Nut Kun นัทคุง8 hours ago
·
หลังจากผลเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็เห็นได้ชัดว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democratic Party - LDP) พรรครัฐบาลแทบจะตลอดกาลของญี่ปุ่น เสื่อมความนิยมลงไปเรื่อยๆ และไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
ผมเลยอยากจะสรุปหน่อยว่า ทำไมพรรคที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ถึงค่อยๆ ตกต่ำลงเรื่อยๆ
ก่อนอื่น ต้องเล่าก่อนว่า พรรค LDP คือพรรคที่เป็นรัฐบาลญี่ปุ่นหลังจบสงครามโลกครั้งที่สองมาโดยตลอด โดยมีพรรค Japan New Party ชนะขึ้นมาเป็นรัฐบาลช่วงปี 1993-1994 และ DPJ (Democratic Party of Japan ในตอนนั้น) เป็นรัฐบาลปี 2009-2012 เท่านั้น
นอกนั้น เป็นรัฐบาลยาวๆ ครับ
เหตุผลหลักๆ ที่เป็นรัฐบาลได้นานขนาดนั้น ก็เพราะตั้งแต่สงครามโลกจบลง และอเมริกาเข้ามาควบคุมญี่ปุ่น ก็ต้องการพรรคการเมืองที่แข็งแรงพอที่จะสู้กับกระแสคอมมิวนิสต์ได้ ดังนั้น CIA จึงให้การสนับสนุนพรรค LDP เป็นรัฐบาลที่แข็งแรง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายประเทศในยุคนั้นครับ
อีกสาเหตุคือ ฐานเสียงหลักคือเกษตรกรในต่างจังหวัด เพราะพรรค LDP เป็นศูนย์รวมนักการเมืองหลายกลุ่ม มารวมตัวกันเพื่อเป็นรัฐบาล ดังนั้นจึงดูแลฐานเสียงเกษตรกรในพื้นที่ตัวเองเป็นอย่างดี ด้วยการให้งบสนับสนุนลงพื้นที่ตัวเองเต็มที่
ขนาดที่เพื่อนผมที่มาจากต่างจังหวัดถึงพูดชัดๆ ว่า "บ้านนอก ถ้าไม่เลือก LDP ก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง"
และที่สำคัญคือ พรรคก็มีผลงานสำคัญในการผลักดันญี่ปุ่น สร้างผลงานฟื้นฟูประเทศจนเป็นประเทศที่กลับมายิ่งใหญ่ เศรษฐกิจรุ่งเรืองได้
กลายเป็นภาพความทรงจำความสำเร็จในยุคโชวะ ว่าประเทศญี่ปุ่นรุ่งเรืองแค่ไหน ก่อนที่จะจบลงกับฟองสบู่ที่แตกในปี 1989
แต่ภาพจำนี่มันก็มีอิทธิพลต่อความทรงจำของคนไม่น้อยครับ ทำให้คนก็ติดกับการเลือก LDP มาโดยตลอด
พรรคกลายเป็นรัฐบาลตลอดกาล ทำให้คนรุ่นใหม่ สนใจการเมืองน้อยลงเรื่อยๆ เพราะพรรค LDP ก็เหมามาตลอด เลือกไปก็ไม่ได้อะไร ได้แต่รัฐบาลเดิมๆ กลายเป็นความเนือยนายต่อการเมือง
ยิ่งสองช่วงเวลาที่ LDP ไม่ได้เป็นรัฐบาล ผลงานของรัฐบาลทั้งสองพรรคในช่วงนั้น ก็เรียกได้ว่า ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเท่าไหร่ จนสุดท้ายคนก็มองว่า
"LDP ห่วยแค่ไหน ก็ยังดีกว่าพรรคอื่นที่ไม่มีประสบการณ์"
คนก็เลยเลือกพรรคมาเรื่อยๆ แต่พรรคก็เป็นกลุ่มก้อน แบ่งพรรคแบ่งพวกในพรรคเอง เพราะอย่างที่บอกไปว่าเป็นการรวมตัวของนักการเมืองมาต่อรองอำนาจกันเองในพรรค
พูดง่ายๆ ก็เหมือนกับรวมตัวกัน คว้าอำนาจมาให้ได้ แล้วค่อยต่อรองกันในพรรคว่าใครจะได้ตำแหน่งอะไรบ้าง
ไม่แปลกที่ญี่ปุ่นเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีบ่อย เพราะมาจาการต่อรองกันในพรรคนี่แหละครับ
ทีนี้ ช่วงเศรษฐกิจดีๆ คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ตั้งแต่ฟองสบู่แตกมาก พรรค LDP เองก็ง่อนแง่นไม่น้อย
มีช่วงเวลาที่ดูดีมีความหวังสองช่วงคือ ยุคนายก โคอิซุมิ จุนอิจิโร่ ที่ญี่ปุ่นดูจะผงาดกลับมาได้บ้าง รัฐบาลมั่นคง ตัวนายกมี charisma พอ เศรษฐกิจก็จัดว่าดี ค่าเงินแข็งเอาเรื่อง
อีกช่วงก็ยุค อาเบะ ชินโซ ที่กลับมาเป็นนายกฯ หลังจากเคยรับตำแหน่งช่วงสั้นๆ แล้วผลงานไม่ดีจนลาออกแบบเงียบๆ ตอนรักษาตัว แต่กลับมาพา LDP ยึดอำนาจคืนจาก DPJ ที่ได้บริหาร 3 ปี แล้วเหมือนจะดีแต่สุดท้ายก็จืดๆ
ทั้งสองช่วง อาศัย Charisma ของตัวนายกฯ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจดูมีความหวัง
แต่พอไม่ใช่สองคนนี้ คนทั่วไปก็ อืมๆ เออๆ เดี๋ยวก็เปลี่ยนนายกอีกแหละมั้ง
ความเฉยชา และความไม่พอใจผลงานของ LDP มีมาเรื่อยๆ นั่นแหละครับ แต่ที่ผ่านมา เพราะพรรคแทบจะเหมาอำนาจมาตลอด เลยสร้างฐานอำนาจไว้ได้ดี และสร้างบรรยากาศว่า ก็ปล่อยให้ LDP จัดการไปเถอะ ยังดีกว่าพรรคอื่น
สุดท้ายเลยอยู่มาเรื่อยๆ แบบไม่ได้คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรมาก โดยลืมไปว่า โลกมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ และความไม่พอใจของคนก็มีจุดจำกัด
พรรคการเมืองใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นเรื่อยๆ และก็มีวิธีสื่อสารใหม่ๆ ไม่ใช่การสื่อสารแบบทางเดียว เช่น โทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ แบบเดิม แต่พรรคการเมืองใหม่ๆ ก็รู้จักเล่นกับสื่อต่างๆ มากขึ้น สร้างกระแสได้มากขึ้น
ไม่แปลกที่ LDP จะถูกพรรคอื่นแซงหน้าในหมู่คนรุ่นใหม่ครับ
ทีนี้ ถ้ามองในการเลือกตั้งทั้งสภาสูง และสภาล่างครั้งล่าสุด สาเหตุที่ความนิยมตกต่ำลง คงต้องโฟกัสไปที่ประเด็นเหล่านี้ครับ
1. เรื่องอื้อฉาวทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องการเงิน
ตรงนี้ก็ต้องย้อนไปเรื่อง กองทุนลับ (Slush Fund) ที่เป็นข่าวช่วงปี 2023 ว่าพรรคจัดงานเลี้ยงระดมทุนทางการเมือง แต่มีเงินรายรับ ที่ไม่ได้รายงานถึง 600 ล้านเยน ที่พรรคเก็บไว้เป็นกองทุนลับ เอาไว้ทำกิจกรรมต่างๆ นี่ก็แย่แล้ว
แล้วตัวนักการเมืองของพรรค เวลาจัดงานเลี้ยงระดมทุน ก็จะมีโควต้าว่า ต้องระดมทุนเข้าพรรคให้ได้เท่าไหร่ แต่ถ้าหาได้เกินโควต้า ก็เข้ากระเป๋าตัวเองได้
นี่ก็เป็นปัญหาเรื่องศีลธรรมและความถูกต้องในการดำเนินงาน แต่ที่สำคัญคือ นักการเมืองที่มีเรื่องอื้อฉาวเหล่านี้ คือนักการเมืองสายอาเบะ ชินโซ ส่งผลให้นายกฯ คิชิดะ ฟุมิโอะ ต้องรับผิดชอบออกจากตำแหน่ง แต่กรณีนี้ก็สร้างความเสียหายเรื่องภาพลักษณ์ให้กับพรรคไม่น้อย
นอกจากนี้ยังมีข่าวอื้อฉาวต่างๆ เช่นเรื่องการคบชู้ของนักการเมือง ที่ทำให้คนรู้สึกว่า เข้าไปทำงานหรือหาคู่ เพราะขนาด สส. ที่โปรโมทเรื่องการเป็นคุณพ่อที่ช่วยภรรยาเลี้ยงลูก สุดท้ายก็ความแตกว่าไปมีชู้ระหว่างภรรยารอคลอดอยู่ครับ เฮ้อ ไอ้พวกไม่รักเมียไม่ได้ดีหรอก
รวมไปถึงงานเลี้ยงของพรรค ที่มีการจ้างนักเต้นเปลื่องผ้ามาแสดง พอความแตก คนก็แบบ เอาเงินกูไปทำอะไร นั่นแหละครับ
จริงๆ ถ้า อาเบะ ชินโซ ไม่โดนเป่าไปก่อน ก็น่าจะโดนสอบสวนหลายคดีอยู่ครับ เพราะนอกจากเรื่องที่ดินแล้ว ก็มีเรื่องการใช้งบจัดงานต่างๆ แต่พอดี โดนลอบสังหารไปก่อน เลยดูคลีนอยู่ แถมญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยจี้ต่อด้วย
อีกเรื่องที่ขาดไม่ได้คือ เรื่องความสัมพันธ์กับลัทธิ ที่เป็นเรื่องเป็นราว เพราะอาเบะโดนลอบสังหารจากความแค้นของผู้ได้รับผลกระทบจากลัทธินี่แหละครับ จนคนก็สงสัยไม่น้อยว่า พรรคเกี่ยวข้องกับลัทธินี้แค่ไหน
พูดง่ายๆ คือ เรื่องความอื้อฉาวต่างๆ มันสั่งสมมานานแล้ว สร้างความไม่พอใจกับคนทั่วไปมาเรื่อยๆ ครับ
2. เศรษฐกิจ
เรื่องใหญ่ตอนนี้คือ เงินเฟ้อครับ จากที่ญี่ปุ่นเงินฝืดมาตลอด พอมีเงินเฟ้อบ้าง ช่วงแรกๆ ก็ดีใจว่า เออ มันควรเป็นแบบนี้แหละ มีเงินเฟ้อหน่อย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินเดือนก็ต้องเพิ่มตาม วนเป็นลูปที่เหมาะสม
แต่ปัญหาคือ เงินเฟ้อแม่งไปไวกว่าเงินเดือนครับ ที่สำคัญ เจน Y ของญี่ปุ่น ที่เป็นกลุ่มที่ผ่านยุคน้ำแข็งของการหางานในช่วงยุคื 2000 กลางๆ แล้วเจอปัญหาเศรษฐกิจปี 2008 อีก พวกนี้ฐานเงินเดือนคือต่ำกว่าเด็กรุ่นหลัง ดังนั้นก็ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อรอบนี้เยอะ
แล้วสินค้าต่างๆ ก็แพงแบบสัมผัสได้ คือสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเจอเงินเยนอ่อนปวกเปียก ก็บอก ถูกไปหมด แต่สำหรับคนที่นี่แล้ว ของใช้ในชีวิตประจำวัน แพงแบบสัมผัสได้ โดยเฉพาะของกิน ไข่ก็แพงขึ้น ผักอะไรก็แพงครับ
แต่ที่หนักสุดคือ ราคาข้าวสาร ที่แพงขึ้นเรื่อยๆ แถมยังขาดแคลน ต้องแย่งกันอีก กลายเป็นจุดตายอีกจุด
เรื่องนี้คือ รัฐบาลก็กลืนไม่เข้า คลายไม่ออก เพราะทรัมป์ก็อยากเซ็นสัญญาความร่วมมือกับญี่ปุ่น โดนให้ลดภาษีข้าว ญี่ปุ่นจะได้นำเข้าข้าวจากอเมริกา แต่รัฐบาลก็ไม่อยาก เพราะจะมีผลกระทบกับฐานเสียงชาวนาของตัวเอง
จริงๆ ผมว่าตอนนี้กำลังการผลิตข้าวในประเทศญี่ปุ่นก็แทบไม่พอเลี้ยงคนอยู่แล้ว ลดกำแพงภาษีข้าวต่างประเทศ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาให้กับผู้บริโภค ส่วนข้าวญี่ปุ่นก็ทำให้เป็นแบรนด์ของเกรดดีไป น่าจะวินๆ ทั้งคู่ เพราะคนเปย์ได้ก็อยากกินข้าวญี่ปุ่นผลิตในประเทศอยู่แล้วครับ (ผมก็ชอบ แฮ่ บ้านเมียปลูกเองด้วย)
แต่ก็นั่นแหละครับ ของแพงแบบคนสัมผัสได้ ใครมันจะพอใจรัฐบาลล่ะครับ แล้วช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เวลามีเลือกตั้ง พรรครัฐบาลส่วนใหญ่ก็ลำบากอยู่แล้วครับ (แบบแคนาดานี่ ถ้าไม่มีทรัมป์ พรรครัฐบาบแพ้แน่ๆ แต่พอทรัมป์มา เขาไม่พอใจพรรคฝ่ายค้านที่สนิทกับทรัมป์ กลายเป็นพรรครัฐบาลพลิกกลับมาชนะเสย)
3. การเปลี่ยนแปลงของประชากรและโครงสร้างสังคม และการสื่อสาร
จากที่เคยอาศัยฐานเสียงในชนบท ผ่านระบบอุปถัมภ์และการจัดงบประมาณให้ แต่ในปัจจุบัน ประชากรชนบทก็ลดลงเรื่อยๆ ขนาดที่บางเทศบาลต้องยุบตัวไปรวมกับเทศบาลอื่นเพราะบริหารไม่ไหว เกษตกรลดลง ส่งผลต่อฐานเสียง แล้วคนรุ่นใหม่ที่โตมา ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรับผลประโยชน์จากพรรคโดยตรง เลยหันไปสนการเสนอประเด็นทางการเมืองเป็นประเด็นมากกว่า
ซึ่งพรรคดูจะไม่เข้าใจตรงนี้และยังพยายามสื่อสารกับประชาชนด้วยวิธีการเดิมๆ ในขณะที่พรรคหน้าใหม่เล่นกับสือใหม่ได้รวดเร็วฉับไวมากกว่า (ดีไม่ดีว่ากันอีกเรื่อง) ทำให้สามารถกระตุ้นความสนใจจากคะแนนเสียงใหม่ๆ ได้ดีกว่านั่นเอง
4. ปัญหาคนต่างชาติ
ต่อให้ผมไม่เห็นด้วยกับแนวทางของพรรค ซังเซโท เรื่องการกีดกันชาวต่างชาติ แต่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมคนไม่พอใจ เพราะตอนนี้ญี่ปุ่นกำลังช๊อคจากการแห่เข้ามาของชาวต่างชาติ ไม่ว่าไปที่ไหนก็เจอนักท่องเที่ยว จนทำให้คนท้องถิ่นลำบากไม่น้อย (เคยเขียนเรื่องนี้ไปแล้ว)
รวมถึงปัญหาจีนเทา ที่เข้ามาทำธุรกิจแบบไม่เห็นหัวคนในท้องถิ่น โดยเฉพาะ AirBNB นี่แหละครับ ที่โอซาก้าก็เห็นว่าโดนยึดไปไม่น้อย รวมไปถึงหมู่บ้านโอลิมปิกด้วย ถ้าไม่จัดการก็มีแต่จะเละครับ
อีกกลุ่มที่ดูมีปัญหาอยู่คือ กลุ่มที่เข้ามาด้วยวีซ่า ฝึกงาน ของทางรัฐ ที่กลายเป็นการใช้แรงงานแบบโหด จนมีคนหนีวีซ่าอยู่ต่อ แต่ปัญหานี้ก็เกิดจากนโยบายรับคน "ฝึกงาน" แต่เป้าหมายจริงๆ คือต้องการแรงงานราคาถูกระยะสั้น ที่เสนอโดยพรรค LDP เอง และบริษัทที่รับจัดการเรื่องการหาคนและทำวีซ่า ส่วนใหญ่ก็มีสายสัมพันธ์กับพรรค ไม่ก็เป็นบริษัทของอดีต สส. ของพรรคเอง
ส่วนชาติอื่นๆ นีผมว่ายังไม่ได้เป็นปัญหาอะไรระดับที่ตีประเด็นขึ้นมา แต่ส่วนนึงก็มาจากความรู้สึกเหยียดคนต่างชาติต่างวัฒนธรรมอยู่แล้ว แต่ก็นั่นแหละครับ พรรคที่หาเสียงเรื่องนี้ก็เล่นแต่เรื่องง่ายๆ เร้าอารมณ์ได้ดี แต่เจองานยากจริงก็เงียบๆ เหมือนเดิม
แต่ ทั้งนักท่องเที่ยวเยอะ เพราะเยนอ่อน ก็เป็นหนึ่งในแนวทางลูกศรเศรษฐกิจ 3 ดอกของอาเบะ การรับคนต่างชาติมาฝึกงาน ก็ของ LDP แล้วจะปัดความรับผิดชอบไปที่อื่นได้ไงล่ะครับ
5. ตัวผู้นำที่เปลี่ยนไปมาบนความไม่มั่นคงทางการเมือง และรอยร้าวภายในพรรค
จากที่เขียนไปก่อนหน้าว่า ชาวญี่ปุ่นออกจะติดกับตัวบุคคลมากเหมือนกัน และใครมีอิมเมจดุดัน กล้าพูด กล้าท้าชน ก็ดูจะได้รับคะแนนความนิยมดี (แต่ก็ต้องมีวาทศิลป์ระดับนึง ไม่งั้นขวาแบบ อาโซะ ทาโร่ คงได้รับความนิยมกว่านี้) แต่พออาเบะออกจากตำแหน่ง ทั้งสุกะ โยชิฮิเดะ ทั้งคิชิดะ ฟุมิโอะ ก็ไม่มีท่าทางแบบนั้นเลย กลับดูจืดๆ อยู่ไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นปลัดประเทศเสียมากกว่า พอเจอเรื่องงบลับ เลยต้องออกจากตำแหน่ง
ซึ่งจากการเลือกภายในพรรค ในที่สุดตำแหน่งก็เป็นของ อิชิบะ ชิเกรุ ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนนอกของพรรค เพราะวิจารณ์พรรคมาตลอด และท้าชนกับอาเบะมาเรื่อยๆ แต่เพราะไม่มีเสียงสนับสนุน ทำให้ไม่ได้โอกาสเสียที
คาดว่าสมาชิกพรรคน่าจะตัดสินใจหนุนอิชิบะ เพราะต้องการเปลี่ยนแนวทางบ้าง รวมไปถึงการที่สายอาเบะและคิชิดะเกี่ยวข้องกับเรื่องงบลับ จะเลือกขึ้นมาตอนนี้ก็คงไม่เหมาะ
แต่ก็กลายเป็นรอยร้าวใหญ่ภายในพรรค อาโซะถึงกับไม่เผาผีกับคิชิดะที่หันไปสนับสนุนอิชิดะ แทนคนในสังกัดตัวเองอย่างทาคาอิจิ ซานาเอะ ที่ขวาสมกับมาสายอาเบะ
นอกจากนี้ ในการเตรียมเลือกตั้ง สส. รอบก่อน อิชิบะตัดสินใจไม่ส่งนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับกรณีเงินลับลงสมัคร แต่ไม่ห้ามถ้าอยากจะสมัครแบบอิสระ กลายเป็นตัดคะแนนกันเอง หรือไม่ก็หัวของฝ่ายนึง ไปให้การสนับสนุนเด็กตัวเองลงแบบอิสระ แทนที่จะสนับสนุนคนที่ลงในนามพรรค กลายเป็นรอยร้าวในพรรค
ส่วนนึงผมก็เห็นใจอิชิบะ เพราะมารับหน้าที่ในช่วงที่พรรคจัดว่าเละไปเยอะแล้ว กลายมาเป็นหนังหน้าไฟ พรรคไม่มีอำนาจเหมือนเก่า แล้วยังเสียงแตกในพรรคอีก คือหลายๆ เรื่องที่เขียนมานี่ตัวอิชิบะไม่เกี่ยวด้วยครับ
ขอสรุปลงท้ายว่า ที่มาของความเสื่อมมันไม่ได้มีสาเหตุเดียว แต่มาจากหลายๆ เรื่องครับ และพรรคก็เป็นแชมป์มานาน จนชะล่าใจ แล้วอุ้ยอ้ายเกิน กว่าจะปรับตัวอะไรได้ คู่แข่งก็ฟิตมาเต็มที่แล้ว
ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้ จะเป็น Wake Up Call ให้พรรคหาทางแก้ปัญหา หรือจะทำเหมือนเดิมคือ โทษกันไปมา แล้วเลื่อยขาเก้าอี้กัน แล้วสาละวันเตี้ยลงเรื่อยๆ สนิมเกิดแต่เนื้อในตน อ่ะครับ
ระหว่างที่เขียนนี่ ก็เห็นข่าวด่วนว่า อิชิบะ จะลงจากตำแหน่ง ผมก็ได้แต่ เฮ้อ ว่า กูต้องเขียนเพิ่มอีกแล้วเหรอ ก็อย่างที่บอกว่าสงสารแกอยู่ครับ (ถ้าเป็นคิชิดะหรือสุกะผมอาจจะขำ 55) เดี๋ยวรอบหน้าค่อยดูว่า แล้วใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคและนายกฯ คนต่อไป แต่ดูทรงแล้ว ไม่ว่าจะไปทางไหน ก็เจ็บทั้งสองทางอ่ะครับ
ใครอยากอ่านต่อก็ช่วยแชร์ช่วยคอมเมนต์หน่อยล่ะครับ กราบงามๆ
*Edited เขียนเสร็จ อัพขึ้นเพจ ตั้งเวลา มาอ่านข่าวเพิ่ม อ่าว ยังไม่ลาออกนะครับ Mainichi Shinbun เขาล้ำหน้าครับ รายงานไปก่อน อย่างที่ผมเขียนในโพสก่อนหน้า
เดี๋ยวเอาโพสเบาๆ บ้าง เขียนคอนเทนต์แบบนี้ เล่นเอาหมดพลังไปเยอะครับ
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1300716498082561&set=a.212460006908221