
ธัชพงศ์ แกดำ
17 hours ago
·
สงครามไม่ใช่คำตอบ สันติภาพไม่ใช่สิ่งต้องห้าม
ความรักชาติเป็นสิ่งมีค่า
ความขัดแย้งไทย–กัมพูชา
ไม่ใช่ความผิดของประชาชนไทยหรือกัมพูชา
ไม่ใช่ความผิดของคนรักชาติ
และไม่ใช่ความผิดของคนรักสันติภาพ
แต่มันคือความล้มเหลวของผู้นำที่เลือกสงคราม
แทนการปกป้องชีวิตประชาชน
คนที่ได้ประโยชน์จากสงคราม
ไม่เคยเป็นประชาชนที่ล้มตาย
ไม่เคยเป็นทหารที่ต้องสละชีวิต
แต่คือผู้นำที่ใช้ความตาย
เป็นเครื่องมือทางอำนาจและคะแนนนิยม
สำหรับผม ความรักชาติเป็นสิ่งที่มีค่า
แต่ไม่จำเป็นต้องเกลียดชาติอื่น
และไม่จำเป็นต้องส่งลูกหลานของใครไปตาย
เพื่อพิสูจน์ความรักนั้น
เพราะชาติที่เข้มแข็ง ไม่ใช่ชาติที่ทำสงครามเก่ง
แต่คือชาติที่ รักษาชีวิตประชาชนของตัวเองได้
ผมไม่ใช่คนมองโลกสวย เพราะโลกนี้โหดร้ายกับผมมามากพอ
แต่…ผมยอมรับไม่ได้ว่า คนจน คนธรรมดา
ต้องไปตายเพื่อคะแนนนิยม ของผู้นำที่ใช้สงครามและความตายเป็นเครื่องมือ ทั้งผู้นำไทย และ ผู้นำกัมพูชา
มาถึงตรงนี้ ถ้าคุณรักชาติ คุณควรเป็นคนแรก ที่ปฏิเสธสงคราม
ผมยืนยันว่า นี่ไม่ใช่เรื่องซ้ายหรือขวา
ไม่ใช่เรื่องพรรคหรือฝ่าย แต่มันคือคำถามพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ว่า
“เราจะยอมให้ฆ่ากันต่อไป หรือเราจะกล้าหยุดมัน”
ถ้าคุณเชื่อว่า ชีวิตคนสำคัญกว่าสงคราม
มายืนอยู่ข้างกันเงียบๆ ก็ได้
แต่อย่าเงียบต่อความตายของประชาชน
เพียงเพื่อคะแนนนิยมของผู้นำ
https://www.facebook.com/photo/?fbid=10236261351586251&set=a.2075051928198
https://www.facebook.com/RatsadonNews/posts/1307361654744857
สำนักข่าวราษฎร - Ratsadon News
December 19
·
“ดนตรีเพื่อสันติภาพ” กระหึ่มหอศิลป์ฯ จุดไฟ-อ่านบทกวี เรียกร้องรัฐบาล 2 ประเทศ หยุดสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา คืนความปกติสุขให้ชาวบ้านชายแดน
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ตั้งแต่ 18.00-20.00 น. แนวร่วมประชาชนไทย–กัมพูชา เพื่อสันติภาพ นำโดย นายธัชพงศ์ แกดำ นายชูเวช เดชดิษฐรักษ์ นายณัฐพงษ์ ภูแก้ว หรือ 'แก้วใส สามัญชน’ นายโชคดี ร่มพฤกษ์ น.ส.อรัญญิกา จังหวะ จัดกิจกรรม“ดนตรีเพื่อสันติภาพชายแดนไทย–กัมพูชา”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศประชาชนร่วมงานต่อเนื่อง ทั้งนี้มี รศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ อาจารย์ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมงานและสังเกตการณ์กิจกรรมด้วย
ภายในงานเปิดให้ประชาชนได้เขียนข้อความลงบนป้ายผ้าแสดงความคิดเห็นที่เพื่อเรียกร้องสันติภาพสู่ชายแดน โดยมีข้อความอาทิ “No War Thai Cambodia” We need Peace. “ยุติสงคราม สันติภาพจงบังเกิด“ ซึ่งประชาชนอีกส่วนหนึ่งได้มีการเขียนป้ายข้อความลงบนกระดาษเอสี่ ชูป้ายรณรงค์ให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้พบเห็น และบนเวทีมีการแสดงดนตรี จากวงสามัญชน อาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ หนวด ริมทาง มีการอ่านบทกวีเพื่อเรียกร้องสันติภาพ
ต่อมาเวลา 20.00 น. แนวร่วมประชาชนไทย-กัมพูชา เพื่อสันติภาพ ได้รวมตัวกันจุดไฟผ่านโทรศัพท์มือถือ และอ่านแถลงการณ์ ระบุว่า รัฐบาลไทยและกัมพูชาต้องยุติการต่อสู้ที่ชายแดนสองประเทศ ทันที และต้องคืนความปกติสุขให้กับประชาชน โดยเร็วที่สุด
การสู้รบระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ที่นำเอาทหารออกมาปะทะกันตามแนวชายแดน ตั้งแต่กลางปี 2568 และปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2568 นั้น เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลของทั้งสองประเทศ กำลังเผชิญหน้ากับความสั่นคลอนทางการเมืองภายในประเทศของตน ต้องการกลบเกลื่อนความล้มเหลวในการบริหารประเทศ ที่รวมถึงการปราบปรามธุรกิจอาชญกรรมข้ามชาติ ต่อมา ยังมีความขัดแย้งกันเองระหว่างชนชั้นนำของทั้งสองประเทศ เพิ่มเติมเข้าไปอีก พร้อมกับฉวยใช้ความไม่ชัดเจนของแนวชายแดน ปลุกปั่นกระแสชาตินิยมสุดโต่ง และปล่อยให้กองทัพของทั้งสองประเทศ ออกมาแสดงบทบาทกระหายสงคราม โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของพลทหารระดับล่าง ทั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์ของชนชั้นนำแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น
แต่ประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะ ชาวบ้าน ชาวนา แรงงาน พ่อค้าแม่ขาย และคนยากคนจน ที่อาศัยตามแนวชายแดน แต่เดิมมาก็ไปมาหาสู่ ทำไร่ทำนา ทำมาค้าขาย แลกเปลี่ยนกันข้ามพรมแดนเป็นปกติ ต้องมาได้รับผลกระทบ ถูกบังคับอพยพหลบหนี ทิ้งไร่ทิ้งนา ไม่ได้ทำมากิน ต้องอยู่ในความหวาดกลัวตลอดเวลา ยิ่งกว่านั้น ประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่สู้รบ และไม่ได้เผชิญกับความทุกข์ยากเช่นนี้ กลับปลุกปั่น และสนับสนุนให้เกิดการคุกคามและการรุกรานกัน อย่างไร้ความรับผิดชอบ
พวกเรา แนวร่วมประชาชนไทย-กัมพูชา เพื่อสันติภาพ ยืนยันที่จะต่อต้านการทำสงคราม ที่ไม่เคยมีความจำเป็นใดๆ เลย แต่เกิดขึ้น เพียงเพื่อต้องการเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาทางการเมืองภายในที่แท้จริง ทั้งในประเทศไทยและประเทศกัมพูชา พวกเราต่อต้านการปั่นกระแสลัทธิชาตินิยมและลัทธิทหารนิยม เพื่อเสริมอำนาจของกองทัพของทั้งสองประเทศ และสร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจของชนชั้นนำ
และพวกเรายืนยันว่าทั้งรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ต้องเคารพข้อตกลงสันติภาพที่มีประเทศในภูมิภาคอาเซียนเป็นผู้กำกับดูแล ทั้งนี้ เพื่อรับประกันถึงสันติภาพและความมั่นคงภายในภูมิภาคอาเซียน
แนวร่วมประชาชนไทย-กัมพูชา เพื่อสันติภาพ จึงมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1. รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพที่ได้ลงนามไว้ โดยไม่บิดพริ้ว
2. รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ต้องหยุดการสู้รบตามแนวชายแดนไทยและกัมพูชาทโดยทันที
3. รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ต้องคืนความปกติสุขให้กับประชาชนตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตและทำมาหากินอย่างปลอดภัย โดยเร็วที่สุด
4. รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ต้องพยายามร่วมมือกัน และแสวงหาความร่วมมือจากภูมิภาคอาเซียนอย่างถึงที่สุด เพื่อรักษาสันติภาพ และคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนในภูมิภาคอาเซียน
เพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องดังกล่าว บุคคล ชุมชน องค์กร เครือข่าย และขบวนการเคลื่อนไหวของชาวบ้าน ทั้งในประเทศไทย ประเทศกัมพูชา และประเทศในภูมิภาคอาเซียน ได้ลงนามไว้ ดังต่อไปนี้
ผู้ลงนามสนับสนุนแถลงการณ์
1. สมัชชาคนจน ประเทศไทย
2. Thai Poor Act ประเทศไทย
3. Solidarity Collective ประเทศไทย
4. Milk Tea Alliance Thailand ประเทศไทย
5. Singhadang Feminists' Club ประเทศไทย
6. Feminist’s Liberation Front Mekong-Chi-Mun ประเทศไทย
7. เสรีเกษตรศาสตร์ ประเทศไทย
8. Feminists for Friends ประเทศไทย
9. ขบวนสภาริมรางเมืองขอนเเก่น ประเทศไทย
10. เครือข่ายคนไร้บ้าน จังหวัดขอนเเก่น ประเทศไทย
11. เครือข่ายเสียงเยาวชน จังหวัดขอนเเก่น (KK-VoY) ประเทศไทย
12. 4QUEENS ประเทศไทย
13. เครือข่ายนวัตกรเพื่อเยาวชนไทย ประเทศไทย
14. สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ประเทศไทย
15. คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ประเทศไทย
16. คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ภาคอีสาน ประเทศไทย
17. คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ภาคเหนือ ประเทศไทย
18. โครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านทรัพยากรแร่ ประเทศไทย
19. โครงการกฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อชุมชน ประเทศไทย
20. กลุ่มนิเวศวัฒนธรรมศึกษา ประเทศไทย
21. เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ ประเทศไทย
22. มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ ประเทศไทย
23. สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ ประเทศไทย
24. ชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือ ประเทศไทย
25. ขบวนการประชาธิปไตยอีสาน ประเทศไทย
26. สมาคมผู้บริโภคจังหวัดขอนแก่น ประเทศไทย
27. Act Lab, Thailand
28. Cambodian Grassroots Cross-sector Network ประเทศกัมพูชา
29. People's Action for Development Organization ประเทศกัมพูชา
30. The 78 Water Reservoir Community ประเทศกัมพูชา
31. Kiri Mean Chey Forestry Community ประเทศกัมพูชา
32. Phnom Kriel Protected Area Community ประเทศกัมพูชา
33. Tani Land Community ประเทศกัมพูชา
34. Rotanak Rukha Protected Area Community ประเทศกัมพูชา
35. Youth Artist Team for Community Development ประเทศกัมพูชา
36. The 317 Land Community ประเทศกัมพูชา
37. The 197 Land Community ประเทศกัมพูชา
38. The 175 Land Community ประเทศกัมพูชา
39. Leaders and Organizers of Community Organizations in Asia (LOCOA) ภูมิภาคเอเชีย
https://www.facebook.com/photo/?fbid=10236261351586251&set=a.2075051928198
https://www.facebook.com/RatsadonNews/posts/1307361654744857
สำนักข่าวราษฎร - Ratsadon News
December 19
·
“ดนตรีเพื่อสันติภาพ” กระหึ่มหอศิลป์ฯ จุดไฟ-อ่านบทกวี เรียกร้องรัฐบาล 2 ประเทศ หยุดสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา คืนความปกติสุขให้ชาวบ้านชายแดน
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ตั้งแต่ 18.00-20.00 น. แนวร่วมประชาชนไทย–กัมพูชา เพื่อสันติภาพ นำโดย นายธัชพงศ์ แกดำ นายชูเวช เดชดิษฐรักษ์ นายณัฐพงษ์ ภูแก้ว หรือ 'แก้วใส สามัญชน’ นายโชคดี ร่มพฤกษ์ น.ส.อรัญญิกา จังหวะ จัดกิจกรรม“ดนตรีเพื่อสันติภาพชายแดนไทย–กัมพูชา”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศประชาชนร่วมงานต่อเนื่อง ทั้งนี้มี รศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ อาจารย์ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมงานและสังเกตการณ์กิจกรรมด้วย
ภายในงานเปิดให้ประชาชนได้เขียนข้อความลงบนป้ายผ้าแสดงความคิดเห็นที่เพื่อเรียกร้องสันติภาพสู่ชายแดน โดยมีข้อความอาทิ “No War Thai Cambodia” We need Peace. “ยุติสงคราม สันติภาพจงบังเกิด“ ซึ่งประชาชนอีกส่วนหนึ่งได้มีการเขียนป้ายข้อความลงบนกระดาษเอสี่ ชูป้ายรณรงค์ให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้พบเห็น และบนเวทีมีการแสดงดนตรี จากวงสามัญชน อาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ หนวด ริมทาง มีการอ่านบทกวีเพื่อเรียกร้องสันติภาพ
ต่อมาเวลา 20.00 น. แนวร่วมประชาชนไทย-กัมพูชา เพื่อสันติภาพ ได้รวมตัวกันจุดไฟผ่านโทรศัพท์มือถือ และอ่านแถลงการณ์ ระบุว่า รัฐบาลไทยและกัมพูชาต้องยุติการต่อสู้ที่ชายแดนสองประเทศ ทันที และต้องคืนความปกติสุขให้กับประชาชน โดยเร็วที่สุด
การสู้รบระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ที่นำเอาทหารออกมาปะทะกันตามแนวชายแดน ตั้งแต่กลางปี 2568 และปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2568 นั้น เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลของทั้งสองประเทศ กำลังเผชิญหน้ากับความสั่นคลอนทางการเมืองภายในประเทศของตน ต้องการกลบเกลื่อนความล้มเหลวในการบริหารประเทศ ที่รวมถึงการปราบปรามธุรกิจอาชญกรรมข้ามชาติ ต่อมา ยังมีความขัดแย้งกันเองระหว่างชนชั้นนำของทั้งสองประเทศ เพิ่มเติมเข้าไปอีก พร้อมกับฉวยใช้ความไม่ชัดเจนของแนวชายแดน ปลุกปั่นกระแสชาตินิยมสุดโต่ง และปล่อยให้กองทัพของทั้งสองประเทศ ออกมาแสดงบทบาทกระหายสงคราม โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของพลทหารระดับล่าง ทั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์ของชนชั้นนำแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น
แต่ประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะ ชาวบ้าน ชาวนา แรงงาน พ่อค้าแม่ขาย และคนยากคนจน ที่อาศัยตามแนวชายแดน แต่เดิมมาก็ไปมาหาสู่ ทำไร่ทำนา ทำมาค้าขาย แลกเปลี่ยนกันข้ามพรมแดนเป็นปกติ ต้องมาได้รับผลกระทบ ถูกบังคับอพยพหลบหนี ทิ้งไร่ทิ้งนา ไม่ได้ทำมากิน ต้องอยู่ในความหวาดกลัวตลอดเวลา ยิ่งกว่านั้น ประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่สู้รบ และไม่ได้เผชิญกับความทุกข์ยากเช่นนี้ กลับปลุกปั่น และสนับสนุนให้เกิดการคุกคามและการรุกรานกัน อย่างไร้ความรับผิดชอบ
พวกเรา แนวร่วมประชาชนไทย-กัมพูชา เพื่อสันติภาพ ยืนยันที่จะต่อต้านการทำสงคราม ที่ไม่เคยมีความจำเป็นใดๆ เลย แต่เกิดขึ้น เพียงเพื่อต้องการเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาทางการเมืองภายในที่แท้จริง ทั้งในประเทศไทยและประเทศกัมพูชา พวกเราต่อต้านการปั่นกระแสลัทธิชาตินิยมและลัทธิทหารนิยม เพื่อเสริมอำนาจของกองทัพของทั้งสองประเทศ และสร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจของชนชั้นนำ
และพวกเรายืนยันว่าทั้งรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ต้องเคารพข้อตกลงสันติภาพที่มีประเทศในภูมิภาคอาเซียนเป็นผู้กำกับดูแล ทั้งนี้ เพื่อรับประกันถึงสันติภาพและความมั่นคงภายในภูมิภาคอาเซียน
แนวร่วมประชาชนไทย-กัมพูชา เพื่อสันติภาพ จึงมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1. รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพที่ได้ลงนามไว้ โดยไม่บิดพริ้ว
2. รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ต้องหยุดการสู้รบตามแนวชายแดนไทยและกัมพูชาทโดยทันที
3. รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ต้องคืนความปกติสุขให้กับประชาชนตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตและทำมาหากินอย่างปลอดภัย โดยเร็วที่สุด
4. รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ต้องพยายามร่วมมือกัน และแสวงหาความร่วมมือจากภูมิภาคอาเซียนอย่างถึงที่สุด เพื่อรักษาสันติภาพ และคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนในภูมิภาคอาเซียน
เพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องดังกล่าว บุคคล ชุมชน องค์กร เครือข่าย และขบวนการเคลื่อนไหวของชาวบ้าน ทั้งในประเทศไทย ประเทศกัมพูชา และประเทศในภูมิภาคอาเซียน ได้ลงนามไว้ ดังต่อไปนี้
ผู้ลงนามสนับสนุนแถลงการณ์
1. สมัชชาคนจน ประเทศไทย
2. Thai Poor Act ประเทศไทย
3. Solidarity Collective ประเทศไทย
4. Milk Tea Alliance Thailand ประเทศไทย
5. Singhadang Feminists' Club ประเทศไทย
6. Feminist’s Liberation Front Mekong-Chi-Mun ประเทศไทย
7. เสรีเกษตรศาสตร์ ประเทศไทย
8. Feminists for Friends ประเทศไทย
9. ขบวนสภาริมรางเมืองขอนเเก่น ประเทศไทย
10. เครือข่ายคนไร้บ้าน จังหวัดขอนเเก่น ประเทศไทย
11. เครือข่ายเสียงเยาวชน จังหวัดขอนเเก่น (KK-VoY) ประเทศไทย
12. 4QUEENS ประเทศไทย
13. เครือข่ายนวัตกรเพื่อเยาวชนไทย ประเทศไทย
14. สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ประเทศไทย
15. คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ประเทศไทย
16. คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ภาคอีสาน ประเทศไทย
17. คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ภาคเหนือ ประเทศไทย
18. โครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านทรัพยากรแร่ ประเทศไทย
19. โครงการกฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อชุมชน ประเทศไทย
20. กลุ่มนิเวศวัฒนธรรมศึกษา ประเทศไทย
21. เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ ประเทศไทย
22. มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ ประเทศไทย
23. สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ ประเทศไทย
24. ชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือ ประเทศไทย
25. ขบวนการประชาธิปไตยอีสาน ประเทศไทย
26. สมาคมผู้บริโภคจังหวัดขอนแก่น ประเทศไทย
27. Act Lab, Thailand
28. Cambodian Grassroots Cross-sector Network ประเทศกัมพูชา
29. People's Action for Development Organization ประเทศกัมพูชา
30. The 78 Water Reservoir Community ประเทศกัมพูชา
31. Kiri Mean Chey Forestry Community ประเทศกัมพูชา
32. Phnom Kriel Protected Area Community ประเทศกัมพูชา
33. Tani Land Community ประเทศกัมพูชา
34. Rotanak Rukha Protected Area Community ประเทศกัมพูชา
35. Youth Artist Team for Community Development ประเทศกัมพูชา
36. The 317 Land Community ประเทศกัมพูชา
37. The 197 Land Community ประเทศกัมพูชา
38. The 175 Land Community ประเทศกัมพูชา
39. Leaders and Organizers of Community Organizations in Asia (LOCOA) ภูมิภาคเอเชีย
https://www.facebook.com/photo/?fbid=10236261351586251&set=a.2075051928198
https://www.facebook.com/RatsadonNews/posts/1307361654744857