แม่ทัพภาคสองนี่บินเลยลงกาหรือว่าฟ้าลิขิตแบบนี้ เรื่องที่ข้ามหัวรัฐบาล กรณีขอรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงไปขึงชายแดนกั้นเขมรรุกล้ำ แล้วพอขอปุ๊บก็ได้ปั๊บ เริ่มจาก ‘อินฟลู’ คนที่ ‘ปวิน’ ตั้งให้เป็น รมว.กลาโหม ถ้า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ขึ้นเป็นนายกฯ
กัน จอมพลัง จัดเก่งอยู่แล้ว ขนาดลงไปตรวจแนวปะทะชายแดนด้วยตนเองน่ะ เขาย่อมไม่ธรรมดา ตามด้วยสตรีผู้มีนามว่า อาภาพรรณ โจโควิจาจา ไปหาซื้อลวดหนามจากโรงงาน ได้มา ๒๐๐ ชุด กระสอบอีก ๑ แสน ๓ หมื่นใบ รองเท้าแตะอีก ๙๖๐ คู่
โฆษกชายรายการข่าวอรุณอมรินทร์คนหนึ่ง รายงานว่า “แต่มีคนไม่พอใจ (ผู้ที่ทำนี่น่ะ หมายถึงประชาชนนะ ไม่ข้ามหน้าข้ามตาใครหรือเปล่า” โฆษกหญิงหนึ่งในนั้นต่อยอดว่า “ข้ามอะไรล่ะพี่บอล กองทัพเขาอยู่แนวหน้าใช่ไหม เราก็เสริมไปให้
แล้วไปเหยียบหน้าใครหรือคะ” ภูมิธรรม เวชยชัย ตอบกลับรัวๆ ว่าเรื่องอย่างนี้รัฐบาลมีงบฯ ให้อยู่แล้ว อะไรขาดก็ให้บอกมา ไม่จำเป็นถึงขนาดขึ้นเพจให้ประชาชนช่วย ทางกองทัพหน่วยเหนือไม่วายแก้ตัวว่า ถึงงบฯ จะมี แต่นี่กรณีเร่งด่วน
รังสิมันต์ โรม ไม่รอช้า ตอบให้ทันใจเหมือนกัน บอกแม้การบริจาคเป็นสิ่งดี แต่แบบนี้ไม่เหมาะสมนะ กองทัพมีทั้งงบประมาณปกติอยู่แล้วจำนวนมาก และงบฯ ส่วนกลาง ที่ดึงเอามาใช้ได้ทันที แต่ถ้าใช้งบจากภาษีจะดีกว่า ในแง่ของประสิทธิภาพทางการบริหาร
ส.ส.พรรคประชาชนอีกคน อภิปรายอยู่ในสภาพอดี เรื่องงบฯ กลาโหมใช้กันอย่างสุรุ่ยสุร่าย ตรวจพบ “ในปีงบประมาณ ปี ๒๕๖๙ เฉพาะของกองทัพบก มีรายการค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถยนต์ประจำตำแหน่ง จำนวน ๒๔๐,๓๙๓,๖๐๐ บาท”
เงินจำนวนนี้มากกว่างบฯ จัดหายุทโธปกรณ์หลายเท่า “ยิ่งในสถานการณ์บ้านเมืองที่มีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาแบบนี้ด้วย ไม่ละอายใจเลยเหรอ” เชตวัน เตือประโคน ชี้ว่าการจัดหายุทโธปกรณ์ป้องกันชายแดน ได้เงินเอามาใช้แค่ ๑๕๐ ล้านเท่านั้น
ซึ่งจัดหาได้เพียง ๓ รายการ คือโดรนตรวจตรา ๑ เครื่องใชที่ผามออีแดง ปราสาทพระวิหาร อีกเครื่องใช้ที่ปราสาทตาควาย สุรินทร์ โดรนเครื่องที่สามเป็นชนิดบัญชาการ “แม้แต่โครงการจัดหาสิ่งอุปกรณ์ของหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด กรมสรรพาวุธ”
นี่ไง “ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยไม่ต้องไปเสี่ยงภัย ก็จัดหาหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดแค่ชุดเดียว เครื่องเอกซเรย์แบบเคลื่อนที่ ควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ ก็จัดหาแค่ ๑ เครื่อง” เทียบกันไม่ติดกับงบฯ รถประจำตำแหน่งของนายทหาร
ซึ่งเยอะมาก โดยระบบเหมาจ่าย พลโท พลเอก ได้ ๔๑,๐๐๐ บาท พลตรี ๓๑,๘๐๐ บาท และพันเอกพิเศษ ๒๕,๔๐๐ บาท เฉพาะกองทัพบกแห่งเดียว รัฐต้องจ่ายค่ายานพาหนะให้แก่นายทหารที่เทียบชั้นระดับปลัดกระทรวงและอธิบดีถึง ๖๙๔ นาย
(https://www.facebook.com/thestandardth/posts/QegL543Z2xbML, https://www.facebook.com/NewsWorkpoint/videos/651101064676759 และ https://www.youtube.com/watch?v=Ogjy44cEZXI)