วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 20, 2568

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. และหัวหน้าพรรคประชาชน เล่าเรื่องการเสวนาในหัวข้อ Inside the Whale Hunting investigation: A conversation with Tom Wright ที่ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (FCCT)


https://www.facebook.com/natthaphong.ruengpanyawut/posts/pfbid0zpREAqxqFH25W4dcV8qfwpFiUeEwm9traA8L3umvPhFHzNdGVtLwJrhc9HvZv5XSl

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ - Natthaphong Ruengpanyawut 
5 hours ago
·
วันนี้ผมและคุณไหม ศิริกัญญา มาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (FCCT) เพื่อร่วมฟังการเสวนาในหัวข้อ Inside the Whale Hunting investigation: A conversation with Tom Wright คุณ Tom Wright เป็นนักเขียนและสื่อมวลชนเชิงสืบสวนที่โด่งดัง จากการเปิดโปงคดีทุจริตกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ 1MDB นำมาสู่การดำเนินคดีและจำคุกอดีตผู้นำมาเลเซีย
.
จนมากรณีล่าสุดโปรเจกต์ Whale Hunting ที่เขาเผยแพร่ความสัมพันธ์ของเครือข่ายในสแกมเมอร์และชนชั้นนำกัมพูชา เชื่อมโยงกับกลไกการเงินในประเทศไทย ผู้มีส่วนสำคัญในกระบวนการฟอกเงินที่ได้จากการโกงเหล่านั้น
.
ต้องย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ประเทศไทย ไม่ใช่แค่เหยื่อ แต่เป็นศูนย์กลางของการฟอกเงินให้ขบวนการเหล่านี้ด้วย ประเทศไทยไม่ใช่แค่ผู้ได้รับผลกระทบ แต่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด เพราะมีนักการเมือง นักการเงิน และข้าราชการไทย สมรู้ร่วมคิดในกระบวนการฟอกเงิน และถ้าหากไม่มีการฟอกเงิน กระบวนการทั้งหมดก็จะไม่ครบวงจร ผมขอสรุปให้ฟังง่าย ๆ ดังนี้
.
1. ตั้งศูนย์สแกมเมอร์ในประเทศที่มีสุญญากาศทางอำนาจ หรือผู้มีอำนาจยอมให้จัดตั้งได้
.
2. ได้รับอานิสงส์จากโครงสร้างพื้นฐานที่ดีจากประเทศไทย เช่น สนามบิน ถนนหนทาง ไฟฟ้า เชื้อเพลิงน้ำมัน และสัญญาณอินเทอร์เน็ต
.
3. เริ่มโกงเงินคนทั้งโลก รวมทั้งคนไทยด้วย
.
4. เมื่อได้เงินแล้วก็ต้องหาวิธียักย้ายถ่ายโอน และนำเงินใต้ดินขึ้นมาไว้บนดิน ซึ่งตรงนี้เองที่ประเทศไทยเข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะเครื่องจักรฟอกเงิน (ตรงนี้เองที่คุณ Tom Wright กำลังเปิดโปง)
.
5. เมื่อเงินมาอยู่บนดินแล้ว ก็สามารถยักย้ายถ่ายเทไปลงทุนเป็นหุ้นส่วนในบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยและเทศได้ รวมทั้งแม้แต่การลงทุนในกิจการทั่วไปที่ต้องแข่งขันกับชาวบ้านร้านตลาดก็ด้วย เราจึงเห็นกิจการแปลก ๆ ที่มาจากทุนเทา มาเปิดและทำการค้าขายลดราคากระหน่ำแบบไม่สนต้นทุน ขอแค่ได้ครองตลาดและมียอดขายมีรายได้ก็เพียงพอ เลิกพูดถึงการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม ในเมื่อจุดเริ่มต้นของพ่อค้าแม่ขายคนไทยกับทุนเทามันไม่เท่ากันแต่แรก และก็เลิกพูดเรื่องธรรมาภิบาลระบบการเงินที่ผู้คนไว้ใจถ้าเราไม่สามารถจัดการปัญหาทุนเทาทะลักเข้ามาได้
.
ทั้งหมดนี้ คนไทยทุกระดับและทุกภาคส่วน ต่างก็ได้รับผลกระทบทั้งสิ้น ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ รายย่อย ทั้งกระทบต่อความเชื่อมั่นในภาคการเงินและการธนาคารของประเทศ ไปจนถึงชาวบ้านตัวเล็กตัวน้อยที่โดนหลอกโกงเงิน รวมถึงการเมืองไทย ที่เงินดำเหล่านี้เข้ามาครอบงำระบบการเมือง นักการเมือง ผู้มีอำนาจบริหารประเทศ และระบบราชการ
.
ผมและพรรคประชาชน ทำงานเกาะติดเรื่องนี้มาตลอด รังสิมันต์ โรม ทั้งอภิปรายในสภาหลากหลายครั้งมาเป็นปี ๆ เพื่อชี้ให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งรอบบ้านและในบ้านเรา แต่เหมือนว่ารัฐบาลทุกยุคทุกสมัยไม่เคยรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนต้องแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังอย่างเป็นระบบและรอบด้านสักที
.
หลังจากนี้ พรรคประชาชนภายใต้การนำของผม จะทำข้อเสนออย่างเป็นรูปธรรมว่าประเทศไทยจะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อให้ปลอดภัยจากภัยสแกมเมอร์และไม่ตกเป็นหนึ่งในกลไกฟอกเงินของขบวนการเหล่านี้ เพื่อไม่ให้คนไทยเป็นเหยื่อ และเพื่อเกียรติภูมิของไทยในเวทีนานาชาติ ซึ่งมาตรการต่าง ๆ นั้น เกี่ยวพันกับทั้งนโยบายความมั่นคง เศรษฐกิจ การเงิน เทคโนโลยี และการต่างประเทศ
.
ถ้ารัฐบาลที่แล้ว รัฐบาลนี้ หรือรัฐบาลไหนไม่ทำ ก็คงจะถึงเวลาที่รัฐบาลประชาชนต้องทำเอง
.
รอติดตาม รีชาร์จประชาชน 22-23 พฤศจิกายน 2568 สำนักงานใหญ่พรรคประชาชน
.....









 

ความกล้าถามของนักข่าว ABC - Trump SNAPS when reporter RAISES MURDER ACCUSATIONS against Saudi Prince 🤬 Widow blasts Trump for defending Saudi crown prince in journalist’s murder case


Trump SNAPS when reporter RAISES MURDER ACCUSATIONS against Saudi Prince

Diario AS

Nov 18, 2025 

A tense and chaotic scene unfolded at the White House after a reporter questioned President Trump about potential conflicts of interest involving his family’s business dealings in Saudi Arabia. The reporter also pressed the Saudi Crown Prince on U.S. intelligence findings linking him to the murder of a journalist. Trump immediately challenged the reporter’s affiliation, dismissing ABC News as “fake news,” escalating the tension and drawing intense media attention to the confrontation.

https://www.youtube.com/watch?v=HlAyAezqQnE
.....



Who was Jamal Khashoggi? Widow blasts Trump for defending Saudi crown prince in journalist’s murder case

https://www.livemint.com/news/world/who-was-jamal-khashoggi-journalists-widow-blasts-trump-for-defending-saudi-crown-prince-in-journalist-s-murder-case-11763558210914.html


‘Very painful’: Jamal Khashoggi’s widow on Saudi crown prince visiting the US

CNN

Nov 17, 2025 
#CNN #News
President Donald Trump is planning to receive Saudi Arabia's Crown Prince Mohammed bin Salman at the White House on Tuesday with all the trappings of a state visit. CNN international correspondent Salma Abdelaziz reports from London. The prince last visited Washington in 2018, months before the murder of Saudi dissident journalist Jamal Khashoggi at a Saudi consulate in Turkey. A CIA assessment released afterward found the prince had likely ordered the assassination, though he has long denied any involvement. CNN anchor and chief national security analyst Jim Sciutto speaks with Hanan Elatr Khashoggi, Jamal Khashoggi's widow. #CNN #News

https://www.youtube.com/watch?v=98oeCUN2trM



Jamal Khashoggi: What we know so far - BBC Newsnight

BBC Newsnight

Oct 19, 2018
As more details are emerging of the alleged killing of Saudi journalist Jamal Kashoggi in Istanbul, we take a closer look at what we know so far and who the key players are.
 
https://www.youtube.com/watch?v=KK6Sw5helhU



Saudi Arabia admits Khashoggi killed in Istanbul consulate

Al Jazeera English

Oct 20, 2018 

Saudi Arabia has, for the first time, admitted that journalist Jamal Khashoggi was killed inside the Saudi consulate in Istanbul. An announcement on Saudi media claimed Khashoggi died during a brawl between him and those he went to the consulate to meet. Eighteen Saudi nationals have been arrested in connection with the death and at least five prominent officials have been sacked. The story cut against the impressions given by Turkish investigators and left more questions than answers, including what happened to the journalist's remains. Al Jazeera’s Andrew Simmons reports from Istanbul.

https://www.youtube.com/watch?v=lgQErC0rAGo





ตามหาคนหาย เจ้าของ "ลมปากปลาเงินปลาทอง" (พ่นเก่ง แต่ความจำสั้น)


สมัชชาคนจน Assembly of the Poor
13 hours ago
·
ตามหาคนหาย!
ครบ 24 ชั่วโมงแล้วที่พวกเราปักหลักรอหน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล แต่ยังไร้ข่าวคราวของนายกอนุทิน ชาญวีรกูล จึงมีความจำเป็นต้องปฏิบัติการตามหารอบทำเนียบ
ไม่ทราบว่าท่านนายกอยู่ที่ไหน จะได้ยินเสียงประชาชนที่มาปักหลักชุมนุมเป็นวันที่ 3 และกำลังเดินตากแดดตะโกนเรียกร้องตามหาท่านหรือไม่
หากใครพบเห็น สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่
สมัชชาคนจน Assembly of the Poor
ติดตามสถานการณ์
https://www.facebook.com/share/v/1FTxMFqGoV/?mibextid=wwXIfr

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1299963522159698&set=a.464235452399180


Puangthong Pawakapan 
18 hours ago
·
โห เป็นคำด่าที่น่ารักแต่แสบมาก "ลมปากปลาเงินปลาทอง" = พ่นน้ำเก่ง ความจำสั้น เพราะมีสมองนิดเดียว = โง่แล้วพูดมาก 555555555555555555

สมัชชาคนจน Assembly of the Poor
November 17
·
แถลงการณ์สมัชชาคนจน ฉบับที่ 2
หยุดลมปาก ปลาเงินปลาทอง เริ่มต้นแก้ไขปัญหาคนจนเสียที

สืบเนื่องจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า “ผมเป็นคนทำงานวันนี้ สั่งงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน” แต่กับการแก้ไขปัญหาปัญหาของสมัชชาคนจน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน จำนวน 7 คณะ ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2568 กระทั่งวันนี้ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ก็ยังไม่มีการมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีคนใดทำหน้าที่ประธานกรรมการ การแก้ไขยังไม่สามารถเริ่มต้นได้ ดังนั้นการทำงานเช่นนี้ สั่งงานแบบนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน จึงไม่อยู่จริง มีแต่คำพูดที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่เป็นได้แต่เพียงลมปากปลาเงินปลาทองเท่านั้น

ดังนั้นในวันนี้ พวกเราจึงมีความจำเป็นต้องออกตามหา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้ลงนามคำสั่งมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ประธานกรรมการกำกับและติดตามการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจนและประธานกรรมการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นการแก้ไขปัญหาคนจนของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล

สมัชชาคนจนจะปักหลักชุมนุมเรียกร้องจนกว่านายอนุทิน ชาญวีรกูร นายกรัฐมนตรี จะทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน

ประชาธิปไตยที่กินได้ การเมืองที่เห็นหัวคนจน
สมัชชาคนจน
18 พฤศจิกายน 2568

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1298983018924415&set=a.464235445732514



สงครามต่อเด็กเล็ก: หาได้ในศตวรรษที่ยี่สิบและปัจจุบัน


UNICEF: Over 50,000 children killed or injured in Israeli war on Gaza

TRT World Now

May 28, 2025

The United Nations Children's Fund says that more than 50,000 children have been killed or wounded in the ongoing Israel’s war on Gaza since October 2023. UNICEF spokesperson Ricardo Pires addressed the devastating toll on young lives amid Israel’s military campaign.

https://www.youtube.com/watch?v=szCtL9b6tlk
.....

Kasian Tejapira
8 hours ago
·
สงครามต่อเด็กเล็ก: สิ่งค้นพบใหม่แห่งศตวรรษที่ยี่สิบและปัจจุบัน




https://www.facebook.com/kasian.tejapira/posts/10239903518788755


บีบีซีไทยสรุปที่มาที่ไปของ “คดีภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ” ซึ่งทำให้เกิดวาทะ “อภินิหารของกฎหมาย” ในช่วงที่รัฐบาล “ประยุทธ์” ไล่บี้เก็บภาษี และสิ้นสุดด้วยคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ว่าด้วยการ “ขาดคุณธรรมทางภาษี”

https://www.facebook.com/watch/?v=1551628899195697



สรุป 19 ประเด็นคดีภาษีหุ้นชินคอร์ป ซึ่งลากยาวมา 19 ปี ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และทำไมวันนี้ศาลฎีกาจึงให้ อดีตนายกทักษิณ ต้องชำระภาษีรวม 17,629 ล้านบาท - ละเอียดสุด


Mickey Yutthana Srisavat
117 hours ago
·
เมื่อเช้าได้ไปเล่าเรื่องคดีคุณทักษิณแพ้คดีภาษีจากการขายหุ้นชินคอร์ปแบบสั้นๆ ในรายการ Morning Wealth ของ THE STANDARD WEALTH แต่ยังมีหลายเรื่องที่อยากเล่าเพิ่ม พอดีเห็นหน้าเฮียวิทย์เลยขอเขียนไล่เรียงเป็นประวัติศาสตร์ 8 นาที เพื่อสรุป 19 ประเด็นคดีภาษีหุ้นชินคอร์ป ซึ่งลากยาวมา 19 ปี ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และทำไมวันนี้ศาลฎีกาจึงให้ อดีตนายกทักษิณ ต้องชำระภาษีรวม 17,629 ล้านบาท

1. ชิน คอร์ปอเรชั่น คือบริษัทที่คุณทักษิณและคุณหญิงพจมานร่วมกันสร้างตั้งแต่ปี 2526 เคยเป็นบริษัทแม่ของ AIS และถือเป็นกลุ่มกิจการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ณ เวลานั้น ก่อนที่จะมีการปรับโครงสร้างองค์กรหลายครั้งและเพิ่งถูกควบรวมกับ GULF ไปเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

2. ช่วงก่อนคุณทักษิณลงเลือกตั้งปี 2544 ทุกคนรู้หลักการพื้นฐานอยู่แล้วว่านักการเมืองต้องไม่ถือกิจการที่อาจเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนกับรัฐ โดยเฉพาะกิจการที่เป็นสัมปทานจากรัฐอย่างโทรคมนาคม
.
ปี 2542 คุณทักษิณตั้งบริษัทชื่อ Ample Rich Investments Ltd. ที่เกาะ British Virgin Islands (BVI) ซึ่งเป็นเขตปลอดภาษี และรักษาความลับเรื่องโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยคุณทักษิณมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นเพียงผู้เดียว แล้วขายหุ้นชินของตัวเอง จำนวนเกือบๆ 33 ล้านหุ้นให้ Ample Rich ในราคา PAR หุ้นละ 10 บาท คุณทักษิณไม่มีกำไรก็ไม่ต้องเสียภาษีอะไร ฝั่งบริษัท Ample Rich ก็บันทึกต้นทุนไปว่าได้มาเกือบ 33 ล้านหุ้น ต้นทุนหุ้นละ 10 บาท

3. ปี 2543 โครงสร้างภายใน Ample Rich ก็ปรับให้คนถือหุ้นเป็นคุณโอ๊ค ลูกชายซึ่งบรรลุนิติภาวะแทน ทำให้กระดาษทั้งหมดแสดงภาพว่าตัวทักษิณไม่ได้มีหุ้นชินคอร์ปโดยตรงอีกต่อไป ตอนยื่นบัญชีทรัพย์สินจึงไม่เห็นหุ้นบริษัท Ample Rich ในบัญชีทรัพย์สินของคุณทักษิณด้วย
.
ต่อมาในปี 2544 ชินคอร์ปแตกพาร์หุ้นจาก 10 บาทเป็น 1 บาท ทำให้หุ้นในมือ Ample Rich เพิ่มจาก 33 ล้านเป็นประมาณ 330 ล้านหุ้น และมีต้นทุนบัญชีหุ้นละ 1 บาทแทน
.
หลังจากนั้นช่วงกลางปี 48 มีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น Ample Rich นิดหน่อย คือให้คุณเอม ลูกสาวคนโตมาถือหุ้นด้วย สัดส่วนผู้ถือหุ้นตอนนี้ คุณโอ๊คถือหุ้น 80% คุณเอมถือหุ้น 20% โดยทั้งคู่ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท Ample Rich ด้วย

4. ช่วงต้นปี 2549 ซึ่งคุณทักษิณยังเป็นรัฐบาลอยู่ มีการประกาศ พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม ฉบับที่ 2 เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2549 เพื่อปลดล็อคให้กิจการโทรคมนาคมสามารถให้คนต่างชาติถือหุ้นได้ 49% จากเดิม 25% โดยกฎหมายดังกล่าวมีผลใช้บังคับวันที่ 21 ม.ค. 2549
.
อีก 2 วันหลังจากกฎหมายฉบับนี้มีผลใช้บังคับ 23 ม.ค. 2549 ครอบครัวคุณทักษิณและคุณหญิงพจมานขายหุ้นชินคอร์ปผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประมาณ 49% ให้กลุ่มบริษัทในเครือเทมาเส็กของสิงคโปร์ มูลค่า 73,000 ล้านบาท โดยราคาขายวันนั้นคือหุ้นละ 49.25 บาท น่าจะเป็นดีลแรกที่ได้ใช้ประโยชน์จากกฎหมายใหม่ในเวลานั้นทันที

5. การขายหุ้นครั้งนั้น ทุกคนได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากกำไร เพราะมีกฎหมายยกเว้นภาษีให้สำหรับบุคคลธรรมดาที่ขายหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น ทุกคนที่ขายเป็นบุคคลธรรมดา + ขายหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ เลยทำให้ค่าหุ้น 73,000 ล้านบาท ได้รับยกเว้นภาษีทั้งจำนวน

6. แต่ดันมีหุ้นตัวปัญหาอยู่จำนวนนึง คือ ส่วนที่คุณโอ๊คและคุณเอมขายไปจำนวนเกือบ 330 ล้านหุ้น เพราะที่มาของหุ้นจำนวนนี้มาจากที่บริษัท Ample Rich ถือไว้ตั้งแต่ปี 42 เนี่ยแหละ เพราะถ้าบริษัท Ample Rich ขายหุ้นชินเอง ต่อให้ขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ก็เสียภาษีอยู่ดี เพราะไม่ใช่บุคคลธรรมดา ถ้าขายไปจริงๆ Ample Rich ก็จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายจากกำไรแทบจะเต็มๆ เพราะหุ้นมูลค่า 49.25 บาท แต่ต้นทุนแค่บาทเดียว

7. เพื่อให้การขายหุ้นไม่ต้องเสียภาษี มันเลยมีขั้นตอนแทรกมานิดนึง นั่นคือ วันที่ 23 ม.ค. 2549 (วันเดียวกับที่ขายหุ้น 73,000 ล้านบาท) กรรมการบริษัท Ample Rich (คุณโอ๊คและคุณเอม) สั่งให้บริษัทขายหุ้นให้คุณโอ็คและคุณเอมในสัดส่วนคนละครึ่ง 50/50 ในราคาทุนหุ้นละ 1 บาท โดยซื้อขายกันตรงๆ นอกตลาดหลักทรัพย์
.
จากนั้นทั้งคู่ในฐานะบุคคลธรรมดา ก็เอาหุ้นที่เพิ่งได้มานี้ไปขายในตลาดหลักทรัพย์เพื่อรับสิทธิปลอดภาษีในวันที่ 23 ม.ค. 2549 นั่นเอง
.
เรียกว่าบริษัทขายหุ้นให้ 1 บาทแล้วคนซื้อเอามาขายต่อในวันเดียวกันแต่ได้ราคา 49.25 บาทเลย
.
จุดนี้แหละที่ตอนหลังศาลฎีกาจะหยิบมาชี้ว่าธุรกรรมพวกนี้ “มีเหตุผลทางเศรษฐกิจ” ไหม? หรือตั้งใจทำขึ้นมาเพราะอยากจะเลี่ยงภาษีอย่างเดียว

8. ถ้ากลับไปจุดตั้งต้น Ample Rich ตั้งขึ้นมาโดยระบุวัตถุประสงค์บนหน้ากระดาษว่าเพื่อลงทุนหากำไร มันเลยมีคำถามว่าการขายหุ้นราคา 49.25 บาทในราคาบาทเดียว แถมขายในวันเดียวกันด้วยนะ มันเป็นไปได้ไง ทำไมบริษัทถึงยอมเอาเงินทิ้งน้ำเฉยๆ ซะงั้น?
.
พอมันหาเหตุผลทางการลงทุนหรืออย่างอื่นมาสนับสนุนไม่ได้เลย ทางสรรพากรเลยตีว่าการที่คุณได้หุ้นในราคาบาทเดียวซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดขนาดนี้ ส่วนต่างมันคือประโยชน์ที่คิดคำนวณมูลค่าเป็นเงินได้เลยนะ
.
สรรพากรเลยใช้ช่องนี้แหละประเมินว่า เออ ถึงคุณจะขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี แต่การที่คุณซื้อหุ้นชินคอร์ปได้ในราคาสุดพิเศษขนาดนี้เนี่ยแหละ ส่วนต่าง 48.25 บาทต่อหุ้น รวมแล้วราวๆ 15,883.9 ล้านบาท คือเงินได้ที่ทั้งคู่ต้องนำมาเสียภาษี สรรพากรก็เลยส่งหมายเรียกไปหาทั้งคู่ให้เคลียร์ประเด็นนี้และประเมินภาษีเงินได้ของปีภาษี 2549 (ปีที่ขายหุ้นชินคอร์ป) ในที่สุด

9. ทั้งคุณโอ๊คและคุณเอมยื่นต่อสู้คดีไปตั้งแต่ชั้นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งเป็นด่านแรกก่อนจะขึ้นศาลภาษี (คดีภาษีไปฟ้องศาลภาษีทันทีไม่ได้) แต่ทั้งคู่แพ้ เลยไปสู้คดีกันที่ศาลภาษีอากรกลางต่อ
.
ระหว่างพิจารณาอยู่ในศาลภาษีอากรกลาง เมื่อปี 2553 ก็มีอีกคดีของคุณทักษิณมีคำพิพากษาจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองตัดสินว่า หุ้นชินคอร์ปที่บริษัท Ample Rich เคยถือไว้จนกระทั่งมาถึงมือของคุณโอ๊คคุณเอม จนขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ ที่จริงแล้วทั้งหมดนั้นเป็นของคุณทักษิณทั้งหมดเลยนะ ทั้งบริษัท Ample Rich ทั้งคุณโอ๊คคุณเอมเป็นแค่ nominee ของคุณทักษิณเฉยๆ เพราะคุณทักษิณคือตัวการผู้มีอำนาจควบคุมตัวจริง

10. ในปีเดียวกัน คุณโอ๊คคุณเอมเลยนำผลของคำพิพากษาของคดีนั้นมาเพิ่มเป็นข้อต่อสู้ในศาลภาษีว่า ศาลฎีกายืนยันแล้วนะว่าหุ้นเป็นของคุณทักษิณ ไม่ใช่ของพวกผม พวกผมเป็นแค่ nominee
.
ศาลภาษีก็เห็นด้วยว่าเงินได้ก็ต้องเป็นของคุณทักษิณสิ ไม่ใช่เงินได้ของคุณโอ๊คคุณเอมซะหน่อยก็เลยจบคดีโดยพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและคําวินิจฉัยอุทธรณ์ ส่วนคุณโอ๊คคุณเอมไม่ต้องรับผิดชอบค่าภาษีในส่วนนี้แล้ว
.
ทางฝั่งสรรพากรก็จบไป ไม่ได้อุทธรณ์คดีต่อ และไม่ได้ออกหมายเรียกคุณทักษิณแล้วด้วย

11. หลังศาลวินิจฉัยเมื่อปี 2553 ว่าเจ้าของตัวจริงคือคุณทักษิณ ที่จริงสรรพากร “สามารถ” ออกหมายเรียกคุณทักษิณได้ทันทีเพราะรู้ข้อเท็จจริงแล้ว แต่ไม่ทำ (ให้ข้อสังเกตเพิ่มว่าช่วงปี 2553 เป็นรัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์ และปี 2554 เป็นรัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์)
.
ปล่อยเวลาผ่านไปจนปี 2560 รัฐบาลพลเอกประยุทธก็แจ้งสรรพากรว่าเฮ้ย ข้อเท็จจริงคือคุณทักษิณคือเจ้าของหุ้นตัวจริงใช่มั้ย รู้มาตั้งแต่ปี 2553 แล้วด้วย งั้นแจ้งประเมินภาษีให้คุณทักษิณมาชําระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาย้อนหลังของปี 2549 จากเรื่องหุ้นชินคอร์ปจาก Ample Rich ด้วยสิ

12. ข้อต่อสู้ของคุณทักษิณ คือ เฮ้ย ถ้ายื่นภาษีแล้วจะประเมินภาษีย้อนหลัง ก็ทำได้นะ แต่อายุความคดีภาษีมันยืดได้สูงสุด 5 ปี ในเมื่อเป็นเรื่องภาษีเงินได้ของปีภาษี 2549 ซึ่งเราจะยื่นภาษีช่วงต้นปี 2550 ดังนั้น อายุความมันต้องไปจบแถวๆ 30 มี.ค. 2555 สิ
.
ทีนี้ สรรพากรก็รู้เรื่องคุณทักษิณเป็นเจ้าของหุ้นตัวจริงตั้งแต่ปี 2553 แล้วนี่ เพราะลูกชายลูกสาวสู้คดีในศาลภาษีอยู่ แต่คุณไม่ได้ส่งหมายเรียกอะไรให้ผมเลย ผมกับลูกๆ เป็นคนละคนกัน มาถึงก็ตู้มเรียกประเมินภาษีผมเลยโดยไม่ส่งหมายเรียกระบุชื่อผมภายในอายุความก่อนได้ไง แบบนี้มันก็ไม่ถูกสิ มันผิดขั้นตอน
.
ทั้งศาลภาษีอากรกลางและศาลอุทธรณ์คดีภาษีก็เห็นด้วยว่าสรรพากรติดกระดุมเม็ดแรกผิด ถ้ากระบวนการมันไม่ถูกต้องแต่แรกก็ไม่ต้องไปพิจารณาไส้ในต่อแล้ว คุณทักษิณเลยชนะคดีตลอดทั้ง 2 ศาลด้วยเหตุผลนี้

13. แต่สรรพากรสู้ยิบตายันศาลฎีกา คราวนี้ปี 2568 คดีพลิก ศาลฎีกาตัดสินให้คุณทักษิณแพ้ทั้งที่เคยชนะมา 2 ศาลแรก ทำให้คุณทักษิณต้องจ่ายภาษี 17,629 ล้านบาท
.
อ้าวแล้วเหตุผลเรื่องผิดขั้นตอนไม่ส่งหมายเรียกที่คุณทักษิณเคยชนะ 2 ศาลแรกล่ะ ศาลฎีกาคิดยังไง?

14. ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า nominee = หุ่นเชิดของคุณทักษิณ โดยคุณทักษิณเป็นตัวการ ส่วนลูกชายลูกสาวก็เป็นตัวแทนโดนเชิดอยู่ด้านหลัง
.
ดังนั้น ตอนหมายเรียกส่งถึงลูกชายลูกสาวตั้งแต่ตอนแรกสุดมันก็เลย "ผูกพัน" ถึงคุณทักษิณที่เป็น "ตัวการ" ด้วยไปแล้ว
.
ศาลเห็นว่าในเมื่อหมายเรียกมันถูกต้องตั้งแต่ตอนส่งให้ตัวแทนของคุณทักษิณ ไม่ต้องถามหาหมายเรียกระบุชื่อคุณทักษิณอีกแล้ว

15. ศาลฎีกาอธิบายเพิ่มเติม (ในเชิงสั่งสอน) อีกว่า การไปตั้งบริษัทที่ BVI ฝากหุ้นไว้ ควบคุมผ่านลูกชายลูกสาว แล้วซื้อหุ้นชินคอร์ปจากบริษัทมาได้ในราคาบาทเดียว จนสุดท้ายเอาไปขายต่อในตลาดหลักทรัพย์เพื่อรับสิทธิ์ยกเว้นภาษี ธุรกรรมเหล่านี้มันไม่มี “เหตุผลทางเศรษฐกิจ“ อะไรเลยนอกเหนือจากการหาประโยชน์และช่องทางหลบเลี่ยงภาษีซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรง ขาดคุณธรรมทางภาษี ถ้าปล่อยให้ทำได้เดี๋ยวอีกหน่อยจะกลายเป็นแบบอย่างของสังคมใช้นํามาอ้างเพื่อประโยชน์ทางภาษีส่วนตนเช่นนี้ได้อีก ไม่งั้นก็จะไม่แฟร์กับคนอื่นที่ทำทุกอย่างตรงไปตรงมาแล้วเสียภาษีถูกต้อง
.
สรุป ศาลเลยให้ประเมินภาษีตามสรรพากรนี้แหละ คุณทักษิณแพ้คดีในชั้นศาลฎีกา ต้องจ่ายภาษีรวมค่าปรับทั้งหมด 17,629 ล้านบาท ตอนนี้คดีถึงที่สุดแล้วด้วย ไปต่อไม่ได้แล้ว

16. เงิน 17,629 ล้านบาท คำนวณจากไหน? เงินก้อนนี้มาจากโครงสร้าง 3 ส่วน ได้แก่
.
(1) ค่าภาษี โดยคิดจากฐานส่วนต่างกำไร 15,883.9 ล้านบาท
.
อัตราภาษีสูงสุดปี 2549 อยู่ที่ 37% (ไม่ใช่ 35% แบบทุกวันนี้) เลยคำนวณภาษีได้ประมาณ 5,877 ล้านบาท
.
(2) เบี้ยปรับ เกิดจากการจ่ายภาษีไม่ครบ ค่าปรับเพราะยื่นภาษีแต่จ่ายภาษีไม่ครบอีก 1 เท่าของค่าภาษีที่ค้าง เลยคำนวณเบี้ยปรับได้ 5,877 ล้านบาท
.
(3) เงินเพิ่ม เป็นเหมือนดอกเบี้ยเพราะจ่ายภาษีช้ากว่ากำหนด โดยปกติจะคิดในอัตรา 1.5% ต่อเดือน แต่พอดีมันหลายปี เลยทบกันมาเรื่อยๆ ซึ่งกฎหมายกำหนดเพดานให้เงินเพิ่มคิดได้สูงสุดเท่ากับค่าภาษี คือ อีก 5,877 ล้านบาท
.
รวม 3 ก้อนนี้เลยได้ค่าภาษี + เบี้ยปรับ + เงินเพิ่ม = 17,629 ล้านบาท
.
ทำไปทำมาได้กำไร 15,883.9 ล้านบาท แต่โดนภาษีไป 17,629 ล้านบาท ภาษีแพงกว่ากำไรอีก

17. คุณทักษิณจะเอาเงิน 17,629 ล้านบาท จากที่ไหนมาจ่าย?
.
แน่นอนว่าเงินจำนวนนี้ไม่ใช่เงินน้อยๆ ถ้าเอาไปสร้างตึก สตง. ใหม่ เราจะสร้างได้พร้อมกัน 8 ตึกเลย แถมยังมีเงินเหลือทอนด้วย ซึ่งกระบวนการบังคับจัดเก็บภาษีจะกลับไปเป็นหน้าที่ของทางสรรพากรอีกครั้ง
.
โดยปกติ คุณทักษิณก็จะต้องชำระภาษีตามจำนวนดังกล่าว โดยอาจเจรจาทำเรื่องขอลดเบี้ยปรับกับทางกรมสรรพากรได้ และค่าภาษีจำนวนนี้ก็อาจจะขอผ่อนได้ด้วย ส่วนจะต้องผ่อนกี่งวด งวดละกี่บาทก็ค่อยไปว่ากัน เพราะมีลำดับในการพิจารณาภายในกรมสรรพากรเองอยู่แล้ว
.
แต่ถ้าคุณทักษิณไม่ชำระก็จะไปสู่กระบวนการยึดอายัดทรัพย์สินเพื่อนำมาชำระค่าภาษีที่ค้างชำระต่อไป ถ้าทรัพย์สินอยู่ต่างประเทศ ทางการไทยอาจขอความร่วมมือตามไปยึดอายัดทรัพย์สินที่ต่างประเทศด้วย

18. คำพิพากษาศาลฎีกานี้ เป็นการวางรากฐานใหม่ว่าการวางแผนภาษีทำได้ตราบเท่าที่มีเหตุผลที่รับฟังได้มาสนับสนุนก็ยังพอยอมรับได้ แต่ถ้าไม่เห็นเจตนาอื่นเลยนอกจากแค่จะหลบเลี่ยงภาษี ศาลมองว่าขาด “เหตุผลทางเศรษฐกิจ“ ก็จะไม่สนใจธุรกรรมนั้นแต่จะมองไส้ในเลยว่าสาระสำคัญเป็นอย่างไรกันแน่ ซึ่งแนวคิดนี้ในทางทฤษฎีเรียกว่า หลักทั่วไปของการป้องกันการเลี่ยงภาษี (General Anti-Avoidance Rule: GAAR)
.
หลักคิดเรื่อง GAAR มีหลายประเทศอย่างแคนาดา ออสเตรเลีย จีน เยอรมัน หรือ อินเดีย ก็ใช้หลักนี้ ในเชิงวิชาการเลยน่าสนใจว่าคำพิพากษาศาลฎีกานี้เป็นหมุดหมายว่าประเทศไทยยอมรับ GAAR มาอยู่ในการพิจารณาคดีภาษีอากรในอนาคตแล้วใช่มั้ย (ตอนผมเรียก ป.เอก กฎหมายภาษี ทำดุษฎีนิพนธ์เรื่อง GAAR พอดี) ถ้าใช่ จะทำให้การวางแผนภาษีของคนรวยแบบ agressive tax planning อาจจะเริ่มหนาวๆ ร้อนๆ และต้องปรับแผนการวางแผนภาษีกันใหม่รึเปล่า

19. คนไทยได้อะไรจากเรื่องนี้?
.
จากคดีนี้ อย่างน้อยมีเรื่องนึงที่เรายังสบายใจได้ คือ ศาลยังเห็นว่าเรายังมีสิทธิวางแผนภาษีได้เต็มที่ เพราะไม่มีกฎหมายฉบับไหนบอกให้เราต้องเสียภาษีให้แพงที่สุด เพียงแต่ว่าขอบเขตคือการวางแผนต้องอยู่บนพื้นที่ขาวสะอาด ไม่ทำอะไรเทาๆ เพราะจากนี้ไปมีความเป็นไปได้ว่าถ้าทำอะไรเทาแล้วไม่เห็นเจตนาอื่นนอกจากจะหลบภาษีนี้ จากนี้ไปอาจจะรอดยากมาก
.
เราคงได้ถกเถียงกันต่อว่าการวางแผนภาษีแบบ "ไม่ขาดคุณธรรมทางภาษี" หน้าตาควรเป็นแบบใด ปรับใช้กับทุกคนทุกตระกูลด้วยหรือไม่
.
ใจนึงรู้สึกคิดถึง ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร (คุณพ่อของคุณดิว วีรวัฒน์ วลัยเสถียร) ซึ่งเป็นมือวางแผนภาษีของดีลชินคอร์ปให้คุณทักษิณ ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่น่าจะได้ฟังความเห็นอีกด้านของท่านด้วยว่าการวางแผนภาษีครั้งนั้นมีคุณธรรมทางภาษีอย่างไร ศาลตัดสินได้เหมาะสมหรือไม่
.
คดีนี้คือหนึ่งในคำพิพากษาภาษีที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย และคงเป็นบรรทัดฐานใหม่ของคดีหลีกเลี่ยงภาษีอีกนานหลายสิบปี

https://www.facebook.com/photo/?fbid=10239853550979704&set=a.1667671134646




สส. ภคมน ลิซ่า หนุนอนันต์ โพสต์ถึงประธานสภาฯ วันนอร์ กรณีที่สส.ที่ถูกกล่าวหาในประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม แล้วกมธ.เชิญให้ข้อมูลแต่กลับเลือกที่จะไม่มา ท่านประธานต้องมีท่าทีต่อเรื่องนี้

 
https://www.facebook.com/reel/4284434135157718
.....


Pukkamon Nunarnan - ภคมน ลิซ่า หนุนอนันต์
16 hours ago
·
ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว โพสเฟสบุ๊กว่าเหตุ ที่ไม่ไปชี้แจงกรรมาธิการไม่มีเจตนาจะเลี่ยงเพราะการตรวจสอบ แต่สิ่งที่มีผลผูกพันตามกฎหมายจริง ๆ คือกระบวนการยุติธรรม ซึ่งผมได้ให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทุกหน่วยงานมาโดยตลอด และพร้อมให้ตรวจสอบในทุกมิติ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผมถือว่าความโปร่งใสและการยืนอยู่บนหลักนิติธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ข้อความที่โพส ชนนพัฒน์กำลังท้าทายกระแสสังคม ท้าทายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ท้าทายป.ป.ง. ดิฉันไม่ใช้คำว่าหน้าด้าน คนหน้าด้านไม่ใช่แบบนี้ แต่นี่คือความท้าทายด้วยความเคยชินและเชื่อในวิถีที่ทำมาตลอด
การที่ชนนพัฒฐ์ยินดีจะให้กระบวนการยุติธรรมซึ่งความหมายว่า ตำรวจและ ป.ป.ง.คือความมั่นใจในเส้นทางที่เคยฝ่าฝันและเดินมาถึงจุดนี้ จากคนที่เคยถูกจับในคดีเว็บพนันในปี2565 สุดท้ายตำรวจที่ทำคดีกลับคำให้การเป็นการเข้าใจผิดแล้วปล่อยตัว ข่าวลือในช่วงนั้นแว่วว่าคดีนี้ราคา300ล้านบาท (หลักฐานสำนวนการกลับคำมีในเพจออนไลน์หาอ่านได้) และต่อมาเขาลงเลือกตั้งในปี2566 คนที่กล้าทำแบบนี้ เขามั่นใจคนที่เป็นแบคให้ใหญ่โตคับฟ้าจริง
เอาละ!!!ย้อนกลับไปคำว่า“เคลียได้รอบนี้ผมเป็นรัฐมนตรีแล้ว” คำนี้นัยยะตื้นมากไม่ต้องแปล คนไทยทั้งประเทศในยินคำนี้ในคลิปที่ดิฉันโพสไป อมยิ้มกันทั้งประเทศในความสังเวชขององค์กรตำรวจกับโจรVIP ในประเทศไทยทั้งนั้นถ้าอยากรอดมันต้องเคลียคำนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของประเทศไทย สิ่งที่นายชนนพัฒฐ์พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่าเคลียได้รอบนี้ รอบหน้าเป็นรัฐมนตรีไม่ใช่ความเพ้อฝัน ไม่ใช่คำพูดที่เขาพูดออกมาหลังดื่มด่ำน้ำกระท่อมแต่เป็นความมั่นใจของคนที่เคยทำแล้วสำเร็จ นำพาชีวิตของชีวิตคนมืดดำต้องการฟอกตัวตะเกียกตะกายออกมามีอำนาจบารมี จนวันนี้อยู่ในจุดที่ภาคภูมิใจว่าเป็นผู้แทนนราษฎร
แม้นายชนนพัฒฐ์จะพูดติดปากว่าเป็นตัวแทนชาวคาบสมุทรสทิงพระ จังหวัดสงขลาเขตเลือกตั้งที่4 แต่เกียรติที่
นายชนนพัฒฐ์ได้รับคือการเป็นผู้แทนราษฎร เงินเดือนนายชนนพัฒฐ์รับจากภาษีคนทั้งประเทศ นายชนนพัฒฐ์ ไม่ใช่แค่สส.ในเขต4สงขลา นายชนนพัฒฐ์คือ1ใน500รายชื่อของสส.ในสภาไทย
ดิฉันเอง ภคมน หนุนอนันต์ สส.สมัยแรก
หรือท่านประธานสภาฯวันมูฮัมหมัด นอมะทา สส.หลายสมัยผู้อาวุโสทางการเมืองและทุกๆคนที่เป็นผู้แทนราษฎรก็ต้องแชร์มาตรฐานผู้แทนราษฎรของชนนพัฒฐ์แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ทราบคนอื่นอายมั้ยแต่ดิฉันอาย เราจะไม่ใช้กลไกของสภาฯปกป้องบ้านของเราเลยหรือคะ
การที่ออกตัวว่าไม่มาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการแต่ตัวเองเป็นสส.ในสภาฯแถมยังฝันใหญ่จะเป็นรัฐมนตรี หรือการพูดติดปากว่าเป็นตัวแทนขาวสะทิงพระ สำหรับดิฉันนายชนนพัฒฐ์มีอย่างเดียวที่พาให้ถึงจุดนี้คือ“เงินและความเขลา” ความอันตรายของคนมีเงินแต่เขลาเขาจ่ายได้ทุกอย่าง
เขาเขลาถึงขนาดที่ไม่รู้ว่าหน้าที่ของตัวแทนประชาชนในการองค์กรนิติบัญญัติคืออะไร ต้องให้ความสำคัญกับอะไรบ้าง
ดิฉันไม่เสียเวลาพูดกับคนไร้องค์ความรู้ในระดับที่จะเป็นผู้แทนฯระดับประเทศแต่อยากเรียกร้องพรรคกล้าธรรม
ต่อกระแสสังคมที่เรียกร้องเรื่อง
ชนนพัฒน์ถ้าเขาลงทุนไปมากแล้วถึงขนาดที่ปลดออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารไม่ได้ อย่างน้อยท่านประธานยุทธศาสตร์พรรคหนึ่งเดียวที่ดิฉันเขื่อมั่นว่าท่านมีความรู้ในวิถีการเมืองปกติ ท่านสอนองค์ความรู้ที่เขาต้องมีในฐานะนักการเมืองระดับชาติก่อนก็ได้ค่ะ
สุดท้ายดิฉันเชื่อในกระบวนการพิสูจน์ตนเอง เคารพการปกป้องสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา แต่นักการเมืองต้องมีความรับผิดรับชอบต่อประชาชนต้อง มีความละอายแม้คุณสมบัตินี้ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญก็ตาม
สุดท้ายจริงๆอยากบอกชนนพัฒฐ์ในฐานะคนใต้ด้วยกัน“ถ้าโม่แล้วอย่าแม๋นั่งให้เน่ง ”

https://www.facebook.com/lisapukkamon/posts/786575714412115



#จดหมายจากไผ่ “ผมโดนตัดสิทธิ์ที่จะได้พบปะญาติพี่น้องในวันเยี่ยมญาติใกล้ชิด” “ชลธิชา” เรียกร้องเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ - กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีตัดสิทธิ์ “ไผ่ จตุภัทร์” เยี่ยมญาติใกล้ชิด


Lookkate Chonthicha - ลูกเกด ชลธิชา แจ้งเร็ว
5 hours ago
·
[เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และ กรมราชทัณฑ์ ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีตัดสิทธิ์ ไผ่ ดาวดิน เยี่ยมญาติใกล้ชิด และต้องเร่งพัฒนากลไกร้องเรียนที่รวดเร็วและปลอดภัย]

ดิฉันได้รับทราบข้อมูล และรู้สึกกังวลใจอย่างยิ่งต่อกรณีของคุณ ไผ่ ดาวดิน นักกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถูกตัดสิทธิ์ในการเยี่ยมญาติใกล้ชิด โดยอาจมีสาเหตุมาจากการเกิดความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ผู้คุมตั้งแต่เดือน ก.ย. ที่ผ่านมา

การเยี่ยมญาติใกล้ชิด คือกระบวนการเตรียมความพร้อมผู้ต้องขังก่อนกลับสู่สังคมโดยไม่กระทำผิดซ้ำรูปแบบหนึ่ง เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจและพฤตินิสัยของผู้ต้องขังที่ถูกจำกัดเสรีภาพมาอย่างยาวนานภายในเรือนจำ ให้ได้มีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวและญาติ ให้ผู้ต้องขังได้รู้สึกถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตนเองผ่านอ้อมกอดของบุคคลอันเป็นที่รัก แต่อย่างไรก็ตาม การตัดสิทธิ์ผู้ต้องขังในการเยี่ยมญาติใกล้ชิด มักจะถูกใช้เป็นการลงโทษทางวินัยแก่ผู้ต้องขังที่ทำผิดกฎระเบียบของเรือนจำมาโดยตลอด แม้แต่ใน พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฉบับปัจจุบันเอง ยังมีปัญหาเรื่องการให้อำนาจเจ้าหน้าที่อย่างกว้างจนเกินไปในการใช้ดุลยพินิจเรื่องโทษทางวินัย เพียงแค่การกระทำเพียงเล็กน้อยที่อาจขัดหูขัดตาเจ้าหน้าที่ผู้คุมก็อาจผิดวินัยได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นแล้ว ปัญหาการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ที่นำมาสู่การพรากสิทธิในการได้เยี่ยมญาติใกล้ชิดของผู้ต้องขัง จึงไม่เพียงแต่กระทบต่อสภาพจิตใจของผู้ต้องขังและญาติเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพและเป้าหมายสูงสุดของกรมราชทัณฑ์ในการคืนคนสู่สังคมด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าการถูกตัดสิทธิ์การเยี่ยมญาติใกล้ชิดของคุณไผ่ รวมถึงการถูกตรวจสอบจากคณะกรรมการตรวจสอบวินัย จะมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ผู้คุมจริงตามข้อสังเกตของคุณไผ่หรือไม่ และเป็นบทลงโทษทางวินัยจริงตามข้อสังเกตของดิฉันหรือไม่ ดิฉันเห็นว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต้องเร่งชี้แจงเหตุผลและข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อคุณไผ่ ญาติ และทนายความอย่างตรงไปตรงมาโดยเร็ว และกรมราชทัณฑ์ ต้องเร่งตรวจสอบข้อร้องเรียนของคุณไผ่ต่อเจ้าหน้าที่ผู้คุมที่อาจใช้กำลังเกินกว่าเหตุ อย่างเป็นไปด้วยความโปร่งใสผ่านการรับรู้ของผู้ต้องขัง ญาติ และทนายความ รวมถึงต้องคุ้มครองความปลอดภัยของผู้ต้องขังและผู้ร้องเรียนตลอดกระบวนการ และต้องเร่งพัฒนากลไกการร้องเรียนสำหรับผู้ต้องขัง ที่รวดเร็วและปลอดภัยให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกเรือนจำ โดยดิฉันขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไม่ควรสามารถพรากสิทธิการเยี่ยมญาติใกล้ชิดของผู้ต้องขังไปได้ หากกระบวนการตรวจสอบวินัยหรือกระบวนการตรวจสอบข้อร้องเรียนยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ โดยไม่มีการแจ้งให้ผู้ต้องขังรับทราบ เพื่อให้ความเป็นธรรมและประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ต้องขังที่พึงได้รับ อย่างสอดคล้องกับเป้าหมายในการดำเนินงานของกรมราชทัณฑ์เพื่อคืนคนสู่สังคมอย่างมีประสิทธิภาพโดยแท้จริง

https://www.facebook.com/photo/?fbid=860718423128837&set=a.142526434948043

.....


ไผ่ ดาวดิน - จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา - Jatupat Boonpattararaksa
12 hours ago
·
#จดหมายจากไผ่

ผมใช้กาแฟผสมน้ำ ปั้นแล้วเขียนใส่ผนัง เพื่อประท้วงการกักขังโรคที่นานจนเกินไป

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 68 ที่ผ่านมา ผมและครูใหญ่ย้ายจากเรือนจำภูเขียวมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และได้เข้าไปกักตัวห้อง 13 แดน 2 ซึ่งโดยปกติเราจะต้องถูกกักโรค 5 วันแล้วจึงจะได้จำแนกลงมาใช้ชีวิตข้างล่าง แต่เมื่อครบ 5 วันตามกำหนดเพื่อนผู้ต้องขังในห้องอื่นๆถูกจำแนกตัวไปยังแดนต่างๆแล้ว ผมยังต้องกักโรคอยู่ เหมือนถูกกลั่นแกล้งจากผู้คุม ผมจึงประท้วงโดยใช้ข้อเรียกร้องของการต่อสู้เมื่อปี 63 “ปฏิรูปสถาบัน Reform the Monarchy” มาเขียนบนผนัง

วันต่อมา นายนิภัทรชล หินสุข ได้ให้ผู้ช่วยงานเรือนจำมาใส่กุญแจมือไขว้หลัง ให้มาประกบผมซ้ายขวา แล้วพาผมลงไปสอบถามที่หน้าแดน 2 ในช่วงบ่ายมีเจ้าหน้าที่ ชื่อนายสันติ ป้องนพ ขึ้นมาที่ห้องกักโรคที่ผมอยู่ เพื่อถ่ายรูปและยังขู่ว่า จะไม่ให้ไปอยู่กับอานนท์และเพื่อนคู่คดีที่แดน 4 จะให้ไปอยู่ที่แดน 8

วันพุธ ที่ 1 ตุลาคม 68 คณะกรรมการจำแนกได้ให้ผมกับครูใหญ่ไปอยู่แดน 8 ตามที่นายสันติได้ขู่ไว้จริง หลังจากนั้นก็มีคณะกรรมการตรวจสอบวินัยมาสอบถามข้อเท็จจริงจากผม และเรื่องราวก็เงียบไป

จนกระทั่งได้ทราบจากญาติว่าการจองเยี่ยมญาติใกล้ชิด ในวันที่ 27 พ.ย. ช่วงบ่ายของผมถูกตัดสิทธิ์ โดยที่ผมไม่ได้รับแจ้งผลของคณะกรรมการสอบวินัยด้วยซ้ำ

“ผมโดนตัดสิทธิ์ที่จะได้พบปะญาติพี่น้องในวันเยี่ยมญาติใกล้ชิด”

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1316830840457841&set=a.481641927310074


Tyrell Haberkorn แบ่งประวัติศาสตร์ความคิดของนักโทษการเมืองไทยหลังรัฐประหาร 2490 ออกเป็น 6 ช่วงหลัก


ThumbRights
13 hours ago
·
สรุปแนวคิด "ประวัติศาสตร์ความคิดนักโทษการเมืองไทย" โดย Tyrell Haberkorn

วันที่ 12 พฤศจิกายน.2568 ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ศาสตราจารย์ Tyrell Haberkorn (มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน) ได้บรรยายสาธารณะในหัวข้อ “ประวัติศาสตร์นิพนธ์นักโทษการเมืองไทยในประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมือง” ซึ่งเป็นบทสรุปย่อของหนังสือที่เธอกำลังเขียนคือ The Carceral Kingdom: Political Prisoners and History of Thailand

แรงบันดาลใจในการศึกษาครั้งนี้มาจากประสบการณ์สังเกตการณ์คดีที่ศาลอาญา และการแปลจดหมายของ ทนายอานนท์ นำภา ถึงลูกของเขา

Tyrell ให้ความสนใจกับนิยามของ "นักโทษการเมือง" ที่ไม่มีความชัดเจนทางกฎหมาย แต่หมายถึง ผู้ต้องขังที่มีความคิดที่แตกต่างและเป็นอันตรายต่อผู้ยึดกุมอำนาจรัฐในเวลานั้น การศึกษาของเธอจึงผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ความคิดและการจองจำ

Tyrell แบ่งประวัติศาสตร์ความคิดของนักโทษการเมืองไทยหลังรัฐประหาร 2490 ออกเป็น 6 ช่วงหลัก โดยเน้นศึกษาชะตากรรมของผู้ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและฝ่ายซ้าย:

(1) กบฏสันติภาพ (2495-2500): นักเคลื่อนไหวฝ่ายซ้าย 104 คนถูกจับกุมในข้อหากบฏ และถูกนิรโทษกรรมในปี 2500

งานเขียนสำคัญคือ กุหลาบ สายประดิษฐ์ (แลไปข้างหน้า) และ สุพจน์ ด่านตระกูล (ปทานุกรมการเมืองฉบับชาวบ้าน) ซึ่งมีทิศทางสากลนิยมและสะท้อนภาพสังคมที่อยากเห็นจากในเรือนจำ

(2) คดีคอมมิวนิสต์ช่วงการร้อนระอุของสงครามเย็น (2501-2514): มีผู้ถูกดำเนินคดีหลายร้อยคน นอกเหนือจากจิตร ภูมิศักดิ์ Tyrell สนใจ ทองใบ ทองเปาด์ ซึ่ง Tyrell ได้เปรียบเทียบว่ามีลักษณะคล้ายทนายอานนท์ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังมีงานเขียนอย่าง คอมมิวนิสต์ลาดยาว สะท้อนสภาพในคุกและการพยายามจัดตั้งคอมมูน

(3) ผู้ถูกจับหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา (2519-2521): ในช่วงเวลานี้มีผู้ถูกจับกุม 3,000 คนจากธรรมศาสตร์ และ 19 คนถูกดำเนินคดีในศาลทหาร/พลเรือน ก่อนได้รับการนิรโทษกรรม

มีงานเขียนสำคัญ เช่น รวมบทสัมภาษณ์ “เราคือผู้บริสุทธิ์” ที่เน้นย้ำถึง ความจริง

(4) คดีคอมมิวนิสต์ช่วงท้ายสงครามเย็น (2524-2539): มีการจับกุมดำเนินคดีกับผู้ที่ออกจากป่า เช่น สุนี ไชยรส และ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ที่ถูกคุมขังนานถึง 16 ปี โดยที่ระหว่างสุรชัยถูกคุมขังได้มีงานเขียนออกมามากมาย

(5) คดีมาตรา 112 ในยุคแรก (2550-2562): งานเขียนที่ใช้ศึกษาคือบันทึก “รักเอย” และ “รักสามัญ” ของ รสมาลิน ตั้งนพคุณ (เรื่องราวของอากง SMS) และ “มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ” ของ กอล์ฟ ภรณ์ทิพย์ มั่นคง ซึ่งเป็น บทบันทึกมักเป็นการบันทึกความทรงจำ ชีวิตประจำวัน และมีจุดมุ่งหมายเพื่อ วิพากษ์อำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรม

และ (6) คดี 112 ในยุคปัจจุบัน (2563-ปัจจุบัน): Tyrell ศึกษาจดหมายจำนวนมาก ทั้งของ ทนายอานนท์ นำภา (ที่เธอได้แปลรวมเล่มเป็นภาษาอังกฤษ) และนักโทษการเมืองคนอื่นๆ ที่เผยแพร่สู่สาธารณะ

ในการบรรยายครั้งนี้ได้มีการสรุปว่าการศึกษาประวัติศาสตร์ความคิดของนักโทษการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากความคิดเหล่านี้มักเป็น ความคิดนอกกระแส ที่ผู้มีอำนาจพยายามกีดกันออกไป การเข้าใจความคิดเหล่านี้จะช่วยให้เข้าใจประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ทางการเมือง เพราะ ประวัติศาสตร์ของนักโทษการเมือง คือประวัติศาสตร์ของชาติ


https://www.facebook.com/photo?fbid=122242630586184830&set=a.122110046162184830



รักชนก ศรีนอก โพสต์ยาวชี้แจง เงิน 200,000 บาท + ร้อง ป.ป.ช. ปม จักรยานคู่บุญ และพาดพิงถึงเรื่อง ไผ่ ลิกค์ คดีรถหรู + บัญชีทรัพย์สิน


รักชนก ศรีนอก - Rukchanok Srinork
3 hours ago
·
ไผ่ ลิกค์ คดีรถหรู บัญชีทรัพย์สิน และร่วมกันหาคำตอบว่าทำไมเลขาธิการพรรคเบอร์ต้นๆ ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแบบเพื่อนสักที งานนี้

ยาวมาก หาอะไรร้อนๆ จิบระหว่างอ่าน พร้อมใช้สมาธิด้วยนะคะ

1) เงิน 200,000 บาท + ร้อง ป.ป.ช. ปม จักรยานคู่บุญของดิฉัน

ดิฉันบริจาคให้พรรคประชาชน เหตุผลไม่มีอะไรมากไปกว่ารู้ดีว่าพรรคมีข้อจำกัดด้านการเงิน เราไม่มีทุนพลังงาน ทุนค้าปลีก ทุนผู้รับเหมาชั้นพิเศษ หรือทุนเทาสแกมเมอร์ชาติชั่ว มาคอยให้เงินสนับสนุน ดังนั้นก็ต้องอาศัยคนที่มีใจอยากจะช่วย ดิฉันไม่ได้ร่ำรวยก็บริจาคตามกำลัง ซึ่งถ้าคำนวณโดยใช้หลักคณิตศาสตร์จะรู้โดยสามัญสำนึกว่าอยู่ในวิสัยที่เงินเดือน สส. จะทำ แต่หากจะยื่นตรวจสอบก็ทำได้

จักรยานทำไมไม่แจงทรัพย์สิน? เพราะรวมกันทุกคันที่มีแล้วมันไม่เกิน 200,000 บาท
ทำไมหนังสือเล่มละร้อยถึงแจง? เพราะรวมทั้งหมดทุกเล่มที่มีมันแตะหลักแสน และในอนาคตดิฉันก็จะซื้อเพิ่ม มีโอกาสเกิน 200,000 บาท แน่ๆ ดังนั้นคิดว่าควรจะต้องแจง

ทรัพย์สินดิฉันสแกนกันกี่รอบมันก็มีแค่นั้นห้าล้านกว่าบาทนั่นแหละ แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าจักรยานคู่ใจของดิฉัน คือ บัญชีทรัพย์สินของคนเปิดประเด็น คือ นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร สส. ที่คนทั้งประเทศนึกไม่ออกว่าทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง นอกจากเป็นองครักษ์พิทักษ์แป้ง!

2) เมื่อก่อน นายไผ่ ลิกค์ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ “ไผ่ วันพอยท์” ถ้าลองเอาชื่อไปเสิร์ชในกูเกิ้ล ท่านก็จะพบเจอแต่ข่าวดีๆ เกี่ยวกับชื่อนี้ ไม่ว่าจะเป็น…

การเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เกี่ยวกับรถลัมโบกินี “เบนซ์ เรซซิ่ง” : https://www.matichon.co.th/local/news_455099

ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ยืนยันจากหลักฐานไม่พบ "ไผ่ วันพอยท์" เชื่อมโยงขบวนการค้ายาเสพติด เร่งขยายผล : https://www.sanook.com/news/2165322/

ลองเข้ากูเกิ้ลแล้วดูโลด อย่าลืมช่วยกันพูดถึงเยอะๆ เพราะบางคนพยายามจะลืมอดีตและฝันอยากเป็นรัฐมนตรีในอนาคต ซึ่งนอกจากทั้งสองข่าวดังกล่าวแล้ว ชื่อที่เกี่ยวข้องอยู่ในข่าวเดียวกันก็จะมี "บอย ยูนิตี้" หรือ นายอินทระศักดิ์ เตชธีรสิริ

3) ย้อนความจำ คดีนำเข้ารถหรูสำแดงราคาเท็จของ บริษัท ออสติน อxxxxx จำกัด, บริษัท เดอะ แกลxxxxx จํากัด โดย “บอย ยูนิตี้” หรือ อินทระศักดิ์ เตชธีรศิริ นักธุรกิจนำเข้ารถยนต์หรู เจ้าของเต็นท์รถย่านสุขุมวิทและย่านรัชดาฯ และพวกได้ คดีดังกล่าวจบลงที่นายบอย ยูนิตี้ถูกพิพากษาจำคุกรวม 30 ปี และมีเจ้าหน้าที่ศุลกากรโดนโทษจำคุกด้วย

หากอ้างอิงตามคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 5865/2567 ที่นายไผ่ ลิกค์ (จำเลยที่ 1) ให้การว่า โจทก์ (คนฟ้อง) ร่วมลงทุนทำธุรกิจนำเข้าและรับจำนำรถยนต์ราคาแพงกับ “บอย ยูนิตี้” หรือ อินทระศักดิ์ เตชธีรศิริ โดยให้นายไผ่ ลิกค์ เป็นตัวแทน นายไผ่ ลิกค์ ให้โจทก์โอนเงินลงทุนเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 2 (อดีตแฟนนายไผ่) ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องในการทำธุรกิจกับโจทก์ ต่อมาบอย ยูนิตี้ ถูกดำเนินคดีฐานนำเข้ารถยนต์โดยผิดกฎหมาย ต้องใช้เงินประกันตัว 2 ล้านบาท บอยยูนิตี้ มอบหมายให้นายไผ่ ลิกค์ ติดต่อขอเบิกเงินจำนวนดังกล่าวจากโจทก์ หลังจากนั้น ไผ่ ลิกค์ ก็โอนเงินคืนบางส่วน แต่ท้ายสุดหนี้เงินที่ยืม ยังเหลืออีก 550,000 บาท ที่ไผ่ยังไม่คืน

ซึ่งผลสุดท้ายศาลชั้นต้น อุทธรณ์ ฎีกา ก็พิพากษาให้ จำเลยที่1 นายไผ่ ลิกค์ ชำระเงิน 550,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งคำพิพากษาคดีนี้ ไปถึงชั้นศาลฎีกาซึ่งแปลว่าคดีความสิ้นสุดแล้ว

[ศาลจังหวัดอุดรธานี ได้อ่านคำพิพากษาศาลจังหวัดอุดรธานีคดีหมายเลขแดงที่ พ796/2565 เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2565 และได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ในคดีหมายเลขแดงที่ 2698/2565 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566]

4) เมื่อดิฉันตรวจสอบดูบัญชีทรัพย์สินของ นายไผ่ ลิกค์ พบว่า

ตามที่แจ้งไว้เมื่อพ้นตำแหน่ง สส. สมัยที่แล้ว 20 มีนาคม 2566
หนี้บัตรเครดิต 3 ที่ : กรุงไทย 430k / ธนชาติ 180k / กรุงศรี 190k
หนี้อื่น 4 ที่ : SCB 3,197,028 บาท / SCB 12,983,164 บาท / กรุงไทย 11,594,699 บาท / กรุงไทย 2,343,106 บาท

เข้ารับตำแหน่ง สส. ในสมัยนี้ 4 กรกฎาคม2566
หนี้บัตรเครดิต : กรุงไทย 484k / ธนชาติ 160k /กรุงศรี 160k
หนี้อื่น : SCB 1,065,676 บาท / SCB 4,327,721 บาท / กรุงไทยเคหะทรัพย์ทวี 5,797,347 บาท / กรุงไทยเพิ่มสุข 1,171,553 บาท

***ไม่พบว่าระบุหนี้ก้อนนี้ไว้ในบัญชีทรัพย์สิน ในส่วนของหนี้สิน***

5) คดีแจงบัญชีทรัพย์สินเท็จต่อ ป.ป.ช.

มันก็มีให้ได้เห็นกันมาในอดีตแล้ว ว่าผู้มีอำนาจบารมี ก็คงสามารถจะเป่ากระหม่อมใครแล้วทำให้คดีหายไปได้ เช่น แหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน เพราะถ้าอยู่ฝั่งอำนาจ มันจะมีเกราะคนดีย์คุ้มกะลาหัวเสมอ มันก็ไม่ยากหรอกที่จะจัดการอะไรเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้

แต่เรื่องนี้มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ

5.1) การที่นายไผ่ ลิกค์ทำการกู้ยืมเงิน ย่อมถือว่านายไผ่มีหนี้สิน ยิ่งไปกว่านั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาว่า นายไผ่ต้องชำระหนี้* ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 4 มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามที่มีอยู่จริง กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นตำแหน่งแล้วไม่แจงนั้นผิดกฏหมายหรือไม่ ?

[ป.วิ.แพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการอุทธรณ์ฎีกา และการพิจารณาใหม่ คำพิพากษาหรือคำสั่งใด ๆ ให้ถือว่าผูกพันคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่ง นับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษาหรือมีคำสั่ง จนถึงวันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับหรืองดเสีย ถ้าหากมี”]

พ.ร.บ. ป.ป.ช. กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องยื่นบัญชี
- ทรัพย์สินและหนี้สินของตน
- ทรัพย์สินและหนี้สินคู่สมรส
- ทรัพย์สินและหนี้สินของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

ถ้า ป.ป.ช.ฟัน + ศาลรับฟ้อง จะถูกให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที

หากผิด
- โทษคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
- ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง สส. สว. สถาท้องถิ่น ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดไป

5.2) ในคำพิพากษาคดีดังกล่าว นายไผ่ ลิกค์ ให้การด้วยตนเอง ว่าตนเองเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมแทนโจทย์ในการลงทุนทำธุรกิจรถยนต์กับ นายบอย ยูนิตี้ ซึ่งปัจจุบันถูกจำคุกอยู่ ในข้อหา มีพฤติการณ์ลักลอบนำเข้ารถซูเปอร์คาร์และรถหรู ด้วยวิธีการหลบเลี่ยงการชำระภาษี และสำแดงราคารถยนต์ให้ต่ำกว่าราคาตามท้องตลาด, รวมถึงลักลอบนำเข้ารถจดประกอบ ก่อนนำไปขายให้กับผู้มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง และนักการเมือง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐ

กองปราบฯ บุกรวบตัว 'บอย ยูนิตี้' เจ้าพ่อนำเข้ารถหรูเลี่ยงภาษี หนีศาลหลังถูกตัดสินคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา : https://www.isranews.org/.../110987-inves0909-237.html

จำคุก 30 ปี 'บอย ยูนิตี้' คดีนำเข้ารถหรูเลี่ยงภาษี ปรับเงิน 2 บริษัท 300 ล้าน : https://isranews.org/.../isranews-news/121327-isra-23.html

ดิฉันอยากฝากคำถามไปถึงสำนักงาน ป.ป.ช. และกองบังคับการปราบปราบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
- บอยยูนิตี้ถูกพิพากษาจำคุกรวม 30 ปี เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็โดนด้วย แต่ นายไผ่ ลิกค์ที่เป็นตัวแทนการลงทุนทำธุรกิจรถยนต์ มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร? ในคดีความเหล่านี้ ได้ถูกตรวจสอบโดยกองบังคับการปราบปราบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แล้วหรือไม่? อย่างไร?

- นายไผ่ ลิกค์ กรณีพ้นตำแหน่ง สส.เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 นายไผ่ ลิกค์ ได้ยื่นบัญชีหนี้สิน ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ได้พิพากษาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2565 คดีหมายเลขแดงที่ พ796/2565 ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน (กรณีพ้นตำแหน่ง) ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือไม่ ?

- ณ ขณะที่ นายไผ่ ลิกค์ เป็น สส. ปี 2566 และมีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ณ วันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ได้ยื่นบัญชีหนี้สิน ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ได้พิพากษาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2565 คดีหมายเลขแดงที่ 796/2565 ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน (กรณีเข้ารับตำแหน่ง) ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือไม่ ?

- นายไผ่ ลิกค์ มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีหนี้สิน ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ได้พิพากษาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2565 คดีหมายเลขแดงที่ พ796/2565 ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน (กรณีพ้นตำแหน่งตามข้อ 1. และกรณีเข้ารับตำแหน่งตามข้อ 2.) ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือไม่

ซึ่งดิฉันจะได้ยื่นร้อง ป.ป.ช. ให้ดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ ในลำดับถัดไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ป.ป.ช. จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา นอกจากนี้ ดิฉันจะทำหนังสือไปยังกองบังคับการปราบปราบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เกี่ยวกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการแสวงหาข้อเท็จจริงในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ต่อไป

** สุดท้ายนี้คุณไผ่อาจจะชี้แจงว่า ไม่เกี่ยวอะไรด้วยเล๊ยยยย บริสุทธิ์ขาวสะอาดดังแป้ง ก็ฟังได้ แต่น่าแปลกใจว่า คุณไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรคกล้าธรรม รัฐมนตรีถึง 2 รัฐบาล แต่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี มันเป็นเพราะอะไรกันหนอ ออกมาตัดพ้อตั่งต่างหลายครั้งก็ยังไม่ได้รับความเห็นใจ มันเพราะอะไรกัน มีใครไปตรวจเช็คแล้วเจออะไรหรือไม่ อย่างไร ดิฉันก็ไม่ได้กล่าวหา เพียงแต่ตั้งข้อสงสัย ระดับเลขาพรรคมีชื่อติดโผทุกรอบ แต่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีกับเค้าซักกะที

คำพิพากษาชั้นฏีกา : https://drive.google.com/.../1o1Idth00A7H53adP7TfoA9J3fnd...

https://www.facebook.com/photo?fbid=854635167098245&set=a.173929431835492






https://x.com/nanaicez/status/1991168070573027718


 

แค่จักรยานก็โดนตรวจสอบ


.....

มณีรัตน์ จานนอก
6 hours ago
·
แค่จักรยานก็โดนตรวจสอบ เฮ้อ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นเถอะ
#ไอซ์รักชนก

.....

จบข่าว
12 hours ago
·
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบพี่ไอซ์ บางบอน ชี้แจงที่มาของเงินบริจาค 203,000 บาท และจักรยาน BTWIN ราคา 5,700 บาท ที่ใช้ลงพื้นที่หาเสียง ไม่มีในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นไว้เมื่อปี 2566 หากมีความผิดอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย ป.ป.ช.
.....

https://www.facebook.com/watch/?v=1139497685010680





อ.เกษียร เตชะพีระ แชร์ลิงก์ บทแปลปาฐกถาของครูเบน แอนเดอร์สันเมื่อ ๑๓ ปี "ราชาธิปไตยสมัยใหม่ในมุมมองเปรียบเทียบระดับโลก" น่าสนใจ


Kasian Tejapira
7 hours ago
·
"ราชาธิปไตยสมัยใหม่ในมุมมองเปรียบเทียบระดับโลก"
%%%%%%%%%%%
บทแปลปาฐกถาของครูเบน แอนเดอร์สันเมื่อ ๑๓ ปีก่อนโดยผมถอดความเรียบเรียงจาก Youtube และลงพิมพ์ในฟ้าเดียวกัน ขอนำมาโพสต์เผยแพร่ในโอกาสรำลึกการจากไปของครูเบนครบรอบสิบปีวันที่ ๑๓ ธ.ค. ศกนี้ครับ
ลิงค์ดาวน์โหลดบทแปลอยู่ด้านล่างครับ
https://www.dropbox.com/.../Ben-on-monarchies-in-modern...

https://www.facebook.com/photo/?fbid=10239902447921984&set=a.2556231547988



วันพุธ, พฤศจิกายน 19, 2568

ทักษิณ "เสียใจ-เจ็บช้ำ" แต่ "ต้องสู้ต่อ" วิเคราะห์ผลกระทบ 2 คดีทักษิณ ทำเพื่อไทยถูกตัด "กระแส-กระสุน"

วันสุดท้ายของ ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่ภายนอกเรือนจำเมื่อ 9 ก.ย. ก่อนฟังคำสั่งศาลฎีกาฯ "คดีชั้น 14" ที่ให้บังคับโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี

วิเคราะห์ผลกระทบ 2 คดีทักษิณ ทำเพื่อไทยถูกตัด "กระแส-กระสุน"

หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
เมื่อ 8 ชั่วโมงที่แล้ว

พรรคเพื่อไทย (พท.) ต้องเผชิญกับปัจจัยลบอย่างต่อเนื่อง เมื่อ "ผู้นำทางจิตวิญญาณ" นาม ทักษิณ ชินวัตร ถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง 1.76 หมื่นล้านบาทตามคำพิพากษาศาลฎีกา "คดีภาษีหุ้นชินคอร์ป" และยังปรากฏกระแสข่าวอัยการสูงสุด (อสส.) เตรียมยื่นอุทธรณ์ "คดี ม.112" ซึ่งอาจส่งกระทบต่อการขอพักโทษของอดีตนายกฯ ผู้ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำมากว่า 2 เดือน

นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์วิเคราะห์ผลที่ตามมาจาก 2 คดีนี้ว่า จะทำให้พรรค พท. อ่อนแอลง เพราะถูกตัดทั้ง "กระแส" และ "กระสุน" ในช่วงนับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง 2569 และมีโอกาสกลายเป็น "พรรคต่ำร้อย"

ขณะที่บรรดานักการเมือง นักวิเคราะห์การเมือง รวมถึงทนายความของอดีตนายกฯ เชื่อว่ามี "แผนสกัด" ไม่ให้ ทักษิณ ออกจากเรือนจำก่อนการเลือกตั้ง

ทักษิณ วัย 76 ปี ต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปีตามคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง "คดีชั้น 14" เมื่อ 9 ก.ย.

ถึงวันนี้ เขาใช้ชีวิตอยู่ภายในเรือนจำกลางคลองเปรมมาแล้ว 71 วัน และจะมีสิทธิได้รับการพักการลงโทษเป็นกรณีพิเศษตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ เมื่อรับโทษครบ 1 ใน 3 แต่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งตรงกับวันที่ 8 มี.ค. 2569

หากอดีตนายกฯ คนที่ 23 ได้รับการพักโทษ เขาจะได้ออกจากเรือนจำ 3 สัปดาห์ก่อนถึงวันเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งแกนนำรัฐบาลคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้น 29 มี.ค. 2569

แต่ถ้า อสส. ยื่นอุทธรณ์คดี ม.112 ก็จะทำให้ผลของคดียังไม่ถึงที่สุดแม้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องไปแล้ว ซึ่งนักกฎหมายบางส่วนชี้ว่าอาจส่งผลต่อดุลพินิจของคณะกรรมการพิจารณาพักการลงโทษ ซึ่งอาจไม่อนุมัติ/ไม่เห็นชอบได้ เพราะถือว่านักโทษเด็ดขาดชาย (น.ช.) รายนี้ยังมี "คดีต่อ" หรือ คดีอื่น"

ทักษิณ "เสียใจ-เจ็บช้ำ" แต่ "ต้องสู้ต่อ"

กรุงเทพธุรกิจรายงานเมื่อ 17 พ.ย. ว่า อิทธิพร แก้วทิพย์ อสส. มีความเห็นให้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์ต่อไป แม้ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าคณะกรรมการกลั่นกรองคดี ม.112 ของอัยการ มีความเห็นไม่อุทธรณ์ก็ตาม

สำนักงานอัยการสูงสุดยังไม่ได้ชี้แจงหรือยืนยันรายงานข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด แต่บรรดาผู้เกี่ยวข้องกับจำเลยคดี ม.112 ได้ออกมาให้ความเห็นอย่างกว้างขวาง

"คุณพ่อก็เสียใจจริง ๆ ท่านรู้สึกเจ็บช้ำ" พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือ "เอม" บุตรสาวคนกลางของ ทักษิณ เปิดเผยความรู้สึกของบิดาภายหลังทราบกระแสข่าว อสส. เตรียมยื่นอุทธรณ์คดี

"ก็ต้องสู้ เพราะถ้าเรายังไม่ได้รับความยุติธรรม เราก็ต้องสู้ต่อค่ะ" เอม-พินทองทา ลั่นวาจาเอาไว้เมื่อ 17 พ.ย.


ผู้สนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร ไปรอให้กำลังใจอดีตนายกฯ เมื่อ 22 ส.ค. ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากกรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558

วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของอดีตนายกฯ ทักษิณ ใช้คำว่า "ท่านเองก็ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่านมีความเสียใจจากสิ่งที่เกิดขึ้น" แต่อดีตนายกฯ เป็นนักสู้ ไม่ได้เจตนาจะกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ก็จะสู้ให้ถึงที่สุด

เขายังตั้งข้อสังเกตต่อกรณีที่ อสส. คนปัจจุบันมีความเห็นแย้งกับมติของคณะทำงานที่ตั้งโดย อสส. คนก่อน ซึ่งได้ยินว่ามติ 7:2 หรือ 8:2 มีความเห็นว่าไม่สมควรอุทธรณ์ แต่มตินั้นหายไป 1 มติ เป็นประธานคณะทำงานหรือไม่ เพราะหลังจากนั้นก็มาดำรงตำแหน่งเป็น อสส. ต่อ จึงเป็นเหตุที่ทำให้เห็นว่าควรจะพลิกฝืนจากมติเดิมหรือไม่

ทนายความของทักษิณกล่าวต่อไปว่า หากอัยการจะยื่นอุทธรณ์คงต้องดำเนินการภายใน 21 พ.ย. ซึ่งถ้ายื่นและส่งหมายมา ก็จะแก้อุทธรณ์ต่อไป ซึ่งตนจะใช้สิทธิยื่นขอข้อมูลและความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองคดี ม.112 เพื่อนำไปใช้ประกอบในการยื่นอุทธรณ์ ก็อยากรู้ว่าที่ อสส. ที่มีความเห็นให้อุทธรณ์ มีความเห็นอย่างไร

ในมุมมองของวิญญัติ การอุทธรณ์คดี ม.112 ของ อสส. น่าจะไม่มีผลต่อการพิจารณาพักการลงโทษของทักษิณ เพราะการอุทธรณ์ก็เป็นเรื่องของกระบวนการ แต่การพักโทษเป็นระยะเวลาที่มีตามกฎหมาย ซึ่งผู้ต้องขังทุกคนได้รับสิทธิเท่าเทียมเสมอภาคกัน

ทว่าในเวลาต่อมา วิญญัติได้แสดงความเห็นผ่านบัญชีเฟซบุ๊กของเขา โดยสนับสนุนข้อวิเคราะห์ของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและอดีตผู้ต้องขัง โดยระบุว่า "ที่คุณชูวิทย์พูด โดยส่วนตัวผมก็เชื่อว่ามีแผนสกัดแน่นอน ซึ่งมีการแทรกแซงที่ทำเป็นขบวนการด้วย"

สำหรับข้อวิเคราะห์ของชูวิทย์คือ หากอัยการยื่นอุทธรณ์คดี ม.112 ทักษิณจะไม่ได้รับการพิจารณาพักโทษ เพราะถือว่ามี "คดีต่อ"

"นี่คือ 'แผนสกัด' ไม่ให้ทักษิณออกจากคุกก่อนเลือกตั้ง ต้องตีตั๋วอยู่ยาวชนป้ายครบ 1 ปี" ชูวิทย์ระบุ

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค พท. ไม่อยากให้เอาประเด็นนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง แต่ข้อสังเกตของชูวิทย์ "เป็นข้อสังเกตที่สังคมคิดและสงสัยได้" และ "เป็นข้อสังเกตที่มีนัย" เพราะเหตุการณ์ประจวบเหมาะ 2 คดีในวันเดียวกัน เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรู้ว่ากำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง

สส.เชียงใหม่รายนี้ขึ้นทำหน้าที่ผู้นำพรรคสีแดงได้ไม่ถึงเดือน หลังจาก แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ คนที่ 31 และบุตรสาวคนสุดท้องของทักษิณ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค พท.

จุลพันธ์ยอมรับว่า พรรค พท. มีความสนิทสนม และมีหัวใจที่เชื่อมต่อกับครอบครัวของ ทักษิณ-แพทองธาร จึงมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจ และรู้อยู่เต็มอกว่ากระบวนการเริ่มจากการรัฐประหาร มีการรื้อฟื้นคดีในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เชื่อว่าทักษิณและครอบครัวยังมีกำลังใจดี ก็คงหาช่องทางในการต่อสู้คดีต่อไป

"ทักษิณถูกกระทำ" สิ่งที่เพื่อไทยใช้หาเสียงได้

ด้าน ดร.สติธร ธนานิธิโชติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเมินว่า วิบากกรรมที่เกิดขึ้นกับทักษิณใน 2 คดีล่าสุด (คดี ม.112 และคดีภาษีหุ้นชินคอร์ป 1.76 หมื่นล้านบาท) ส่งผลชัดเจนต่อพรรค พท. ทั้งในการแง่การถูกตัด "กระแส" และ "กระสุน" เนื่องจาก "ชีวิตของเพื่อไทยผูกติดอยู่กับทักษิณ" และมีคำถามตลอดว่าตระกูลชินวัตรจะเอาอย่างไรกับพรรค พท. ซึ่งที่ผ่านมามีความพยายามทำให้เห็นว่ายังอยู่กับพรรค ยังมุ่งมั่นต่อสู้ทางการเมือง

"สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณทักษิณในวันนี้ ทำให้ภาพของการเป็นผู้ถูกกระทำมันชัดเจนขึ้นไปอีก แปลว่าเพื่อไทยเอาเรื่องนี้ไปหาเสียงได้ เพราะมันไปกระทบใจกลุ่มคนที่ผูกพันกับพรรคมาดั้งเดิม แต่สำหรับกลุ่มเสรีนิยมประชาธิปไตย ถ้าเพื่อไทยอ่อนแอลง หรือมีพฤติกรรมผิดไปจากที่คาดหวัง เขาก็หันไปเลือกพรรคประชาชน ผู้มีอำนาจจึงอยากให้กระแสแบบนี้ (ทักษิณถูกกระทำ) อยู่กับเพื่อไทย คะแนนจะได้ไม่ไหลไปพรรคประชาชนมากนัก" ดร.สติธร กล่าวกับบีบีซีไทย

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเชื่อว่าทักษิณจะยังไม่ถึงขั้นหายไปจากกระดานการเมืองไทย แต่จะถูกเก็บไว้ในฐานะ "ตัวแปร" ในการดึงคะแนนเสียงเลือกตั้ง 2569 ซึ่งเป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคน้ำเงินกับพรรคส้ม


ครอบครัวชินวัตร นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, แพทองธาร ชินวัตร, พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงษ์ เข้าเยี่ยมทักษิณที่เรือนจำคลองเปรม เมื่อ 15 ก.ย. ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมได้

นักรัฐศาสตร์จากสำนักจามจุรีอธิบายว่า กระแสทักษิณมี 2 กระแสหลักคือ อุดมการณ์ กับ นโยบาย
  • กระแสอุดมการณ์: คะแนนสงสารจะอยู่ในก้อนนี้ "เลือกเพื่อไทย เพราะสงสารทักษิณโดนอีกแล้ว" ซึ่งคะแนนตรงนี้ถ้าจะย้าย ก็ย้ายจากพรรคแดงไปพรรคส้ม
  • กระแสนโยบาย: ผู้มีอำนาจต้องการให้ย้ายจากพรรคแดงไปพรรคน้ำเงิน อยากเอาภาพนี้ไปแปะให้พรรคภูมิใจไทย (ภท.) แทน "ในเมื่อไม่มีทักษิณแล้ว เลือกภูมิใจไทยซึ่งตอนนี้เป็นรัฐบาลอยู่ และมีโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลอีกสิ"
ปฏิเสธไม่ได้ว่า 2 ปีของรัฐบาล "เศรษฐา" และ "แพทองธาร" ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความสามารถในการแปรนโยบายไปสู่การปฏิบัติ จากคำขวัญหาเสียง "คิดใหญ่ ทำเป็น" แปรเปลี่ยนเป็น "คิดไป ทำไป" "คิดไม่ครบ ทำไม่ได้" ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในภาพลักษณ์พรรคทักษิณในฐานะต้นตำรับ-ตำนาน "ประชาธิปไตยกินได้"

ดร.สติธรชี้ว่า คนที่ผิดหวังกับรัฐบาลเพื่อไทยเป็นเพราะมองกระแสภาพใหญ่ มองไปที่นโยบายเศรษฐกิจมหภาคแล้วเห็นว่ารัฐบาลทำไม่ได้ แต่สำหรับนโยบายที่ยิงตรงลงพื้นที่ยังพอไปได้ ซึ่งก่อนทักษิณจะกลับเข้าเรือนจำ ก็พยายามผลักดันนโยบายแก้หนี้สิน, ปราบยาเสพติด ดังนั้นภาพ "เก่งนโยบาย" ของผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรค พท. อาจยังพอขายได้กับกลุ่มรากหญ้า

อนาคตพรรค 50-70 เสียง ?

แต่ถึงกระนั้น ความไม่มั่นคงทั้งในแง่กระแสและกระสุน ทำให้พรรค พท. อ่อนแอลงในช่วงนับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง 2569 ซึ่ง ดร.สติธรระบุว่า นักการเมืองที่ยังลังเลว่าจะอยู่หรือไปก็จะตัดสินใจย้ายพรรคได้ง่ายขึ้น ส่วนนักเมืองที่ย้ายออกไปแล้วก็เหมือนได้รับการยืนยันว่าคิดถูกแล้ว

"เดิมมันมี สส. ที่หวังพึ่งกระแสทักษิณ 'คิดเก่ง ทำเก่ง' ยังผูกใจคนอีสานได้ พวกนี้ยังลังเลที่จะย้ายพรรค โดยเฉพาะถ้าทักษิณไปขึ้นเวที ออกแอคชั่น สส. ก็ไม่กล้าย้ายออก ยังเอากระแสทักษิณไปบวกกับกระแสในพื้นที่ตัวเองได้ ยังพอสู้น้ำเงินไหว แต่ถ้าทักษิณออกมาไม่ได้ พักโทษไม่ได้ พรรคก็ถูกตัดกระแสตรงนี้ไป" ดร.สติธรกล่าว

ย้อนไปช่วงต้นเดือน ต.ค. ที่พรรค พท. เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. ล็อตแรก สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรค พท. ประกาศเป้าหมายนำ สส. เข้าสภาไม่น้อยกว่า 200 เสียง บวกลบ 10% จากเดิมที่เป็นพรรคอันดับ 2 ของสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 ด้วยยอด สส. 141 เสียง น้อยกว่าพรรคก้าวไกลที่ชนะการเลือกตั้ง 2566 อยู่ 10 เสียง


แพทองธาร ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังประกาศ "ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย" ในงานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. ล็อตแรกเมื่อ 7 ต.ค. ก่อนที่เธอจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคหลังจากนั้น

แต่ในมุมวิเคราะห์ของนักรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อไทยมีโอกาสสูงที่จะตกที่นั่ง "พรรคต่ำร้อย" โดยคาดว่าจะได้ สส. ราว 50-70 เสียง

ดร.สติธรย้อนทบทวนว่า ตัวเลข 200 เสียงของสุริยะที่ประกาศพร้อม "หลุดความในใจมาเล็กน้อย" ประเมินบนฐานความคิดที่ว่าพรรค ปชน. กำลังอ่อนแอ "เขาไปหวังว่าถ้าพรรคส้มยวบ เพื่อไทยจะขึ้นมาได้ ไม่ได้ประเมินว่าจะไปตัดแต้มมาจากพรรคน้ำเงิน" แต่วันนี้พรรค ปชน. กลับมาได้แล้วจากการเกาะติดกรณีทุนเทา-สแกมเมอร์ ขณะที่พรรค พท. อ่อนแอลงเรื่อย ๆ จากการถูกดูด สส. อย่างหนักหน่วงโดยพลังน้ำเงินและเขียว คนที่ถูกดูดไปสำเร็จแล้วก็ทยอยเปิดตัว ส่วนที่ยังดูดไม่สำเร็จก็เริ่มแพลม ๆ เอาภาพถ่ายตอนเจอแกนนำมาปล่อย แสดงว่าเป้าหมายยังพร้อมดูดเต็มที่

"โจทย์ของน้ำเงินคือต้องการเป็นที่ 1 เพราะฉะนั้นเขาต้องสูบจากแดงเต็มที่ ถึงไปขยี้ส้มต่อได้ ดังนั้นตัวเลข 200 เสียง อย่าไปฝัน ผมประเมินว่าน่าจะอยู่ช่วง 50-70 เสียง ซึ่งเป็นตัวเลขที่ให้เพิ่มขึ้นมาแล้วนะหลังคุณทักษิณถูกกระทำ" ดร.สติธรระบุ

ในการคาดการณ์ของนักรัฐศาสตร์รายนี้ ไม่ได้เกิดจากโจทย์ที่ว่าพรรค พท. "จะได้เท่าไร" แต่ตั้งต้นจากความเป็นจริงทางการเมือง ณ วันนี้ว่า "จะเหลืออยู่เท่าไร" ก่อนถึงวันเลือกตั้ง โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือกลุ่มของ 2 ส. (สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับ สมศักดิ์ เทพสุทิน) จะยังอยู่กับพรรค พท. ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ หรือถ้ายังอยู่จะอยู่ในลักษณะไหน อยู่ทั้งกลุ่มที่ระบุว่ามี 40 คน หรืออยู่เฉพาะตัวเองที่ลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) แต่ส่งลูกน้องบางส่วนกระจายไป "ฝากเลี้ยง" ที่พรรคอื่น และเก็บบางส่วนไว้ที่พรรค พท.

สำหรับตัวเลข 50-70 เสียงตามการประเมินของ ดร.สติธร มาจากโอกาสชนะการเลือกตั้งในภาคอีสานราว 20-30 เสียง, ภาคเหนือตอนบนราว 10 เสียง, ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางของกลุ่ม 2 ส. ที่อาจเก็บคนไว้ที่พรรค พท. ราว 10 เสียง, ปาร์ตี้ลิสต์ 10-15 เสียง โดยขึ้นกับคะแนนสงสารว่าจะมามากน้อยแค่ไหน

นักรัฐศาสตร์รายนี้ระบุว่า จำนวน สส.ปาร์ตี้ลิสต์มีความสำคัญต่อการกำหนดขนาดของพรรค และเป็นตัวตัดสินใจของกลุ่ม 2 ส. ว่าจะอยู่พรรคไหน หากได้ สส. 70-80 เสียงก็มีโอกาสร่วมรัฐบาลสูง แต่ถ้าได้ 50 เสียงก็ต้องกังวลแล้วว่าอาจแทงหวยผิด

"หากยุทธศาสตร์เพื่อไทยคือเรียกคะแนนสงสาร เราก็จะมีโอกาสได้คนในครอบครัวชินวัตรมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนต่อไป" ดร.สติธรกล่าวทิ้งท้าย

https://www.bbc.com/thai/articles/cd9k1j7ex2po



After months of infighting, no more hiding. House just PASSED the Epstein Files Transparency Act. FORCE release of ALL Justice Dept files on Epstein's crimes & elite network. Now head to the Senate



🚨 MASSIVE WIN: House just PASSED the Epstein Files Transparency Act under suspension of rules! 427-1 vote to FORCE release of ALL Justice Dept files on Epstein's crimes & elite network. Bipartisan bulldozer: 216 GOP + 211 Dems said YES. No more hiding.




After months of infighting, House GOP could vote today to release the Epstein files
November 18, 2025



Tuesday's expected vote also comes after a wave of Epstein files were released last week by members on the Republican-led House Oversight Committee. Democrats first released a set of three emails, followed by thousands of pages of new files released by the panel's chairman, James Comer, R-Ky. The documents triggered new questions about the extent of Trump's relationship with the disgraced financier and convicted sex offender before his death in 2019.

Ahead of the vote, Massie and Khanna gathered with survivors for a news conference outside the Capitol. They last appeared together in September on Capitol Hill to lobby for the release of the Epstein files, saying transparency was the path to holding those involved fully accountable.

Survivors reiterated that position in a Friday letter to Congress in which they urged the release of files relating to Epstein and his longtime confidante Ghislaine Maxwell, who is currently serving time at a Texas facility after her conviction on trafficking charges.

"Epstein and Maxwell's crimes exposed a double standard of justice, where rich and powerful men and women evade repercussions," they wrote.

Source: NPR
https://www.npr.org/2025/11/18/nx-s1-5611438/epstein-files-bill-house-vote
.....


Stories behind the rich and powerful named in the Jeffrey Epstein court files | 60 Minutes Australia

Jan 30, 2024 
#60MinutesAustralia

https://www.youtube.com/watch?v=Zeylckd2t0Y



เปิดเหตุผลศาลฎีกาพิพากษากลับให้"ทักษิณ ชินวัตร"ต้องจ่ายภาษี ขายหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่นฯ 1.76 หมื่นล้านบาท



เปิดเหตุผลศาลฎีกาพิพากษากลับให้"ทักษิณ ชินวัตร"ต้องจ่ายภาษี ขายหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่นฯ 1.76 หมื่นล้านบาท

18 พ.ย. 2568
ผู้จัดการออนไลน์

เปิดเหตุผลศาลฎีกาพิพากษากลับให้"ทักษิณ ชินวัตร"ต้องจ่ายภาษี ขายหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่นฯ 1.76 หมื่นล้านบาทแก่กรมสรรพากร ระบุ"โอ๊ค-เอม"ถือหุ้นแทน เป็นการกระทำที่ขาดคุณธรรม ไม่สอดคล้องเจตนารมณ์ของกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง

วันนี้ (18 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงาน คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6890/2568 (ภาษีหุ้นชิน) เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งศาลภาษีอากรกลาง อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯรัฐมนตรี โดยนายสมบูรณ์ คุปติมนัส ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ฟ้อง กรมสรรพากร จำเลยที่ 1 กับคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คือ นายพงษ์ศักดิ์ เมธาพิพัฒน์ ,นายประภาส สนั่นศิลป์ และนายพิสิทธิ์ ศรีวรานันท์ เป็นจำเลยที่ 2-4 เรื่องขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาฯ ที่แจ้งให้นายทักษิณ จ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการขายหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่นฯ เป็นเงิน 1.76 หมื่นล้านบาทให้กับกรมสรรพากร

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ปลดและยกเลิกหรือเพิกถอนการประเมินของจำเลยที่ 1 ตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.12) ไม่ระบุเลขที่ใบแจ้ง ลงวันที่ 28 มีนาคม 2560 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2-4 จำเลยทั้งสี่ให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลภาษีอากรกลางมีคำพิพากษาลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาฯ (ภ.ง.ด.12) เนื่องจากเห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินกรมสรรพากร มิได้ออกหมายเรียกตรวจสอบโจทก์ ตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากร ในฐานะตัวการ การออกหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาฯ (ภ.ง.ด.12) จึงเป็นการดำเนินการโดยไม่ชอบ

กรมสรรพากรกับพวกยื่นอุทธรณ์

ซึ่งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พิพากษายืน
จำเลยทั้งสี่ฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ขณะที่นายทักษิณ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยแยกเป็นประเด็น ดังนี้

ประเด็นที่1 ศาลฎีกาต้องส่งคำร้องของโจทก์ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร เห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2551 เคยวินิจฉัยไว้แล้วว่า ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฯ มิได้ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ดังนั้น การที่โจทก์ขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฯ ขัดหรือแย้ง
ต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ในบทมาตราที่มีลักษณะเดียวกัน จึงเป็นการร้องขอในเรื่องลักษณะเดียวกันกับที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไว้แล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรจะส่งคำร้องของโจทก์ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ประเด็นที่ 2 เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ออกหมายเรียกโดยชอบด้วยกฎหมายและภายในกำหนดเวลาตามประมวลรัษฎากร มาตรา 19 หรือไม่ ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร เห็นว่า นายพานทองแท้และน.ส.พินทองทา ซึ่งเป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากการซื้อขายหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797

เมื่อเจ้าพนักงานประเมินออกหมายเรียกนายพานทองแท้และน.ส.พินทองทาซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อในใบหุ้น อันเป็นหนังสือสำคัญโดยไม่ทราบมาก่อนว่านายพานทองแท้และน.ส.พินทองทาถือหุ้นแทนโจทก์ ประกอบกับภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่าโจทก์ยังคงถือไว้ซึ่งหุ้นของบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) โจทก์จึงอยู่ในฐานะเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อที่ยอมให้นายพานทองแท้และน.ส.พินทองทาซึ่งเป็นตัวแทน แสดงออกหน้าเป็นตัวการซื้อขายหุ้น เมื่อคดีนี้โจทก์ได้กลับแสดงตนให้ปรากฏว่าตนเป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริงแล้ว นิติกรรมใดๆ เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นดังกล่าวของนายพานทองแท้และ
น.ส.พินทองทาย่อมผูกพันโจทก์ในฐานะตัวการ ดังนั้น เมื่อเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ออกหมายเรียกนายพานทองแท้และน.ส.พินทองทาซึ่งเป็นตัวแทนโจทก์ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์ยื่นรายการ จึงถือได้ว่าออกหมายเรียกโดยชอบด้วยกฎหมายและภายในกำหนดเวลาซึ่งย่อมมีผลผูกพันโจทก์ในฐานะตัวการ เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 มีอำนาจประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโจทก์ได้โดยไม่ต้องออกหมายเรียกโจทก์ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 19 อีก

ประเด็นที่ 3 โจทก์เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร และต้องรับผิดชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือไม่ ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร เห็นว่า เงินได้พึงประเมินตามความหมายในประมวลรัษฎากร มาตรา 39 ไม่ได้หมายถึงเฉพาะเงินได้อันเข้าลักษณะพึงเสียภาษีในหมวดเท่านั้น แต่หมายความรวมตลอดถึงทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงินด้วย เมื่อนายพานทองแท้และน.ส.พินทองทา ซื้อหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) มาจากบริษัทแอมเพิล ริช อินเวสท์เม้นท์ จำกัด ในราคาหุ้นละ 1 บาท รวมกัน 329,200,000 หุ้น ในขณะที่ในวันดังกล่าวหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) มีราคาซื้อขายตามกระดานซื้อขายหุ้นรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หุ้นละ 49.25 บาท และในวันเดียวกันนายพานทองแท้และน.ส.พินทองทาขายหุ้นดังกล่าวให้แก่กลุ่มเทมาเส็กในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในราคาหุ้นละ 49.25 บาท เมื่อไม่มีเหตุผลอันใดที่บริษัทแอมเพิล ริช อินเวสท์เม้นท์ จำกัด จะยอมขายหุ้นให้นายพานทองแท้และน.ส.พินทองทาในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดถึง 40 เท่า พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมถือได้ว่าเงินได้พึงประเมินเกิดขึ้นจากธุรกรรมการขายหุ้นดังกล่าวแล้ว จึงก่อให้เกิดสิทธิแก่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ในการออกหมายเรียกนายพานทองแท้และน.ส.พินทองทามาไต่สวนและประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้น พฤติการณ์ของโจทก์ในฐานะตัวการไม่เปิดเผยชื่อย่อมต้องผูกพันต่อการออกหมายเรียกและการออกหนังสือแจ้งการประเมินภาษีของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 มีสิทธิบังคับโจทก์ผู้เป็นตัวการให้รับผิดในหนี้ภาษีอากรที่นายพานทองแท้และนางสาวพินทองทาในฐานะตัวแทนทำขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820 พยานหลักฐานจำเลยทั้งสี่มีน้ำหนักให้รับฟังมากกว่าพยานหลักฐานโจทก์ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์มีเงินได้พึงประเมินที่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2549 จำนวน 15,883,900,000 บาท เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 มีอำนาจเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ถูกต้องครบถ้วนได้ การประเมินภาษีชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาของจำเลยทั้งสี่ฟังขึ้น

ประเด็นที่ 4 กรณีมีเหตุลดหรืองดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มหรือไม่ ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร เห็นว่าการที่โจทก์ให้บุคคลอื่น รวมถึงนายพานทองแท้และน.ส พินทองทาถือหุ้นแทน เป็นการกระทำที่ขาดคุณธรรมทางภาษีและไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายภาษีอากร ส่งผลให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้องและแน่นอนตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย ทั้งเป็นธุรกรรมที่ไม่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจนอกเหนือจากการหาประโยชน์อื่นรวมถึงภาษีเงินได้ และเป็นธุรกรรมที่ทำขึ้นเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง กรณีจึงไม่มีเหตุงดและลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแก่โจทก์

ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

https://mgronline.com/crime/detail/9680000110077



ทักษิณดีลขายหุ้นชินคอร์ปที่ทั้งประเทศถามว่า ทำไมไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว? สู่การเสียภาษีกว่า 17,600 ล้านบาท ลองย้อนเวลาไปดูเหตุการณ์ทั้งหมดกัน


Thanom Ketem
12 hours ago
·
บทสรุป 19 ปี จากโอนหุ้น 1 บาท
ที่สุดท้ายกลายมาเสียภาษี 17,600 ล้าน
---

จุดเริ่มต้นในปี 2549
ดีลขายหุ้นชินคอร์ปที่ทั้งประเทศถามว่า

ทำไมไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว?
สู่การเสียภาษีกว่า 17,600 ล้านบาท
ลองย้อนเวลาไปดูเหตุการณ์ทั้งหมดกันครับ
---

จุดเริ่มต้นจากการโอนหุ้น 1 บาท

บริษัท Ample Rich (จัดตั้งที่ BVI)
โอนขายหุ้นชินคอร์ปให้บุคคล 2 คน

คือ นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา
ในราคาต่อหุ้น 1 บาทจำนวน 329.2 ล้านหุ้น
ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ 49.25 บาท/หุ้น

คำถามคือทำแบบนั้นเพื่ออะไร?
คำตอบอยู่ในวันที่ 23 มกราคม 2549
---

23 มกราคม 2549

หุ้นที่ทั้ง 2 คนได้รับมาจาก Ample Rich
ถูกขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ในราคา 49.25 บาท

กรณีทั้งหมดนี้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้
เพราะการขายหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์
ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีบุคคลธรรมดา
ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 ข้อ 2(23)

เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามตามมามากมาย
จนทางกรมสรรพากรต้องออกแถลงข่าวยืนยัน
---

กรมสรรพากรยืนยันว่าได้รับยกเว้นภาษี
โดยมีเนื้อหาที่สำคัญ สรุปได้ตามนี้

1. บุคคลธรรมดาซื้อต่ำกว่าตลาด
ไม่ถือเป็นเงินได้ของบุคคลธรรมดา

2. ส่วนการจ่ายเงินค่าหุ้นให้บริษัทในต่างประเทศ
ถ้าเงินที่จ่ายให้นั้นไม่เกินกว่าเงินทุนที่ บ.ขาย
ก็ไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 70

และการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
ไม่ว่าจะได้หุ้นนั้นมาในกรณีใดก็ตาม
ก็จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามปกติ

อ้างอิงได้ตาม
เลข ปชส. 10/2549 และ 13/2549

แน่นอนว่ามีการโต้แย้งตามมาอีกมาก
และเป็นประเด็นการเปลี่ยนแปลงการเมืองไทย

ทำให้หลังจากนั้น
เราได้เห็นอะไรหลายอย่าง

หนึ่งในนั้นคือการประเมินภาษีของสรรพากร
---

ปี 2550 - 2553 ประเมินภาษีครั้งแรก

โดยตอนแรก สรรพากรประเมินภาษี
ไปที่บุตร 2 คน กรณีการขายหุ้นดังกล่าว

แต่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาว่า
การประเมินภาษีแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง

เพราะที่จริงหุ้นเป็นของเจ้าของที่แท้จริง
คือ นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่บุตรทั้ง 2 คน
จึงต้องประเมินให้ถูกคน และถูกกรอบของกฎหมาย

ผลของคำพิพากษานี้
ทำให้การประเมินภาษีต่อบุตรทั้งสอง
ถูก "เพิกถอน" ไปในที่สุด

แต่เรื่องยังไม่จบแค่นี้
เพราะเมื่อรู้ว่าภาระภาษีที่แท้จริง
นั้นต้องเป็นของตัวการ ไม่ใช่ตัวแทน

ทำให้เกิดการประเมินภาษีอีกครั้ง
ก่อนหมดอายุความเพียง 3 วัน
---

28 มีนาคม 2560

ก่อนหมดอายุความ 3 วัน
สรรพากรส่งหนังสือประเมินภาษีไปที่ตัวการ

นั่นคือ นายทักษิณ ชินวัตร
เรียกเก็บภาษีจำนวน 17,600 ล้านบาท
---

ภาษี 17,600 ล้านบาทมาจากไหน

"เงินได้ทีต้องเสียภาษี" คิดจาก "ส่วนต่าง" ราคาหุ้น
ที่ Ample Rich ขายให้บุตร (ตัวแทน) ในราคาถูกเกินจริง

ส่วนต่างราคา: 49.25 (ราคาตลาด) - 1.00 (ราคาพาร์)
= 48.25 บาท/หุ้น จำนวนหุ้น: 329.2 ล้านหุ้น
รวมเป็นเงินได้ราว ๆ 15,900 ล้านบาท

คำนวณภาษีที่ต้องจ่าย

คำนวณตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
แบบก้าวหน้า (ปี 2549 ฐานสูงสุด 37%)
ตัวภาษีที่คิดได้จากเงินได้สุทธิ ประมาณ 5,870 ล้านบาท

คำนวณเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม

เนื่องจากผ่านมา 10 ปีแล้ว (2549-2560)
กฎหมายกำหนดบทลงโทษไว้ตามนี้

เบี้ยปรับ 1 เท่า ประมาณ 5,870 ล้านบาท
เงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน สูงสุดไม่เกินภาษี
คิดเป็นเงินประมาณ 5,870 ล้านบาท

รวมทั้งหมด ประมาณ 17,600 ล้านบาท

นี่คือที่มาของภาษีที่ต้องจ่ายทั้งหมด
แต่ก็ยังไม่ต้องจ่ายทันที ณ ตอนนั้น
เนื่องจากต่อสู้กันต่อในชั้นศาล
---

จากการประเมินดังกล่าวสู่ชั้นศาล
นำไปสู่การต่อสู้ทางกฎหมายที่ยาวนาน

ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงวันนี้
การต่อสู้ทีผ่านมาทั้งสองศาล

ทั้งศาลภาษีอากรกลาง (2565)
และ ศาลอุทธรณ์ (2566) ยกฟ้อง
เนื่องจากขั้นตอนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นั่นคือ ไม่ได้ออกหมายเรียกตรวจสอบ
ตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฏากร
ซึ่งต้องออกภายใน 5 ปีตามกฎหมาย
ไม่ใช่มาประเมินในปีที่ 10 โดยไม่มีหมายเรียก

ตอนแรกเรื่องเหมือนจะจบแค่นี้
แต่ต่อมากรมสรรพากรยื่นฎีกาต่อศาลฎีกา

จนมาถึงวันนี้
---

17 พฤศจิกายน 2568
ศาลฎีกาพิพากษา “กลับ”
ให้การประเมินภาษีมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย

นี่เป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจในหลายประเด็น

1. เป็นเจตนาการปกปิดการถือหุ้น
โดยใช้บุตรและบุคคลอื่นเป็น "นอมินี" ถือหุ้นแทน

2. ไม่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจรองรับ
นอกเหนือจากการหาประโยชน์อื่น รวมถึงประโยชน์ทางภาษี

3.ขาดคุณธรรมทางภาษี
และไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายภาษีอากร

4. ธุรกรรมทั้งหมดนี้ถือว่า
มิชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง

ดังนั้นจึงให้กรมสรรพากรประเมินภาษีตามเดิม
และไม่มีเหตุงดและลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม

ในมุมของคนทำงานด้านภาษี
ผมเห็นความน่าสนใจของการพลิกคำตัดสิน
---

เรามองเห็นอะไรจากเรื่องนี้บ้าง ?

1. เรื่อง เจตนา มากกว่า รูปแบบ
กฎหมายภาษีควรให้ความสำคัญกับ
“ความจริงทางเศรษฐกิจ”มากกว่าเอกสารธุรกรรม

2. การที่ศาลไม่เชื่อว่าการโอนหุ้น 1 บาท
มีเหตุผลทางเศรษฐกิจ (หรือมีประโยชน์ใดๆ)

เมื่อไม่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจ
แปลว่าเป็นธุรกรรมเพื่อประโยชน์ทางภาษี

3. ขาดคุณธรรมทางภาษี คำนี้ได้ยินครั้งแรก
แต่ก็น่าสนใจว่าจะถูกใช้เป็นบรรทัดฐานได้อย่างไรต่อไป

เพราะคำว่า คุณธรรม สามารถจะวัดผลในแง่ไหนได้บ้าง
สิ่งนี้คงต้องติดตามดูกันต่อไปในอนาคต

แต่ก็ต้องยอมรับว่าคำตัดสินนี้
ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
---

ทั้งหมดนี้คือ “บันทึกความเข้าใจ”
จากมุมมองของคนทำงานสายภาษีคนหนึ่ง

ไม่ได้เขียนเพื่อบอกว่า
คำตัดสิน “ถูก” หรือ “ผิด” ทางการเมือง

แต่เพื่อชี้ให้เห็นว่า…

ครั้งหนึ่ง ประเทศไทยเคยมีดีลขายหุ้น 73,000 ล้าน
ที่ไม่เสียภาษีเลยแม้แต่บาทเดียว

และอีกเกือบ 20 ปีต่อมา
ดีลเดียวกันนี้ ถูกประเมินภาษีกลับมาที่ 17,600 ล้าน

คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของ “คน ๆ เดียว”
แต่มันคือกรณีศึกษาว่าการต่อสู้ทางกฎหมาย
และมันเปลี่ยนได้ตาม "ความคิด" ของคน

ขอบคุณครับ
.....

Thanom Ketem
ผมเขียนบันทึกทั้งหมดนี้จากการรวบรวมข้อมูลในช่วงเวลาที่ผ่านมา และความเข้าใจที่มีในข่าวทางด้านภาษีด้วยตัวเอง โดยไม่ได้มีจุดประสงค์เกี่ยวกับแนวคิดทางการเมืองใด ๆ ต้องการเพียงบันทึกให้ตัวเองเห็นว่า ช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงและตีความกฎหมายนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ เพราะกฎหมายเขียนขึ้นและบังคับใช้โดยมนุษย์ด้วยกัน
หวังว่าจะมีประโยชน์ในการอ่านนะครับ
..
ขออธิบายเพิ่มเติมอีกสักนิดนะครับ ว่าทุกท่านสามารถมีความเห็นต่อเรื่องนี้ได้อย่างอิสระครับ เพียงแต่ผมคงไม่ตอบคอมเม้นหรือแสดงความเห็นใด ๆ เพื่ออธิบายสิ่งที่ผมคิดกับพวกท่านครับ
จุดประสงค์แค่เขียนเพื่ออธิบายความเข้าใจเรื่องภาษี และเรียบเรียงไว้ในการทำเนื้อหาแบบละเอียดในช่องของตัวเองเท่านั้น
ถ้าตรงไหนตกหล่น หรือ ผิดพลาดไปต้องขออภัยด้วยครับผม

https://www.facebook.com/photo/?fbid=10162500690193450&set=a.284039943449