.jpg)
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
12 hours ago
·
“เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ และผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 เขียนจดหมายจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จำนวนสามฉบับ โดยสองฉบับแรกลงวันที่ 28 ต.ค. 2568 ฉบับแรก เก็ทพูดถึงอันตรายของชาตินิยมที่บิดเบือนไปสู่การทำร้ายมนุษยธรรม ผ่านกรณีศึกษาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเตือนว่าการใช้ความรุนแรงสยบความรุนแรงอาจกลายเป็นการทำร้ายคนในชาติด้วยกันเอง
.
ฉบับที่สอง สะท้อนถึงพลังแห่งความหวังที่ว่า เราไม่ได้อยู่คนเดียว ในการต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง โดยอ้างอิงถึงเพลงของ จิตร ภูมิศักดิ์ และวงสามัญชน พร้อมประสบการณ์จากผู้ต่อสู้รุ่นก่อนในคุก
.
"หนทางข้างหน้าต้องพูดกันแบบจริงจังว่ายังมีอุปสรรคอีกมากมายรอเราอยู่ สิ่งสำคัญที่เราต้องเตรียมพร้อมก็คือ การรักษาจุดยืนให้มั่นคง ปกป้องหลักการต่อสู้เอาไว้ให้ได้ ผมหวังอย่างสุดใจว่าใครก็ตามที่บังเอิญได้เห็นข้อความนี้ จะรับรู้ได้ว่าในหนทางที่เราต่อสู้นี้พวกเราไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพัง"
.
ส่วนฉบับที่สาม ลงวันที่ 5 พ.ย. 2568 เก็ทเขียนถึงคำถามเรื่องความคุ้มค่าของชีวิตและความคุ้มค่าของการเคลื่อนไหว ผ่านการจินตนาการถึงชีวิตของ “ลุงนวมทอง ไพรวัลย์” “บุ้ง เนติพร” และ “ชุน แทอิล” ผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิแรงงานในเกาหลีใต้ หากพวกเขายังมีชีวิตอยู่ เขาตั้งคำถามว่าใครมีสิทธิ์ตัดสินว่าชีวิตที่ใช้ไปนั้นคุ้มค่าหรือไม่ และเสนอว่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ควรส่งต่อคุณูปการจากการเสียสละนั้นให้เกิดผล
.
"เมื่อกลับมองที่สังคมไทย หากเราเห็นด้วยกับ 'การต้านรัฐประหาร' ของลุงนวมทอง และ 'การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม' พี่บุ้งเรียกร้อง สิ่งที่ควรทำไม่ใช่เพียงไปวิจารณ์ว่าการตายของพวกเขาคุ้มค่าหรือไม่ แต่คือการขบคิดจะทำอย่างไรให้ข้อเรียกร้องนั้นเป็นจริงได้และไปลงมือทำ"
.
"ชีวิตที่ถูกใช้อย่างคุ้มค่าไม่ใช่เพียงชีวิตที่ยืนยาว แต่คือชีวิตที่ได้ใช้อย่างสาแก่ใจ ซึ่ง 'สาแก่ใจ' ของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป การจะตอบได้ว่าชีวิตนั้นใช่หรือไม่ คนที่ตอบได้ดีที่สุดก็เห็นจะเป็น 'เจ้าของชีวิตนั่นเอง' ส่วนการคุ้มค่าของการเคลื่อนไหวนั้นเป็นหน้าที่ของ 'คนที่ยังมีชีวิตอยู่' ที่ต้องร่วมกันขบคิดและลงมือทำ"
.
.
อ่านจดหมายทั้งสามฉบับบนเว็บไซต์ https://tlhr2014.com/archives/79745
https://www.facebook.com/photo?fbid=1240318497938618&set=a.656922399611567
·
“เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ และผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 เขียนจดหมายจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จำนวนสามฉบับ โดยสองฉบับแรกลงวันที่ 28 ต.ค. 2568 ฉบับแรก เก็ทพูดถึงอันตรายของชาตินิยมที่บิดเบือนไปสู่การทำร้ายมนุษยธรรม ผ่านกรณีศึกษาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเตือนว่าการใช้ความรุนแรงสยบความรุนแรงอาจกลายเป็นการทำร้ายคนในชาติด้วยกันเอง
.
ฉบับที่สอง สะท้อนถึงพลังแห่งความหวังที่ว่า เราไม่ได้อยู่คนเดียว ในการต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง โดยอ้างอิงถึงเพลงของ จิตร ภูมิศักดิ์ และวงสามัญชน พร้อมประสบการณ์จากผู้ต่อสู้รุ่นก่อนในคุก
.
"หนทางข้างหน้าต้องพูดกันแบบจริงจังว่ายังมีอุปสรรคอีกมากมายรอเราอยู่ สิ่งสำคัญที่เราต้องเตรียมพร้อมก็คือ การรักษาจุดยืนให้มั่นคง ปกป้องหลักการต่อสู้เอาไว้ให้ได้ ผมหวังอย่างสุดใจว่าใครก็ตามที่บังเอิญได้เห็นข้อความนี้ จะรับรู้ได้ว่าในหนทางที่เราต่อสู้นี้พวกเราไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพัง"
.
ส่วนฉบับที่สาม ลงวันที่ 5 พ.ย. 2568 เก็ทเขียนถึงคำถามเรื่องความคุ้มค่าของชีวิตและความคุ้มค่าของการเคลื่อนไหว ผ่านการจินตนาการถึงชีวิตของ “ลุงนวมทอง ไพรวัลย์” “บุ้ง เนติพร” และ “ชุน แทอิล” ผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิแรงงานในเกาหลีใต้ หากพวกเขายังมีชีวิตอยู่ เขาตั้งคำถามว่าใครมีสิทธิ์ตัดสินว่าชีวิตที่ใช้ไปนั้นคุ้มค่าหรือไม่ และเสนอว่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ควรส่งต่อคุณูปการจากการเสียสละนั้นให้เกิดผล
.
"เมื่อกลับมองที่สังคมไทย หากเราเห็นด้วยกับ 'การต้านรัฐประหาร' ของลุงนวมทอง และ 'การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม' พี่บุ้งเรียกร้อง สิ่งที่ควรทำไม่ใช่เพียงไปวิจารณ์ว่าการตายของพวกเขาคุ้มค่าหรือไม่ แต่คือการขบคิดจะทำอย่างไรให้ข้อเรียกร้องนั้นเป็นจริงได้และไปลงมือทำ"
.
"ชีวิตที่ถูกใช้อย่างคุ้มค่าไม่ใช่เพียงชีวิตที่ยืนยาว แต่คือชีวิตที่ได้ใช้อย่างสาแก่ใจ ซึ่ง 'สาแก่ใจ' ของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป การจะตอบได้ว่าชีวิตนั้นใช่หรือไม่ คนที่ตอบได้ดีที่สุดก็เห็นจะเป็น 'เจ้าของชีวิตนั่นเอง' ส่วนการคุ้มค่าของการเคลื่อนไหวนั้นเป็นหน้าที่ของ 'คนที่ยังมีชีวิตอยู่' ที่ต้องร่วมกันขบคิดและลงมือทำ"
.
.
อ่านจดหมายทั้งสามฉบับบนเว็บไซต์ https://tlhr2014.com/archives/79745https://www.facebook.com/photo?fbid=1240318497938618&set=a.656922399611567