
Wara Chanmanee
10 hours ago
·
ระหว่างเท้งกับชูวิทย์ คนที่ควรหุบปากคือชูวิทย์
เมื่อชูวิทย์วิจารณ์เท้ง ว่า
"เป็นเวลาที่นักการเมืองควร ‘ปิดปาก’ ไว้
และปล่อยให้ทหารทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย"
https://www.facebook.com/share/p/1D8BxNTLxK/
ผมว่าชูวิทย์นั่นแหละ ควรหุบปาก ทำไมนักการเมือง จะทำหน้าที่ไม่ได้
เมื่อพิจารณาแล้ว https://www.facebook.com/share/p/17WvZgpRQ9/ผมเห็นว่า การใช้บางถ้อยคำในโพสต์แรกของเท้ง เช่น "Endgame" "การรบอย่างเต็มกำลัง" หรือการไม่ขยายความให้ชัดเจน ทำให้ถูกมองว่ามุ่งสนับสนุนการใช้กำลังทางทหาร
(ผิดกับที่วิโรจน์เขียน https://www.facebook.com/share/p/1MY2FzytJx/ ดูจะไม่มีอารมณ์แบบเท้ง แต่ก็ต้องอ่านของทั้ง 2 คน จึงพอจะเข้าใจสถานการณ์)
ประกอบกับการที่เนชั่นนำแค่คำสั้นๆ มาสื่อสารบนแบบเนอร์ "เท้ง หนุนรบเต็มกำลัง" ทำให้เข้าใจผิดไปกันใหญ่
หากเท้งพูดให้เคลียร์ตั้งแต่ครั้งแรก ก็ไม่จำเป็นต้องมาแถลงอธิบายซ้ำในครั้งที่ 2 ซึ่งบอกตรงๆ ผมฟังแถลง เห็นสีหน้าแววตาเท้งแล้วรู้สึกเห็นใจ
มีสิ่งที่ซ่อนในการสื่อสารของเท้ง วิโรจน์ และชูวิทย์ ดังนี้
1. ทั้ง 3 รู้ว่า นักการเมืองและชนชั้นนำไทยมีเครือข่ายสัมพันธ์กับสแกมเมอร์ หรือขบวนการผิดกฏหมาย แต่เท้ง วิโรจน์ ก็พูดได้แค่นั้น ส่วนชูวิทย์เลือกที่จะไม่พูด และเบี่ยงประเด็นมาโจมตีเท้ง
2. เท้ง และวิโรจน์ รู้ว่า การเกิดเหตุไทยกัมพูชาครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การกลบข่าวสแกมเมอร์ที่ทำให้ฮุนเซนและเครือข่ายเสียหายฝ่ายเดียว แต่เป็นการกลบข่าวความพัวพันที่ทำให้ฝ่ายนักการเมืองและชนชั้นนำไทยเสียหายด้วย
น่าสังเกตว่าการเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดหลังจากที่รัฐบาลเริ่มเคลียร์สถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่เสร็จไปจำนวนหนึ่ง พอถูกเปิดโปงภาพเครือข่ายสแกมเมอร์ จึงมีข้อสังเกตว่าศึกสงครามครั้งนี้เกิดขึ้นมาเพื่อตัดเกมและกลบเกลื่อนปัญหาของชนชั้นนำทั้ง 2 ประเทศ
3. การที่ชูวิทย์ ออกมาโพสต์ว่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทหาร เท่ากับว่าเป็นการชง ยกอำนาจให้ทหารอย่างเบ็ดเสร็จเกินไป โดยปราศจากการตรวจสอบ ภายใต้สถานการณ์ไม่มีใครรู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร ดังที่วิโรจน์พยายามเสนอเครื่องมือและวิธีการที่รัดกุม
สิ่งที่สังคมไทยพึงระวังและตระหนัก
การมุ่งสร้างความสนใจไปเฉพาะการสู้รบ และปลุกอุดมการณ์ชาตินิยมเพื่อสร้างความเกลียดชังระหว่างกัน โดยทิ้งหลักการ ทั้งทางการทหาร ข้อตกลงระหว่างประเทศ หรือมนุษยธรรม ไม่เป็นผลดีต่อประชาชนไทยและกัมพูชาอย่างแท้จริง สิ่งที่ประชาชนทั้ง 2 ชาติต้องตระหนัก คือ ในทั้ง 2 ประเทศต่างมีชนชั้นนำที่ฉ้อฉล ต่างเกี่ยวข้องกับธุรกิจสแกมเมอร์ และความเป็นธรรมาภิบาลในทั้ง 2 ประเทศ หลักการสำคัญของการบริหารจัดการความมั่นคงของชาติในปัจจุบัน ต้องสร้างความสมดุลทางอำนาจมากกว่าการให้บทบาทไปที่กองทัพเพียงอย่างเดียว เพราะกองทัพมีแนวโน้มที่จะทำไปเพื่อประโยชน์ของตนและชนชั้นนำมากกว่า หากไม่อยู่ในสายตาและการตรวจสอบจากประชาชนหรือกลไกนานาชาติ
การต่อสู้หรือดำเนินงานทางการเมืองของพรรคส้มในยุคนี้ เป็นยุคที่พยายามประนีประนอมและต่อรองกับชนชั้นนำหรือเครือข่ายสแกมเมอร์ มันก็จะออกแนวกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หรือออกอาวุธได้อย่างจำกัด ดังที่เห็น
https://www.facebook.com/sippapacha.fund/posts/25297202886605006
·
ระหว่างเท้งกับชูวิทย์ คนที่ควรหุบปากคือชูวิทย์
เมื่อชูวิทย์วิจารณ์เท้ง ว่า
"เป็นเวลาที่นักการเมืองควร ‘ปิดปาก’ ไว้
และปล่อยให้ทหารทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย"
https://www.facebook.com/share/p/1D8BxNTLxK/
ผมว่าชูวิทย์นั่นแหละ ควรหุบปาก ทำไมนักการเมือง จะทำหน้าที่ไม่ได้ เมื่อพิจารณาแล้ว https://www.facebook.com/share/p/17WvZgpRQ9/ผมเห็นว่า การใช้บางถ้อยคำในโพสต์แรกของเท้ง เช่น "Endgame" "การรบอย่างเต็มกำลัง" หรือการไม่ขยายความให้ชัดเจน ทำให้ถูกมองว่ามุ่งสนับสนุนการใช้กำลังทางทหาร
(ผิดกับที่วิโรจน์เขียน https://www.facebook.com/share/p/1MY2FzytJx/ ดูจะไม่มีอารมณ์แบบเท้ง แต่ก็ต้องอ่านของทั้ง 2 คน จึงพอจะเข้าใจสถานการณ์)
ประกอบกับการที่เนชั่นนำแค่คำสั้นๆ มาสื่อสารบนแบบเนอร์ "เท้ง หนุนรบเต็มกำลัง" ทำให้เข้าใจผิดไปกันใหญ่
หากเท้งพูดให้เคลียร์ตั้งแต่ครั้งแรก ก็ไม่จำเป็นต้องมาแถลงอธิบายซ้ำในครั้งที่ 2 ซึ่งบอกตรงๆ ผมฟังแถลง เห็นสีหน้าแววตาเท้งแล้วรู้สึกเห็นใจ
มีสิ่งที่ซ่อนในการสื่อสารของเท้ง วิโรจน์ และชูวิทย์ ดังนี้
1. ทั้ง 3 รู้ว่า นักการเมืองและชนชั้นนำไทยมีเครือข่ายสัมพันธ์กับสแกมเมอร์ หรือขบวนการผิดกฏหมาย แต่เท้ง วิโรจน์ ก็พูดได้แค่นั้น ส่วนชูวิทย์เลือกที่จะไม่พูด และเบี่ยงประเด็นมาโจมตีเท้ง
2. เท้ง และวิโรจน์ รู้ว่า การเกิดเหตุไทยกัมพูชาครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การกลบข่าวสแกมเมอร์ที่ทำให้ฮุนเซนและเครือข่ายเสียหายฝ่ายเดียว แต่เป็นการกลบข่าวความพัวพันที่ทำให้ฝ่ายนักการเมืองและชนชั้นนำไทยเสียหายด้วย
น่าสังเกตว่าการเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดหลังจากที่รัฐบาลเริ่มเคลียร์สถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่เสร็จไปจำนวนหนึ่ง พอถูกเปิดโปงภาพเครือข่ายสแกมเมอร์ จึงมีข้อสังเกตว่าศึกสงครามครั้งนี้เกิดขึ้นมาเพื่อตัดเกมและกลบเกลื่อนปัญหาของชนชั้นนำทั้ง 2 ประเทศ
3. การที่ชูวิทย์ ออกมาโพสต์ว่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทหาร เท่ากับว่าเป็นการชง ยกอำนาจให้ทหารอย่างเบ็ดเสร็จเกินไป โดยปราศจากการตรวจสอบ ภายใต้สถานการณ์ไม่มีใครรู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร ดังที่วิโรจน์พยายามเสนอเครื่องมือและวิธีการที่รัดกุม
สิ่งที่สังคมไทยพึงระวังและตระหนักการมุ่งสร้างความสนใจไปเฉพาะการสู้รบ และปลุกอุดมการณ์ชาตินิยมเพื่อสร้างความเกลียดชังระหว่างกัน โดยทิ้งหลักการ ทั้งทางการทหาร ข้อตกลงระหว่างประเทศ หรือมนุษยธรรม ไม่เป็นผลดีต่อประชาชนไทยและกัมพูชาอย่างแท้จริง สิ่งที่ประชาชนทั้ง 2 ชาติต้องตระหนัก คือ ในทั้ง 2 ประเทศต่างมีชนชั้นนำที่ฉ้อฉล ต่างเกี่ยวข้องกับธุรกิจสแกมเมอร์ และความเป็นธรรมาภิบาลในทั้ง 2 ประเทศ หลักการสำคัญของการบริหารจัดการความมั่นคงของชาติในปัจจุบัน ต้องสร้างความสมดุลทางอำนาจมากกว่าการให้บทบาทไปที่กองทัพเพียงอย่างเดียว เพราะกองทัพมีแนวโน้มที่จะทำไปเพื่อประโยชน์ของตนและชนชั้นนำมากกว่า หากไม่อยู่ในสายตาและการตรวจสอบจากประชาชนหรือกลไกนานาชาติ
การต่อสู้หรือดำเนินงานทางการเมืองของพรรคส้มในยุคนี้ เป็นยุคที่พยายามประนีประนอมและต่อรองกับชนชั้นนำหรือเครือข่ายสแกมเมอร์ มันก็จะออกแนวกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หรือออกอาวุธได้อย่างจำกัด ดังที่เห็นhttps://www.facebook.com/sippapacha.fund/posts/25297202886605006