป ตั้งแต่การสู้รบกันครั้งแรก พยายามจะฟื้นกลับมาให้ได้ แต่ต้องมาหยุดทุกอย่างลงไปอีก และไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป

นี่จึงเป็นอีกความหวาดหวั่นของผู้อพยพ ของชาวบ้านตามแนวชายแดน รองๆ ลงมาจากการกลัวการสู้รบ ซึ่งรัฐจะหาหนทางช่วยเหลืออย่างไร

ป.ล.
ชาวบ้านหลายคน ยังสะท้อนตัวอย่างถึงเรื่องเล็กๆ อีกเรื่องหนึ่งที่รัฐควรดูแลว่า ตอนสู้รบกันคราวที่แล้ว หลังกลับจากศูนย์อพยพ บ้านจำนวนไม่น้อย ถูกถอดมิเตอร์ไฟฟ้าออกไป โดยถูกแจ้งว่าค้างค่าไฟฟ้า ซึ่งชาวบ้านขออย่าให้เกิดขึ้นอีกเลยในครั้งนี้

พวกเขาหวังว่าเมื่อถึงเวลาออกจากศูนย์อพยพกลับบ้าน นอกจากบ้านยังอยู่ดีแล้ว ขอให้ไม่ถูกถอดมิเตอร์ไฟฟ้าออกไปด้วย

https://www.facebook.com/photo/?fbid=25157452063883424&set=a.595044893884149



เด็กในสภาวะสงครามชายแดนไทย–กัมพูชา: ชีวิต ที่อยู่อาศัย การศึกษา และความปลอดภัยที่สั่นคลอน

https://www.facebook.com/ThaiNewsPix/posts/1385484496546597

Thai News Pix 
Yesterday
·
เด็กในสภาวะสงครามชายแดนไทย–กัมพูชา: ชีวิต ที่อยู่อาศัย การศึกษา และความปลอดภัยที่สั่นคลอน
.
เรื่องและภาพ อานันท์ ชนมหาตระกูล
.
ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาที่ปะทุขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ครอบครัวจำนวนมากในจังหวัดสระแก้ว ต้องอพยพออกจากพื้นที่โดยฉับพลัน เด็กจำนวนมากถูกเคลื่อนย้ายเข้าสู่หลุมหลบภัยและศูนย์อพยพชั่วคราว ชีวิตประจำวันที่เคยสงบเรียบง่าย ถูกแทนที่ด้วยความไม่แน่นอน เสียงระเบิดที่ดังไกลจากชายแดน และพื้นที่อยู่อาศัยที่คับแคบ
.
หลายครอบครัวต้องหนีเข้าหลุมหลบภัยในหมู่บ้านติดชายแดนทันทีเมื่อเสียงปะทะเริ่มดังขึ้น เด็กเล็กอายุเพียง 5 ขวบสองคน เช่น “น้องน้อย” และ “น้องลีโอ” ถูกพ่อแม่พามาอยู่ในพื้นที่อพยพอย่างเร่งรีบ บ้านที่เคยเป็นพื้นที่ปลอดภัย กลายเป็นเขตเสี่ยงที่ไม่สามารถกลับไปพักอาศัยได้
.
ภายในศูนย์อพยพ เด็ก ๆ ต้องใช้ชีวิตอยู่ในอาคารขนาดใหญ่หรือพื้นที่จำกัด ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันในระยะยาว ความเป็นส่วนตัวแทบไม่มี และความเครียดจากบรรยากาศโดยรอบส่งผลต่อสภาพจิตใจของเด็กโดยตรง
.
การประกาศอพยพสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบการเรียนของเด็กในพื้นที่ วันหนึ่งพวกเขายังไปโรงเรียนตามปกติ แต่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็ต้องถูกผู้ปกครองรับกลับบ้าน เนื่องจากโรงเรียนได้รับคำสั่งหยุดการเรียนการสอนจนกว่าสถานการณ์จะกลับมาปลอดภัย
.
น้ำทิพย์ เย็นอนุ อายุ 26 ปี ผู้ที่ดูแลเด็กหลายคนภายในศูนย์อพยพ อธิบายว่า เด็กทุกคนต้องหยุดเรียนทันทีโดยไม่มีการเตรียมตัว “เด็กบางคนยังไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ก็ไปโรงเรียนไม่ได้ และต้องมาอยู่ในพื้นที่จำกัดแบบนี้”
.
การไม่มีอุปกรณ์การเรียน การขาดครูผู้สอน และการขาดความต่อเนื่องทางการศึกษา อาจส่งผลต่อพัฒนาการในระยะยาว โดยเฉพาะกับเด็กเล็กที่อยู่ในวัยเรียนรู้พื้นฐานที่สำคัญ
.
แม้หลายครอบครัวจะอพยพออกมาจากพื้นที่ปะทะแล้ว แต่เสียงระเบิดที่ได้ยินเป็นระยะจากชายแดนยังคงส่งผลต่อความรู้สึกปลอดภัย เด็กบางคนเล่าว่าเคยเห็นบ้านของเพื่อนพังเสียหายจากสะเก็ดระเบิด ทำให้ความรู้สึกไม่มั่นคงฝังลึกอยู่ในใจ
.
การใช้ชีวิตในศูนย์อพยพจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ผู้ปกครองต้องคอยฟังประกาศจากเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา เพราะสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงได้ในทุกชั่วโมง ความไม่แน่นอนนี้ทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เกิดความกังวลอย่างต่อเนื่อง
.
ธนู โลหะเลิศ อายุ 43 ปี ชาวนาจากพื้นที่ตาพระยา ระบุว่า “ตอนนี้ทำงานไม่ได้เลย ต้องรออย่างเดียว ไม่รู้เมื่อไหร่จะกลับไปทำนาได้”
.
สำหรับหลายครอบครัวในสระแก้ว การเกษตรคือรายได้หลัก การหยุดทำงานเพราะพื้นที่ไม่ปลอดภัย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นอยู่ของทั้งครอบครัว รวมถึงเด็กที่ต้องพึ่งพาผู้ปกครองในการดูแลและการศึกษา
ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ประกอบกับการอพยพและการหยุดเรียน ทำให้เด็กจำนวนมากตกอยู่ในสภาวะเปราะบาง ทั้งด้านจิตใจ สังคม และสภาพความเป็นอยู่
.
ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก ล้วนมีความหวังเดียวกัน คือการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ เด็กหลายคนพูดตรง ๆ ว่า อยากกลับบ้าน พวกเขาโหยหาพื้นที่เล่น ห้องเรียน และสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
.
ผู้ปกครองเองก็หวังให้ความขัดแย้งยุติโดยเร็ว เพื่อจะได้ทำมาหากินได้ตามปกติ และเพื่อให้ลูกหลานเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ใช่ท่ามกลางเสียงปะทะและข่าวการอพยพ
.
สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในครั้งนี้ เปิดเผยให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า “เด็ก” เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด แม้พวกเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง แต่กลับต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ตั้งแต่ที่อยู่อาศัย การเรียน ไปจนถึงความรู้สึกปลอดภัย
.
สิ่งเหล่านี้คือบทเรียนสำคัญว่า การปกป้องเด็กในสถานการณ์วิกฤตเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้พวกเขามีโอกาสเติบโตอย่างมีคุณภาพ และไม่ปล่อยให้สงครามพรากอนาคตของพวกเขาไปมากกว่านี้



มีชัย รับร่างรัฐธรรมนูญ ตามที่มีผู้สั่ง - ร่างใหม่ ต้องยึดโยงกับประชาชน ไม่ใช่ตามคนสั่งของคนใดคนหนึ่ง

@chai.apinunt #มีชัย#รัฐธรรมนูญ#ตามที่มีผู้สั่ง ♬ เสียงต้นฉบับ - ตามกระแส..ดร.ชัย อภินันท์



https://www.tiktok.com/@chai.apinunt/video/7387007335102827794







เลือกตั้ง 69 ไม่เล็งผลเลิศ ต่อประเทศเลย ตอนนี้เราน่าจะเข้าสู่ภาวะที่ ปชต จะทำงานได้น้อยที่สุด คือ เสียงแตกมาก และไม่สามารถมี consensus อะไรที่เป็นเรื่องเป็นราวได้


Panote Saechiew 
Yesterday
·
เลือกตั้ง 69
ไม่เล็งผลเลิศ ต่อประเทศเลย ตอนนี้เราน่าจะเข้าสู่ภาวะที่ ปชต จะทำงานได้น้อยที่สุด คือ เสียงแตกมาก และไม่สามารถมี consensus อะไรที่เป็นเรื่องเป็นราวได้
คะแนนเสียงโดยทั่วไปจะไม่ข้ามฝั่ง แต่จะย้ายกันเองในฟากเดียวกัน การเปลี่ยนขั้วคะแนนโดยมากจะเกิดจากการเปลี่ยนรุ่น
แค่สองปีรุ่นคงไม่เปลี่ยนมาก ดังนั้นเราจะได้ฐานเสียง ปชน+พท ใกล้ๆของเดิม คือ 290 เสียงโดยประมาณ
โอกาส พรรคใดพรรคหนึ่งจะข้าม 250 ยากมากจนถึงเป็นไปไม่ได้
ถ้าเราอยู่ภายใต้สมมุติฐานว่า พท ฐานแตก และ ภจท ดูด เราอาจเห็น ภจท ขึ้นไปที่ประมาณ 100-120 ส่วนปาร์ตี้ลิสต์คงไม่ได้เหมือนเดิม
ปัญหาคือสามเส้า แดง-ส้ม-น้ำเงิน ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กันหมดแล้ว หัวใจใหญ่คือแดง-น้ำเงินนั้นเป็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์ล้วนๆโดยไม่มีมิติอุดมการณ์ (เราจะเห็นนายแบกและนางแบกตัวท็อปยังยืนยันว่ากลับไปจับกันได้) ในขณะที่ แดง-ส้ม กับ ส้ม-น้ำเงิน นั้นมีรอยร้าวชัดในระดับฐานเสียง
สถานการณ์แบบนี้ถึงส้มตั้งรัฐบาลได้ ก็ต้องประนีประนอมมาก และถ้าทำอะไรไม่ได้มาก กระแสตีกลับจากฐานเสียงก็จะกลับมาอีก โอกาสตั้งรัฐบาลไม่ได้สูงกว่า แต่ถ้าแดงกลับไปจับกับน้ำเงิน ความขัดแย้งแดง-ส้มก็จะยิ่งรุนแรง
เรื่องตลกร้ายคือหัวใจของความขัดแย้งทั้งหมดคือน้ำเงิน นั่นคือทั้งสองสีที่เหลือชี้หน้าอีกฝ่ายว่าถ้ามันเลวจริงแล้วไปจับมันทำไม แต่ดันเป็นสีเดียวที่ลอยตัว
ไปๆมาๆอนาคตประเทศอาจไม่ใช่ว่าใครจะชนะ เพราะถึงส้มชนะก็คงตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่คือน้ำเงินต้องไม่แซงหน้าแดง
เพราะถ้าน้ำเงินมาอันดับสอง(หรือแม้แต่อันดับหนึ่ง) ก็น่าจะจับมือแดงเป็นรัฐบาล และในกรณีนั้น เราจะเห็นอนุทินเป็นนายก ในระยะเวลาที่ยาวกว่านี้ มีอำนาจมากกว่านี้ แต่ไม่ได้บริหารงานดีกว่านี้
และเราก็เห็นแล้วว่าถ้าแดงชนะ ก็บริหารอะไรไม่ได้ ถ้ามีน้ำเงินอยู่ข้างๆ

Panote Saechiew

นี่ยังไม่นับมิติทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่เอื้อต่อพรรคที่เป็นอุดมคตินิยมแบบส้ม
เช่นฮุนเซนหาเรื่องตลอด ตามหลักการส้มควร playdown ความรุนแรง พยายามหยุดยิง แต่สภาพแบบนี้มันอิหลักอิเหลื่อ นั่นคือหยุดยิงแต่อีกฝ่ายไม่หยุด ตัวเองก็เสีย จะพูดให้รุนแรงก็ไม่ได้ จะให้หยุดยิงก็ไม่ได้
พอบวกคนบ้าอย่างทรัมป์เข้าไปก็เละเทะไปเลย
แล้วโดย position ที่เป็นค่านิยมหลักแบบตะวันตกเลยไปกันใหญ่ จะเอียงสหรัฐ มันก็บ้า จะเอียงจีน ก็ขัดกับฐานตัวเอง
สภาพแบบนี้เหมือนๆอียู ที่อิหลักอิเหลื่อออกไม่ได้เหมือนกัน เพียงแต่เราแย่กว่าเขา
ไปๆมาๆ position บ้าๆบอๆแบบอนุทินมันเลยง่ายกว่า(แม้ผลจะไม่ดีกว่า)

https://www.facebook.com/panote.saechiew/posts/26400131446253874




ประชาธิปไตยแบบไทยๆอันล่วงละเมิดมิได้


ศาสดา
December 11
·
ทุกคนพ่ายแพ้ในเกมนี้

แม้บทสรุปของเรื่องราววันนี้คือ อนุทินยุบสภาฯ รัฐธรรมนูญไม่ได้แก้ แต่สิ่งที่ใหญ่กว่านั้นคือ การเมืองไทยจากนี้ต่อไปจะเดินอย่างไร?

ยังไม่ต้องพูดถึงมิติการแก้ปัญหาประเทศ ไม่พูดถึงมิติการแก้รัฐธรรมนูญ พูดถึงโครงสร้างทางการเมืองหรืออะไรก็ตาม เอาแค่คำถามง่ายๆ คือ หลังการเลือกตั้งนี้ ถ้าไม่มีพรรคการเมืองไหนชนะขาดเกิน 251 เสียงจะทำอย่างไร? (หรือถ้าไม่มั่นใจก็ต้อง 270 เสียงเลย) เพื่อไทย ภูมิใจไทย หรือแม้แต่พรรคประชาชน ยังไงก็น่าจะไม่ถึง

บางคนบอกว่าเดี๋ยวเพื่อไทยกับภูมิใจไทยก็ไปจับกันอยู่ดี ก็อาจจะใช่ในมุมหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าหลังการเลือกตั้งปี 66 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ “บาดแผล” ที่ต่างฝ่ายมีต่อกัน เพื่อไทยกับก้าวไกลมีบาดแผลแรกหลังข้ามขั้ว ถัดมาก็เพื่อไทยกับภูมิใจไทยที่ล่อกันจนรัฐบาลล้ม และล่าสุดคือภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ที่กลายร่างเป็นผู้รับเหมาทิ้งงาน MOA แม้จะอ้างว่าไม่สามารถสั่งการ ส.ว. ได้ แต่ทุกคนก็รู้ว่า ส.ว. อยู่ในการควบคุมของสีน้ำเงิน

การเมืองที่เต็มไปด้วย “บาดแผล” ของพรรคที่เป็นขั้วอำนาจทั้งสามฝ่ายนี้ ทำให้เกิดรัฐบาลที่อ่อนแอ เพราะแม้จะผสมจัดตั้งกันได้ แต่ก็ “ง่อนแง่น” และพร้อมจะ “แทงกัน” ตลอดเวลา นี่ยังไม่นับรวมถึง “บาดแผล” ระหว่างกองเชียร์ของฝั่งประชาธิปไตย ที่ไม่ได้ดีขึ้นเลยตลอดสองปีที่ผ่านมา

หลังการเลือกตั้ง 2566 ผ่านไปสองปี

สีแดง เสียเครดิตจากการข้ามขั้ว เสียเครดิตจากเรื่องคลิปฮุนเซน เสียตัวเล่นสำคัญอย่างคุณอิ๊ง ผู้นำทางจิตวิญญาณติดคุก ความเชื่อมั่นในการกลับมาเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลน้อยลง โดนดูด โดนสึกศรัทธาจากการข้ามขั้วปี 62

สีส้ม ถูกมองว่าเป็นพรรคที่ “ผู้มีอำนาจ” ไม่ต้องการให้เป็นรัฐบาล (ชนะก็อาจโดนบล็อกอีก) เสียเครดิตจากการยกมือให้อนุทิน และโดนอนุทินหักหลังเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ มิหนำซ้ำอนุทินยังไม่สามารถเป็นรัฐบาลที่ “ได้เรื่อง” เลยสักเรื่อง แม้จะเปิดตัวหวือหวา ดึงคนมีเครดิตมาร่วมงาน แต่ก็ล้มเหลวทั้งเรื่องชายแดนกัมพูชาและการจัดการปัญหาน้ำท่วมภาคใต้

สีน้ำเงิน แม้จะมีแต้มต่อจาก deep state หนุนหลัง มีพลังองค์กรอิสระและ ส.ว. อยู่ในมือ มีกองทัพเป็นพันธมิตร แต่ก็ขาดความชอบธรรมในแง่การยอมรับ ไม่เป็นที่นิยมของประชาชน ไม่มีรูปธรรม ไม่มีความสามารถในการบริหารงาน ตั้งรัฐบาลเองไม่ได้หากไม่มีส้มหรือแดง ไหนจะมีรอยร้าวจากการหักหลังทั้งกับแดงและส้ม

การรัฐประหาร 2549 ทำลายการเมืองไทยชนิดที่ลากเราถอยหลังลงคลอง พ่วงมากับรัฐประหาร 2557 ที่ตอกฝาโลง ปิดอนาคตประเทศไทย ทำลายทั้งรัฐธรรมนูญ หลักนิติรัฐ นิติธรรม หลักการทางกฎหมาย ระเบียบทางการเมือง และพัฒนาการทั้งหมดที่เรามีจากหลังพฤษภาทมิฬจนได้รัฐธรรมนูญ 2540

การกำเนิดของรัฐธรรมนูญ 2550 และรัฐธรรมนูญ 2560 ได้สร้างระบอบการเมืองที่อุบาทว์และประหลาด เปลี่ยนให้องค์กรอิสระกลายเป็นกลไกขัดขวางระบอบประชาธิปไตย ทำให้แม้แต่การริเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญก็แทบจะเป็นไปไม่ได้

ประเทศไทยจะต้องจมอยู่ในวังวนนรกนี้อีกกี่ปี? เพราะตั้งแต่ปี 2548 จนถึง 2568 ความขัดแย้งสองทศวรรษยังดำเนินต่อ ไม่เพียงไม่ดีขึ้น แต่จมดิ่งลงทุกวัน การทำดีลและประนีประนอมจอมปลอมเกิดขึ้นไม่รู้กี่ครั้ง ไม่ว่าจะในนาม “กลับบ้านข้ามขั้ว” หรือ “Grand Compromise”

ไม่ต้องพูดถึงประวัติศาสตร์ระยะไกล เอาแค่ระยะใกล้ 20 ปีก็พิสูจน์แล้วว่า ชนชั้นนำไทยไม่มีความจริงใจในการหาทางออก เพราะกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากโครงสร้างรัฐราชการไม่เคยเสียอะไรในห้วงความขัดแย้งที่ผ่านมา ตรงกันข้ามกลับได้อำนาจเพิ่มทุกครั้งหลังรัฐประหาร หรือเกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง

ผมไม่มีคำตอบว่าประเทศเราจะมีทางออกอย่างไร และไม่มีแม้แต่ภาพจินตนาการว่าหลังเลือกตั้งครั้งนี้ใครจะจับกับใคร แต่ที่บอกได้คือ การเมืองจะเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าใครจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่มองโลกในแง่ร้าย แต่เพราะโครงสร้างและกลไกอำนาจสร้างให้ทุกคนมีบาดแผลและรอยร้าวต่อกัน ต้องหยิบดาบหยิบปืนที่กลไกอำนาจนอกระบบวางไว้มาใช้สู้กันเองเพื่อความอยู่รอด

อย่าลืมว่าไม่ว่าเราจะเชียร์สีอะไร แดง น้ำเงิน หรือส้ม แต่คนที่เราเชียร์คือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ควรยืนข้างอำนาจสูงสุดคือประชาชน เพื่อต่อสู้กับอำนาจของโครงสร้างรัฐราชการ หากแต่เกมที่ผู้มีอำนาจร่างไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 บีบให้เราล่อกันเองเพื่อความอยู่รอด มิหนำซ้ำกลุ่มผู้มีอิทธิพลนอกเกมยังมากระซิบคนนั้นที คนนี้ที ให้จับกับคนนั้นเพื่อบี้คนนี้ สักพักก็ยืมคนนั้นมาสู้คนนั้น จนเริ่มหมั่นไส้ เกลียดกันเอง และสุดท้ายลืมไปว่าศัตรู (ปัญหา) ที่แท้จริงของประเทศอยู่ตรงไหน

อยากถามว่าทฤษฎีนี้จริงไหม? ก็ให้ดูว่าตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา เพดานการต่อสู้ถกเถียงของเราต่ำลงจริงหรือไม่ ย้ำว่าทุกสีทุกฝ่าย ถ้าใช่ นั่นคือเราถอยจากการต่อสู้ภาพใหญ่ กลายเป็นการต่อสู้กันเองอย่างสมบูรณ์

คนที่ดีไซน์กลไกแบบนี้ทั้งแสบและเหี้ยมจริงๆ อัจฉริยภาพในการดึงประเทศถอยหลังนั้นเกินจินตนาการ ทำให้รัฐบาลจากประชาชน(ไม่ว่าจากสีไหน) พรรคการเมือง(ทุกพรรค) พลังการเมือง(ทุกสีทุกกลุ่ม) อ่อนแอ พ่ายแพ้หมด แบ่งแยกและปกครอง ทำให้ทุกคนกลายเป็นตัวเล็กตัวน้อยและตีกันเอง

เหนือสิ่งอื่นใดคือความพ่ายแพ้ของประเทศโดยรวม เพราะเมื่อการเมืองอ่อนแอ รัฐไม่เข้มแข็ง กลไกต่างๆ ที่ควรทำหน้าที่ก็อ่อนแอ ประเทศก็ถดถอยโดยสมบูรณ์

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1467281931620585&set=a.621161979565922




ขีปนาวุธจีนที่กองทัพเขมรใช้มาจากจีนเทาจริงไหม?

https://www.facebook.com/thaispycatcher/posts/122181366818449251

8 hours ago
·
ขีปนาวุธจีนที่กองทัพเขมรใช้มาจากจีนเทาจริงไหม?
ขีปนาวุธต่อสู้รถถังรุ่น Bolas GAM 102LR ที่ ทบ. ตรวจยึดได้วันนี้เป็นของบริษัทอาวุธในเครือ Poly Group
Poly Group เป็นรัฐวิสาหกิจจีนรายใหญ่ที่ประกอบกิจการหลากหลาย ครอบคลุมทั้งกิจการโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ บริษัทประมูล ธุรกิจบันเทิง แต่ที่สำคัญที่สุดคือ Poly Technologies ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1983 ในฐานะบริษัทที่ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) และเมื่อเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน Poly Technologies ก็เป็นบริษัทที่รัฐบาลจีนใช้ส่งดินปืนไร้ควันไปช่วยเหลือรัสเซียอีกด้วย Google หาก็เจอนะ
ถ้าหากขุดลึกลงไปอีกนิดหนึ่งจะพบว่า Poly Group แตกสาขาออกมาจาก China International Trust and Investment Corporation หรือ CITIC เครือรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ของจีนที่นอกจากจะส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ไปให้กับรัฐบาลในพื้นที่สงครามแล้ว ยังมีบริษัททหารรับจ้างของตัวเองอีกด้วย ซึ่งพื้นที่ปฏิบัติงานของ CITIC ก็อยู่ไม่ไกลบ้านเราเลย คือ เมียนมากับลาว นั่นเอง!
สำหรับกัมพูชานั้น เครือบริษัท Poly ได้เข้าไปลงทุนตั้งแต่ปี 2019 โดยอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Belt and Road Initiative และล่าสุดเมื่อปี 2024 บริษัท Poly Growth Engineering ก็เพิ่งลงนามกับกระทรวงคมนาคมกัมพูชาเพื่อร่วมกันก่อสร้างถนนในจังหวัดกระแจะของกัมพูชา ซึ่งสะท้อนว่าจีนกับกัมพูชามีความร่วมมือกันผ่าน Poly Group มาระยะหนึ่งแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขมรจะกลายเป็นลูกค้าของ Bolas GAM 102LR อาวุธใหม่ล่าสุด
บริษัท Poly Technologies ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร เนื่องจากสงสัยว่าบริษัทมีส่วนสนับสนุนโครงการอาวุธทำลายล้างสูงและขีปนาวุธให้กับรัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ และซีเรีย
ดังนั้น หากกล่าวว่า GAM-102LR มาจากจีนเทาซื้อใต้ดินให้กองทัพเขมร อาจจะไม่ใช่ เพราะนี่คือบริษัทรัฐวิสาหกิจรายใหญ่ของรัฐบาลจีน แต่ถ้าถามว่าเขมรเอาเงินรายได้จากทุนเทาไปซื้อมาไหม อันนี้มันแน่อยู่แล้ว
ความจริงที่น่าเจ็บปวด คือ ไทยช่างแสนโดดเดี่ยว และไม่มีใครอยู่ข้างเราเลย
อำนาจต่อรองของเราหดหาย ความน่าเชื่อถือของเราถดถอย ขณะที่เขมรต่อรองได้ทั้งจีนและสหรัฐฯ
ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะขาด Endgame ที่ชัดเจน และดูตั้งใจสื่อสารกับประชาชนในประเทศ มากกว่าโลกภายนอก
พูดแบบตรงไปตรงมา การพบอาวุธของจีนอาจจะเป็นทางลงที่ดี
ไม่ได้แปลว่าเราเพลี่ยงพล้ำ แต่มันสะท้อนว่าเขมรมีมหาอำนาจหนุนหลังอยู่
มันบอกว่าจีนไม่ต้องการให้เกิด Regime Change ในเขมร และเราต้องหันมาทบทวนยุทธศาสตร์ของไทย
พวกเราทุกคนล้วนรักชาติ ต้องการกำราบเขมรให้หายซ่า
แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเขมรไม่หมูอย่างที่คิด และยิ่งหากสู้รบยืดเยื้ออาจยิ่งสูญเสียมากขึ้น



อาวุธจีนโผล่ยิงทหารไทย

https://www.facebook.com/sirote.klampaiboon/posts/1426068872199413

Sirote Klampaiboon (ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์)
9 hours ago
·
อาวุธจีนโผล่ยิงทหารไทย ยึดขีปนาวุธต่อต้านรถถังได้ที่เนิน 677 เพิ่งเปิดตัวปี 2568 ราคาลูกละ 3.5 ล้าน พัฒนาเลียนแบบขีปนาวุธสหรัฐในยูเครน
มีรายงานว่า "ทหารไทย" ยึดระบบ "ขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถียุคที่ 5" รุ่น GAM-102LR "สัญชาติจีน" จากทหารกัมพูชาบนเนิน 677 จำนวนมาก โดยขีปนาวุธรุ่นนี้เป็นอาวุธที่เพิ่งเปิดตัวปี 2568 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถี FGM-148 Javelin ของสหรัฐอเมริกาซึ่งใช้ในยูเครน
ราคาต่อลูกของขีปนาวุธ GAM-102LR อยู่ที่ประมาณ $112,000 USD หรือคิดเป็นเงินไทยราว 3,530,240 บาท ผลิตโดยบริษัทอาวุธชั้นนำจีน Poly Defense ในเครือ Poly Technologies เปิดตัวครั้งแรกในงานนิทรรศการอาวุธยุทโธปกรณ์ EDEX ประจำปี 2025
.
สำหรับ GAM-102LR ถูกจัดให้เป็นขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านยานเกราะ (ATGM)
ที่มีมีหัวนำวิถีขั้นสูง (Advanced homing head) และมีความแม่นยำสูง ซึ่งสามารถใช้ยิงได้ในโหมด Lock-on-After-Launch (LOAL) และ Man-in-the-Loop เพื่อการเลือกเป้าหมายใหม่กลางอากาศ
ขีปนาวุธจีนที่พบในกัมพูชาเป็นรุ่นที่ 5 แต่ละลูกมีนํ้าหนัก 52 กิโลกรัม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลขีปนาวุธต่อต้านรถถัง GAM-10X สามารถใช้โจมตีได้ทุกเป้าหมายที่อยู่ในพิสัยอย่างมีประสิทธิภาพ
ภาพและข้อมูลจากเพจ Army Military Force
สมัครสมาชิกรายเดือนเฟซบุ๊กศิโรตม์ทอล์ค เพื่อสร้างสื่อที่อิสระ ไม่พึ่งทุน ไม่พึ่งอำนาจรัฐ แต่อยู่ได้ด้วยพลังของพวกคุณ
กด subscribe
https://www.facebook.com/sirote.klampaiboon/subscribe
.....




ข้อแตกต่างของสื่อไทยและสื่อนอก สื่อไทยเน้นการเสนอข่าวที่สร้างความฮึกเหิม “F-16 ทิ้งไข่ระเบิดสะพาน” “กริพเพนบินเสิร์ฟไข่มื้อเย็น” เสนอภาพผลกระทบต่อชาวบ้านน้อยมาก แต่สื่อนอกมักเสนอภาพความทุกข์ยากของชาวบ้านที่ต้องอพยพโยกย้ายเพราะสงคราม เชิญนักวิชาการมาวิเคราะห์เหตุการณ์ และเสนอทางออก



Pipob Udomittipong
15 hours ago
·
สังเกตมั้ยว่าในขณะที่สื่อไทยเน้นการเสนอข่าวที่สร้างความฮึกเหิม “F-16 ทิ้งไข่ระเบิดสะพาน” “กริพเพน ผนึก F-16 ถล่มหนัก” “อย่าไว้ใจเขมร ชาวบ้านไม่อยากให้ไทยหยุดยิง” “กริพเพนบินเสิร์ฟไข่มื้อเย็น” “กริพเพนตีแตก บินถล่มคลังกระสุน” “บึมฐานทหารเขมร! สอยรถถังเขมรนับสิบ” ฯลฯ แต่เสนอภาพผลกระทบต่อชาวบ้านน้อยกว่ามาก

ในทางตรงข้าม สื่อนอกมักเสนอภาพความทุกข์ยากของชาวบ้านที่ต้องอพยพโยกย้ายเพราะสงคราม ความรู้สึกอยากให้สงครามจบเร็ว ๆ และอยากให้กลับมาสัมพันธ์ดีกันเหมือนเดิม นอกนั้นก็เป็นการเชิญนักวิชาการมาวิเคราะห์เหตุการณ์ และเสนอทางออก นอกเหนือจากการทำสงครามที่ยืดเยื้อ

ในรายงานนี้ FRANCE 24 สัมภาษณ์ เจริญ แจ่มใส ชายชาวไทย ซึ่งบอกว่า “คิดว่าอยากให้เจรจา และกลับมาดีกันเหมือนเดิม ถึงอย่างไรเราก็เป็นเพื่อนบ้านกัน ถ้ายังสู้กันต่อไปอย่างนี้ เราจะมีชีวิตอยู่อย่างไร? เราอาศัยอยู่ติดกัน เราปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ได้หรอก”

สำนักข่าวเดียวกันยังสัมภาษณ์มาร์ คลี หญิงชาวกัมพูชา ซึ่งต้องอพยพเป็นครั้งที่สองแล้ว 50 ปีที่แล้วต้องหนีเขมรแดง เธอบอกว่านอนไม่หลับ และกังวลถึงทรัพย์สินที่บ้านซึ่งอยู่ชายแดน เธอบอกว่าสงครามความขัดแย้งครั้งนี้ เป็นเรื่องที่เกิดจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ไม่ได้เป็นเพราะประชาชนคนไทยหรือกัมพูชา

มาร์ คลี บอกว่า “คนหนุ่มสาวที่หมู่บ้านดิฉันทำงานในเมืองไทยทั้งนั้น พวกเราคิดว่าคนไทยหรือคนกัมพูชาก็เหมือนพี่น้องกัน พวกเราไม่เคยทะเลาะกัน พวกเขารักกันดี มันเป็นปัญหาระหว่างสองรัฐบาล โดยเฉพาะรบ.ไทยที่ต้องการที่ดินของเรา แต่ถ้าในระดับประชาชน พวกเราไม่มีปัญหาต่อกัน

สงครามเกิดขึ้นและบานปลาย เพราะมีคนที่ได้ประโยชน์ โดยเฉพาะรัฐบาลเสียงข้างน้อยของ #อนุทิน และ #พรรคภูมิใจไทย ของเขา ยิ่งการสู้รบรุนแรงยืดเยื้อมากเท่าไร ก็จะยิ่งเป็นผลดีทางการเมืองกับเขาและพรรคของเขาเท่านั้น

อนุทินต้องการจัดเลือกตั้งท่ามกลางกระแสชาตินิยมที่พุ่งสูงระหว่างสงคราม หรือที่ฝรั่งเรียกว่า “Khaki election”เพราะทำให้เขาได้เปรียบ ยิ่งถ้าเกิดความเสียหายทางทหารของกัมพูชามากเท่าไร ซึ่งก็ต้องมาพร้อมกับความสูญเสียของชีวิตทหารชั้นผู้น้อย ต้นทุนค่าใช้จ่ายในสงคราม และความทุกข์ยากด้านเศรษฐกิจของประชาชน เขาก็จะยิ่งสามารถประกาศชัยชนะ เพื่อหาเสียงได้

กฎหมาบบ้านเรานี่ก็แปลก ห้ามแจกเงินเพื่อซื้อเสียง แต่ไม่ได้ห้ามทำสงครามเพื่อหาเสียง

ประเด็นจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าเราจะไม่สู้ เมื่อถูกยิงก่อน ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า มันมีวิธีการที่สันติและส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยสุด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการลุกลามบานปลายของสงครามหรือ? หลายฝ่ายเห็นว่ามี ต่างชาติเห็นว่ามี เพราะสาเหตุครั้งนี้ เกิดจากเรื่องทุ่นระเบิดและการปะทะกันระหว่างการสร้างถนน

แต่รบ.อนุทินจงใจไม่เลือกใช้วิธีทางการทูตเหล่านั้น เพราะเขาได้ประโยชน์จากสงครามหรือไม่ หรือเพราะเขาเป็น “War monger”? #ไทยกัมพูชา

Civilians caught in crossfire as Thailand-Cambodia fighting continues https://youtu.be/W4gnunWZe_M

https://www.facebook.com/photo/?fbid=10163466590236649&set=a.10150096728651649




อย่าให้เสียงปืน บดบัง บทบาทของไทยในเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติเอเชียอาคเนย์

https://www.facebook.com/kasian.tejapira/posts/10240272471852351

Kasian Tejapira 
17 hours ago
·
บทบาทของไทยในเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติเอเชียอาคเนย์
%%%%%%
https://www.matichon.co.th/weekly/column/article_873772
และข่าวล่าสุดจาก
https://transbordernews.in.th/home/



เวิลด์แบงก์เตือน ‘ไทย’ เสี่ยง #น้ำท่วม ติดท็อปโลก GDP หาย 14%



 


 https://x.com/ktnewsonline/status/2000094654394450318



การเลือกตั้งครั้งหน้า คาดการณ์จำนวน ส.ส.เขต และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จาก คุณอดิศักดิ์​ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ และคุณยุทธพร อิสรชัย น่าสนใจ - พรรคประชาชนกะว่าจะได้สส.รวม ประมาณ 150 - โอวโน ! อนุรักษ์ความด้อยพัฒนา ต่อไป ?


Adisak Limparungpatanakij
9 hours ago

poosdnetSrh4l0alta3h0hl6g78hmtahl068109t9g2i9gc1g12g7a8lc3mu ·

#คอลัมน์คิดใหม่วันอาทิตย์
ชิ้นที่2ประจำวันอาทิตย์ที่​ 14​ ธันวาคม​ 2568
ผู้เขียน​ : อดิศักดิ์​ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ

#คำนวณพรรคไทยจะชนะเลือกตั้งจากNIDAPoll
#คาดการณ์แต่ละพรรคจะได้กี่ที่นั่ง
#3พรรคใหญ่ที่นั่งเกินร้อย

[อธิบายสมมติฐานการคาดการณ์จำนวน ส.ส.เขต และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์]​

ตัวเลขเหล่านี้มาจากอะไร และมีข้อยกเว้นตรงไหนบ้าง

ตารางคาดการณ์จำนวน ส.ส.เขต และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่นำเสนอ ไม่ได้เป็นการ “ทำนายผลเลือกตั้งแบบฟันธง” และไม่ใช่การเอาตัวเลขโพลมาแปลงเป็นที่นั่งโดยตรง แต่เป็นการประเมินเชิงฉากทัศน์ (scenario-based estimation) ที่พยายามสะท้อน พฤติกรรมการเลือกตั้งจริงของไทย ให้ใกล้ความเป็นจริงมากที่สุด

#สมมติฐานหลักข้อที่1: คะแนนนิยมจากโพลเป็น “จุดตั้งต้น” ไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้าย

การคำนวณตั้งต้นจาก NIDA Poll ล่าสุดและย้อนหลัง โดยใช้แนวโน้มคะแนนนิยมพรรคและคะแนนนิยมตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเป็น “สัญญาณทิศทาง” ไม่ใช่ตัวเลขตายตัว
เหตุผลสำคัญคือ โพลระดับประเทศสะท้อน “ความรู้สึกโดยรวม” ได้ดี แต่ ไม่สะท้อนการแข่งขันระดับเขต ซึ่งเป็นหัวใจของระบบเลือกตั้งไทย

ดังนั้น คะแนนโพลถูกใช้เพื่อประเมินสัดส่วน ปาร์ตี้ลิสต์ (100 ที่นั่ง) เป็นหลัก มากกว่าส.ส.เขต

#สมมติฐานหลักข้อที่2: ส.ส.เขตให้ความสำคัญกับ “ความแข็งแรงเชิงพื้นที่” มากกว่ากระแส

การประเมิน ส.ส.เขต 400 คน ใช้หลักถ่วงน้ำหนักจาก

โครงสร้างพรรคในพื้นที่

ความต่อเนื่องของฐาน ส.ส.เดิม

ความสามารถของผู้สมัครรายเขต

ข่าวการย้ายพรรคและเครือข่ายการเมืองจริง

พรรคที่โพลระดับชาติไม่สูง แต่มีเครือข่ายพื้นที่แข็ง (เช่น พรรคภูมิใจไทย พรรคกล้าธรรม) จึงได้จำนวน ส.ส.เขตสูงกว่าที่โพลพรรคบอก
ในทางกลับกัน พรรคที่กระแสดีในระดับประเทศ แต่โครงสร้างพื้นที่ยังไม่ทั่วถึง จะได้ ส.ส.เขตต่ำกว่าสัดส่วนคะแนนนิยมรวม

#สมมติฐานหลักข้อที่3: Undecided จำนวนมาก “ไม่กระจายเท่ากัน”

แบบจำลองนี้ตั้งสมมติฐานว่า

กลุ่ม Undecided ไม่ได้กระจายคะแนนเท่า ๆ กันทุกพรรค

แต่จะไหลไปหาพรรคที่ตอบโจทย์สถานการณ์ ณ เวลานั้น เช่น

วิกฤต → พรรคที่ดูบริหารได้

ปากท้อง → พรรคที่มีนโยบายเศรษฐกิจชัด

ความเบื่อการเมือง → พรรคที่ดูเป็นทางเลือกกลาง

จึงทำให้บางพรรคได้ปาร์ตี้ลิสต์มากกว่าสัดส่วนเขต และบางพรรคได้เขตมากแต่ปาร์ตี้ลิสต์น้อย

#สมมติฐานหลักข้อที่4: พรรคขนาดเล็กยังมีที่ยืน แต่ไม่ขยายตัวมาก

การคาดการณ์นี้สมมติว่า

พรรคเล็กบางพรรคยังได้ ปาร์ตี้ลิสต์ 1–2 ที่นั่ง จากฐานเฉพาะกลุ่ม

แต่ไม่มีพรรคเล็กใด “แจ้งเกิดใหญ่” แบบทะลุโพล

ขณะเดียวกัน พรรคที่เคยมี ส.ส.เขต แต่โครงสร้างอ่อนลง มีแนวโน้มเหลือเฉพาะปาร์ตี้ลิสต์ หรือหายไปจากสภา

#ข้อยกเว้นและความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น

ตัวเลขทั้งหมดอาจเปลี่ยนได้ หากเกิดเหตุการณ์นอกสมมติฐาน เช่น

วิกฤตใหญ่ก่อนเลือกตั้ง (เศรษฐกิจ/ความมั่นคง/ภัยพิบัติ)

การเปลี่ยนแปลงตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแบบฉับพลัน

การจับมือหรือแตกหักของพรรคใหญ่ก่อนวันเลือกตั้ง

#กล่าวโดยสรุป ตารางคาดการณ์นี้คือ ภาพจำลองบนพื้นฐานข้อมูลปัจจุบัน ไม่ใช่คำทำนายตายตัว แต่ช่วยให้เห็นว่า หากทุกอย่างเดินตามแนวโน้มที่มีอยู่ในวันนี้ สมดุลอำนาจในสภาจะออกมา “ใกล้เคียงแบบไหน” และใครจะได้เปรียบ–เสียเปรียบจากโครงสร้างการเมืองจริง
 
https://www.facebook.com/photo/?fbid=2689652011402830&set=a.213195402381849
.....



ยุทธพร อิสรชัย
3 hours ago
·
ยุทธพร ทำนายที่นั่ง สส. ณ 14 ธค 68
.....





CLIP🔴 กลุ่มประกันสังคมก้าวหน้า บุกกระทรวงแรงงาน จุดธูปสาปแช่งคนขวางเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม พร้อมคัดค้านการเปลี่ยนสูตรบอร์ด สปส. หวังสกัดเลือกตั้ง

https://www.facebook.com/reel/1339175160870679