วันจันทร์, พฤศจิกายน 17, 2568

ตัวเลขเศรษฐกิจไทยเวลานี้มีแต่ ‘เตี้ยลง ๆ’ สภาพัฒน์ฯ เผย ปี ๖๘ โตแค่ ๒% ปี ๖๙ ยิ่งจะแย่ไปใหญ่ ประมาณการค่ากลางอยู่ที่ ๑.๗% ต่ำได้ถึง ๑.๒ โตเต็มที่ ๒.๒

ตัวเลขเศรษฐกิจไทยเวลานี้มีแต่ เตี้ยลง ๆ สภาพัฒน์ฯ เผยจีดีพีไทยไตรมาสสี่ของปีนี้ ขยายเพียง ๐.๖% ก็ยังดีกว่าไตรมาสที่แล้วซึ่งติดลบเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านั้น ถึงอย่างไรยังนับว่าไม่ถึงขั้นตกอับสู่ภาวะเงินฝืด  

แต่อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของไทยรั้งท้ายประเทศอาเซียน ที่อัตรา ๑.๒% โดยมีเวียดนามนำลิ่วที่ ๘.๒๓% ตามด้วยมาเลเซีย ๕.๒% อินโดนีเซีย ๕.๐๔% ฟิลิปปินส์ ๔% และสิงคโปร์ ๒.๙%

ทั้งปี ๖๘ สภาพัฒน์ฯ คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตในระดับ ๒% ต่ำกว่าเมื่อปีที่แล้ว (๖๗) ที่โต ๒.๕% ขณะที่คาดการปี ๖๙ แนวโน้มการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ ๑.๒ ถึง ๒.๒ โดยประมาณการค่ากลางอยู่ที่ ๑.๗%

ทั้งนี้อ้างว่าสอดคล้องกับมาตรการภาษีของสหรัฐพอดี แม้นว่าสถานการณ์ที่เป็นมาก่อนหน้า ตลอด ๙ เดือนแรกของปีนี้ การลงทุนภาครัฐลดลงไปแล้วเหลือ ๕.๓% จาก ๑๐.๑% ของปีที่ผ่านมา รวมความว่าภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจของไทยไม่ดีเลย

ทั้งๆ ที่สถานการณ์ภายในสหรัฐ ประธานาธิบดีทรั้มพ์จำยอมระงับใช้มาตรการภาษีศุลกากรบางอย่าง เนื่องจากที่ผ่านมาก่อให้เกิดภาวะของแพง และถูกบรรษัทอุตสาหกรรมหลายแห่งบ่นว่ามาตรการของทรั้มพ์ทำให้กิจการขัดสนฝืดเคือง

ท่าทีของนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ต่อปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ว่าไม่แคร์ภาษีสหรัฐ ไม่ยับยั้งชั่งใจกับนโยบายระงับข้อตกลงสันติภาพ โหมวาทกรรมคลั่งชาติ บวกกับการตามเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีน แล้วเอามาโหนเรื่องขายข้าว

มีส่วนกระทบกระทั่งไม่มากก็น้อยกับภูมิรัฐศาสตร์ทางการค้าและการลงทุน ภาพลักษณ์เศรษฐกิจในปลายปีนี้จึงยังซึมเซา และจะหงอยเหงาต่อไปในปีหน้า จิตวิทยามวลชนเป็นผลต่อความกระปี้กระเป่าทางเศรษฐกิจ และความกระตือรือล้นทางการเมืองด้วย

เหตุนี้ โพลนิด้า ๓ ภาคตั้งแต่ระหว่าง ๒๗-๓๐ ตุลา (ภาคอีสาน) ๓๐ ตุลา- ๔ พฤศจิกา (ภาคเหนือ) และ ๑๐-๑๓ พฤศจิกา (ภาคกลาง) ออกมาเหมือนๆ กัน คือ ยังไม่เห็นใครเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป และไม่มีพรรคการเมืองใดได้รับความนิยมสูงสุด

นั้นเป็นภาวะการณ์ที่เสียงของประชาชนมิได้เหนียวแน่น พอให้เกิดพลังขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าอย่างแข็งขันได้ ก่อให้เกิดการช่วงชิงอำนาจและสถานะนำ ด้วยชั้นเชิง รวมทั้งเล่ห์กลต่างๆ นานา โดยฝักฝ่ายต่างๆ เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อความสมานฉันท์ในทางประชาธิปไตย

(https://ch3plus.com/news/economy/morning/451682) 

ปฏิญญาไทย-กัมพูชา ยังอึมครึม! เดินหน้ายังไง? ถอยหลังไปไหน?


ยังอึมครึม! เดินหน้ายังไง? ถอยหลังไปไหน? : Suthichai live 16-11-2568

Streamed live 10 hours ago 
ต่างประเทศ

https://www.youtube.com/watch?v=DEcHgThN2mk



อันวาร์โพสต์ยืนยันว่าได้คุยร่วมกับทรัมป์และผู้นำไทยกับกัมพูชา ยืนยันถึงความมุ่งมั่น ในการทำให้ข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ จะมีผลบังคับใช้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ และยังเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องมีความคืบหน้าที่สำคัญในประเด็นการกำจัดทุ่นระเบิด โดยไม่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือทางการค้าใดๆ


Anwar Ibrahim
16 hours ago
·
During my conversation with President Donald J. Trump, Prime Minister Hun Manet, and Prime Minister Anutin Charnvirakul, we reaffirmed our commitment to ensuring the full and effective implementation of the Kuala Lumpur Peace Accord. We also concurred that meaningful progress must be made on the issue of demining, without involving any form of trade cooperation.

I continue to appreciate President Trump’s personal and active commitment to resolving this matter.

ANWAR IBRAHIM

https://www.facebook.com/anwaribrahimofficial/photos/during-my-conversation-with-president-donald-j-trump-prime-minister-hun-manet-an/1422708755877354/


สังคมบ้านเรา บิดเบี้ยว น่าเบื่อมาก !

Somrit Luechai
6 hours ago
·
เมื่อไรที่สังคมยังไม่บรรลุอารยภาวะ
เราก็จะเห็นอะไรๆที่บิดเบี้ยวเช่นนี้
...
Pornsak Laokijpaisal
เอาอดีตนายทหารที่อยากทำสงครามใจจะขาด มาเป็นผอ.หลักสูตรเสริมสร้างสันติสุข เฮ้อ!!!

Ravadee Krajangjang
น่าเบื่อมาก

https://www.facebook.com/photo/?fbid=10236111279821327&set=a.10204374337137595
.....

เปิดตัว “แม่ทัพกุ้ง” ผอ.หลักสูตร 4 ส. สถาบันพระปกเกล้า

วันที่ 16 พ.ย. 2568 สถาบันพระปกเกล้า จัดงานเสวนาวิชาการเรื่อง “ความเข้าใจ MOU 43-44 ไทย-กัมพูชา :จากข้อตกลงสู่การปฏิบัติ” โดยมีนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ปรึกษา ผบ.ทบ. ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษสถาบันพระปกเกล้า และ ผอ.หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (สสสส.) พล.ท.ชาคร บุญภักดี เจ้ากรมแผนที่ทหาร และนายทรงชัย ชัยปฏิยุทธ รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมเสวนา

นายอิสระ กล่าวว่า สถาบันพระปกเกล้าต้องทำหน้าที่เป็นคลังสมองของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านนิติบัญญัติ ทั้งนี้ การทำประชามติเป็นการทำไปโดยกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกัน ในการแก้ไขธรรมนูญ รวมทั้งหากจะมีการยกเลิกข้อตกลงใดๆ ระหว่างรัฐ ก็จะต้องจัดทำประชามติ ซึ่งการทำประชามติแต่ละครั้ง รัฐมีค่าใช้จ่ายราวๆ 18,000 ล้านบาท แต่หากนำมาจัดทำรวมกัน กับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้น ก็ย่อมจะประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีทุกอย่าง การประหยัดค่าใช้จ่ายนั้น อาจต้องแลกมากับความสับสนของประชาชนในคูหา ลำพังบัตรเลือกตั้งสองใบ สำหรับการเลือก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็สับสนพอแล้ว เบอร์ของแต่ละพรรคคนละเบอร์กัน ครั้งนี้อาจจะมีบัตรอีกสองใบ รวมเป็นสี่ใบ โดยประกอบด้วยห้าคำถาม ก็เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับประชาชน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 40 ล้านคน

นายอิสระ กล่าวว่า ดังนั้น สถาบันพระปกเกล้า ในฐานะคลังสมองของประเทศ จึงควรที่ลดความสับสน สร้างความเข้าใจสร้างข้อมูลที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึก ซึ่งความรู้สึกอารมณ์รักชาติเป็นสิ่งที่ดี แต่หากไม่มีข้อเท็จจริงประกอบ ก็จะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างที่เราเห็นมาแล้วในหลายหลายประเทศ ดังนั้น ในส่วนที่สองของงานในวันนี้จึง เป็นการเสวนาในหัวข้อ ความเข้าใจ MOU 43-44 ไทย-กัมพูชา จากข้อตกลง สู่การปฏิบัติ

พล.ท.บุญสิน กล่าวตอนหนึ่ง ว่า ตนเองไม่ใช่นักวิชาการ แต่ทั้งชีวิตปฏิบัติงานจริง มาตั้งแต่จบเป็นร้อยตรี อยู่กับสังคม ที่ไม่สันติสุขเยอะมาก ทั้ง สังคมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรืออยู่กับพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ 4 ปี ตนและทีมงานออกลงพื้นที่ไปด้วยกันตลอด หยุดเพียงวันอาทิตย์ ถ้าตนไม่ออกก็ไม่รู้ว่าพี่น้องในพื้นที่คือใคร กินอยู่อย่างไร เดือดร้อนเรื่องอะไร ประเทศไทยเหมือนกันถ้าเจ้าที่รัฐที่รับผิดชอบ นั่งโต๊ะน้อยๆ หน่อยกว่าอยู่ในห้อง งานที่ท่านรับผิดชอบสันติสุขแน่นอน

พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ชื่นชมท่านเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ที่ให้วิสัยทัศน์สำหรับการรับผู้เข้าเรียนหลักสูตร เพื่อหวังนำงบประมาณของประเทศชาติให้เกิดผล นำไปสู่การปฏิบัติจริงไม่ใช่ออกมาเป็นแค่เอกสารรูปเล่ม ตนเองเน้นการปฏิบัติมาตลอดทั้งชีวิต ทุกครั้งที่มีปัญหาตอนเข้าหาปัญหาตลอดแม้ว่าปัญหานั้นจะอันตรายมาก อยู่กับปัญหาพวกนี้มาบ่อยมาก ยิ่งห่างยิ่งเจ็บ ฉะนั้นเสริมสร้างสันติสุข จึงมีอยู่ 2 อย่างเท่านั้น คือ คนกับพื้นที่ ไปจัดการเรื่องคนกับพื้นที่ให้เข้าใจ มันก็จะสันติสุข แล้วก็ผู้นำดีมีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาทรัพยากรที่ท่านมีอยู่ก็จะเกิดสันติสุข เหมือนเดิมตลอดให้มันทันยุทันสมัยมันก็คือล้าหลังพวกเราต้องร่วมกันฟันฝ่าให้ประเทศชาติต้องได้เปลี่ยนแปลง ไปในทางที่ดี

https://ch3plus.com/news/political/morning/451654
.....


Somrit Luechai
8 hours ago
·
ตั้งแต่รู้จักนายคนนี้มา
เพิ่งเห็นว่าเขาทำประโยชน์แก่ประเทศชาติ
ก็คราวนี้
ขอชื่นชมครับ

https://www.facebook.com/photo?fbid=10236110189274064&set=a.10204374337137595




คำสะกดจิตที่ทำให้คนไทยยอมจำนนต่อโชคชะตา



Rapin Hunter

ถูกสะกดจิตให้ยอมจำนนต่อโชคชะตา
มีหลายคำพูดที่ทำให้คนสยบยอมต่อความจน เช่น
แข่งบุญวาสนากันไม่ได้
บุญเก่าเขาเยอะ(บรรพบุรุษเขารวย)
สิบพ่อค้าไม่เท่าพระยาเลี้ยง (เป็นลูกจ้างเขาเลี้ยงชีพดีกว่าลงทุนประกอบการเอง)
ชาวไร่คือแขนขา ชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ(ยอให้เหลิงดีใจ)
พ่อแม่เราก็อยู่กันได้
หัวล้านเกินครู(อย่าคิดนอกกรอบ)
เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด
นกน้อยทำรังแต่พอตัว
ไม้ซีกงัดไม้ซุง
อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้
ฯลฯ
...

Suwagee Klampaiboon
8 hours ago
·
จริงหรือไม่ ที่เขาว่าคนไทยขี้เกียจ
ถูกสอนมาตลอดว่าต้องขยันแล้วจะรวย
แต่ไม่ใช่ค่ะ
เพราะเท่าที่สังเกตคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ก็ขยันแต่ทำไมยังจน
อันดับแรก มึงต้องรู้ก่อนว่าอะไรทำให้มึงจน

เพราะความจนของคนในประเทศนี้ไม่ใช่เพราะเวรกรรม กรรมเก่าหรือเพราะพวกเราขี้เกียจ แต่ความจนมันถูกออกแบบระบบโครงสร้างมาให้จน และพยายามสอนว่าให้มึงมีความสุขกับความจน คือ อยู่อย่างพอเพียง ถึงแม้ที่มีอยู่แม่jjjไม่เคยเพียงพอ

https://www.facebook.com/photo?fbid=10161257830576841&set=a.10152051646016841

.....


อนันต์ อัศวกิตติกวิน
20 hours ago
·
"ไพร่ทาส" ในสายตาฝรั่ง
เป็นงง...ถูกกดขี่ มีแอกแบกอยู่บนบ่า แต่ทำไมยังยิ้มได้
.
อ็องรี มูโอต์ (Henri Mouhot) นักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาสำรวจดินแดนสยาม กัมพูชา และลาว ในอดีตเมื่อ 167 ปีก่อนในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้บันทึกเรื่องราวต่างๆ เอาไว้หลากหลายแง่มุม ปรากฏอยู่ในหนังสือที่มีชื่อภาษาไทยว่า "บันทึกการเดินทางของอ็องรี มูโอต์ ในสยาม กัมพูชา ลาว และอินโดจีนตอนกลางส่วนอื่นๆ"
.
ในบรรดาประเด็นต่างๆ มากมายนั้นมีอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งแสดงลักษณะทางสังคมของไทยไว้อย่างน่าสนใจก็คือสิ่งที่มูโอต์เรียกว่า "ระบอบทาส"
.
โครงสร้างทางชนชั้นไม่ใช่เรื่องเชิงอำนาจเท่านั้นแต่มาพร้อมกับเศรษฐกิจด้วย เพราะชนชั้นล่างเป็นฝ่ายต้องจ่ายภาษีให้ข้างบนแต่ดูเหมือนไม่ได้อะไรกลับมา นอกจากหลักประกันว่าจะไม่ถูกเข่นฆ่าหรือลงโทษ ไพร่ทาสทำมาหากินแล้วหักแบ่งส่วนหนึ่งมาจ่ายภาษีให้เจ้าขุนมูลนายผู้มีอำนาจ บ่าวไพร่เป็นข้ารับใช้แต่ต้องจ่ายเงินให้แก่เจ้านายแทนที่จะได้รับโดยไม่มีทีท่าต่อต้านแข็งขืนใดๆ
.
สภาพการณ์เช่นนี้ทำให้มูโอต์แปลกใจกับสิ่งที่เห็นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกที่เพิ่งมาถึงใหม่ๆ
.
ดังที่มูโอต์บันทึกเอาไว้จากความทรงจำระหว่างที่กำลังล่องเรือจากบางกอกไปอยุธยาว่า
.
"ตลอดเส้นทาง ข้าพเจ้าอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เมื่อเห็นความร่าเริงเบิกบานใจไร้กังวลของไพร่ฟ้าชาวสยาม แม้จะมีแอกแบกอยู่บนบ่า ทั้งถูกเรียกเก็บภาษีรีดนาทาเร้น แต่ด้วยสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน ด้วยความอ่อนโยนโดยธรรมชาติของคนพื้นถิ่น และสภาพจำยอมที่ฝังอยู่ในสายเลือดจากรุ่นสู่รุ่น
.
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้พวกเขาลืมกังวลเรื่องของตัวเอง อีกทั้งความขมขื่นที่ต้องติดตรึงกับระบอบอันกดขี่นี้ไปเสียสิ้น ทั่วทุกที่ที่ผ่านไป ข้าพเจ้าได้เห็นผู้คนเตรียมหาปลากัน เพราะช่วงเวลาน้ำลดในท้องทุ่งเป็นโอกาสเหมาะที่จะจับปลา ที่นำมาตากแห้งนั้นเก็บไว้เป็นเสบียงได้ตลอดปี และบางครั้งยังเหลือพอจะส่งออกไปขายในปริมาณมากโข"
______________
ไพร่ทาสในสังคมไทย ตามสายตาของมูโอต์
Agora | กฤตภาศ ศักดิษฐานนท์
https://www.matichon.co.th/weekly/column/article_867213

https://www.facebook.com/photo?fbid=2042307633262831&set=a.312826259544319



คนปากดีที่คลั่งชาติ น่ากลัว

https://www.facebook.com/reel/824780263498239
6 hours ago
Jom Petchpradab
·
สิ่งที่น่ากลัว และเป็นสิ่งอันตรายของคนปากดี ไหวพริบดี สร้างคำ สร้างสำนวนการพูดดี คืออาการคลั่งชาติ...
การแบ่งดำ แบ่งขาว หรือ การแยกดี แยกชั่วให้ชัด ใช้ไม่ได้ในทางการทูต ยกเว้นว่าหากประเทศใด ต้องการให้ใช้วิธีการทูตระหว่างประเทศต้องให้ชัดว่าจะอยู่ข้างเขา หรืออยู่ข้างเรา หรือให้เลือกดำ หรือเลือกขาว นั่นเท่ากับการประกาศสงคราม
ประเทศไทย แน่ใจแล้วหรือว่า ตัวเองมีพลังอำนาจทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง ในระดับโลกเพียงพอที่จะกร่างเรียกร้องให้ประเทศอื่น หรือ องค์กรสากลโลก เลือกว่าจะเลือกยืนข้างเขา หรือยืนข้างเรา หรือจะให้เลือกดี เลือกชั่วตามนิยามของตัวเอง
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "อย่าหลงเชื่อคนปากดีที่คลั่งชาติ" ครับ


สำหรับคนที่ ไม่ได้ ฟังการประชุมกมธ. ความมั่นคง นัดประวัติศาสตร์ ว่าด้วยองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง มีคนสรุปประเด็น และตั้งข้อสังเกตที่สำคัญ 2 ท่าน คือ ประณต วิเลปสุวรรณ หรือป๋าต๋อย กับ ณัฐ เหลืองนฤมิตชัย


Thanapol Eawsakul
21 hours ago
·
สำหรับคนที่ ไม่ได้ ฟังการประชุมกมธ. ความมั่นคง นัดประวัติศาสตร์ ว่าด้วยองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง
มีคนสรุปประเด็น และต้องข้อสังเกตที่สำคัญไว้ 2 ท่าน คือ
ประณต วิเลปสุวรรณ หรือป๋าต๋อย กับ ณัฐ เหลืองนฤมิตชัย
ป๋าต๋อย
https://www.facebook.com/share/p/1BnpR7aaF9/
แถม
https://www.facebook.com/share/v/1BWpcayrg5/
ณัฐ เหลืองนฤมิตชัย
https://www.facebook.com/share/p/17fbBgRB5C/



https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/25404510709189095



โกง VAT เป็นพันล้านเลยหรอพี่ เขาทำกันยังไงนะ แล้วจะแก้ยังไง ?


โกงภาษี VAT 3,000 ล้าน เขาทำกันยังไงนะ ? ลองดูคำตอบในคลิปนี้กัน

TAXBugnoms

Aug 27, 2021

เค้าโกงภาษีกันยังไง? ถึงได้เงิน 3 พันล้าน พรี่หนอมชวนมาลองทำความเข้าใจภาษีจากเรื่องนี้กันครับ 

จากข่าวคดีโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวนกว่า 3 พันล้านบาทในปี 55-56 เราลองมาดูกันว่า เหตุการณ์นี้่เกิดขึ้นได้อย่างไรและทำไมถึงสามารถโกงภาษีได้มากขนาดนี้ 

องค์ประกอบสำคัญของเรื่องนี้มี 3 จุด 

1. การจัดตั้งบริษัทปลอมเพื่อใช้งาน กลุ่มบริษัทปลอมจำนวน 25 บริษัทโดยมีการใช้ข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่นๆ มาปลอมแปลงเป็นกรรมการบริษัท (Nominee) กลุ่มบริษัทนี้ทำธุรกิจส่งออกโลหะ ผ่านการซื้อสินค้าและบริการในประเทศ และมีการส่งออกไปยังต่างประเทศ 

2. การใช้ช่องทางขอคืน VAT จากการส่งออก หลักการของภาษีมูลค่าเพิ่ม หากมีการส่งออกจะเสียภาษีในอัตรา 0% ของสินค้าที่ส่งออก ดังนั้นจึงแปลว่าบริษัทมีสิทธิ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม จากการซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศได้ นอกจากนั้น ยังไม่ทราบว่าข้อมูลการขอคืนภาษี เอกสารต่างๆ นั้นมีข้อเท็จจริงการจัดการแบบไหน อาจจะมีตกแต่งหรือจัดทำเอกสารเท็จเพิ่มเติมก็เป็นได้ครับ 

3. การตรวจสอบที่ไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง การตรวจสอบเพื่อคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลในหลายประเด็น เช่น การมีอยู่ของกิจการ รายการซื้อขาย รายการชำระเงิน สินค้าคงเหลือ ฯลฯ แต่ในกรณีนี้มีการตรวจสอบแค่ใบขนสินค้าที่ผ่านพิธีการศุลกากร เท่านั้น โดยไม่ได้มีการตรวจสอบอื่น ๆ ประกอบพร้อมกับใช้อำนาจในการสั่งคืนภาษีดังกล่าว 

ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น คือ บริษัทปลอม ส่งออกปลอมแต่มีการขอคืนเงินจริงจากรายการปลอมๆเหล่านี้โดยใช้อำนาจที่มิชอบของเจ้าหน้าที่ในการสั่งคืนจนมีผลกระทบที่ร้ายแรงกว่า 3 พันล้านบาท โดยคดีที่เกิดขึ้นนี้ ศาลได้พิพากษาแล้วให้จำคุกข้าราชการทั้งสองที่เกี่ยวข้องและชดเชยค่าเสียหายแก่สรรพากร พร้อมกับริบของกลาง (ทองคำแท่ง) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

อย่างไรก็ดี เราก็ยังคงต้องติดตามกันต่อไป
...


Thanom Ketem
November 14
·
โกง VAT เป็นพันล้านเลยหรอพี่
และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐต้องเจอ
---

เมื่อใบกำกับภาษีถูกใช้ปล้นเงินคืนจากรัฐ
ผ่านการขอคืน "ภาษีมูลค่าเพิ่ม" ที่ไม่มีจริง
---

สรุปข่าวสั้นทันเหตุการณ์วันนี้

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ CIB + ปอศ. + สรรพากร
บุก 11 จุดพร้อมกันใน ตาก / เชียงใหม่ / ลำปาง / กรุงเทพฯ

เป้าหมายคือเครือข่ายการโกง VAT
ที่ต่อยอดจาก “รุ่นพ่อ” ไปสู่ “รุ่นลูก”

Phase 1 พ่อ = ความเสียหาย 1,100 ล้าน
Phase 2 ลูก = พัฒนาต่อยอดอีกกว่า 1,000 ล้าน
รวมแล้ว 2,100 ล้านบาทที่หายไป

ว่าแต่เขาโกงกันยังไง ?
---

เขาโกง VAT กันยังไง?
คำตอบคือ โกงโดยการส่งออกไปนอกประเทศ

ศัพท์เทคนิคเรียกว่า
กลโกงแบบ Carousel Fraud

แต่อ่านไม่ออก เรียกแบบไทยละกันว่า
"ส่งออกแบบหลอกๆ แล้วมาหลอกรัฐอีกที"

Step ตามนี้

1. ตั้งบริษัทเยอะ ๆ ช่วยกันสร้างรายการ
เปิดกันให้มากที่สุด จะได้มีทั้ง "ผู้ซื้อและผู้ขาย"

2. สร้างธุรกรรมหลอกๆ แต่บวกราคาเพิ่ม
ซื้อขายกันเอง แกล้งส่งเอกสารไปมา
แต่ของมักไม่มีจริง เน้นขายเอายอดให้ดูเยอะ

3. จุดสำคัญ "ปั่นราคาให้สูงขึ้นทุกทอด
ราคาที่เพิ่มขึ้น จะถูกคิด VAT 7% ไปเรื่อย ๆ
ดังนั้นราคายิ่งสูง → VAT ยิ่งสูงขึ้นไป
และจะไปมียอดสูงสุดจนถึงไม้สุดท้าย

4. บริษัทสุดท้าย = ผู้ส่งออก
การ“ส่งออก” ไปต่างประเทศ
ได้รับสิทธิ์เสีย VAT ในอัตรา 0%
นั่นแปลว่า ภาษีซื้อ (VAT) ที่เคยจ่ายมา
"ขอ คืน ได้" ทั้งหมดเลยจ้า

5. ก็ยื่น “ขอคืน VAT” เต็มจำนวน

อ้างว่าจ่ายภาษีซื้อมารัว ๆ
สุดท้ายรัฐก็ต้อง “คืนเงิน" ให้

ปัญหาคือ ทำไมรัฐไม่รู้ ?
คำตอบ คือ เขาเนียนกันขึ้นเรื่อย ๆ
---

เอาปลอมใส่จริง ก็น่าจะจริงสิน่า

ก่อนหน้านี้แค่ปลอมใบกำกับภาษี
ขอคืนกันแบบปลอม ๆ หลอกแบบง่ายไป

แต่เดี๋ยวนี้มิจจี้เขาพัฒนาแล้ว

บริษัทจริงมีหน้าร้านจริง มียอดส่งออกจริง
แต่เอาธุรกรรมปลอมไปยัดในกองธุรกรรมจริง

เหมือนซ่อนใบไม้ใบเดียวที่หลงเหลือไว้ในป่า
อะไรอะ ไม่ใช่แล้ว มันคือการเนียนไปอีกขั้น

ธุรกรรมปลอมถูกซ่อนอยู่ใน “กองธุรกรรมจริง”
ทำให้การตรวจเจอความผิดปกติยากขึ้น

กว่าจะเจอก็สายเสียแล้ว เฮ้อ
แต่ยังไม่จบ เศร้ากว่านี้่อีกนิดได้ไหม

เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก
เมื่่อก่อนเขาก็โกงกัน 3,000 ล้านบาทมาแล้ว
---

เรื่องนี้ทำให้นึกถึง
คดีโกง VAT มูลค่า 3,000 ล้านบาท
เมื่อประมาณเกือบ ๆ 10 ปีที่ผ่านมา

อันนั้นก็ใช้หลักการแบบนี้ เหมือนกัน
เพียงแต่มีการร่วมมือของ "คนใน"
ทำให้อะไร ๆ ก็ง่าย สะดวก และรวดเร็ว

แต่คดีล่าสุดนี้ เหมือนจะใช้แค่ช่องโหว่เดียวกัน
แต่เพิ่มความซับซ้อนให้ตรวจสอบไม่ทันการมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างก็ยังทำเหมือนเดิม
และก็พังเหมือนเดิมจากระบบเดิม ๆ

เพราะอะไรนะ ?
---

ทำไมเรื่องนี้ถึงเกิดซ้ำวน?
เหมือนวังน้ำวนวนเชี่ยวไปเรื่อย ๆ

เดาเล่น ๆ มาจาก 3 เรื่องหลัก คือ

1. ใบกำกับภาษีแบบกระดาษ
ปลอมง่าย ขายบิลง่าย คล่องจัด
ตรวจย้อนหลังยากแบบมหาศาล

โดนเจอทีก็หนักอยู่
แต่หลายคนก็รู้ว่าเสี่ยงยังขอลอง

2. แยกระบบ

ด้วยความเคารพจากใจ
หน่วยงานรัฐข้อมูลไม่เชื่อมกัน

แยกบริษัท แยกยื่นภาษี แยกส่งออก
รู้ตัวอีกทีเขาก็หลอกไปเสียแล้ว

3. งานที่หนักเกินไป

ต่อให้ไม่มีคนใน แต่กำลังตรวจไม่พอ
ใช้ระบบการตรวจสอบแบบ "สุ่มตรวจ"
ก็๋แปลว่ามีโอกาสที่จะหลุดรอดได้

บ่นมานาน เอาทางแก้บ้างดิ
โอเค จัดไปครับ
---

แก้ยังไง

1. เลิกกระดาษ
e-Tax Invoice & e-Receipt แบบ 100% ดูสิ
ทุกอย่างเชื่อมข้อมูลกัน ตรวจสอบกันได้

2. เชื่อมข้อมูลรัฐ
หน่วยงานสำคัญ ใช้ข้อมูลร่วมกันได้ไหม
เพื่อสร้างการวิเคราะห์ความเสี่ยงอัตโนมัติ

3. ตรวจสอบข้ามประเทศ
ส่งออกจริง ต้องตรวจสอบได้
อันนี้อยู่ที่ความร่วมมือระหว่างประเทศละ

4. เพิ่มอำนาจถ่วงดุล ระบบแจ้ง + สินบนนำจับ
อย่าให้อำนาจใหญ่อยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง
คนที่แจ้งเบาะแส ได้รับเงินรางวัลจูงใจ
รับรองมันกว่านี้อีกเยอะแล้วครับผม
---

ออกตัวทิ้งท้ายอีกที

ทั้งหมดนี้เขียนจากข้อมูลที่ค้นคว้ามา
อาจจจะมีตกหล่นไปบ้างในบางประเด็น

แต่คิดว่าน่าจะทำให้เข้าใจมากขึ้นครับ
ขอบคุณครับ

https://www.facebook.com/photo/?fbid=10162484886428450&set=a.284039943449
.....


ปอศ.-สรรพากร ทลายเครือข่าย โกงภาษีมูลค่าเพิ่ม รวบลูกสาวตัวการใหญ่ เข้าคุกตามรอยพ่อ พบทำรัฐเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท หลังลุยค้น 11 จุด 4 จังหวัด
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_10019533



กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ ไทยไม่ใช่ทาส เตรียมประท้วง "อันวาร์ - ทรัมป์" ไม่ไช่พ่อ ทำตัวเข้าข้างเขมร หน้าสถานทูตมาเลเซีย-สหรัฐฯ



Atukkit Sawangsuk
11 hours ago
·
ทวงคืนกลันตัน ตรังกานู ปะลิศ ไทรบุรี
คืนจากมาเลย์แม่-เลยครับ ดินแดนของไทยทั้งนั้น
ประท้วงทรัมป์แล้วไปสถานทูตจีนต่อ
เรียกร้องมหามิตรส่งทหารมาช่วยรบอเมริกา
.....



Hbd Ktob
16 hours ago
·
จาก the Guardian ครับ ทรัมป์ พูดเองว่า ใช้ ภาษี ยุติสงคราม อนุทินพูดไม่หมดมั้ง
หรือคุณอยากจะพูดอะไรพูดไป แต่กลับมาลดอาวุธหนัก เก็บกู้กับระเบิด เหมือนเดิม ให้กลับมาทำตามสัญญานั่นแหละไม่งั้น...
Trump pressures Thailand to recommit to Cambodia ceasefire with ‘threat of tariffs’ https://www.theguardian.com/.../us-pressures-thailand-to...

https://www.facebook.com/photo?fbid=25545945201676657&set=a.131566673541193


อุ่น(ใจ)ดีแฮะ !?!


Wassana Nanuam 
10 hours ago
·
ทหารกองกำลังบูรพา
ลงนา เร่งช่วย
ชาวนา บ้านหนองหญ้าแก้ว  เกี่ยวข้าว
หวั่น ข้าวเสียคุณภาพ
แต่ก็กลัว ไม่ปลอดภัย หากปะทะเขมร
ทหารกองกำลังบูรพา ลงพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ช่วยดูแลความปลอดภัยและช่วยชาวบ้านเกี่ยวข้าวในแปลงที่อยู่ใกล้แนวชายแดนไทย–กัมพูชา เนื่องจากชาวนาไม่มั่นใจในความปลอดภัย และหากไม่เก็บเกี่ยวช่วงนี้ ข้าวจะเสียคุณภาพและขายไม่ได้ราคา
ขณะเดียวกัน หลายแปลงอยู่ในพื้นที่ติดชายแดน ทำให้ชาวบ้านบางส่วนไม่มั่นใจว่าจะเข้ามาเกี่ยวข้าวได้อย่างปลอดภัย
ทหารจึงเข้ามาช่วยคุ้มกันพื้นที่ให้ชาวบ้านทำงานได้อย่างสบายใจ ลงแรงเกี่ยวข้าวในแปลงที่เร่งด่วน อำนวยความสะดวกให้รถเกี่ยวข้าวเข้า–ออกได้โดยไม่ติดขัด
.....





ต้นทุนของการไม่เอาสันติภาพ | ค.การเมือง EP.89 - บทวิเคราะห์ที่ดี ชิ้นหนึ่งของผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่าง ไทยกับกัมพูชา


ต้นทุนของการไม่เอาสันติภาพ | ค.การเมือง EP.89

The 101 world

Premiered Nov 13, 2025 
#ไทยกัมพูชา #การเมืองไทย #คอการเมือง
💛 101 SUPPORT — ร่วมซัพพอร์ต ร่วมส่งพลัง ร่วมสร้างสรรค์สื่อ 
👉 ร่วมสนับสนุน ‘วันโอวัน’ ได้ที่: https://www.the101.world/101support
⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯
ความขัดแย้งชายแดนทำท่าจะปะทุตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อพลทหารไทยเหยียบกับระเบิดต้องสูญเสียเท้า และอนุทิน ชาญวีระกูล นายกรัฐมนตรีเลือกเล่นเกมชาตินิยมในการตอบโต้ พร้อมประกาศว่า ‘สันติภาพ’ จบลงแล้ว

การไม่เอาสันติภาพเป็นคำตอบของประเทศไทยจริงหรือ และการปั่นกระแสชาตินิยมรอบใหม่จะนำไปสู่อะไรทางการเมือง

วิเคราะห์สถานการณ์ชายแดนและผลกระทบต่อการเมืองไทย ในรายการ ‘ค.การเมือง’ รายการวิเคราะห์การเมืองไทยกับ ใบตองแห้ง-อธึกกิต แสวงสุข และ สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี สื่อมวลชนรุ่นเก๋าที่คร่ำหวอดในสนามข่าวมาหลายทศวรรษ

ชวนคุยโดย สมคิด พุทธศรี บรรณาธิการอำนวยการ The101.world

https://www.youtube.com/watch?v=ZE3X5pK76bU
.....
14 hours ago
·
ความเห็น/บทวิเคราะห์ที่ดีที่สุด ชิ้นหนึ่งของผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่าง ไทยกับกัมพูชา
ผมว่าไทยหนักกว่าเยอะ
นอกจาก ส่งสินค้าเข้ากัมพูชาได้น้อยแล้ว การต่อต้านสินค้าไทย รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะคนในเมือง แม้แต่สินค้า ที่ผลิตในกัมพูชา โดยบริษัทไทยเช่น CP ยังถูกต่อต้านไปด้วย
เรื่องที่ฝั่ง ผู้นำฝ่าย deep state ไทยคาดหวังว่า รัฐบาลฮุนมาเนต/ฮุนเซน จะพังทะลายลงภายใต้แรงกดดันทางเศรษฐกิจจากการปิดพรมแดนปิดการค้าจากไทย เป็นเรื่อง เพ้อฝันมาก ยิ่งปิดนาน ไทยยิ่งเสียโอกาส เสียตลาดการค้าที่ได้ดุลการค้าเป็นอันดับ2 รองจากสหรัฐอเมริกา
◇ตัวเลขทางเศรษฐกิจกัมพูชาทุกตัวดี อัตราเงินเฟ้อ 2% อัตราแลกเปลี่ยน USD/KH Riel วิ่งอยู่ในช่วง 1/4000-1/4150 มายาวนาน
◇ตัวเลขความเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ของ ADB ลดจากประมาณการ 6.1%เป็น 4.9 % จากผลกระทบการขัดแย้งกับไทย ( IMF,WBank ต่ำกว่านี้หน่อย )
◇หนี้ภาครัฐ อยู่ 12.67 พันล้าน usd = 18.4% ของ GDP ( เพดานอยู่ที่ 40%ของ GDP) ซึ่งต่ำมาก เทียบกับหลายประเทศ
◇เงินทุนสำรอง (สิงหาคม 2025) 24.8 พันล้านเหรียญสหรัฐเทียบเท่ากับการนำเข้าสินค้า ได้ 7 เดือน
◇การลงทุนขนาดใหญ่เช่น สนามบิน เตโช (KTI) สนามบินเสียมเรียบอังกอร์ (SAI) ทางด่วน พนมเปญ-สีหนุวิลล์ เป็นการลงทุนของเอกชนแบบ BOT ทั้งหมด ถ้าจะเจ๊งเอกชนเจ๊ง ไม่ใช่รัฐบาล อย่าเข้าใจผิด
แล้วปราบ Scammer รัฐบาลกัมพูชามันจะเจ๊งได้ไง? ตัวเลขมันไม่ได้อยู่ในตัวงบประมาณใดๆเลย
(งป. ปี 2026 10.1 พันล้านเหรียญสรอ.)
แน่นอน personal wealth ของ ฮุนเซน และคนรายรอบ ได้รับผลแน่นอน จนลงบ้าง มากน้อยตามสถานะ
ความเกี่ยวข้อง..

https://www.facebook.com/hbd.ktob/posts/25546405938297250
https://www.youtube.com/watch?v=ZE3X5pK76bU



วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 16, 2568

พิพาทไทย-กัมพูชายืดเยื้อต่อไป “ขิงก็ราข่าก็แรง” ฝ่าย ‘ข่า’ ฮึ่มๆ “เตรียมรบพร้อมสรรพ” จน ‘เสธ.โหน่ง’ ต้องเตือน “การรบกันอีกรอบ ต้องใช้เงินราว ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อทำกิจกรรมสนองความต้องการของคนคลั่งชาติ”

คำคม “สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ” ของหลี่ไคหยวน นั้นได้รับการอธิบายว่าเกี่ยวกับสถานะสงคราม อันจะทำให้ภาวะผู้นำโดดเด่น ใครที่เป็นผู้นำชั่วคราวสามารถยืดเวลาไปเป็นผู้นำระยะยาวได้ แบบว่า “สี่เดือนบวกสี่ปี” ดีไม่ดีเพิ่มเป็นสองสมัย

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายืดเยื้อมาพักใหญ่ “เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย” เนื่องเพราะ “ขิงก็ราข่าก็แรง” ฝ่ายหนึ่งยั่วยุ อยากไปศาลโลก อีกฝ่ายฮึ่มๆ “เตรียมรบพร้อมสรรพ” นัยว่าสั่งสมอาวุธเอาไว้มากมาย ต้องใช้งานเสียบ้าง จะได้ซื้อใหม่

พอดีมีปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาอยู่ในหว่างกลางของผลประโยชน์ขัดแย้งสองมหาอำนาจตะวันออก-ตะวันตก มันจึงมีทั้งมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน จีน และสหรัฐ เข้ามาพัวพันอีรุงตุงนัง

จีนย่อมต้องการรักษาผลประโยชน์ทั้งการค้า และขยายขอบข่ายอิทธิพลในภูมิภาค สหรัฐนั้นการเมืองภายในที่ผู้นำกำลังตกต่ำเนื่องจากภาพลักษณ์แห่งบุคคลิกภาพ และพฤติกรรมฉ้อฉล/ฉุยแฉกมาแต่เบื้องหลัง จึงหาทางสร้างปมเขื่องจากนอกประเทศมาทดแทน

ดอแนลด์ ทรั้มพ์ กับ อัลวาร์ อิบราฮิม พยายามทำตัวเป็น ผู้แก้ปัญหา ลดภาวะสงคราม นำสันติภาพกลับคืนมา คนหนึ่งบอก ข่า ให้กลับไปสู่ข้อตกลงทวิภาคี หลังจากมีทหารบาดเจ็บสูญเสียอวัยวะ ผู้นำข่าประกาศว่า “สันติภาพสิ้นสุดแล้ว”

อีกคนไปชม ขิงว่ามีวุฒิภาวะ มั่นคงในเส้นทางสันติ ผู้นำฝ่ายข่าจึงบอกกับมหาอำนาจตะวันตกว่า ยูลดภาษีให้ไอสิ เราจะได้เดินไปบนเส้นทางสันติภาพอย่างชื่นมื่นด้วยกัน แม้แรกเลยจะแค่นหัวเราะตอบจะว่า ๑๙% ก็ต่ำแล้วนา สุดท้ายก็เออๆ ไอจะดูให้

แล้วจู่ๆ ผู้นำฝ่ายข่าก็ออกแถลงการณ์ ๑๑ ข้อ “ปกป้องศักดิ์ศรีชาติ-ยันไทยไม่ใช่ฝ่ายละเมิด พร้อมส่งสัญญาณชัดสหรัฐต้องวางตัวเป็นกลาง” อันนี้นักวิชาการสายเหยี่ยว ของ ม.รังสิต ออกโรงชม อนุทิน ชาญวีรกูล เสียหยดย้อย

ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง นักรัฐศาสตร์ว่า “เรามีหลักฐานชัดเจนว่ากัมพูชาละเมิด (ปฏิญญา) ก่อน” ท่าทีขึงขังระงับข้อตกลงกับกัมพูชาของไทยเป็นการ “ยืนหยัดเพื่อศักดิ์ศรี” และ “ยืนยันในเกียรติของชาติ” คือ “ความชัดเจนในจุดยืน...สิ่งที่ผู้นำพึงกระทำ”

แต่ถ้าฟังนักวิชาการในสายงานด้านความมั่นคงอย่าง เสธ.โหน่งอดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ พูดถึงค่าใช้จ่ายจากการรบไทย-เขมรที่ผ่านมา “มีการเบิกทดแทนเฉลี่ยวันละ ๑,๐๐๐ ล้านบาท” ซึ่งยังจัดว่าขนาดเล็ก ถ้าขนาดใหญ่ต้อง ๓ พันล้านขึ้นไป

“การรบกันอีกรอบปกติไม่ควรเกินสิบวัน แต่ถ้าจะเอาตามกองเชียร์ยึดเข้าไปถึงเขตภายใน (พนมเปญ) คงจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ วัน” นี่ถ้าเป็นการรบกันเอง ไม่ใช่ สงครามตัวแทน มีมหาอำนาจปั่นก้นของแต่ละฝ่าย ส่วนตัวเขาให้ ๓๐๐ วัน

“แต่เพื่อให้คิดง่าย ๆ ให้ ๑๐๐ วันแล้วกระสุนหมดต้องเลิกรบต้องใช้เงินราว ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อทำกิจกรรมสนองความต้องการของคนคลั่งชาติ” พล.ท.พงศกร รอดชมพู เอาคำพูดทหารผ่านศึกชาวอังกฤษจาก WWI มาเคาะกะโหลกให้ฟังว่า

“แทนที่จะสูญเสียชีวิตคนหนุ่มสาวจำนวนมากให้คนแก่ ๆ บ้าอำนาจไม่กี่คนเอาปืนไปคนละกระบอกแล้วดวลกันเองจะดีกว่า...ส่วนเราเอง เอาเงินที่จะไปผลาญกันนี้มาพัฒนาคุณภาพทรัพยากรมนุษย์จะดีกว่าไหม” มีคนไปเม้นต์ต่อยอดด้วยว่า

อังกฤษบุกฟอล์คแลนด์ เอาชนะอาร์เจนติน่าง่ายดาย มากาเร็ต แธทเชอร์ นายกฯ สมัยนั้นได้ฉายา นางสิงห์ไปเลยละ “หลังสงครามสงบ ‘จืดีพี’ ของอังกฤษตกต่ำนานเกือบสิบปี เพราะในทางบัญชีต้องบันทึกค่าใช้จ่ายในการทำสงครามเข้าไปในงบประมาณประจำปี”

Wichai Cherdshewasart เหน็บ “หลังจากนั้น อังกฤษไม่ซ่าทำสงครามกับใครแบบตัวต่อตัวอีก” เลย

(https://www.facebook.com/share/p/1GqVGEZXsz/?mibextid=wwXIfr, https://www.amarintv.com/news/social/530346 และ  https://www.matichon.co.th/politics/news_5459080)

โพสต์ล่าสุดของนายกฯ อนุทิน ดูเหมือนไม่มีอัฟเดทที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องการหยุดเจรจาการค้ากับไทย แม้จะฟังจากนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ที่หารือกับทรั้มป์


Anutin Charnvirakul
3 hours ago
·
นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมแห่งมาเลเซียซึ่งเป็นประธานของ ASEAN ด้วย ได้โทรศัพท์มาหาผมอีกครั้งเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (15/11/2025)

ในเนื้อหาของการสนทนา ท่านได้แจ้งยืนยันกับผมว่า ท่านได้หารือกับนายโดนัลด์ ทรั้มป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ได้พูดคุยกับผมแล้วก่อนหน้านี้ ท่านประธานาธิบดีทรั้มป์มีความเห็นตรงกันกับจุดยืนของผมว่า การเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม หรือ Humanitarian demining เป็นประเด็นที่สำคัญยิ่งในปฏิญญาที่ไทยและกัมพูชาได้ลงนามร่วมกัน ท่านจึงได้ขอให้รัฐบาลไทยเร่งดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดให้เร็วที่สุดเพราะมีความเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อชีวิตคนของทั้งสองประเทศ และประธานาธิบดีทรัมป์ได้ยืนยันฝากนายกรัฐมนตรีอันวาร์ให้มาแจ้งผมอีกครั้งว่า

“สหรัฐอเมริกาจะไม่นำประเด็นการระงับปฏิญญาของไทยมาเกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีการค้าระหว่างไทยและสหรัฐที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้”

ผมยังได้ถามท่านนายกอันวาร์ว่า ผมสามารถโพสต์ข้อความนี้ได้หรือไม่ ท่านตอบว่า โพสต์เลยอนุทิน แล้วท่านก็จะโพสต์ยืนยันจากช่องทางการสื่อสารของท่านเช่นกัน

จึงขอกราบเรียนมายังพี่น้องประชาชนที่มีความห่วงใยต่อเรื่องนี้เพื่อให้รับทราบโดยทั่วกันนะครับ

อนึ่งจดหมายจากผู้แทนการค้าสหรัฐที่ระบุเรื่องการหยุดเจรจากับไทยได้ถูกพิมพ์ขึ้นก่อนที่ผมจะได้คุยโทรศัพท์กับท่านประธานาธิบดีทรั้มป์เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายนครับ ดังนั้นข้อมูลของผมจึงมีความเป็นปัจจุบันมากกว่าครับ
 
https://www.facebook.com/photo?fbid=25558593143775219&set=a.175348975859652
...

Bank Bank
คำว่าไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร ผมว่าใช้ต่อไปไม่ได้แล้ว จะทำไรทีอเมริกาต้องมามีบทบาทตลอด



อ.ปวินตั้งข้อสังเกต การแทรกแซงของทรัมป์เรื่องยุติการเจรจาภาษีกับไทย มาในช่วงกษัตริย์วชิราลงกรณ์เสด็จจีนพอดี ซึ่งสหรัฐฯ จับตามองอย่างใกล้ชิด


Pavin Chachavalpongpun 
11 hours ago
·
เรื่อง IR กลับมาอีกแล้วค่ะ ทรัมป์ยุติการเจรจาภาษีกับไทย โดยให้เหตุผลว่า จะรอจนกว่าไทยจะกลับมายึดมั่นในพันธะที่ลงนามไว้ในข้อตกลงหยุดยิงที่มีชื่อทรัมป์อยู่ด้วย เอาละ ส่วนหนึ่งทรัมป์กำลังเล่นเกมภายในประเทศ เพราะกำลังมีการพิจารณาจากศาลสูงว่าการกำหนดภาษีของทรัมป์กับประเทศต่างๆ ผิดกฏหมายหรือไม่ ระหว่างรอ ทรัมป์ใช้โอกาสนี้ในการ leverage กับไทย โดยเอาเรื่องสันติภาพมาเป็นเครื่องมือกดดันไทยต่อ เพราะยังไงทรัมป์ก็ยังได้ประโยชน์จากการคงภาพผู้ส่งเสริมสันติภาพ เพื่อไม่ให้รางวัลโนเบลหลุดมือ มันก็ค้างแบบนี้แหละ นี่เลยขำศุภจีที่บอกว่า สหรัฐฯ จะแยกการเมืองออกจากเศรษฐกิจ โอ้ย ตลก คนอย่างทรัมป์อะนะ ที่อารมณ์แปรปรวนเหมือนคลื่นในทะเล อันนี้ต้องตำหนิศุภจีนะที่สร้างฝันหลอกคนไทย เพราะไม่มีการทูตที่ไหนในโลกจะแยกสองสิ่งออกจากกัน
...แต่ดิชั้นว่าที่น่าสนใจกว่านี้ก็คือ การแทรกแซงของทรัมป์มาในช่วงกษัตริย์วชิราลงกรณ์เสด็จจีนพอดี ซึ่งสหรัฐฯ จับตามองอย่างใกล้ชิด ยิ่งสื่อโหมโรงขายข่าวเรื่องความหวานฉ่ำระหว่างไทย-จีน มันยิ่งจะไปเพิ่มความขมให้กับความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ที่ในที่สุด เรายังเป็นพันธมิตรทางทหารกันอยู่ พอบอกว่านี่คือการเยือนครั้งประวัติศาสตร์ของเจ้าไทย และรัชกาลที่ 10 ก็เลือกที่จะไปจีน ไม่เลือกไปสหรัฐฯ ยิ่งทำให้สหรัฐฯ ต้องการกดดันรัฐบาลอนุทินมากขึ้น มันจึงเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลยที่อนุทินออกมาตะโกนว่า ปธน จีน "ทูลต่อหน้าพระพักตร์" ว่าจีนจะซื้อข้าวจากไทย 5 แสนตัน เพราะการพูดอย่างนั้นมันกระทบสหรัฐฯ แม้ว่าสหรัฐฯ จะสั่งข้าวจากไทยมากกว่าถึง 8-9 แสนตัน คืออนุทินแม่งเสร่อ จะเอาใจเจ้า จะเอาใจจีน นี่ไม่นับว่าไทยก็ส่งอุยกูร์กลับจนสหรัฐฯ ต้องออกแถลงการณ์ประนามไทย คือถ้าเราตัดสินใจเอาจีนอย่างเดียว ok that's fine แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง จีนให้เราทุกอย่างไม่ได้ และเราก็ทิ้งสหรัฐฯ ไม่ได้เหมือนกัน เห็นมั๊ยละ พอสหรัฐฯ ยุติการเจรจาภาษี อี กต ไทยร้องกรี๊ดเลย คือไทยจะเล่น bamboo diplomacy ต้องเล่นแบบฉลาด เอาอีช่างรับเหมาก่อสร้างมาเล่นการทูตไทยแบบนี้ เจ๊งกับเจ๊ง

Pavin Chachavalpongpun
10 hours ago
·
อีกอย่างที่อยากเตือนอนุทินให้เลิกเสร่อในเรื่องที่ไม่ควรเสร่อ นั่นคือการเอาเจ้าไทยไปอยู่ให้สูงกว่าผู้นำจีน ดูจากวลีที่ใช้ ที่พูดว่า ประธานาธิบดีจีนพูดต่อหน้าพระพักตร์ว่าจะสั่งข้าวไทย 5 แสนตัน และนี่คือแสนยานุภาพ นี่พยายามจะพูดว่ากษัตริย์ไทยยิ่งใหญ่ถึงขนาดจีนยังต้องเกรงใจ ต้องยอมอยู่ใต้บารมีเจ้าไทย จนต้องสั่งข้าวไทย อยากเตือนอนุทินว่าอย่าล้ำเส้นไปมากกว่านี้ เพราะทางการทูต เราต้องเคารพอาคันตุกะเท่าๆ กับที่เราเคารพผู้นำเรา แต่นอกเหนือจากการทูตคือโลกแห่งความเป็นจริง อาหนูคะ จีนแม่งเป็นมหาอำนาจค่ะ ก่อนหน้าที่จะเป็นมหาอำนาจในปัจจุบัน จีนคือจุงกั๋ว คือ middle kingdom คือศูนย์กลางจักรวาลค่ะ ที่ราชอาณาจักรน้อยใหญ่ต้องเอาเครื่องบรรณาการไปถวาย ไทยจะเรียกว่าไปเจริญสัมพันธ์ทางการค้าก็เรื่องของมึง แต่จีนมองว่า มึงมาสวามิภักดิ์ ตัดมาที่ศตวรรษที่ 21 จีนกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งค่ะ เราอย่าคิดว่าเราอยู่เหนือกว่าจีน บอกไว้เลยค่ะ ประเทศอย่างจีนมันไม่ต้องมาตอแหลยึดหลักประชาธิปไตย ถ้าจีนมันจะเหยียบฮ่องกง ทิเบต ซินเจียง มันก็เหยียบเลยค่ะ นี่ก็จะเหยียบกับญี่ปุ่นเรื่องไต้หวัน ขอนะคะ อย่าเอาประเทศเล็กอย่างเราไปเหยียบหน้าจีน ไม่ได้บอกว่าต้องกลัวขี้หด แต่ต้องย้ำว่า การทูตคือการเคารพต่อกันบน equal footing ค่ะ เจ้าเราไม่ได้ใหญ่ไปกว่าพี่ Xi Jinping ค่ะ





อเมริกาก็ไม่น้อยหน้านะเธอ ต้อนรับ ร.9 อย่างสมพระเกียรติ (1960 NY)


King Of Thailand Is Welcomed In New York (1960)

British Pathé

New York, United States of America 

KING OF THAILAND IS WELCOMED IN NEW YORK 

Title: "Thailand's King Swings into New York". 

Various shots of the King Bhumipol of Thailand's drive through crowd-lined street in New York, showing ticker-tape showering down. LS. Pan down City Hall to show official welcoming committee on steps. LS & MS. Mayor Wagner greets King and Queen Sirikit of Thailand.

https://www.youtube.com/watch?v=5vQGZGe2SxE
.....


Piya Sukkasem
·
เมกาอาจใช้ทั้งไม้แข็งและไม้นวม .. ไม้แข็งคือหยุดการเจรจาษี ส่วนไม้นวมก็แค่ส่ง invitation มาแล้วจัดพิธีต้อนรับให้ยิ่งใหญ่ไฟกระพริบ จัดให้อลังการกว่า พิธีต้อนรับของไอเซนฮาวร์ เอาให้สลิ่มจะฟินไป 3 วัน 3 คืนไปเลย



อือ น่าคิดนะ !


บีบีซีไทย - BBC Thai 
19 hours ago
·
โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วิเคราะห์ว่า แม้ไทยยังคงเป็นพันธมิตรทางการทหารกับสหรัฐฯ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมหาอำนาจตะวันตกแห่งนี้ก็แน่นแฟ้นน้อยลงในช่วงที่ผ่านมา
.
ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยดูเหมือนจะใกล้ชิดกันมากขึ้น ทั้งในฐานะคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยในปัจจุบัน รวมถึงจีนก็มีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ ในฐานะผู้ค้าและจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหารให้ไทย
.
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่ https://www.bbc.com/thai/articles/c8jrd7j2gkvo
.....

Pam Micanopy 
8 hours ago
·
สรุปง่ายๆระหว่างไทยกับเขมร
ไทยเลือกจีน
เขมรเลือกเมกา
งานนี้เป็นงานเลือกข้างแล้วค่ะพี่น้อง...เพราะโลกทุกวันนี้มีแค่สองข้าง เลือกถูกก็สบายไป แต่หากเลือกผิดคนลำบากคือประชาชน
เริ่มดูดัชนีตลาดหุ้นไทยไว้เป็นสำคัญ
หุ้นตก=เลือกผิดข้าง
หุ้นขึ้น=เลือกถูกข้าง
ป้าแพม



รัฐบาลไทยสื่อสารช้า-ไม่รวมศูนย์ ทำไทยแพ้สงครามข่าวสารกับกัมพูชา สาเหตุที่ไทยไม่สามารถชิงจังหวะการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว เพราะะโครงสร้างการสื่อสารที่ขาดเอกภาพภายในหน่วยงานความมั่นคงของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกองทัพบก



รัฐบาลไทยสื่อสารช้า-ไม่รวมศูนย์ ทำไทยแพ้สงครามข่าวสารกับกัมพูชาแล้วหรือไม่

วศินี พบูประภาพ
ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
14 พฤศจิกายน 2025

จากเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่ห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ ไปจนถึงเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ใกล้บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ถูกตั้งคำถามอีกครั้งถึงประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการสื่อสารต่อสาธารณะ

โดยเฉพาะเหตุปะทะใกล้บ้านหนองหญ้าแก้วเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ซึ่งสื่อของทางการกัมพูชาเริ่มมีการรายงานสถานการณ์ตั้งแต่เวลา 16.27 น. ครึ่งชั่วโมงต่อมามีการแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากพลโท มาลี โสเจียตา รองเลขาธิการและโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวหาว่าฝ่ายไทยเปิดการโจมตี "พลเรือน" ชาวกัมพูชาเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติเรียกร้องให้ฝ่ายไทยรับผิดชอบ นอกจากนี้ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยังได้โพสต์เฟซบุ๊กประณามการใช้ความรุนแรงของฝั่งไทยในช่วงเย็นวันเดียวกัน โดยโพสต์ดังกล่าวมีผู้ใช้เฟซบุ๊กกดแชร์ไปเกือบ 1.4 แสนครั้ง

ฝั่งทางการไทยมีการเผยแพร่จดหมายข่าวจากกองทัพภาคที่ 1 ในเวลาราว 18.00 น. ขณะที่เย็นวันเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศของไทยมีเพียงการส่งข้อความต่อสื่อมวลชนยืนยันว่าการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปเพื่อปกป้องอธิปไตยและปกป้องตนเอง ส่วนการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของกระทรวงการต่างประเทศของไทย มีขึ้นในช่วงค่ำวันต่อมาหลังเกิดเหตุการณ์นานกว่า 24 ชั่วโมง

เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาที่สื่อสารอย่างต่อเนื่องทันทีหลังเกิดเหตุการณ์ นี่ทำให้เกิดคำถามว่า ประเทศไทยภายใต้รัฐบาลนายกฯ อนุทิน กำลังเผชิญกับความพ่ายแพ้ใน "สงครามข่าวสาร" ให้กับกัมพูชาแล้วหรือไม่

บีบีซีไทยพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ ได้แก่ ผศ.ดร.สุรัชนี ศรีใย นักวิจัยอาคันตุกะ สถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค ประเทศสิงคโปร์, ดร.ชนาภางค์ พงศ์พิบูลเกียรติ อาจารย์ประจำวิทยาลัยสื่อและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยลีดส์ สหราชอาณาจักร และดร.นันท์นภันต์ พัวธนวัฒน์ หัวหน้าสาขาวิชาสื่อและการสื่อสาร วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล (MUIC) เพื่อวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของกลไกการสื่อสารของรัฐบาลไทยในสถานการณ์ความขัดแย้งครั้งนี้

ไทยเสียจังหวะกำหนดกรอบเรื่องราว ทำให้ตกอยู่ในสถานะตั้งรับเสมอ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสามเห็นพ้องกันว่า การสื่อสารของไทยยังคงอยู่ในจุดที่ "เพลี่ยงพล้ำ" เช่นเดียวกับในรอบก่อน ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องจังหวะเวลาในการนำเสนอข้อมูล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์

ดร.นันท์นภันต์ ชี้ให้เห็นว่า หากมองตามหลักการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์แล้ว ผู้ที่ออกมาพูดก่อนมักจะสามารถ "ครองพื้นที่ข่าว" และ ชี้นำการตีความเหตุการณ์ (issue framing) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ในเหตุการณ์ล่าสุด กัมพูชาเริ่มสื่อสารอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงบ่าย โดยเริ่มต้นจากการเผยแพร่ภาพผู้บาดเจ็บผ่านสำนักข่าวแห่งชาติ (AKP) ตามด้วยแถลงการณ์ของโฆษกกระทรวงกลาโหม และการโพสต์ของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ในช่วงหัวค่ำ

"ในช่วงแรกของเหตุการณ์ ซึ่งถือเป็นจังหวะของโอกาส (window of opportunity) ที่สาธารณะและสื่อมวลชนยังไม่มีกรอบตีความที่ชัดเจน ทำให้ฝ่ายที่สื่อสารก่อนสามารถกำหนดการสื่อสารหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า" ดร.นันท์นภันต์ ระบุ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารจากมหาวิทยาลัยมหิดลอธิบายต่อว่า "เราจะเห็นว่าฝ่ายกัมพูชาใช้จังหวะเวลานี้อย่างเข้มข้น... ทั้งหมดนี้ช่วยให้กัมพูชาสามารถกำหนดเรื่องเล่า (narrative) หลักว่า ไทยยิงใส่พลเรือนและละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งเป็นกรอบที่ทั้งชัดเจนและมีพลังทางอารมณ์ ทำให้ถูกหยิบไปขยายโดยสื่อภายในและสื่อต่างประเทศอย่างรวดเร็ว" นอกจากนี้ เธอยังชี้ว่ากรอบเรื่องเล่าแรก (initial frame) ที่ถูกเผยแพร่ออกไปนี้จะกลายเป็นฐานที่ผู้รับสารใช้ในการประมวลผลข้อมูลที่เข้ามาภายหลัง จึงทำให้การสื่อสารของไทยกลายเป็น การตามแก้ (reactive framing) มากกว่าการสร้างเรื่องเล่าของตัวเองตั้งแต่ต้น

ด้าน ดร.ชนาภางค์ มองว่า ไทยอยู่ในจุดที่เสียเปรียบในการสื่อสารอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นประเทศที่ใหญ่กว่าและมีความพร้อมด้านยุทโธปกรณ์มากกว่า ทำให้ไม่ว่าไทยจะสื่อสารเร็วหรือช้า ก็ดูเหมือนเป็นการ "แก้ตัว" อยู่ตลอดเวลา เมื่อผนวกรวมกับจังหวะเวลา ทำให้เรื่องเล่าของฝ่ายไทย "ตามหลัง" อยู่เสมอ

ดร.สุรัชนี จากสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค ประเทศสิงคโปร์ ได้วิเคราะห์ความแตกต่างทางภาษาที่สำคัญในเชิงตำแหน่งของการสื่อสารด้วยว่า "กัมพูชาไม่ลังเลที่จะพูดว่าไทยเป็นคนเริ่มก่อนเลย ตั้งแต่ต้น แต่ไทยจะพูดว่า 'ไทยไม่ได้เริ่มก่อน' แทนที่จะพูดว่า 'กัมพูชาเริ่มก่อน'... เรากลายเป็นว่าเราพูดเชิงปฏิเสธ" ซึ่งเป็นการสื่อสารที่แสดงจุดยืนตั้งรับตั้งแต่แรก

เธอวิพากษ์ยุทธวิธีของกัมพูชาด้วยว่า การเลือกใช้วิธีการส่งเสียงก่อนเพื่อสร้างความได้เปรียบก็เป็นจุดอ่อนได้เช่นกัน หากข้อมูลเหล่านั้นถูกตรวจสอบในภายหลังแล้วพบว่าเป็นเท็จ

"แต่ไทยก็ควรจะรู้ตั้งแต่ก่อนเซ็นปฏิญญาแล้วว่าเขาใช้ยุทธวิธีแบบนี้ และควรจะตอบสนองได้ดีกว่านี้" เธอระบุ

ประเด็นการสื่อสารเชิงรับของรัฐบาลไทยไม่ได้เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ระหว่างรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารและรัฐศาสตร์ได้ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทยในประเด็นการสื่อสารของรัฐบาลแพทองธาร ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ในลักษณะคล้ายกัน


สำหรับสาเหตุที่ไทยไม่สามารถชิงจังหวะการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าปัญหาที่ฝังรากลึกกว่าคือ โครงสร้างการสื่อสารที่ขาดเอกภาพภายในหน่วยงานความมั่นคงของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกองทัพบก


ภาพจากเอกสารประชาสัมพันธ์ของสำนักข่าวกัมพูชา (AKP) แสดงให้เห็นผู้บาดเจ็บได้รับการรักษาพยาบาล หลังสื่อกัมพูชารายงานเหตุปะทะใน จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา วันที่ 12 พ.ย.

ปัญหาเชิงโครงสร้างการสื่อสารในกองทัพบก

สำหรับประเด็นเรื่องการจัดการการสื่อสารในภาวะวิกฤต ดร.นันท์นภันต์ วิเคราะห์การสื่อสารของฝั่งไทยว่า การมีหลายช่องทางทำให้เกิดความเสี่ยงเรื่องข้อมูลไม่สอดคล้อง และความไม่เป็นเอกภาพ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 12 พ.ย. หลังเกิดเหตุปะทะ ช่องทางแรกที่เป็นทางการของฝ่ายไทยซึ่งสื่อสารถึงเหตุการณ์การปะทะดังกล่าว เกิดขึ้นผ่านจดหมายข่าวจากกองทัพภาคที่ 1 ณ เวลาราว 18.00 น. ทว่าก่อนหน้านั้น เพจเฟซบุ๊ก "กองทัพบก ทันกระแส" ได้โพสต์ข้อความถึงเหตุปะทะตั้งแต่เวลา 16.49 น. ระบุว่า "ทหารไทยโจมตีพลเรือนในหมู่บ้านเปรยจัน ไม่เป็นความจริง" ก่อนจะโพสต์ข้อความอีกครั้งเวลา 17.03 น. ชี้ว่า "ยืนยันไทยไม่ได้โจมตี กัมพูชายิงก่อน พื้นที่เปรยจัน กัมพูชายิงก่อน ก่อกวน ไทยตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตย ขอประณามกัมพูชา ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์"

ดร.สุรัชนี ตั้งคำถามว่าการสื่อสารผ่านเพจ "กองทัพบก ทันกระแส" มีความเป็นทางการหรือไม่ในการยืนยันข้อเท็จจริงของเหตุการณ์

"สมมติอย่างเราเป็นนักข่าว เราอยากรู้จริง ๆ ว่าไทยตอบโต้ครั้งแรกที่ไหน ผ่านแพลตฟอร์มอะไร เราจะนับเพจนี้ได้ไหม หรือว่าที่ไหนคือศูนย์บัญชาการหลักของไทยในการสื่อสาร"

อย่างไรก็ดี ดร.นันท์นภันต์ มองว่าการมีหลายเพจของทหารไทยอาจไม่ใช่ปัญหาในตัวเอง เนื่องจากอาจตีความได้ว่าเป็นยุทธศาสตร์กระจายที่มีจุดแข็งคือการส่งข้อมูลจากพื้นที่ได้รวดเร็ว

"สิ่งที่ต้องพิจารณาในกรณีวิกฤตชายแดนครั้งนี้คือ ข้อมูลจากหลายเพจนั้นเชื่อมกันหรือสอดคล้องกันมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าข้อมูลออกมาไม่พร้อมกัน หรือมีรายละเอียดที่ต่างกัน ก็จะเปิดพื้นที่ให้ฝ่ายตรงข้ามกำหนดเรื่องราวได้ก่อน"



ดร.ชนาภางค์ ซึ่งศึกษาเรื่องการทหารของไทยด้วย ให้ทัศนะเกี่ยวกับสาเหตุหลักที่ทำให้กองทัพบกมีเพจหรือช่องทางการสื่อสารที่กระจายตัวว่า "ด้วยความที่ทัพบกไซส์ใหญ่มาก ๆ ทำให้ทุกหน่วยก็ตั้งตนแล้วมีอำนาจของตัวเองค่อนข้างมาก"

เธออธิบายต่อว่าหน่วยงานย่อยเหล่านี้ต่างคนต่างมีอำนาจและช่องทางเป็นของตนเอง มีงบประมาณและกำลังสนับสนุน ทำให้การรวมศูนย์การสื่อสารเพื่อใช้ "เสียงเดียว" เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับองค์กรนี้ นอกจากนี้ เธอยังมองว่าบริบททางสังคมของไทยยังคงมีผู้ที่เห็นต่าง และมีผู้ที่ไม่ชอบที่ทหารออกมาพูด ทำให้การสื่อสารค่อนข้างยากในการตัดสินใจว่าใครควรเป็นผู้สื่อสารหลัก

เธอเปรียบเทียบว่าโครงสร้างทางสังคมของกัมพูชาเอื้อให้การสื่อสารประสบความสำเร็จมากกว่า เมื่อการสื่อสารที่รวมศูนย์ออกมา (เช่น การมี พลโทมาลี โสเจียตา เป็นโฆษกผู้แถลงหลัก) ผู้คนในสังคมก็อยู่ในสภาวะที่ "ไปพร้อมกัน" มีความเชื่อและความเข้าใจไปในทางเดียวกัน

นี่สอดคล้องกับมุมมองของ ดร.สุรัชนี ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่า การที่กัมพูชาสามารถแสดงออกถึงความเป็นผู้ถูกกระทำได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพนั้น เป็นเพราะพวกเขามี "ความสามารถในการที่จะบังคับการสายบังคับบัญชาของเขาได้ทั้งหมด" ว่าต้องการสื่อสารอะไรกับประชาคมโลก ทำให้การวางแผนการสื่อสารของกัมพูชาทำได้เบ็ดเสร็จกว่าไทยมาก

ผู้เชี่ยวชาญหนุนรัฐบาลตั้งศูนย์กลางการสื่อสารวิกฤต

ย้อนไปในเดือน มิ.ย. 2568 รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ตั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เพื่อบริหารสถานการณ์ชายแดนซึ่งเริ่มตึงเครียดในขณะนั้น โดยศูนย์ดังกล่าวมีบทบาทอย่างมากหลังการปะทะกันในช่วงปลายเดือน ก.ค. อย่างไรก็ดี เพจเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของศูนย์นี้ไม่มีความเคลื่อนไหวอีกเลยตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.

ดร.นันท์นภันต์ กล่าวว่า ความชัดเจนและความรวดเร็วในการสื่อสารด้วยเสียงเดียวคือสิ่งสำคัญที่สุดในภาวะวิกฤต เธอเสนอให้ไทยจัดตั้ง ศูนย์กลางการสื่อสารวิกฤต ที่ชัดเจนขึ้นมาอีกครั้งเพื่อกำกับทิศทางข้อมูล โดยทุกหน่วยงานควรทำงานร่วมกันเพื่อแบ่งปันข้อมูลและแถลงการณ์ไปในทิศทางเดียวกันด้วย "ไฮไลท์" และเนื้อหาที่เป็นเนื้อเดียวกัน

นอกจากนี้ เธอชี้ว่ารัฐบาลไทยสามารถปรับเรื่องความเร็วได้ โดยการออก "แถลงการณ์แสดงจุดยืน" หรือ Holding Statement ทันทีหลังเกิดเหตุ เช่น แถลงการณ์ซึ่งระบุว่าทางการไทยกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงและจะรายงานสถานการณ์โดยเร็ว เพื่อรักษาพื้นที่ข่าวและไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามกำหนดกรอบเรื่องเล่าไปทั้งหมด นอกจากนี้ เธอแนะว่าไทยควรใช้ภาพและข้อมูลภาคสนามที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว เช่น ภาพจุดปะทะจริง ร่องรอย หรือกราฟิกไทม์ไลน์ ให้มากขึ้น เพื่อทำให้การสื่อสารของไทยมีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น โดยต้องตอบโต้อย่างทันทีทันควัน

การแบ่งการสื่อสารในประเทศ-นอกประเทศ ออกจากกัน

ย้อนไปเมื่อวันที่ 11 ก.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างการลงพื้นที่ภูมะเขือ โดยกล่าวว่า "สิ่งที่เราได้มีข้อตกลงกันไว้เพื่อจะเดินไปสู่การมีสันติภาพมันจบลงแล้ว" และกล่าวว่าตนไม่สนใจแรงกดดันเรื่องภาษีจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มให้เกิดการลงนามถ้อยแถลงร่วมกับกัมพูชาเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

ในประเด็นนี้ นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากสิงคโปร์ชี้ว่า แม้หลายคนอาจมองว่าคำพูดของนายอนุทินจะมีความชอบธรรมอยู่บ้างจากการที่ข้อตกลงทางเศรษฐกิจซึ่งพ่วงมากับถ้อยแถลงร่วมไทย-กัมพูชานั้น ถูกมองว่าคำนึงถึงประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก แต่การสื่อสารดังกล่าวเหมาะสำหรับสื่อสารเฉพาะกับฐานเสียงภายในประเทศเท่านั้น

"เรามองว่าคุณอนุทินน่าจะพยายามที่จะสื่อสารกับผู้ชม (audience) ที่เป็นฐานเสียง... ถ้าเอาแค่ผู้ชมแบบนั้นก็สื่อสารได้ถูกต้องแล้ว" นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์กล่าว "แต่พอมาดูบริบทว่าถ้าเราเปลี่ยนผู้ชมเป็นอเมริกา การพูดแบบนี้โดยที่ฝั่งตรงข้ามเป็นอเมริกาที่นำโดยประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเป็นคนที่นำด้วยอารมณ์อยู่แล้ว การที่ไปพูดแบบนี้มันอาจจะเป็นการยั่วยุได้"

ด้าน ดร.ชนาภางค์ ชี้ว่ากัมพูชาเองก็แยกการสื่อสารระหว่างคนในประเทศ และการสื่อสารต่อประชาคมโลกเช่นกัน เพียงแต่การสื่อสารของกัมพูชามีทิศทางของเรื่องเล่าที่สอดประสานกันแม้จะพุ่งไปที่ผู้ชมคนละกลุ่มด้วยท่วงท่าคนละแบบ โดยทางการกัมพูชาเน้นย้ำเรื่องชาตินิยมว่าต้องรวมพลังกันเพื่อต่อสู้กับการถูกรังแกในการสื่อสารภายในประเทศ แต่บนเวทีโลก กัมพูชาใช้การสื่อสารที่เน้นข้อเท็จจริง และนำเสนอเรื่องราวในมุมของผู้ที่ได้รับความเสียหาย เพื่อ "แสดงสถานะเป็นรอง" อันเป็นการเรียกความช่วยเหลือจากประชาคมโลก


โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ร่วมเป็นสักขพยานในพิธีลงนามในถ้อยแถลงร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อ 26 ต.ค. 2568

"กัมพูชามีความชัดเจนในการสื่อสารมาโดยตลอดว่าจะส่งสาร 'เรียกร้องขอความช่วยเหลือ' จากประชาคมโลก ซึ่งทำให้พวกเขาได้เปรียบอย่างมาก" เมื่อเปรียบเทียบกับไทยแล้ว ดร.ชนาภางค์มองว่าไทยอยู่ในสภาวะที่ต้องกำหนดน้ำเสียงด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

"เราห้ามกระแสชาตินิยมไม่ได้ เพราะมันเป็นกลไกตามธรรมชาติของภาวะสงคราม และอาจเป็นสิ่งจำเป็นของรัฐ ต้องมีอารมณ์ร่วมของสังคมเพื่อสร้างกำลังใจให้ทหาร" เธอกล่าว "แต่เมื่อเราสื่อสารออกไปในมุมที่ต้องจับมือเจรจา ต้องชัดเจนว่าจะทำอย่างไรให้ไทยอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ เพราะถ้าไปแสดงท่าทีแข็งกร้าว ก็จะถูกมองว่าเป็นฝ่ายก้าวร้าวทันที"

ขณะเดียวกัน หากไทยเลือกจะแสดงบทบาทในการแสวงหาสันติภาพ ก็ต้องแสดงบทบาทนำในการเรียกร้องสันติภาพเช่นเดียวกัน "ไทยต้องสามารถทำให้ประชาคมโลกเห็นชัดเจนว่าต้องการสันติภาพ และต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำจริง ๆ ว่าต้องการสันติภาพจริง"

ดร.สุรัชนี เห็นพ้องว่าจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของไทยคือการไม่กำหนดตำแหน่งให้แน่ชัดว่าจะวางตำแหน่งประเทศไว้ ณ จุดใดในประชาคมโลก และการสื่อสารทั้งหมดจะต้องสอดคล้องกับการวางตำแหน่งนั้น เธอชี้ว่าการมองผลกระทบในระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญ หากการสื่อสารหรือการกระทำใดมีโอกาสทำให้สถานการณ์แย่ลง หรือทำให้ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ก็อาจจะต้องพิจารณาว่าจะทำหรือไม่

https://www.bbc.com/thai/articles/cjd0v5m3re1o


จุ๊ๆ ดูร่องรอยสิ่งมีชีวิต


ดัง พันกร - DK Official
8 hours ago
·
ร่องรอยสิ่งมีชีวิต

https://www.facebook.com/photo?fbid=869298488775198&set=a.410558851315833



วันที่ 15 พ.ย.68 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ 📍“ย้ำอีกครั้ง หากนายกรัฐมนตรีเอาผลประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง เราจะไม่เดินมาถึงจุดนี้ นี่คือสิ่งที่คุณณัฐพงษ์ หัวหน้าพรรคประชาชนได้เตือนไว้ล่วงหน้า


แอ้แห่ระเบิด
6 hours ago
·
วันที่ 15 พ.ย.68 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์

“ย้ำอีกครั้ง หากนายกรัฐมนตรีเอาผลประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง เราจะไม่เดินมาถึงจุดนี้

นี่คือสิ่งที่คุณณัฐพงษ์ หัวหน้าพรรคประชาชนได้เตือนไว้ล่วงหน้า

ให้ประเทศไทยจะเป็นฝ่ายแจ้งสหรัฐอเมริกาและมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ก่อนถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งถูกวาง และเรียกร้องให้พิจารณาตัดการสนับสนุนทางการทหารและเศรษฐกิจต่อกัมพูชา ใช้โลกล้อมกัมพูชา เพื่อจบปัญหาสแกมเมอร์อันเป็นภัยต่อประชาชนทั้งโลก รวมถึงจีนและสหรัฐอเมริกา โดยการให้ความร่วมมือกับนานาชาติผ่านการตั้งผู้แทนพิเศษ แลกเปลี่ยนข้อมูลหลักฐาน เดินหน้าอายัดทรัพย์และสืบเส้นทางการเงินเครือข่ายสแกมเมอร์ในไทย

แต่นายกรัฐมนตรีกลับประกาศระงับ ‘ปฏิญญาสันติภาพ’ จนเป็นเหตุให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ประกาศระงับการเจรจาการค้ากับไทย เป็นการตอบโต้ ทั้งๆ ที่เพิ่งมีการต่อสายคุยกันของผู้นำ 2 ประเทศ ที่คุณอนุทินยังเอามาเล่าว่า ขอลดอัตราภาษีอยู่เลย เหมือนจับอารมณ์ของทรัมป์ไม่ได้เลยว่า กำลังจะระงับการเจรจา

ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ถูกเล่นงานอะไรเลย ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายก่อเหตุ และยังคงเล่นบทเหยื่อและสร้างภาพว่าประเทศไทยกำลังรังแกประเทศที่ด้อยกว่า

การเจรจาการค้าที่ควรจะต้องจบลงภายในปีนี้ ทำท่าว่าจะยืดเยื้อไปอีก เพราะสหรัฐฯ เองมักจะใช้เหตุด้านการเมืองอื่นๆ มาใช้กดดันแต่ละประเทศในการเจรจาอยู่แล้ว ไม่อยากจะนึกถึงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา หากทรัมป์เกิดประกาศอัตราภาษีใหม่ที่สูงกว่าเดิม

ถามว่าแล้วเราต้องแคร์มั้ย ถ้าไม่แคร์คงไม่ไปเซ็นปฏิญญานี้โดยทรัมป์มาเป็นพยานตั้งแต่แรก

ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทหารไทยไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เกมนี้มีวิธีเล่นได้หลายรูปแบบที่จะทำให้เราถือไพ่เหนือกว่า ถ้าเรายึดผลประโยชน์ประเทศเป็นหลัก มากกว่าการรักษาคะแนนความนิยมของตัวเองโดยการโหนกระแสชาตินิยม

นายกควรยอมรับว่าเดินหมากพลาดที่แสดงท่าทีที่แข็งกร้าว และไม่รัดกุมเพียงพอ และลดอัตตาตนเองเดินตามข้อเสนอที่เราเสนอไปก่อนหน้านี้”
 
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1732252024368984&set=gm.1961606904433134&idorvanity=624624994798005



จะเป็นด้วย นิสัยปากไวของนายกฯ หรือเชื่อทหารคลั่งจนขาดสติ ที่ไปพูดท้าทายสหรัฐ จนทำให้สหรัฐล้มโต๊ะเจรจาการค้าภาษี บอกอะไรเกี่ยวกับรัฐบาลอนุทิน


ป๋าต๋อย
8 hours ago
·
I do it my way . ที่ไม่ใช่อนุทินพูด แต่เป็น ทรัมป์พูด !!!
.

นิสัยปากไวของนายกฯ ที่ไปพูดท้าทายสหรัฐ จนทำให้สหรัฐล้มโต๊ะเจรจาการค้าภาษีต่างตอบแทนจนกว่าไทยจะทำตาม ปฏิญญาสันติภาพ
แปลว่า สหรัฐเห็นชัดว่า ไทยตั้งใจจะล้มโต๊ะเจรจาสันติภาพ ที่ประธานาธิบดี Peace President Trump เป็นโต้โผ !!
.

ลองย้อนไปดูคำพูดของนายกอนุทิน 3 เหตุการ์ณที่เป็นแรงจูงใจให้สหรัฐตอบโต้ไทย
.

1.คำพูดว่า ”สันติภาพจบลงแล้ว” นายกพูดประโยคนี้ เมื่อวันที่ 11 พ.ย. (1 วันหลังทหารไทยคนที่ 7 เหยียบกับระเบิด) เกาะกระแสชาตินิยมจนลืมตัวว่า คนเป็นผู้นำ ควรหรือไม่ควร จะพูดอะไรแบบนี้ออกไป ไม่คิดไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบ เพราะคำพูดว่า “สันติภาพจบลงแล้ว” เป็นคำพูดที่หักหน้า โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐ
.

2.”ไม่ต้องรายงาน "ทรัมป์" กร้าวเราเป็นประเทศอธิปไตย” นี่ก็เป็นอีกคำพูดในวันที่ 11 พ.ย.ที่อนุทิน พูดเอามัน ปากไวไม่คิดหน้าคิดหลัง จนทำให้ ผู้แทนการค้าสหรัฐ USTR โทรศัพท์ด่วนถึงกระทรวงต่างประเทศไทย ในวันนี้ (15 พ.ย.) ระงับการเจรจาการค้าต่างตอบแทนหรือ Reciprocal Tarrif ออกไปก่อน จนกว่าไทยจะปฏิบัติตามข้อตกลงปฏิญญาสันติภาพที่ลงนามร่วมกับกัมพูชา โดยมีสหรัฐเป็นตัวตั้งตัวตีให้ทั้งสองประเทศคู่ขัดแย้งลงนามเมื่อวันที่ 26 ตค.
.

3.ถัดมาอีกวัน คือ 12 พ.ย. นักข่าวถามอนุทิน ว่า เมินมาตรการภาษีทรัมป์หรือไม่ อนุทินตอบในใจความว่า "ไทยพร้อมหาตลาดใหม่ทแดทน และจะไม่ให้เรื่องการเจรจาการค้ากับสหรัฐทำให้อธิปไตยของเราถูกก้าวล่วง”
.

นี่เป็นบททดสอบ ชั้นเชิงทางการทูตครั้งสำคัญของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอนุทิน นายกฯสมัยแรก ที่มีเหตุให้ต้อง “จัดการ”ปัญหาในสถานการ์ณหนักๆ ไม่ว่าจะเป็น
.

1.เรื่องชายแดนไทยกัมพูชา ความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะรอบ 2
.

2.ท่าทีของรัฐบาลไทยที่นายกฯดันทะลึ่งไปประกาศฉีกปฏิญญาสันติภาพ
ไม่ดูตาม้าตาเรือว่า ทรัมป์คือ คนที่ผลักดันให้เกิดการลงนามทในปฏิญญา
.

3.ไม่ทันกลเกมการทูตที่ช้ำชองและอ่านขาดของฮุนมาเนต วันแรกที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิด ทำไมไม่โทรบอกทรัมป์ ให้ทรัมป์ไปกดดันกัมพูชา เพราะกัมพูชาเป็นคนละเมิดข้อตกลงแอบมาวางกับระเบิดใหม่ในฝั่งไทย
.

4.ปัญหาสแกมเมอร์ที่ตั้งหลักแล้วตั้งหลักอีก กว่าจะแก้ปัญหาแบบล้มๆลุกๆ จนคนไทยตั้งคำถามตัวโตๆว่า จะปราบสแกมเมอร์ คอลเซนเตอร์ยังไง ถ้าตำรวจยังเป็นคนรับส่วยอยู่
.

5.ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ภาคกลาง 4 เดือนแล้วน้ำยังไม่มีท่าทีจะลด !!
.

เอาเข้าจริง เราพบว่า เผลอๆ สหรัฐ และ มาเลเซีย เขาอาจจะมองว่าไทยเป็นฝ่ายตีรวนไม่ตั้งใจให้ข้อตกลงสันติภาพเกิดขึ้น
.

ชุดความเชื่อที่คนไทยกำลังคิด และแสดงออกถึงความรักชาติ เป็นชุดความเชื่อที่บางประเทศเขาไม่เชื่อแบบที่ไทยเชื่อ !!!
.

น่าอันตรายยิ่งว่า รัฐบาลจะเดินเกมการทูตอย่างไรจากนี้ไป เมื่อสหรัฐแสดงให้เห็นชัดเจนว่า เขาใช้มาตรการภาษีมาบีบไทย
.

สรุปในสรุปอีกทีคือ สหรัฐไม่แยกเรื่องการเมืองกับเรื่องการค้าออกจากกัน ถ้าไทยไม่ทำให้สหรัฐพอใจในเรื่องชายแดน สหรัฐก็ไม่เจรจาการค้าด้วย !!
.

อนึ่ง โปรดอย่าหุนหันพลันแล่นว่า ไทยไม่ใช่ขี้ข้าสหรัฐ เราไปค้าขายกับคนอื่นก็ได้ ใครคิดแบบนั้นกลับไปหาข้อมูลมาอ่านก่อนนะว่า ไทยได้ดุลการค้าสหรัฐปีละ 1.2 ล้านล้านบาท ไทยส่งออกสินค้าไปขายสหรัฐปีละ 57,000 ล้านดอลล่าร์ คิดเป็นเงินไทยก็ ราวๆ 1.8 ล้านล้านบาท ขนาดตลาดสหรัฐคิดเป็น 20% ที่ไทยส่งออกทั่วโลก

จบข่าว.
.....

Atukkit Sawangsuk
5 hours ago
·
ทรัมป์แม่งเป็นอันธพาลแหละ
ถ้าเราทำตามกระบวนการแล้วทรัมป์ยังกร่างรังแก ก็ด่าแม่-ได้เลย
แต่เมื่อยอมให้ทรัมป์ อันวาร์ อาเซียน มาเป็นตัวกลางตกลงสัญญาสันติภาพ
แล้วกลับฉีกโดยสาเหตุที่ไม่ได้สัดส่วนกัน
เอาใจทหารโหนกระแสคลั่งชาติ
แล้วยังแกว่งปากยั่วมันอีก
พวกคลั่งยังมาปลุกด่าทรัมป์ยังกะเป็นนักสิทธิมนุษยชนอเมริกัน
.....

ป๋าต๋อย
4 hours ago
·
การตอบโต้ที่ไม่ได้สัดส่วน บทสะท้อนความอ่อนหัดทางการทูตของรัฐบาล ?
-ผมคิดว่า มุมมองของทรัมป์และสหรัฐ ที่มีต่อมาตรการตอบโต้ไทยที่ประกาศฉีกปฏิญญาสันติภาพ ด้วยการระงับการเจรจาภาษีกับไทย จนกว่าไทยจะยอมทำตามปฏิญญา
-มาจากประเด็น ที่เขามองว่า มาตรการยาแรงฉีกปฏิญญาสันติภาพนั้น ไม่ได้”สัดส่วน”กับ incidents ที่เกิดขึ้นในวันที่ 10 พ.ย. และ 11 พ.ย. คือ ทหารไทยเหยียบกับระเบิด และไทยยิงตอบโต้กัมพูชาที่ยิงเข้ามาก่อนที่บ้านหนองหญ้าแก้ว
-การตอบโต้ของไทยที่จะเดินไปถึงจุดฉีกปฏิญญาสันติภาพได้ โดยที่สหรัฐ และมาเลเซีย เห็นพ้องและสนับสนุนไทยคือ
1.กัมพูชาเปิดฉากการรบใหญ่กับไทยก่อน เหมือนวันที่ 24 ก.ค.
2.หลังเหตุการ์ณวันที่ 10 และ 11 พ.ย. ฮุน มาเน็ต เป็นฝ่ายพูดก่อนอนุทินว่า กัมพูชาขอระงับ joint declaration
-เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นเช่นนี้แล้ว คือ การเจรจาการค้ากับสหรัฐสะดุด ภาษีต่างตอบแทนถูกชะลอออกไปทั้งๆที่ควรจบภายในสิ้นปีนี้ (รายการสินค้าสหรัฐ 10,000 รายการที่นำเข้ามาไทย ไทยจะเก็บภาษี 0 % และสินค้าที่ส่งไปสหรัฐ สหรัฐจะเก็บภาษีไทย 19 % นั้น มีบัญชีรายการสินค้าอะไรบ้าง ซึ่งไทยโดยกระทรวงพาณิชย์กำลังเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐ อย่างเข้มข้นเพื่อไม่ให้ไทยเสียเปรียบสหรัฐ)
-โดยสหรัฐขีดเส้น จะเจรจาการค้าต่อ ก็เมื่อไทยต้องกลับเข้าไปสู่ Joint declaration
-แต่โจทย์ยากคือ สหรัฐไม่ได้บอกว่า ไทยต้องทำอะไร ? ที่จะทำให้สหรัฐพอใจและกลับมาเจรจากับไทยใหม่
-และเกมที่สหรัฐกำลังเล่นกับไทยขณะนี้ ทำให้รัฐบาลและกองทัพต้องใช้สติแยกความรักชาติ ออกจากความคลั่งชาติ และแยกผลประโยชน์ของชาติ ออกจากผลประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาล ที่หวังโกยคะแนนเสียงจากกระแสชาตินิยมผ่านคะแนนเสียงในการเลือกตั้งปี 69
-รักชาติอย่างมีสติ อย่าคลั่งชาติจนเสียสติ เพราะเดิมพันครั้งนี้หนักหนามาก ทั้งเรื่องความมั่นคง และเศรษฐกิจ !

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=122133622502953757&id=61578612737633



“เสธ.หิ” เลือดทหาร ขึ้นหน้า! ลั่น รบเถอะครับ แบ่งเขตประเทศกันใหม่ ที่บ้านตระกูลฮุน ในพนมเปญ?


Wassana Nanuam
7 hours ago
·
“เสธ.หิ” เลือดทหาร ขึ้นหน้า!
ลั่น รบเถอะครับ
แบ่งเขตประเทศกันใหม่
ที่บ้านตระกูลฮุน ในพนมเปญ?
.
หนุนกองทัพ จัดการเด็ดขาด ลูกหลานพระยาละแวก ทำผิด แล้วไม่สำนึก
แนะไทย เลิกทำตัวเป็นบัณฑิต-ผู้ดี
ชี้ เพราะ เรารบกับ “กองโจร”
มุดใต้กระโปรงผู้หญิง-เด็ก
กองโจรที่แอบยิงจากหลัง
กองโจรที่ลอบกัดวางกับระเบิด
ลั่น รบเถอะครับ
เจรจาครั้งต่อไป แบ่งเขตประเทศกันใหม่ ที่บ้านตระกูลฮุนในพนมเปญ?

อดีตทหารเสือราชินี ร.21 รอ. เตรียมทหาร25 “เสธ.หิ ”ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ทีมงาน รองนายกฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า และ พรรคกล้าธรรม โพสต์ FB ระบุว่า สู้กับคนพาล อย่าใช้วิถีของบัณฑิต กัมพูชาสร้างสถานการณ์บิดเบือน หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิด แม้ขาขาด!! ก็ยังไม่สำนึกและขอโทษ
ยังใส่ร้ายไทยไม่หยุดหย่อน
.

ในที่สุดเราก็ได้เห็นเล่ห์เหลี่ยม ความกลิ้งกลอกของกัมพูชา หลังจากทหารไทยเหยียบกับระเบิด จนขาขาด แทนที่จะสำนึกและขอโทษตามมารยาทของเพื่อนบ้านที่ดี และแสดงความจริงใจในการร่วมกันแก้ปัญหา
.
กลับสร้างสถานการณ์ต่อเนื่อง โดยให้ทหารของตนเองยิงใส่ทหารไทย เมื่อทหารไทยตอบโต้ก็เก็บหลักฐานว่าเราโจมตีก่อน ทหารเจ็บก็เอาไปใส่ชุดพลเรือน แล้วอ้างว่าเรายิงพลเรือน

ทั้งๆ ที่วิธีการของฝั่ง “ตระกูลฮุน” ล้วนเป็นวิธีการของคนขี้ขลาด มีภาพหลักฐานชัดเจน ไม่ว่าจะตั้งฐานยิงจรวดในหมู่บ้าน ในชุมชน ในกลุ่มประชาชน หรือแม้แต่ใช้โบราณสถานเป็นที่ตั้งอาวุธ เพื่อใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์

ในขณะเดียวกัน เมื่อโจมตีมายังฝั่งไทย ไม่เคยกำหนดเป้าหมาย หรือจำกัดวงให้อยู่ในพื้นที่สู้รบหรือพื้นที่ทางทหาร กลับโจมตีพื้นที่พลเรือน เพื่อมุ่งสร้างความเสียหายให้มากที่สุด
.
อาจจะถึงเวลา ที่เราจะเลิกทำตัวเป็นบัณฑิตหรือผู้ดี เพราะเรารบกับกองโจรที่มุดใต้กระโปรงของสตรีและเด็ก กองโจรที่แอบยิงเราอยู่หลังประชาชน กองโจรที่ลอบกัดวางกับระเบิดโดยไม่สนใจข้อตกลงสากลใดๆ

ทั้งสิ้น ที่เรียกเช่นนี้ เพราะพฤติกรรมไร้มนุษยธรรมที่ผ่านมาของคนพวกนี้ ไม่อาจเรียกว่า เป็นทหารหรือนักรบได้ ถึงเวลาหรือยังครับ ที่เราจะต้องกำราบความกำแหงของลูกหลานพระยาละแวกพวกนี้ ให้เข็ดหลาบ
.
เมื่อมันละเมิดข้อตกลง ก็ถือว่าข้อตกลงไม่มี เมื่อมันอยากจะรบ ก็รบให้รู้กันไปเลย ที่ผ่านมาทำตัวเจ้าเล่ห์ เจรจาต่อหน้าเวทีโลก แต่ลับหลังกลับเสริมกำลัง อาวุธหนัก และทันสมัยตลอดเวลา วิธีการกำราบเด็กเกเรบางที่ครูแนะแนวพูดไม่ได้ผลนะครับ ต้องใช้ไม้เรียวของครูฝ่ายปกครอง

” รบเถอะครับ การเจรจาครั้งต่อไป กำหนดแบ่งเขตประเทศกันใหม่ที่บ้านตระกูลฮุนในพนมเปญดีไหมครับ“

https://www.facebook.com/photo?fbid=25289611350670651&set=a.440635312661599
.....


ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ
November 13
·
สู้กับคนพาล อย่าใช้วิถีของบัณฑิต
กัมพูชาสร้างสถานการณ์บิดเบือน หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิด
แม้ขาขาด!! ก็ยังไม่สำนึกและขอโทษ ยังใส่ร้ายไทยไม่หยุดหย่อน
.
ในที่สุดเราก็ได้เห็นเล่ห์เหลี่ยม ความกลิ้งกลอกของกัมพูชา หลังจากทหารไทยเหยียบกับระเบิด จนขาขาด แทนที่จะสำนึกและขอโทษตามมารยาทของเพื่อนบ้านที่ดี และแสดงความจริงใจในการร่วมกันแก้ปัญหา
.
กลับสร้างสถานการณ์ต่อเนื่อง โดยให้ทหารของตนเองยิงใส่ทหารไทย เมื่อทหารไทยตอบโต้ก็เก็บหลักฐานว่าเราโจมตีก่อน ทหารเจ็บก็เอาไปใส่ชุดพลเรือน แล้วอ้างว่าเรายิงพลเรือน ทั้งๆ ที่วิธีการของฝั่ง “ตระกูลฮุน” ล้วนเป็นวิธีการของคนขี้ขลาด มีภาพหลักฐานชัดเจน ไม่ว่าจะตั้งฐานยิงจรวดในหมู่บ้าน ในชุมชน ในกลุ่มประชาชน หรือแม้แต่ใช้โบราณสถานเป็นที่ตั้งอาวุธ เพื่อใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ในขณะเดียวกัน เมื่อโจมตีมายังฝั่งไทย ไม่เคยกำหนดเป้าหมาย หรือจำกัดวงให้อยู่ในพื้นที่สู้รบหรือพื้นที่ทางทหาร กลับโจมตีพื้นที่พลเรือน เพื่อมุ่งสร้างความเสียหายให้มากที่สุด
.
อาจจะถึงเวลา ที่เราจะเลิกทำตัวเป็นบัณฑิตหรือผู้ดี เพราะเรารบกับกองโจรที่มุดใต้กระโปรงของสตรีและเด็ก กองโจรที่แอบยิงเราอยู่หลังประชาชน กองโจรที่ลอบกัดวางกับระเบิดโดยไม่สนใจข้อตกลงสากลใดๆ ทั้งสิ้น ที่เรียกเช่นนี้เพราะพฤติกรรมไร้มนุษยธรรมที่ผ่านมาของคนพวกนี้ ไม่อาจเรียกว่าเป็นทหารหรือนักรบได้ ถึงเวลาหรือยังครับ ที่เราจะต้องกำราบความกำแหงของลูกหลานพระยาละแวกพวกนี้ ให้เข็ดหลาบ
.
เมื่อมันละเมิดข้อตกลง ก็ถือว่าข้อตกลงไม่มี เมื่อมันอยากจะรบ ก็รบให้รู้กันไปเลย ที่ผ่านมาทำตัวเจ้าเล่ห์ เจรจาต่อหน้าเวทีโลก แต่ลับหลังกลับเสริมกำลัง อาวุธหนักและทันสมัยตลอดเวลา วิธีการกำราบเด็กเกเรบางที่ครูแนะแนวพูดไม่ได้ผลนะครับ ต้องใช้ไม้เรียวของครูฝ่ายปกครอง รบเถอะครับ การเจรจาครั้งต่อไป กำหนดแบ่งเขตประเทศกันใหม่ที่บ้านตระกูลฮุนในพนมเปญดีไหมครับ

https://www.facebook.com/photo?fbid=1414503030677999&set=a.517345247060453
.....





https://www.facebook.com/WassanaJournalist