จากข่าวคดีโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวนกว่า 3 พันล้านบาทในปี 55-56 เราลองมาดูกันว่า เหตุการณ์นี้่เกิดขึ้นได้อย่างไรและทำไมถึงสามารถโกงภาษีได้มากขนาดนี้
1. การจัดตั้งบริษัทปลอมเพื่อใช้งาน กลุ่มบริษัทปลอมจำนวน 25 บริษัทโดยมีการใช้ข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่นๆ มาปลอมแปลงเป็นกรรมการบริษัท (Nominee) กลุ่มบริษัทนี้ทำธุรกิจส่งออกโลหะ ผ่านการซื้อสินค้าและบริการในประเทศ และมีการส่งออกไปยังต่างประเทศ
2. การใช้ช่องทางขอคืน VAT จากการส่งออก หลักการของภาษีมูลค่าเพิ่ม หากมีการส่งออกจะเสียภาษีในอัตรา 0% ของสินค้าที่ส่งออก ดังนั้นจึงแปลว่าบริษัทมีสิทธิ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม จากการซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศได้ นอกจากนั้น ยังไม่ทราบว่าข้อมูลการขอคืนภาษี เอกสารต่างๆ นั้นมีข้อเท็จจริงการจัดการแบบไหน อาจจะมีตกแต่งหรือจัดทำเอกสารเท็จเพิ่มเติมก็เป็นได้ครับ
3. การตรวจสอบที่ไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง การตรวจสอบเพื่อคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลในหลายประเด็น เช่น การมีอยู่ของกิจการ รายการซื้อขาย รายการชำระเงิน สินค้าคงเหลือ ฯลฯ แต่ในกรณีนี้มีการตรวจสอบแค่ใบขนสินค้าที่ผ่านพิธีการศุลกากร เท่านั้น โดยไม่ได้มีการตรวจสอบอื่น ๆ ประกอบพร้อมกับใช้อำนาจในการสั่งคืนภาษีดังกล่าว
ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น คือ บริษัทปลอม ส่งออกปลอมแต่มีการขอคืนเงินจริงจากรายการปลอมๆเหล่านี้โดยใช้อำนาจที่มิชอบของเจ้าหน้าที่ในการสั่งคืนจนมีผลกระทบที่ร้ายแรงกว่า 3 พันล้านบาท โดยคดีที่เกิดขึ้นนี้ ศาลได้พิพากษาแล้วให้จำคุกข้าราชการทั้งสองที่เกี่ยวข้องและชดเชยค่าเสียหายแก่สรรพากร พร้อมกับริบของกลาง (ทองคำแท่ง) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
...
Thanom KetemNovember 14
·
โกง VAT เป็นพันล้านเลยหรอพี่
และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐต้องเจอ
---
เมื่อใบกำกับภาษีถูกใช้ปล้นเงินคืนจากรัฐ
ผ่านการขอคืน "ภาษีมูลค่าเพิ่ม" ที่ไม่มีจริง
---
สรุปข่าวสั้นทันเหตุการณ์วันนี้
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ CIB + ปอศ. + สรรพากร
บุก 11 จุดพร้อมกันใน ตาก / เชียงใหม่ / ลำปาง / กรุงเทพฯ
เป้าหมายคือเครือข่ายการโกง VAT
ที่ต่อยอดจาก “รุ่นพ่อ” ไปสู่ “รุ่นลูก”
Phase 1 พ่อ = ความเสียหาย 1,100 ล้าน
Phase 2 ลูก = พัฒนาต่อยอดอีกกว่า 1,000 ล้าน
รวมแล้ว 2,100 ล้านบาทที่หายไป
ว่าแต่เขาโกงกันยังไง ?
---
เขาโกง VAT กันยังไง?
คำตอบคือ โกงโดยการส่งออกไปนอกประเทศ
ศัพท์เทคนิคเรียกว่า
กลโกงแบบ Carousel Fraud
แต่อ่านไม่ออก เรียกแบบไทยละกันว่า
"ส่งออกแบบหลอกๆ แล้วมาหลอกรัฐอีกที"
Step ตามนี้
1. ตั้งบริษัทเยอะ ๆ ช่วยกันสร้างรายการ
เปิดกันให้มากที่สุด จะได้มีทั้ง "ผู้ซื้อและผู้ขาย"
2. สร้างธุรกรรมหลอกๆ แต่บวกราคาเพิ่ม
ซื้อขายกันเอง แกล้งส่งเอกสารไปมา
แต่ของมักไม่มีจริง เน้นขายเอายอดให้ดูเยอะ
3. จุดสำคัญ "ปั่นราคาให้สูงขึ้นทุกทอด
ราคาที่เพิ่มขึ้น จะถูกคิด VAT 7% ไปเรื่อย ๆ
ดังนั้นราคายิ่งสูง → VAT ยิ่งสูงขึ้นไป
และจะไปมียอดสูงสุดจนถึงไม้สุดท้าย
4. บริษัทสุดท้าย = ผู้ส่งออก
การ“ส่งออก” ไปต่างประเทศ
ได้รับสิทธิ์เสีย VAT ในอัตรา 0%
นั่นแปลว่า ภาษีซื้อ (VAT) ที่เคยจ่ายมา
"ขอ คืน ได้" ทั้งหมดเลยจ้า
5. ก็ยื่น “ขอคืน VAT” เต็มจำนวน
อ้างว่าจ่ายภาษีซื้อมารัว ๆ
สุดท้ายรัฐก็ต้อง “คืนเงิน" ให้
ปัญหาคือ ทำไมรัฐไม่รู้ ?
คำตอบ คือ เขาเนียนกันขึ้นเรื่อย ๆ
---
เอาปลอมใส่จริง ก็น่าจะจริงสิน่า
ก่อนหน้านี้แค่ปลอมใบกำกับภาษี
ขอคืนกันแบบปลอม ๆ หลอกแบบง่ายไป
แต่เดี๋ยวนี้มิจจี้เขาพัฒนาแล้ว
บริษัทจริงมีหน้าร้านจริง มียอดส่งออกจริง
แต่เอาธุรกรรมปลอมไปยัดในกองธุรกรรมจริง
เหมือนซ่อนใบไม้ใบเดียวที่หลงเหลือไว้ในป่า
อะไรอะ ไม่ใช่แล้ว มันคือการเนียนไปอีกขั้น
ธุรกรรมปลอมถูกซ่อนอยู่ใน “กองธุรกรรมจริง”
ทำให้การตรวจเจอความผิดปกติยากขึ้น
กว่าจะเจอก็สายเสียแล้ว เฮ้อ
แต่ยังไม่จบ เศร้ากว่านี้่อีกนิดได้ไหม
เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก
เมื่่อก่อนเขาก็โกงกัน 3,000 ล้านบาทมาแล้ว
---
เรื่องนี้ทำให้นึกถึง
คดีโกง VAT มูลค่า 3,000 ล้านบาท
เมื่อประมาณเกือบ ๆ 10 ปีที่ผ่านมา
อันนั้นก็ใช้หลักการแบบนี้ เหมือนกัน
เพียงแต่มีการร่วมมือของ "คนใน"
ทำให้อะไร ๆ ก็ง่าย สะดวก และรวดเร็ว
แต่คดีล่าสุดนี้ เหมือนจะใช้แค่ช่องโหว่เดียวกัน
แต่เพิ่มความซับซ้อนให้ตรวจสอบไม่ทันการมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างก็ยังทำเหมือนเดิม
และก็พังเหมือนเดิมจากระบบเดิม ๆ
เพราะอะไรนะ ?
---
ทำไมเรื่องนี้ถึงเกิดซ้ำวน?
เหมือนวังน้ำวนวนเชี่ยวไปเรื่อย ๆ
เดาเล่น ๆ มาจาก 3 เรื่องหลัก คือ
1. ใบกำกับภาษีแบบกระดาษ
ปลอมง่าย ขายบิลง่าย คล่องจัด
ตรวจย้อนหลังยากแบบมหาศาล
โดนเจอทีก็หนักอยู่
แต่หลายคนก็รู้ว่าเสี่ยงยังขอลอง
2. แยกระบบ
ด้วยความเคารพจากใจ
หน่วยงานรัฐข้อมูลไม่เชื่อมกัน
แยกบริษัท แยกยื่นภาษี แยกส่งออก
รู้ตัวอีกทีเขาก็หลอกไปเสียแล้ว
3. งานที่หนักเกินไป
ต่อให้ไม่มีคนใน แต่กำลังตรวจไม่พอ
ใช้ระบบการตรวจสอบแบบ "สุ่มตรวจ"
ก็๋แปลว่ามีโอกาสที่จะหลุดรอดได้
บ่นมานาน เอาทางแก้บ้างดิ
โอเค จัดไปครับ
---
แก้ยังไง
1. เลิกกระดาษ
e-Tax Invoice & e-Receipt แบบ 100% ดูสิ
ทุกอย่างเชื่อมข้อมูลกัน ตรวจสอบกันได้
2. เชื่อมข้อมูลรัฐ
หน่วยงานสำคัญ ใช้ข้อมูลร่วมกันได้ไหม
เพื่อสร้างการวิเคราะห์ความเสี่ยงอัตโนมัติ
3. ตรวจสอบข้ามประเทศ
ส่งออกจริง ต้องตรวจสอบได้
อันนี้อยู่ที่ความร่วมมือระหว่างประเทศละ
4. เพิ่มอำนาจถ่วงดุล ระบบแจ้ง + สินบนนำจับ
อย่าให้อำนาจใหญ่อยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง
คนที่แจ้งเบาะแส ได้รับเงินรางวัลจูงใจ
รับรองมันกว่านี้อีกเยอะแล้วครับผม
---
ออกตัวทิ้งท้ายอีกที
ทั้งหมดนี้เขียนจากข้อมูลที่ค้นคว้ามา
อาจจจะมีตกหล่นไปบ้างในบางประเด็น
แต่คิดว่าน่าจะทำให้เข้าใจมากขึ้นครับ
ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/photo/?fbid=10162484886428450&set=a.284039943449
.....