
อนุทิน ชาญวีรกูล ระบุว่า "พร้อมเป็นนายกฯ" ตั้งแต่ในคราวเลือกตั้ง 2562
ภัยคุกคามชนชั้นนำ
ในการเลือกตั้ง 2566 แนวคิดแบบก้าวไกลถูกมองว่าเป็น "ภัยคุกคาม" ของชนชั้นนำ ในการเลือกตั้งครั้ง 2569/70 รศ.เอกรินทร์ ชี้ว่าพรรค ปชน. ก็ยังถูกพิจารณาในฐานะ "ภัยคุกคาม" ของชนชั้นนำเช่นเดิม นอกจากจะไม่จางหายไป เชื่อว่า "ยิ่งเข้มข้น" จาก 2 ปัจจัยคือ ผู้รับใบอนุญาตที่ 2 ไปแล้วจัดการกับพรรค ปชน. ไม่ได้ และจะเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 3 ของพรรคส้ม คาดว่าความรู้สึกของโหวตเตอร์จะรุนแรงขึ้น หากชนะเลือกตั้ง แต่จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้อีก
"ในปี 2573 ธนาธร (จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิการเมือง 10 ปีในคดียุบพรรค) กลับมา ก็จะยิ่งเป็นภัยขึ้น.. ที่ผ่านมามีการใช้นิติสงครามจัดการ ธนาธร กับ พิธา แล้วครั้งหน้าจะใช้อะไรเล่นงาน"
ทว่าถ้าพิจารณาพรรคฝ่ายอนุรักษนิยมที่มีอยู่ในสารบบการเมืองไทย ยังไม่มีพรรคการเมืองใดมีศักยภาพในการเป็นคู่ต่อสู้-ต่อกร-สกัดกั้นพรรคสีส้มได้ ดังนั้นต่อให้ "ไม่ไว้วางใจ" เพื่อไทย แต่เมื่อการเลือกตั้งทั่วไปมาถึง ชนชั้นนำอาจมีความจำเป็นต้องใช้บริการพรรคสีแดงต่อไปหรือไม่?
เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.เอกรินทร์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพรรค พท. ว่าจะเสนออะไรให้ชนชั้นนำ เช่น เสนอผู้นำคนใหม่ ปรับทัพใหม่ แต่ชนชั้นนำจะซื้อหรือไม่ เพราะมันเห็นแล้วว่าจัดการไม่ได้จริง และยังมีพรรค ภท. เสนอตัวชิงใบอนุญาตใบที่ 2 ด้วย
ในสายตาของอาจารย์เอกรินทร์ ขณะนี้พรรค ภท. มี "ภาษีดีกว่า" และ "เหนือกว่า" พรรค พท. เนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลระดับนำ อย่างน้อยก็ไว้ใจได้ ส่วนฝีมือไว้ใจได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่มีการกระทบกระทั่งกันแน่นอน ก็ใช้รัฐราชการทำงานไป อีกทั้ง อนุทิน ยังมีความสามารถในการผนวกและดีลกับกลุ่มทุน ต่างจาก ทักษิณ ที่บางช่วงเป็นคู่แข่งของทุนผูกขาดด้วยซ้ำ
จาก "ผู้นำคนดี" ถึง "ผู้นำที่อีลีทไว้วางใจ"
ส่วนภาพลักษณ์ของพรรคสีน้ำเงินที่ดูไม่สอดคล้องกับแนวทางฝ่ายอนุรักษนิยมเก่าที่ชู "การเมืองคนดี" มาหลายสิบปีนั้น รศ.เอกรินทร์ เห็นว่า ในช่วงหลังกระแสการเมืองคนดีแบบยุคสมัยเก่าถูกทำให้บางลง ในการเลือกตั้งปี 2566 ก็ไม่มีแก่นทางความคิดที่ชัดเจนออกมา ประกอบกับบริบทสังคมไทยในเรื่องศีลธรรม วงการสงฆ์ ค่านิยมโตไปไม่โกง ที่ผูกโยงกับกระแสการเมืองคนดีได้เริ่มเสื่อมถอยลง
"ผมเห็นว่ามีการเปลี่ยนหลักการใหม่จาก 'ผู้นำคุณธรรม' มาเป็น 'ผู้นำที่อีลีทไว้วางใจได้' ในยุคสมัยปัจจุบัน" รศ.เอกรินทร์ กล่าว
ตราบที่ใบอนุญาตใบที่ 2 ยังมีอิทธิพลในการเมืองไทย ข้อเสนอจาก รศ.เอกรินทร์ต่อพรรค ปชน. คือ ต้องทำให้ใบอนุญาตใบที่ 2 ถูกใช้ลำบาก ต้องสร้างเงื่อนไขให้คำอธิบายของชนชั้นนำรับฟังได้ยากขึ้น กล่าวคือ "พรรคประชาชนต้องชนะใบอนุญาตที่ 1 แบบท่วมท้น ทำให้ผู้ใช้ใบอนุญาตใบที่ 2 ใช้ได้ลำบาก"
ขณะเดียวกันอาจต้องแก้โจทย์เดิมไปพร้อมกันคือ ลดภาพลักษณ์การเป็น "ภัยคุกคาม" ด้วยการเสนอผู้นำที่อีลีทไว้วางใจได้ ถึงที่สุดแล้วอาจต้องนำเสนอการเมืองเพื่อเศรษฐกิจ เติมขุนพลเศรษฐกิจเข้าไปในพรรค และเสนอตัวเป็นพรรคการเมืองที่เตรียมพร้อมบริหารประเทศ
เมื่อพูดถึงภัยคุกคามของชนชั้นนำ ศ.ดร.เกษียร ชวนคิดเป็น 2 ส่วน เรื่องใหญ่คือชาตินิยมทหาร ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 หากพูดให้ถึงที่สุด ชาตินิยมทหารไม่ได้เป็นมิตรกับราชาชาตินิยม ลึก ๆ แล้วมีความตึงเครียดกันอยู่ ดังนั้นตอนนี้กระแสมันสูงด้วยเหตุปะทะชายแดนหรืออะไรก็ตาม
"ถ้าชาตินิยมทหารดูเหมือนเฟื่องขึ้นมา ซึ่งไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน คุณจัดความสัมพันธ์อย่างไรกับราชาชาตินิยม" ศ.ดร.เกษียร ตั้งคำถาม
แม่ทัพภาค 2 = "ผู้นำต้นแบบ" ?
ภาพของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากประชาชนทั้งรุ่นใหม่-เก่า คนในเมือง-ชนบท มีทั้งคนส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจ-ขอจับมือ-รอถ่ายภาพด้วย ทำให้ผู้คนบางส่วนย้อนเปรียบเทียบกับ "พิธาฟีเวอร์" ที่บรรดาโหวตเตอร์พร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีส้มไปรอแห่-รอรับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ก.ก. แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค หลังคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้ง 2566
"แม้จะเกษียณจากตำแหน่งแม่ทัพ แต่ไม่ได้เกษียณจากความเป็นคนไทย" พล.ท.บุญสิน กล่าวบนเวทีสนทนาที่จัดขึ้นเป็นพิเศษที่ ม.เกษตรศาสตร์ เมื่อ 25 ส.ค.
แม่ทัพภาคที่ 2 ประกาศด้วยว่า "ผมไม่เล่นการเมือง อยู่ตรงไหนก็ได้ที่ไม่มีผลประโยชน์ คำพูดนี้คงจะสื่อไปถึงหลายท่านที่ชักชวนผมเล่นการเมือง ผมไม่ถนัด แต่ถนัดปกป้องแผ่นดินเพื่อประเทศชาติ"
ปรากฏการณ์ "แม่ทัพกุ้ง" ทำให้ ศ.ดร.เกษียร หวนนึกถึงข้อคิดจาก ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักประวัติศาสตร์ผู้ล่วงลับ ซึ่งชี้ชวนให้ดูผู้นำที่เป็น วีรบุรุษของประเทศ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ล้วนแต่เป็น ผู้นำกู้ชาติ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น อู อองซาน ของพม่า, ซูการ์โน ของอินโดนีเซีย, โฮจิมินห์ ของเวียดนาม เหล่านี้คือผู้นำที่ขึ้นมาบน 2 ย่อยยับ หนึ่ง ความย่อยยับของระเบียบสังคม ระเบียบรัฐแบบเดิม/ศักดินาเดิม ถูกเจ้าอาณานิคมทำลาย สอง ตัวเจ้าอาณานิคมถูกทำลายในสงครามปลดปล่อย
"คนพวกนี้คือฮีโร่ที่ขึ้นมาบนซากปรักหักพังของสถาบันเดิม เป็นบุคคลที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือไม่มีสถาบันให้เกาะ เขาก็ขึ้นมาได้ เขาสร้างสถาบันใหม่ของเขาขึ้นมาได้ อันนี้อาจารย์นิธิตั้งข้อสังเกตเอาไว้ และบอกว่าเมืองไทยไม่มี เราไม่ได้ถูกอาณานิคมเข้ามายึดครองครอบงำโดยตรง ระเบียบรัฐแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์แบบดั้งเดิมยังอยู่ แม้เปลี่ยนรัฐธรรมนูญก็ยังอยู่ นายทหารระดับกลางในกองทัพร่วมทำปฏิวัติ 2475 ประเด็นคือผู้นำของเราล้วนโตมากับสถาบันกษัตริย์ หรือไม่ก็สถาบันกองทัพ หรือไม่ก็สถาบันข้าราชการพลเรือน ไต่เต้ามากับระบบสถาบันทั้งสิ้น ไม่ใช่จาก nothing (ไม่มีอะไร) แบบผู้นำกู้เอกราชเพื่อนบ้านเอเชียอาคเนย์ ถ้าเอาเกณฑ์นี้มาวางดู บุญสิน พาดกลาง แกเป็นคนที่โตมากับสถาบัน และในจังหวะสั้น ๆ นี้มีบทให้แกเล่น แกก็เล่น แม้จะเทียบกับจอมพล ป. ก็ยังไกลกันเยอะ" ศ.ดร.เกษียรให้ความเห็น
นักรัฐศาสตร์สำนัก มธ. กล่าวสรุปถึงชาตินิยมทหารว่า "อย่าไปคิดว่าจะไปกันได้ตลอดกับราชาชาตินิยม" และ "มันจะมีปัญหา เพราะไม่มีผู้นำที่ชัดเจนจริง แกร่งแข็งจริง มีแต่คนที่โตมากับสถาบัน"

พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ได้รับการต้อนรับอย่างสังคมไม่ว่าปรากฏตัวที่ไหน
แล้วแม่ทัพภาคที่ 2 จะถูกพิจารณาในฐานะ "ผู้นำต้นแบบ" ในสายตาผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้หรือไม่
ในทัศนะของ รศ.เอกรินทร์ ภาพแฟนคลับห้อมล้อม พล.ท.บุญสิน ไม่ได้สื่อนัยเดียวกับภาพโหวตเตอร์พรรคส้มรอรับ ทิม-พิธา
"ในสนามการสู้รบ เขาเป็นฮีโร่ ชาวบ้านกรี๊ดกร๊าดได้ในฐานะทำหน้าที่ข้าราชการที่ปกป้องชายแดน แต่ถ้าข้ามฝั่งมาการเมือง ผมไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น อาจจะมีคนบางส่วนต้องการ แต่ไม่ได้เยอะขนาดนั้น เราต้องกำหนดกรอบให้ชัดว่าความคาดหวังของสังคมต่อกองทัพ ไม่ใช่ความคาดหวังต่อรัฐบาลทหาร มันเป็นคนละเรื่องกัน และกระแสนิยมที่มีต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ไม่เท่ากับให้ทหารมาเป็นนายกฯ แต่เขาอาจต้องการพรรคและแพลตฟอร์มที่สนับสนุนแนวทางทหาร เช่น ไม่ขัดในการจัดซื้ออาวุธ ไม่เป็นฝั่งตรงกันข้ามกับทหาร ซึ่งตอนนี้ 2 พรรคใหญ่คือเพื่อไทยถูกตีความว่าอยู่ตรงข้าม เช่นเดียวกับพรรคประชาชน" รศ.เอกรินทร์ ให้ความเห็น
ที่มา บีบีซีไทย
https://www.bbc.com/thai/articles/ce356g55w26o
ส่วนหนึ่งของบทความ
วิเคราะห์: กระแสชาตินิยมจะลากยาวถึงวันเลือกตั้งหรือไม่ ใครคือตัวแทนใหม่ฝ่ายอนุรักษนิยม