
Lily Chaithirasakul
17 hours ago
·
อยากบอก คุณศุภจีว่า SME ไม่ใช่มีแต่แฟรนไชส์ แต่แฟรนไชส์เป็นแค่ส่วนกันตายของคนที่ไม่อยากเป็นลูกน้อง อยากเป็นเจ้าของกิจการแต่ไม่สามารถสร้างหนทางได้
SME ระดับกลางส่วนใหญ่ในไทยคือ SMALL BUSINESS ที่เป็นรายย่อยจากผู้ประกอบการที่เป็นรายเล็กรายน้อย ส่วนหนึ่งคือ กงสีเก่ารุ่น 3 หรือ รุ่น 4 ที่รับมรดกมาจากพ่อแม่ ปู่ย่า แล้วเลี้ยงตัวเองและครอบครัวด้วยกิจการเล็กๆ ไม่ว่าจะ โรงงาน หรือร้านค้าตามตึกแถว แม้กระทั่งร้านอาหารที่ไม่ได้ใหญ่โต คนพวกนี้เป็นรายย่อยที่ส่งสินค้าให้โรงงานใหญ่ หรือ OEM บางส่วน แต่ก็โดน เจ้าใหญ่ หรือ เจ้าสัว ทำธุรกิจแนวดิ่งทำร้ายรายย่อยชิบหาย
หนักไปกว่านั้น คือ ช่วงหลังโควิด ตั้งแต่ เส้นทางรถไฟความเร็วสูง จากจีนถึลาว ตามด่านข้ามโขง ทุกด่าน กว่า 10ด่าน มีคอนเทนเนอร์เข้ามาพร้อมหิ้วดสินค้าราคาถูก เอาเปรียบเราด้วยการใช้ FTA เบียดเบียนรายย่อย พวกโรงงานเล็กๆ ให้อยู่ไม่ได้ไปด้วย แม้แต่รายใหญ่ก็จะตามไปด้วย พวก ผ้าขนหนู ผ้าเย็น เครื่องอุปโภคเล็กๆ ที่โรงงาน SME รายย่อยในไทยผลิตส่งต่างจังหวัด ตลาดกว้างๆ ทำเอา รายย่อยแทบตายเพราะสินค้าจีน
หนักไปอีก แยกย่อยที่พอจะบอกได้คือ ธุรกิจสิ่งทอ ที่รัฐบาลชอบบอกว่า เราแพ้ด้วยค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้ต้องนำเข้าจากจีน ฉันจำได้ สมัยทักษิณตัวดีเลย พูดไว้ว่า กิจการไหน ไทยทำไม่ไหว ก็ให้คนอื่นทำ ตั้งแต่วันนั้น ธุรกิจสิ่งทอไทยตายห่าวายวอดไปหมด พวกนี้มีโรงงานเล็กๆน้อยๆ รุ่นปู่ย่า พ่อแม่ เลี้ยงลูกมาจนจบนอก ท้ายสุด ไม่สามารถสานต่อกิจการด้วยรัฐเปิดช่อง FTA ให้เอาผ้าจีนเข้าฟรีไม่เสียภาษี เล่นเอาโรงงานตายหมด ทายาทต้องไปเป็นลูกน้องตามบริษัทใหญ่โต
ทุกวันนี้ ด้วยค่าแรง และการแข่งขัน สินค้าจีนไม่ได้ถูกอีกแล้ว แต่ด้วย FTA ภาษี0% ทำให้สินค้าพวกฟรีภาษีเข้าไทยสบาย ปลอดภาษี ไม่ว่าจะ ผ้า ที่นอน เฟอร์นิเจอร์
ถ้าคุณทำโรงแรม จะรู้ว่า นักธุรกิจจีนที่มีเงินเทา นำเงินมาซื้อโรงแรมในไทยมากมาย ไม่ว่า ที่เขาใหญ่ ภูเก็ต พัทยา นี่สร้างใหม่เป็นตึกๆ เราก็นึกว่า จะมาลงทุนในไทย ปรากฏพวกแม่ง สั่งเฟอร์นิเจอร์ เตียงตู้เก้าอี้ น๊อตดาว ลงคอนเทนเนอร์ใหญ่ ไม่ว่าจะที่นอน เตียง ผ้าขนหนู เครื่องสบู่หอม แม้แต่กระดาษชำระ ก็หิ้วมาจากจีนหมด ... เล่นเอา โรงงานผลิตที่นอนไทยยับเยินไปพร้อมกับเจ้าของโรงแรมไทย
เฮ้ย เหนื่อยที่จะกล่าวระบาย แค่กิจการโรงแรม ก็ทำร้ายเศรษฐกิจทั้งหมดของไทยภาคท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายทางเลยทีเดียว
ไหนจะอาหาร ....
เป็นที่รู้กัน วงการอาหาร เริ่มจาก อาหารสัตว์ โดย ควบคุมราคาวัตถุดิบโดยรายใหญ่ เราไม่สามารถรู้ราคาข้าวโพด ถั่วเหลืองได้ ถ้ารายใหญ่มากๆไม่กำหนดราคาซื้อมาให้ เฮ้ย ได้ไงวะ กูจะซื้อของ คนขายบอกราคาไม่ได้โว้ย บอกรอพี่ใหญ่เขาก่อน... ขอบคุณพี่ทรัมป์ ต่อไปนี้พวกกูจะสั่งถั่วเหลือง ข้าวโพดเองได้แล้วโว้ย ....
เราค้นพบว่า โรงงานอาหารสัตว์ไทย ไปเปิดกิจการที่ต่างประเทศ แล้วดั้มราคาอาหารสัตว์ให้ถูกๆเพื่อยึดตลาดในประเทศนั้นให้ได้ เรายินดีด้วย แต่ผลลัพธ์ที่เราได้รับคือ ไอ้สัตว์ที่กินอาหารสัตว์นั้นๆ มีราคาต้นทุนที่กินอาหารถูก กลับมาราคาถูกกว่าสัตว์นั้นๆในไทย ทำให้มีการเคลื่อนย้าย สัตว์เถือนเข้าไทย ... แบบนี้ ใครแก้ไขได้ ??? ในเมื่อ ภาครัฐสนิทสนมกับนักธุรกิจเหล่านั้น และ ด่านภาษีทำมองไม่เห็นกับของเถื่อน ทุกวันนี้ จับหมาที่ไหนได้
และ คนเลี้ยงสัตว์ ก็คือ SME เล็กๆ เหล่านั้น ที่สุดท้าย เสียกิจการ เสียที่ดิน เป็นหนี้สิน ... และ บางรายจบชีวิตลงด้วยความล้มละลาย หันไปมองพวกราชบุรี นครปฐมนิ หายหมด ไม่เหลือเลย กลิ่นขี้หมูที่เคยหอมอบอวนมาถึงริมถนน
มาถึง ....ธุรกิจขนาดเล็กยังหมายถึง กิจการชุมชนที่รวมตัวกันสมัยที่พี่ทักษิณทำ OTOP ที่สามารถสร้างรายได้เลี้ยงชุมชน เป็นรายได้เสริมให้เกษตรกร หรือคนเฒ่าคนชราแม่บ้านไม่มีอาชีพในชุมชน ได้ เหล้า ได้ สาโท เครื่องสาน ผ้าทอมือ มาหลากหลาย น่าเสียดายที่หายไป รัฐไม่ได้สานต่อการหาตลาด การต่อยอดไปต่อของนวัตกรรมของสินค้า และบางรัฐบาลขวางทางตีนการเติมเต็มด้วย กฏหมายเหล้าเสรี อี๊ก ซึ่ง พรรคประชาชนเป็นแกนนำในการปลดล๊อคเหล้าไปแล้ว แต่สินค้าตัวอื่นๆล่ะ ???
ปัญหาของ SME ยังมีคือ เรารับทอดมรดกมาจากบุพการี แต่ได้กิจการ ไม่ได้เงินสดมา ทำให้ SME หลายราย หล่อเลี้ยงตัวเองให้รอด เพียงพอให้ตัวเองไม่ตายแบบอดตาย แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีได้ .. ถึงแม้ภาครัฐจะเตรียมเงินให้เรากู้ เพื่อพัฒนา เราก็ไม่กู้หรอก เราเสี่ยงไม่ได้แล้ว เจอมาหลายหายนะแล้ว ไม่ว่าจะต้มยำกุ้ง ยันโควิด วิกฤติเหล่านี้ ทำให้เราพยุงตัวเองไม่รอด และเพราะเราก็แก่รอวันตาย รอปิดกิจการของพ่อของแม่ก่อนตาย ... เราก็ทำใจไว้แล้ว อยู่ไปวันวัน
คนบริหารแต่องค์กรใหญ่ๆ ไม่เคยมองเห็นหัวพวกรายย่อยอย่างเราเลย แม้แต่นักการเมืองบ้านใหญ่ ต่อให้นักวิชาการเองก็ไม่รู้จักพวกเรา ...... เราก็เริ่ด เชิด หยิ่ง หันไปหาพระไหว้เจ้าแทน
ที่เขียนมาทั้งหมด เราห่วงรุ่นหลาน และรุ่นต่อๆไป
เราแค่อยากให้ภาครัฐมองไปยังรุ่นใหม่ ว่าคุณควรจะพัฒนาอะไรพวกเขา ช่วยอะไรให้เขายืนหยัดได้ Startup ยังเป็นสิ่งจำเป็น คุณควรมี venture capital เพื่อช่วยเหลือให้เขายืนได้ เพราะเขายังโตได้ เสี่ยงได้ เลี้ยงตัวได้ ล้มได้และลุกได้ไว
ที่เขียนมาทั้งหมด อยากบอกว่า ไม่ว่าจะนโยบายไหนของพรรค ก็ไม่โดนใจ SME อย่างพวกกูสักคน บอกเลย
https://www.facebook.com/lily.chaithirasakul.2024/posts/4286074555013248
·
อยากบอก คุณศุภจีว่า SME ไม่ใช่มีแต่แฟรนไชส์ แต่แฟรนไชส์เป็นแค่ส่วนกันตายของคนที่ไม่อยากเป็นลูกน้อง อยากเป็นเจ้าของกิจการแต่ไม่สามารถสร้างหนทางได้
SME ระดับกลางส่วนใหญ่ในไทยคือ SMALL BUSINESS ที่เป็นรายย่อยจากผู้ประกอบการที่เป็นรายเล็กรายน้อย ส่วนหนึ่งคือ กงสีเก่ารุ่น 3 หรือ รุ่น 4 ที่รับมรดกมาจากพ่อแม่ ปู่ย่า แล้วเลี้ยงตัวเองและครอบครัวด้วยกิจการเล็กๆ ไม่ว่าจะ โรงงาน หรือร้านค้าตามตึกแถว แม้กระทั่งร้านอาหารที่ไม่ได้ใหญ่โต คนพวกนี้เป็นรายย่อยที่ส่งสินค้าให้โรงงานใหญ่ หรือ OEM บางส่วน แต่ก็โดน เจ้าใหญ่ หรือ เจ้าสัว ทำธุรกิจแนวดิ่งทำร้ายรายย่อยชิบหาย
หนักไปกว่านั้น คือ ช่วงหลังโควิด ตั้งแต่ เส้นทางรถไฟความเร็วสูง จากจีนถึลาว ตามด่านข้ามโขง ทุกด่าน กว่า 10ด่าน มีคอนเทนเนอร์เข้ามาพร้อมหิ้วดสินค้าราคาถูก เอาเปรียบเราด้วยการใช้ FTA เบียดเบียนรายย่อย พวกโรงงานเล็กๆ ให้อยู่ไม่ได้ไปด้วย แม้แต่รายใหญ่ก็จะตามไปด้วย พวก ผ้าขนหนู ผ้าเย็น เครื่องอุปโภคเล็กๆ ที่โรงงาน SME รายย่อยในไทยผลิตส่งต่างจังหวัด ตลาดกว้างๆ ทำเอา รายย่อยแทบตายเพราะสินค้าจีน
หนักไปอีก แยกย่อยที่พอจะบอกได้คือ ธุรกิจสิ่งทอ ที่รัฐบาลชอบบอกว่า เราแพ้ด้วยค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้ต้องนำเข้าจากจีน ฉันจำได้ สมัยทักษิณตัวดีเลย พูดไว้ว่า กิจการไหน ไทยทำไม่ไหว ก็ให้คนอื่นทำ ตั้งแต่วันนั้น ธุรกิจสิ่งทอไทยตายห่าวายวอดไปหมด พวกนี้มีโรงงานเล็กๆน้อยๆ รุ่นปู่ย่า พ่อแม่ เลี้ยงลูกมาจนจบนอก ท้ายสุด ไม่สามารถสานต่อกิจการด้วยรัฐเปิดช่อง FTA ให้เอาผ้าจีนเข้าฟรีไม่เสียภาษี เล่นเอาโรงงานตายหมด ทายาทต้องไปเป็นลูกน้องตามบริษัทใหญ่โต
ทุกวันนี้ ด้วยค่าแรง และการแข่งขัน สินค้าจีนไม่ได้ถูกอีกแล้ว แต่ด้วย FTA ภาษี0% ทำให้สินค้าพวกฟรีภาษีเข้าไทยสบาย ปลอดภาษี ไม่ว่าจะ ผ้า ที่นอน เฟอร์นิเจอร์
ถ้าคุณทำโรงแรม จะรู้ว่า นักธุรกิจจีนที่มีเงินเทา นำเงินมาซื้อโรงแรมในไทยมากมาย ไม่ว่า ที่เขาใหญ่ ภูเก็ต พัทยา นี่สร้างใหม่เป็นตึกๆ เราก็นึกว่า จะมาลงทุนในไทย ปรากฏพวกแม่ง สั่งเฟอร์นิเจอร์ เตียงตู้เก้าอี้ น๊อตดาว ลงคอนเทนเนอร์ใหญ่ ไม่ว่าจะที่นอน เตียง ผ้าขนหนู เครื่องสบู่หอม แม้แต่กระดาษชำระ ก็หิ้วมาจากจีนหมด ... เล่นเอา โรงงานผลิตที่นอนไทยยับเยินไปพร้อมกับเจ้าของโรงแรมไทย
เฮ้ย เหนื่อยที่จะกล่าวระบาย แค่กิจการโรงแรม ก็ทำร้ายเศรษฐกิจทั้งหมดของไทยภาคท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายทางเลยทีเดียว
ไหนจะอาหาร ....
เป็นที่รู้กัน วงการอาหาร เริ่มจาก อาหารสัตว์ โดย ควบคุมราคาวัตถุดิบโดยรายใหญ่ เราไม่สามารถรู้ราคาข้าวโพด ถั่วเหลืองได้ ถ้ารายใหญ่มากๆไม่กำหนดราคาซื้อมาให้ เฮ้ย ได้ไงวะ กูจะซื้อของ คนขายบอกราคาไม่ได้โว้ย บอกรอพี่ใหญ่เขาก่อน... ขอบคุณพี่ทรัมป์ ต่อไปนี้พวกกูจะสั่งถั่วเหลือง ข้าวโพดเองได้แล้วโว้ย ....
เราค้นพบว่า โรงงานอาหารสัตว์ไทย ไปเปิดกิจการที่ต่างประเทศ แล้วดั้มราคาอาหารสัตว์ให้ถูกๆเพื่อยึดตลาดในประเทศนั้นให้ได้ เรายินดีด้วย แต่ผลลัพธ์ที่เราได้รับคือ ไอ้สัตว์ที่กินอาหารสัตว์นั้นๆ มีราคาต้นทุนที่กินอาหารถูก กลับมาราคาถูกกว่าสัตว์นั้นๆในไทย ทำให้มีการเคลื่อนย้าย สัตว์เถือนเข้าไทย ... แบบนี้ ใครแก้ไขได้ ??? ในเมื่อ ภาครัฐสนิทสนมกับนักธุรกิจเหล่านั้น และ ด่านภาษีทำมองไม่เห็นกับของเถื่อน ทุกวันนี้ จับหมาที่ไหนได้
และ คนเลี้ยงสัตว์ ก็คือ SME เล็กๆ เหล่านั้น ที่สุดท้าย เสียกิจการ เสียที่ดิน เป็นหนี้สิน ... และ บางรายจบชีวิตลงด้วยความล้มละลาย หันไปมองพวกราชบุรี นครปฐมนิ หายหมด ไม่เหลือเลย กลิ่นขี้หมูที่เคยหอมอบอวนมาถึงริมถนน
มาถึง ....ธุรกิจขนาดเล็กยังหมายถึง กิจการชุมชนที่รวมตัวกันสมัยที่พี่ทักษิณทำ OTOP ที่สามารถสร้างรายได้เลี้ยงชุมชน เป็นรายได้เสริมให้เกษตรกร หรือคนเฒ่าคนชราแม่บ้านไม่มีอาชีพในชุมชน ได้ เหล้า ได้ สาโท เครื่องสาน ผ้าทอมือ มาหลากหลาย น่าเสียดายที่หายไป รัฐไม่ได้สานต่อการหาตลาด การต่อยอดไปต่อของนวัตกรรมของสินค้า และบางรัฐบาลขวางทางตีนการเติมเต็มด้วย กฏหมายเหล้าเสรี อี๊ก ซึ่ง พรรคประชาชนเป็นแกนนำในการปลดล๊อคเหล้าไปแล้ว แต่สินค้าตัวอื่นๆล่ะ ???
ปัญหาของ SME ยังมีคือ เรารับทอดมรดกมาจากบุพการี แต่ได้กิจการ ไม่ได้เงินสดมา ทำให้ SME หลายราย หล่อเลี้ยงตัวเองให้รอด เพียงพอให้ตัวเองไม่ตายแบบอดตาย แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีได้ .. ถึงแม้ภาครัฐจะเตรียมเงินให้เรากู้ เพื่อพัฒนา เราก็ไม่กู้หรอก เราเสี่ยงไม่ได้แล้ว เจอมาหลายหายนะแล้ว ไม่ว่าจะต้มยำกุ้ง ยันโควิด วิกฤติเหล่านี้ ทำให้เราพยุงตัวเองไม่รอด และเพราะเราก็แก่รอวันตาย รอปิดกิจการของพ่อของแม่ก่อนตาย ... เราก็ทำใจไว้แล้ว อยู่ไปวันวัน
คนบริหารแต่องค์กรใหญ่ๆ ไม่เคยมองเห็นหัวพวกรายย่อยอย่างเราเลย แม้แต่นักการเมืองบ้านใหญ่ ต่อให้นักวิชาการเองก็ไม่รู้จักพวกเรา ...... เราก็เริ่ด เชิด หยิ่ง หันไปหาพระไหว้เจ้าแทน
ที่เขียนมาทั้งหมด เราห่วงรุ่นหลาน และรุ่นต่อๆไป
เราแค่อยากให้ภาครัฐมองไปยังรุ่นใหม่ ว่าคุณควรจะพัฒนาอะไรพวกเขา ช่วยอะไรให้เขายืนหยัดได้ Startup ยังเป็นสิ่งจำเป็น คุณควรมี venture capital เพื่อช่วยเหลือให้เขายืนได้ เพราะเขายังโตได้ เสี่ยงได้ เลี้ยงตัวได้ ล้มได้และลุกได้ไว
ที่เขียนมาทั้งหมด อยากบอกว่า ไม่ว่าจะนโยบายไหนของพรรค ก็ไม่โดนใจ SME อย่างพวกกูสักคน บอกเลย
https://www.facebook.com/lily.chaithirasakul.2024/posts/4286074555013248