วันเสาร์, พฤศจิกายน 30, 2567

ประเทศไตแลนเดียไล่ทันศตวรรษที่ ๒๑ แล้วเนี่ย ผลิต ‘บุดด้าแฮนด์ซั่ม’ ไม่มีปลุกเสก ๓ สีให้เลือก แต่แค่ร้อยชิ้น “คนแห่จองยอดทะลัก” ไปแล้ว

โอ่ว ประเทศไตแลนเดียไล่ทันศตวรรษที่ ๒๑ แล้วเนี่ย เดี๋ยวนี้มี พุทธศิลป์ ให้เห็นเป็นประจักษ์ เพจ TOY CNX ของเล่นเชียงใหม่ โพสต์ “ขอเสียงคนที่ยังต้องการ” แต่ว่าไม่ใช่เป็นการจองนะครับ อยากทราบว่าควรผลิตเพิ่มไหม

“บอกเหตุผลหน่อยครับ ว่าทำไมถึงชอบ (และอยากให้ผลิตอีก) เพื่อแอดมินส่งข้อมูลไปให้ศิลปินผู้รังสรรค์ผลงานได้ใช้พิจารณา”

ที่ทำออกมาแล้วจำกัดแค่ ๑๐๐ ชิ้น ให้ชื่อไทยว่า พระพุทธแฮนด์ซั่ม ชื่ออังกฤษ ‘The Buddha of Power’ เห็นว่านับแต่เปิดให้ pre order เมื่อ ๒๙ พฤศจิกา บอกว่า “ไม่มีปลุกเสก ขายงานดิบลงสี”

มีให้เลือก ๓ สี สีขาว สีดำ และสีทอง (เพิ่งเพิ่มใหม่ล่าสุด) ราคาปกติ ๑,๕๐๐ บาท คนที่สั่งล่วงหน้าจ่ายแค่ ๑,๓๐๐ ถือเป็นศิลป์ร่วมสมัย โมเดลแรร์ “คนแห่จองยอดทะลัก” ไปแล้ว

(https://www.nationtv.tv/news/social-news/378952197=XoxHydQznfgg) 

น้ำท่วมใต้ใหญ่มาก แต่ก็ไม่วายมีข่าวสวนอารมณ์ชาวบ้านจนได้ ส.ส.สงขลาพรรค ปชป.จัดงานวันเกิดมเหาฬาร มีฟ้อนบาสโล๊บใช้นางรำกว่าพันคน

น้ำท่วมใต้ปีนี้ใหญ่มาก จากยะลา นราธิวาส ขึ้นมาถึงสงขลา ทั้งหาดใหญ่และจะนะพากันอ่วมอีก หน่วยงานราชการแทบทุกกระทรวง แม้กระทั่งบรรษัทเอกชนบางแห่ง จัดของลงพื้นที่ช่วยเหลือกันจ้าละหวั่น แต่ไม่วายมีข่าว ‘Antithesis’ จนได้

ข่าวฝืนอารมณ์รายนี้เกิดจาก ส.ส.ท้องที่คนหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ จัดงานวันเกิดมเหาฬาร สวนกับสภาวะการณ์เป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ายันดึกถึงตีสอง เพียบทั้งพิธีกรรมและบันเทิง โดยเฉพาะการฟ้อนบาสโล๊บของนางรำกว่าพันคน

นอกจากพิธีสงฆ์แล้วก็มีเรียงหน้าปราศรัย นักการเมือง ปชป.จากทั่วประเทศแห่ไปร่วมคับคั่ง แล้วยังมีเพื่อน ส.ส.ต่างพรรค อย่างครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ของพรรคเพื่อไทย อุตส่าห์เหินไกลกว่า ๑,๒๐๐ ก.ม.เพื่อไปอวยพร

ในรอบค่ำนั้นนอกจากการแสดงบนเวทีแล้ว มีการบินโดรนแปรอักษรอวยพรวันเกิดแก่ ส.ส. โกถึกสมยศ พลายด้วง บนท้องฟ้าวิจิตรตระการตา มีคนเอาภาพบรรยากาศงานจาก ข่าวเด่นเย็นนี้ ไปเปรียบเทียบกับสภาพน้ำท่วมหลังโรงพยาบาลสงขลา

ว่าเป็นรูปแห่งความเจ็บปวดของชาวบ้าน อย่างไรก็ดีถึกดูเหมือนจะรู้ตัวอยู่บ้าง ขึ้นปราศรัยก่อนปิดงานว่าเตรียมการออกช่วยผู้ประสพอุทกภัยไว้แล้ว แต่พอดีฝนเทลงมา เสร็จงานแล้วจะออกช่วยชาวบ้านเลยทันที

(https://x.com/lo6dfu8jt/status/1862469023080096015 และ https://x.com/skongki2000/status/1862467345614348442) 

ไม่ทันตั้งตัว! ยะลา จมบาดาล หนักสุดในรอบ 36 ปี

https://www.facebook.com/ejan2016/videos/1260444088332245

อีจัน
1d ·

ไม่ทันตั้งตัว! ยะลา จมบาดาล หนักสุดในรอบ 36 ปี


การพยายามเปลี่ยนชื่อจาก”สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด”เป็น”สำนักงานท้องถิ่นจังหวัด” ดูเผินๆเหมือนจะไม่มีอะไร แต่การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ส่อเจตนาของนายอนุทิน ที่จะทำให้ อปท.ทั่วประเทศ ทำงานในลักษณะเดียวกับส่วนภูมิภาค คือรับนโยบายจาก มท.มาขับเคลื่อน #ยุติรัฐราชการรวมศูนย์


กระทรวงมหาดไทย PR
2d ·

“อนุทิน” นั่งหัวโต๊ะ ประชุม คกก.โครงสร้าง มท. จัดตั้ง กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น รองรับบทบาท สถ. ส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุข
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้ (27 พ.ย. 67) เวลา 09.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาโครงสร้างระบบราชการของกระทรวงมหาดไทย ครั้งที่ 1/2567 โดยมีผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุมราชสีห์ ชั้น 2 อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย
สำหรับสาระสำคัญของการประชุมวันนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบจัดตั้ง "กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น" เพื่อรองรับบทบาทและภารกิจของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ในการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานการบริหารจัดการบริการสาธารณะด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ได้เห็นชอบเปลี่ยนชื่อ “สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด” เป็น “สำนักงานท้องถิ่นจังหวัด” ทั้ง 76 จังหวัด โดยมีอัตราตำแหน่งตามโครงสร้างที่มีอยู่เดิม ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการแบ่งส่วนราชการใน สถ. ต่อไป
กองสารนิเทศ สป.มท
ครั้งที่ 1,967/2567
วันที่ 27 พ.ย. 2567
.....

บรรณ แก้วฉ่ำ
1d ·

......ตั้งกองเพิ่มในกรม และเปลี่ยนชื่อท้องถิ่นจังหวัด..ผมมีข้อสังเกต ๔ ประเด็น
------------------------
.....๑. การตั้ง "กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น" เพิ่มขึ้นมาแล้ว เจ้าหน้าที่กรมฯ ในสังกัดกองดังกล่าว จะมาช่วยงานของ อปท.ที่ขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณสุข ได้กี่แห่ง..แก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณสุขของ อปท.ได้หรือเปล่า โดยเฉพาะปัญหาถ่ายโอน รพ.สต.ให้ อบจ.ที่จัดสรรงบไม่เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกระจายอำนาจฯ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ในช่วงที่นายอนุทิน เป็น รมว.สาธารณสุข ..กองใหม่นี้ จะแสดงบทบาทหน้าที่แก้ปัญหาเรื่องเงิน กับเรื่องคน ที่ไม่เพียงพอได้อย่างไร
.....๒. ชื่อเดิม "สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด" เป็นชื่อที่แสดงถึงบทบาทในการส่งเสริมให้ท้องถิ่นทำงาน ไม่ได้มาทำงานท้องถิ่นเอง ซึ่ง สอดคล้องกับหน้าที่ ช่วยผู้ว่ากำกับดูแลท้องถิ่นอยู่แล้ว
.....แต่การเปลี่ยนชื่อ เป็น "สำนักงานท้องถิ่นจังหวัด" ต้องการจะทำหน้าที่เป็น "หน่วยงานธุรการ" ให้กับ อปท.ในเขตจังหวัด ใช่หรือไม่....ต่อไป..อปท.ทั่วประเทศ ก็รอดูกันว่า จะเป็นธุรการให้ แก่ อปท.ในเขตจังหวัด หรือยังคงแสดงบทบาทเป็น "ไปรษณีย์จังหวัด" เหมือนเดิม
...ตอนนี้แม้แต่หน่วยงานไปรษณีย์เอง เขาก็เปลี่ยนบทบาทตนเองแล้ว ในโลกดิจิตอล มีการให้บริการที่หลากหลายมากขึ้น...อย่างรับส่งจดหมายเขาก็ไม่ค่อยจะทำกันแล้ว เพราะมีช่องทางติดต่อสื่อสารอย่างอื่นที่เร็วกว่า.
.....ระหว่าง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กับ อปท.๗,๘๕๐ แห่ง ซึ่งอาจส่งหนังสือกันทางไลน์ทางเมลล์ได้โดยตรง แต่ปัจจุบันเราก็ยังใช้บริการไปรษณีย์จังหวัด เช่นเดิม
.......๓. การเพิ่มกองในกรม และเปลี่ยนชื่อท้องถิ่นจังหวัด ทำให้เรื่องการสั่ง "ให้รายงาน" ที่เพิ่มงานให้กับ อปท.มีมากกว่าเดิมหรือไม่ ตามกฎหมายจัดตั้งท้องถิ่น ให้อำนาจ "รายงาน" แต่เฉพาะกรณีที่ อปท.มีกรณีไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น ไม่ได้มีกฎหมายให้อำนาจในการ สั่ง ให้รายงานไปเสียทุกเรื่อง
......๔.ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ส่อเจตนาของนายอนุทิน ที่จะทำให้ อปท.ทั่วประเทศ ทำงานในลักษณะเดียวกับส่วนภูมิภาค คือรับนโยบายจาก มท.มาขับเคลื่อน ขัดต่อสาระของการปกครองท้องถิ่น..ซึ่งต้องให้ นายก อปท.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เป็นผู้ริเริ่มคิดนโยบายของตนเอง..ไม่ได้ให้ทำหน้าที่คอยรับนโยบายของ มท.มาดำเนินการแต่อย่างใด
/บรรณ แก้วฉ่ำ ๒๘ พ.ย.๖๗


.....

Chamnan Chanruang
1d ·

การพยายามเปลี่ยนชื่อจาก”สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด”เป็น”สำนักงานท้องถิ่นจังหวัด” ดูเผินๆแล้วไม่น่าจะมีอะไร แต่หากดูให้ลึกๆแล้วจะเห็นได้ว่ามีการพยายามทำให้เข้าใจว่าองค์กรปกครองท้องถิ่นทั้งหลายซึ่งเป็นราชการส่วนท้องถิ่นอยู่ภายใต้สังกัดหรือการบังคับบัญชาของสำนักงานท้องถิ่นจังหวัดซึ่งเป็นราชการส่วนภูมิภาค ซึ่งในความเป็นจริงแล้วองค์กรปกครองท้องถิ่นไม่ได้สังกัดสำนักงานท้องถิ่นจังหวัดที่เป็นสาขาของกรมส่งส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกระทรวงมหาดไทยในภูมิภาคแต่อย่างใด และที่สำคัญที่สุดคือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 7,849 แห่งก็ไม่ได้สังกัดกระทรวงทบวงกรมใดๆทั้งสิ้น เพราะเป็นนิติบุคคลแยกต่างหาก ฉะนั้น บรรดาบุคคลากรทั้งหลายจึงสังกัดองค์กรปกครองท้องถิ่นนั้นๆโดยผู้บริหาร เช่น นายกฯ/ผู้ว่า(กทม.) เป็นผู้บริหารสูงสุดแล้วแต่กรณีไป
การทำเช่นนี้นอกจากจะสร้างความเข้าใจผิดดังกล่าวแล้ว แล้วยังขัดต่อพรบ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฯในส่วนของการจัดระเบียบบริหาราช การส่วนภูมิภาคและการจัดระเบียบบริหาราชการส่วนท้องถิ่น อีกทั้งยังขัดต่อรัฐธรรมนูญฯปี60 มาตรา250 วรรคห้าและมาตรา 76อีกด้วย
ชำนาญ จันทร์เรือง
28 พฤศจิกายน 2024
#ยุติรัฐราชการรวมศูนย์


เสวนา ศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการภัยพิบัติ และ แนวทางการนำเสนอร่างกฎหมาย


ถ่ายทอดสด :: เสวนา "ท้องถิ่นกับการจัดการภัยพิบัติ"

PITVNEWS

Streamed live 14 hours ago
เสวนา "ท้องถิ่นกับการจัดการภัยพิบัติ" 
Local Government Organizations and Disaster Management

ช่วงที่ 1 
เสวนา ศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการภัยพิบัติ และ แนวทางการนำเสนอร่างกฎหมาย

เพื่อเพิ่มศักยภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการภัยพิบัติ 

วิทยากร 
ศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง ศูนย์สร้างสรรค์เมืองเชียงใหม่ 
พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศบาลนครยะลา 
สมบัติ บุญงามอนงค์ มูลนิธิกระจกเงา 
รศ.ดร.วีระศักดิ์ เครือเทพ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

ผู้ดำเนินรายการ 
ผศ.ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

ช่วงที่ 2 
ผศ.ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
ผู้แทนจากพรรคเพื่อไทย
ผู้แทนจากพรรคประชาชน 
ผู้ดำเนินรายการ 

ผศ.ปฐวี โชติอนันต์ ตัวแทนจากกลุ่มท้องถิ่นศึกษา

ร่วมจัดโดย ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์สร้างสรรค์เมืองเชียงใหม่ กลุ่มท้องถิ่นศึกษา และ มูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์

วันศุกร์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ห้อง smart classroom อาคาร 3 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ

https://www.youtube.com/watch?v=G3bDm-40ATU



ไม่ว่าใครก็อยากจะมีความหวังกับประเทศนี้ แต่ดูเหมือน ประเทศนี้หมดหวัง


Deurr Factory Channel
3d ·

ไม่ว่าใครก็อยากจะมีความหวังกับประเทศนี้
ชม Full Episode ได้แล้วทางนี้เลยครับ >> https://youtu.be/Y9vqfr_N4AQ
#ดื้อแฟคทอรี่แชนแนล #deurrfctorychannel #ความฝันคือประชาชน #ความหวังความฝัน



Episode 27 | อัญชัน 1984 custom, KATUA และดาร์เรล พินนีย์

Deurr Factory Channel

Nov 19, 2024

อัญชัน 1984 custom เป็นช่างฝีมือด้านทำสีรถยนต์และมอเตอร์ไซด์ ทักษะการเขียนลายพู่กันและการใช้แอร์บรัชจากอู่รถของเขา สร้างชื่อเสียงในวงการ Custom Bike ให้กับตัวเขาได้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้เขายังเป็นช่างสักที่เคยใช้ชีวิตในประเทศออสเตรเลียอยู่นานหลายปี 
================================ 
KATUA จบการศึกษาด้านประติมากรรมจากคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เขาใช้ชื่อ “KATUA” ในวงการนักพ่นกำแพง และทำงานศิลปะที่หลากหลาย ทั้งการออกแบบกราฟิก การออกแบบคาแรคเตอร์ตัวละคร ลายสัก และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ปัจจุบันใช้ชีวิตหาประสบการณ์และกำลังศึกษาต่อในประเทศญี่ปุ่น ================================ 
ดาร์เรล พินนีย์ เป็นศิลปินที่เติบโตในสหรัฐอเมริกาและมีความเชี่ยวชาญด้านการทำสีแบบ pinstriping ซึ่งพบเห็นได้บ่อยในวงการรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์แบบคัสตอม เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทยเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน เมื่อได้รับการว่าจ้างให้ทำสี Harley-Davidson ให้กับนักธุรกิจท้องถิ่น ดาร์เรลมีบทบาทสำคัญในการนำวัฒนธรรมคัสตอมเพนต์แบบแคลิฟอร์เนียมาสู่ประเทศไทย ซึ่งเขาได้ใช้ชีวิตและสร้างสรรค์งานศิลปะในวงการนี้มาอย่างยาวนาน

https://www.youtube.com/watch?v=Y9vqfr_N4AQ




 

ถ้าภาพ ‘กามิน’ นี้เข้าข่าย ม.112 ประเทศนี้ก็บ้าแล้ว !


Pipob Udomittipong
17h ·

“กลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบันฯ ยื่นปอท. สอบ กามิน เน็ตไอดอลเกาหลี เข้าข่าย ม.112 หรือไม่ กามิน เดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 3 พ.ย.67 แสดงกริยาท่าทางคล้าย หรือลอกเลียนแบบบุคคลเบื้องสูง ซึ่งเคยเกิดขึ้นในที่ชุมนุมความเห็นต่างทางการเมืองเมื่อปี 63 และถูกดำเนินคดีศาลพิพากษาโทษไปแล้ว” บ้าไปแล้วครับ
(https://ch3plus.com/news/social/morning/426301)
.....



หลัง #ประยุทธ์ รัฐประหารแป๊บเดียว เขาก็ใช้อำนาจคณะปฏิวัติออกคำสั่ง คสช. ให้อำนาจทหารเข้า #ทวงคืนผืนป่า ชาวบ้านถูกไล่ออกจากที่ดิน ถูกจับกุมดำเนินคดี ตอนนี้รบ.ที่เขาว่าเป็น “พลเรือน” จะประกาศใช้พ.ร.ฎ. 2 ฉบับ ตามพ.ร.บ.อุทยานฯ และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า จะเดินตามรอย ?


Pipob Udomittipong
10h ·

หลัง #ประยุทธ์ รัฐประหารแป๊บเดียว เขาก็ใช้อำนาจในฐานะหัวหน้าคณะปฏิวัติออกคำสั่ง คสช. ที่ 64/2557 และ 66/2557 ให้อำนาจทหารเข้า #ทวงคืนผืนป่า ชาวบ้านถูกไล่ออกจากที่ดิน ถูกจับกุมดำเนินคดีมากมาย ตอนนี้รบ.ที่เขาว่าเป็น “พลเรือน” จะประกาศใช้พ.ร.ฎ. 2 ฉบับ ตามพ.ร.บ.อุทยานฯ และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า โดยไม่มีการปรึกษาหารือกับชุมชนที่ได้รับผลกระทบ รบ.ทหาร vs รบ.พลเรือนต่างกันอย่างไร?

Lanner
11h ·

29 พ.ย. 67 ‘สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า’ (สปช.) ได้รวมตัวชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อ ‘คัดค้าน’ การออก พ.ร.ฎ.โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตาม ม.64 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานฯ ​ 2562 และ พ.ร.ฎ.โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตาม ม.121 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 พร้อมทั้งยื่นหนังสือ และตัวแทนร่วมเจรจากับ ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และคณะผู้แทนรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้เร่งแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 462,444 ครัวเรือน หรือคิดเป็นกว่า 1,849,792 คนล้านคนที่อาศัยและทำกินในพื้นที่อนุรักษ์มาอย่างยาวนาน โดยเสนอข้อเรียกร้อง 4 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
.
1. ขอให้ยุติการนำ พ.ร.ฎ. ทั้ง 2 ฉบับ ไปประกาศใช้กับพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ จนกว่าจะมีการปรับแก้กฎหมาย
2. ขอให้รัฐบาลจัดตั้งกลไกในรูปแบบคณะกรรมการหรือคณะทำงานจัดเวทีเปิดรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจาก พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่สามารถนำไปปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. ดังกล่าวภายในระยะเวลา 60 วัน
3. ขอให้รัฐบาลและครม.จะต้องเร่งเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับ โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทั้งนี้ให้นำเสนอร่างสู่การพิจารณาของครม.ภายใน 90 วัน ก่อนเสนอเข้าสภา
4. ในระหว่างที่มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ รัฐบาลจะต้องชะลอยับยั้งการเตรียมประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 23 แห่ง จนกว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายทั้ง 2 ฉบับแล้วเสร็จ ​ เว้นแต่ในกรณีที่พื้นที่เตรียมการฯ นั้นดำเนินการกันขอบเขตชุมชน พื้นที่ทำกิน และพื้นที่ป่าชุมชนแล้วเสร็จ และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
.
หลังการเจรจา รองนายกฯ และผู้แทนรัฐบาลยอมรับหลักการทั้ง 4 ข้อ และลงนามในบันทึกการหารือฯ อย่างเป็นทางการ พร้อมเตรียมนำเสนอให้นายกฯ พิจารณาต่อไป
.
นอกจากนี้ การชุมนุมยังมีการยื่นข้อเสนอแก่ผู้แทนกรรมาธิการ สส. สว. และพรรคการเมือง รวมถึงกิจกรรมแสดงศิลปวัฒนธรรมและแลกเปลี่ยนปัญหาชุมชน ขณะที่รัฐบาลนำโดย สมคิด เชื้อคง ได้แถลงยืนยันรับทราบปัญหา และจะเข้าสู่กระบวนการแก้ไขตามข้อเสนอ โดยถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการผลักดันความเป็นธรรมให้ประชาชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์

อ่าน ‘สชป.’ ชุมนุมศาลากลางเชียงใหม่ เดินหน้าจี้รัฐแก้กม.ป่าอนุรักษ์ ชี้ละเมิดสิทธิประชาชน ด้านรัฐบาลรับหลักการเบื้องต้น พร้อมนำหารือต่อ ได้ที่ https://www.lannernews.com/29112567-01/


3 จังหวัดกำลังจะถูกตัดขาดโลกภายนอก โพสต์นี้ช่วยตะโกน ให้รัฐบาลส่งสรรพกำลังไปให้มากกว่านี้

https://www.facebook.com/watch/?v=514445358263478
.....


Thapanee Eadsrichai
20h ·

น้ำท่วมภาคเหนือไม่เคยเป็นบทเรียน นี่มาน้ำท่วมใต้ ฝนตกหนักมา 4 วัน ไม่มีการรวมตัวเลขฝน ทำข้อมูลน้ำ แจ้งเตือนประชาชนให้เห็นภาพว่า นี่คือฝนมากสุดในประวัติศาสตร์ ทำลายสถิติทุกจังหวัด น้ำจะท่วมมากสุดในประวัติศาสตร์ 4 จังหวัดใต้
ตัวเลขฝนสะสม 3 วัน ที่ สงขลา,ปัตตานี,ยะลา ,นราธิวาส เท่าที่รวบรวม ฝนตกวันละเกิน 300-500 มม.ใน 3 จังหวัด ส่วนสงขลาประมาณวันละ 200 มม. รวม 3 วัน แค่ที่จะท่วมหาดใหญ่ ต้องมีตัวเลขมาบอกได้แล้วว่าน้ำที่ท่วมระดับไหน 3 จังหวัดรวม 3 วัน จ.ละเกือบ1,000 มม.แล้ว
มันคือมากสุดในประวัติศาสตร์ ถ้านึกภาพไม่ออก ก็น้ำท่วมหนักนราธิวาส ปลายปีที่แล้วฝน กว่า 600 มม. แล้วนี่ทุกจังหวัดฝนมากเท่ากันมันจะขนาดไหน หน่วยงานแจ้งเตือนภัยไม่ทำงานไม่ประกาศ
นี่เราพยายามหาตัวเลข เห็นของศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกเท่านั้น แต่มีแต่ตัวเลข ไม่บอกอะไรกับประชาชนเลย ตื่นตัวกันได้แล้ว
นี่จะเป็นน้ำท่วมใหญ่ในประวัติศาสตร์ของ 4 จังหวัดใต้ ปลายด้ามขวาน กำลังจะเป็นทะเล
เราเป็นนักข่าว บ้านเองที่จะนะน้ำท่วมยังไม่ได้ไปดูเลย มาติดน้ำทำข่าวอยู่ยะลาที่หนักหนาสาหัส เติบโตมาทั้งชีวิต 47 ปี และเป็นนักข่าวมา 24 ปี เพิ่งเคยเห็นน้ำท่วมหนักทุกพื้นที่แบบนี้ ปี 2543 และ 2553 ท่วมหนักที่หาดใหญ่ แต่ปีนี้จะเป็นแบบนั้นทุกพื้นที่
คนจะมาช่วยจากกรุงเทพ ก็จะติดอยู่ที่หาดใหญ่ กว่าจะมาถึงจะนะ , ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส คงต้องเอาเรือหลวงลำเลียงอุปกรณ์มาทางทะเลเหมือนปี 2543 ไหม นี่รอดูเลย
ที่ประชุม ครม.สัญจร ที่เชียงใหม่ หารือเรื่องนี้ด้วยนะคะ
ประชาชนต้องดูแลตัวเอง อย่าประมาท เพราะไม่คาดคิด สู้ๆค่ะทุกคน #น้ำท่วมใต้2567

(https://www.facebook.com/thapanee.ietsrichai/posts/9268477689838726)
.....

Nattharavut Kunishe Muangsuk
11h ·

3 จังหวัดกำลังจะถูกตัดขาดโลกภายนอกนะครับ
เส้นทางกำลังถูกน้ำท่วมสูงขึ้น รถไปติดกันแถวเทพา-แยกดอนยาง
รถขนส่งสินค้า-อาหารต่างๆ ก็เข้าไปไม่ได้
ส่วนนราธิวาส สะพานพังที่ตะบิ้ง อ.สายบุรี เท่ากับโดดเดี่ยวไปก่อน เพราะถ้าจะใช้เส้นทางเลี่ยงไปทางยะลา รือเสาะ น้ำก็ท่วมหนักเหมือนกัน
ตอนนี้ นอกจากภาวนาเอาใจช่วยพี่น้อง ต้องช่วยกระทุ้งแรงๆ ให้รัฐบาลส่งสรรพกำลังไปให้มากกว่านี้ครับ หลายชุมชนในพื้นที่ด้านใน ทั้งยะลา ปัตตานี นราธิวาส มีประชาชนติดอยู่อีกจำนวนมาก ลำพังทหาร มูลนิธิหรืออาสาต่างๆ ที่ระดมลงไปช่วยก็เอาไม่อยู่
อันนี้ยังไม่นับสงขลา สะเดาที่ถูกตัดขาด หาดใหญ่ก็กำลังเริ่มอ่วม สตูลก็กำลังเริ่มวิกฤตหลายอำเภอ





 



สำรวจย้อนหลัง 6 ปี อุบัติเหตุบนถนนพระราม 2 ที่มีการก่อสร้างในหลายช่วงถนน ทำให้เกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง ช่วง 6 ปี อุบัติเหตุถนนพระราม 2 ตายมากกว่า 130 ราย


Thairath - ไทยรัฐออนไลน์
5h ·

สำรวจย้อนหลัง 6 ปี อุบัติเหตุบนถนนพระราม 2 ที่มีการก่อสร้างในหลายช่วงถนน ทำให้เกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง เนื่องจากรถที่วิ่งมาด้วยความเร็ว พบว่าปี 2561 มีผู้เสียชีวิตสูงสุด 38 ราย

มีผู้ประสบอุบัติเหตุตลอดช่วง 6 ปี ทั้งหมด 2,243 ครั้ง เสียชีวิต 131 ราย ไม่นับรวมกับอันตรายจากการก่อสร้าง ล่าสุดคานปูนถล่มทับคนงานเสียชีวิต 6 ราย หรือผู้ใช้ถนนเส้นนี้ ต้องมีชีวิตผูกไว้กับความเสี่ยงทุกเวลา

https://www.thairath.co.th/scoop/infographic/2828413
.....

สงวน คุ้มรุ่งโรจน์
11h ·

7 ปีที่ผ่านมาชาวบ้านเซ่นถนน7 ชั่วโคตรพระราม 2 ไปแล้ว 138 ศพ
ล่าสุดเช้านี้ดับ4 สูญหาย2


เครนยกคานสะพานถล่ม ถนนพระราม 2 พังถล่มลงมา มีผู้บาดเจ็บ และ เสียชีวิต (คนโน้นออกมาชี้นิ้ว คนนี้ออกมาชี้แจง แต่สุดท้ายก็ทำเหมือนเดิม ประชาชนรับกรรมต่อ ?)







ส่อง 3 ปัจจัย ทำก่อสร้างบนถนนพระราม 2 เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนบ่อยครั้ง


อุบัติเหตุดังกล่าว มีผู้เสียชีวิตและคาดว่าเสียชีวิตรวม 6 ราย เป็นคนงานของบริษัท พีเอสซีไอ คอนสตรัคชั่น จำกัด

29 พฤศจิกายน 2024

อุบัติเหตุคานก่อสร้างถนนพระราม 2 ช่วง อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ถล่มจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ผู้เชี่ยวชาญจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย คาดว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นขณะกำลังมีการประกอบกล่องคอนกรีตเซกเมนต์ โดยจะต้องตรวจสอบสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเกิดจากการวิบัติของโครงสร้างส่วนใด ส่วนการรื้อถอนสถานที่เกิดเหตุคาดว่าต้องใช้เวลาหลายวัน

ตัวแทนส่วนราชการในจังหวัดสมุทรสาคร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และบริษัทผู้รับเหมา ร่วมหารือถึงแผนการกู้ที่เกิดเหตุที่จุดบัญชาการชั่วคราว โดยเบื้องต้นได้มีการระดมรถเครนขนาดใหญ่จำนวน 3 คัน ซึ่งคาดว่าจะเข้าพื้นที่ได้ในช่วง 15.00 น. วันนี้ (29 พ.ย.)

ตามการรายงานของประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร ล่าสุดเมื่อ 17.00 น. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตและคาดว่าเสียชีวิตรวม 6 ราย เป็นคนงานของบริษัท พีเอสซีไอ คอนสตรัคชั่น จำกัด แบ่งเป็นคนไทย 2 ราย ชาวเมียนมา 2 ราย

สำหรับผู้สูญหายจำนวน 2 ราย ซึ่งคาดว่าเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เป็นชายสัญชาติเมียนมาทั้งสองคน

ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล จำนวน 9 ราย ปัจจุบันออกจากโรงพยาบาลแล้ว 3 ราย และยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 6 ราย

ก่อนหน้านี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เคยลั่นวาจาไว้เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาว่า ได้เรียกผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 เข้ามาพูดคุย และให้ทุกรายยืนยันว่า ในเดือน มิ.ย. 2568 แล้วเสร็จ ยกเว้นทางหลวงพิเศษช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ตอน 4 และ 6 เนื่องจากมีการแก้ไขแบบ และเป็นจุดขึ้นลงทำให้เสร็จปลายปี 2568

การให้คำมั่นดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมออนไลน์ถึงความล่าช้าของการก่อสร้าง และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนับไม่ถ้วนในการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ บนถนนเส้นนี้

ล่าสุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุระลอกใหม่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุม ครม. นอกสถานที่ที่ จ.เชียงใหม่ มอบหมายให้นายสุริยะ ลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุ

นายสุริยะกล่าวว่า จะเร่งประสานกับกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เพื่อกำหนดมาตรการลดอุบัติเหตุในระหว่างงานก่อสร้างโครงการของรัฐให้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ โดยในส่วนของบริษัทผู้รับเหมาชั้นพิเศษ จะมีมาตรการที่เรียกว่า “สมุดพก” บันทึกไว้ว่าทำผิดตรงไหนบ้าง ทั้งความล่าช้า หรืออุบัติเหตุที่ทำให้เสียชีวิต เช่น กรณีทำให้เกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิต จะมีมาตรการไม่ให้ผู้รับเหมารายนี้รับงาน 2-4 ปี

“เราต้องมีความเด็ดขาดกับผู้รับเหมา แต่ที่ผ่านมาตัวมาตรการเหล่านี้ยังไม่มี เราประกาศไป แต่ยังไม่มีออกมาเป็นรูปธรรม ซึ่งเรื่องการควบคุมส่วนหนึ่งอยู่ที่กรมบัญชีกลางที่เราจะไปพูดคุยกัน ถ้ามีมาตรการออกมาจะทำให้ปัญหาลดน้อยลงไป 80-90% แน่นอน” รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม กล่าว

บีบีซีไทยรวบรวมข้อมูลล่าสุดของอุบัติเหตุและแผนการกู้และรื้อถอนที่เกิดเหตุ

เกิดอะไรขึ้น

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาราว 04.07 น. ของวันนี้ (29 พ.ย.) เมื่อคานสะพานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทางยกระดับพังถล่มลงมา

จุดเกิดเหตุอยู่ที่ถนนพระราม 2 กิโลเมตรที่ 21 ขาออกกรุงเทพฯ บริเวณหมู่ 4 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ใกล้ตลาดมหาชัยเมืองใหม่

กรมทางหลวง (ทล.) รายงานต่อ รมว.คมนาคม ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากคานปูน (Segment) และเครน (Launching Gantry Crane) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้างทางยกระดับ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ตอน 1 ถล่ม ขณะที่กำลังเชื่อมคานปูนเข้าด้วยกัน

นายมนตรี วงศ์วิวัฒน์ รอง ผอ.แขวงทางหลวงสมุทรสาคร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่ทำให้ทรัส (Launching Truss) ถล่มลงมาได้ ต้องรอให้ทางวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เข้ามาตรวจสอบ

สื่อมวลชนหลายสำนัก อาทิ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3, เอ็นบีที รายงานโดยอ้างคำให้สัมภาษณ์จากหัวหน้าคนงาน กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุ ทุกคนกำลังทำงานอยู่ด้านบน ช่วงที่กำลังจะย้ายมาทำงานอีกฟากหนึ่งของตัวยกแผ่นปูน จู่ ๆ ตัวโครงก็ถล่มลงมา โดยไม่มีสัญญาณใด ๆ ทำให้ลูกน้องตกลงมาเสียชีวิต และเชื่อว่าบางคนน่าจะถูกทับอยู่ใต้ซากคานที่ถล่มลงมา

“ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่จำได้คือภาพที่ลูกน้องตกลงมาเสียชีวิตและบาดเจ็บ” หัวหน้าคนงานกล่าว

สาเหตุเบื้องต้นจากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ

นายวุฒินันท์ ปัทมวิสุทธิ์ ประธานสาขาวิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) ให้สัมภาษณ์สื่อที่จุดบัญชาการเหตุเกี่ยวกับสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุว่า จากการประเมินด้านนอกบริเวณหน้างานก่อสร้างและสอบถามข้อมูลจากผู้คุมงาน คาดว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นขณะกำลังประกอบชิ้นส่วน โดยเครนลอนเชอร์ทรัสที่เกิดอุบัติเหตุเป็นเครนที่ใช้ประกอบชิ้นส่วนคอนกรีตหรือเซกเมนต์ของทางวิ่งด้านบน แต่การจะตรวจสอบได้อย่างแน่ชัดจะต้องดูในขั้นตอนที่มีการเคลื่อนย้ายรื้อถอนชิ้นส่วนออกมาแล้วจึงจะประเมินได้ว่าสาเหตุเกิดจากการวิบัติในตัวโครงสร้างส่วนใด

“น้ำหนักที่ห้อยอยู่หนักหลายร้อยตัน และมีการขยับเคลื่อนที่ของตัวชุดรอกที่ยกรับน้ำหนัก ซึ่งเวลาขยับมันอาจจะไม่เกิดแรงบางด้าน แต่ทั้งนี้ต้องพูดคุยกับผู้ควบคุมพื้นที่หน้างานก่อน” นายวุฒินันท์กล่าว


ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นขณะที่ตัวเครนลอนเชอร์หรือทรัส กำลังหิ้วกล่องคอนกรีตสำเร็จรูปหรือเซกเมนต์ของทางวิ่งจำนวนหลายชิ้น ก่อนที่โครงสร้างคานเครนจะเกิดการวิบัติ

ทางด้าน รศ.ดร.คมสัน มาลีสี นักวิชาการด้านวิศวกรรมโยธาและอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวกับบีบีซีไทยว่า จากการประเมินที่เกิดเหตุและการเก็บข้อมูลของภาควิชาวิศวกรรมโยธาเบื้องต้นพบว่า ตัวเครนลอนเชอร์ทรัสที่ใช้ยกชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปหรือเซกเมนต์ได้หิ้วตัวเซกเมนต์หลายชิ้นไว้พร้อมสำหรับการร้อยลวดเข้าด้วยกันแล้ว แต่กระบวนการยังไม่ทันถึงขั้นตอนการดึงลวด ได้เกิดเหตุที่ทำให้ตัวเครนลอนเชอร์พังทลายลงมาก่อน

จากการประเมินตัวเครนลอนเชอร์ทรัสดังกล่าว หรือตัวคานเหล็กสีน้ำเงินในภาพข่าวที่ถล่มลงมา รศ.ดร.คมสัน ระบุว่า ไม่แน่ชัดว่าเครนดังกล่าวสามารถจะรับน้ำหนักตัวเซกเมนต์ต่าง ๆ ได้ดีมากน้อยแค่ไหน แม้ก่อนการดึงลวดจะจะสามารถรับน้ำหนักสูงสุดไว้ได้ แต่ความสมบูรณ์หรือสภาพของตัวเครนอาจมีความเก่าหรือเผชิญกับความล้าหรือไม่ จึงมีเหตุทำให้ตัวเครนมันเกิดการวิบัติ

“หากความสมบูรณ์ของตัวเครนทรัสมันไม่ดีพอ มันก็อาจมีผลทำให้ความสามารถในการรับน้ำหนัก อาจทำไม่ได้เท่าที่ควรจะเป็น” รศ.ดร.คมสัน ตั้งข้อสังเกต และกล่าวว่า “อาจมีคำถามว่าแล้วทำไมทำมาตั้งนานไม่เห็นเป็นอะไร แต่เมื่อมายกส่วนนี้ถึงเกิดอุบัติเหตุขึ้น ต้องบอกว่าบางครั้งความล้าอาจเกิดขึ้น ถ้ามันไม่สมบูรณ์ เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง มันอาจทำให้โครงสร้าง (ของตัวเครน) วิบัติฉับพลันได้เหมือนกัน” รศ.ดร.คมสัน กล่าว

ผู้เกี่ยวข้องทำอะไรแล้วบ้าง แผนการรื้อถอนเป็นอย่างไร

ตั้งแต่ช่วงเช้า ผู้เกี่ยวข้องต่างลงพื้นที่ต่อเนื่อง นำโดยนายวรณัฎฐ์ หนูรอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่รุดไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ และพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมงาน หัวหน้าคนงาน และคนงานก่อสร้าง

ขณะที่ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสมุทรสาคร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กรมทางหลวง (ทล.) จะส่งผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับวิศวกรจากบริษัทผู้รับจ้าง เข้าตรวจสอบและประเมินความเสียหาย มีนายธนสาร สิทธาภา แขวงทางหลวงสมุทรสาครเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ โดยพร้อมเข้าเคลียร์พื้นที่ด้วยถเครนขนาด 400 ตัน 1 คัน และ 200 ตัน 2 คัน หลังการประเมินเสร็จสิ้น

ส่วนการรื้อถอนกู้ซากคอนกรีต ประธานสาขาวิศวกรรมเครื่องกล กล่าวว่า การยกรื้อถอนส่วนที่เกิดอุบัติเหตุ “เป็นงานที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน” และ “การกู้คาดว่าต้องใช้เวลาหลายวัน”

ที่เป็นเช่นนี้ นายวุฒินันท์อธิบายว่า เนื่องจากตัวโครงสร้างที่พักพังทลายอยู่ในจุดนี้ น้ำหนักตามปกติน่าจะหนักที่หลายร้อยตัน อีกทั้งมีกล่องคอนกรีตเซกเมนต์ที่ห้อยคาอยู่ประมาณ 3-4 กล่อง ซึ่งมีน้ำหนักเดิมกว่า 50 ตัน มีชิ้นส่วนที่กองบริเวณพื้น 8 ท่อน ดังนั้น การเคลื่อนย้ายต้องใช้เครนขนาดใหญ่

นายวุฒินันท์กล่าวต่อไปว่า และด้วยโครงสร้างที่พังทลายอาจมีการแตกหักเสียหาย และชิ้นส่วนแต่ละส่วนอาจจะยึดโยงกันอยู่เพราะมีขนาดยาวมาก จึงทำให้ไม่สามารถยกโครงสร้างที่ต่อเนื่องและมีการพังทลายได้ในครั้งเดียว การกู้อาจต้องมีการตัดทีละส่วน จึงทำให้การกู้และรื้อถอนอาจต้องใช้เวลาหลายวัน

“ทาง วสท. จะมีทีมวิศวกรด้านงานยกเคลื่อนย้ายโดยเฉพาะ ซึ่งจะให้คำแนะนำว่าจะรื้ออย่างไร หรือจะต้องมีการตัดแยกส่วนก่อนลำเลียงลงสู่ด้านล่าง” ประธานสาขาวิศวกรรมเครื่องกล วสท. ระบุ


นายวุฒินันท์ ปัทมวิสุทธิ์ ประธานสาขาวิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.)

เครนที่เกิดอุบัติเหตุคืออะไร

โครงสร้างสะพานที่พังถล่มลงมาคือ เครนลอนเชอร์ หรือเครนทรัส (Launching Truss) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการติดตั้งคานสะพานด้วยโครงเหล็กเลื่อนของการก่อสร้างสะพานด้วยวิธีแบบก่อสร้างทีละช่วง (Span-by-Span) โดยโครงสร้างส่วนบน (Super Structure) ใช้รูปแบบคานคอนกรีตอัดแรงรูปกล่องแบ่งเป็นหลายชิ้นใน 1 สแปน

ในการติดตั้งจะใช้รอกไฟฟ้ายกชิ้นส่วนคานขึ้นมาอยู่ในระดับการติดตั้ง และเลื่อนชิ้นส่วนให้เข้าชิดติดกันตามตำแหน่งแหน่งที่ระบุในแบบ แล้วใช้เส้นลวดสลิงขนาดใหญ่แขวนชิ้นส่วนสำเร็จทั้งหมดให้ลอยอยู่ในระดับที่ต้องการติดตั้ง และเข้าสู่ กระบวนการเชื่อมรอยต่อระหว่างชิ้นส่วนต่าง ๆ

วิเคราะห์ 3 ปัจจัย เหตุใดก่อสร้างถนนพระราม 2 จึงเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง

ระยะทางไกล-รับเหมาช่วงต่อหลายเจ้า-ทักษะผู้รับเหมารายย่อยแตกต่างกัน


รศ.ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สจล. ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธา กล่าวกับบีบีซีไทยว่า ถนนพระรามสองเป็นถนนที่มีระยะทางไกลมาก จึงมีการใช้ผู้รับเหมาช่วงหลายเจ้า ในเมื่อมีผู้รับเหมาช่วงหลายเจ้า ประเด็นของคุณภาพการทำงาน ประสิทธิภาพในการทำงานของผู้รับเหมาช่วงแต่ละเจ้าก็แตกต่างกันไปด้วย ทั้งในเรื่องทักษะการทำงานและอุปกรณ์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อการก่อสร้างทั้งหมด

“บางเจ้าจะมีทักษะในการทำงานที่สูงมาก อุปกรณ์ที่เขาใช้ บางจุดบางช่วงอุปกรณ์บางอย่าง ไม่ได้ใช้เหมือนกันทุกราย แล้วแต่ผู้รับเหมาช่วงแต่ละที่ที่จะเลือกใช้”

จากข้อมูลจากเดือน มี.ค. 2567 พบว่าโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างบนถนนพระราม 2 (ทางหลวงหมายเลข 35) มีจำนวน 4 โครงการ อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง 3 โครงการ ซึ่งมีสัญญากับผู้รับจ้างอย่างน้อยรวม 17 ราย โดยบางรายเป็นกิจการร่วมค้าที่ประกอบด้วยผู้รับเหมาอย่างน้อย 2-3 ราย ภายในสัญญาเดียวกัน

อธิการบดี สจล. อธิบายว่า โดยปกติผู้ที่ไปรับเหมาโครงการต่อภาครัฐจะเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ แต่บางครั้งหากปริมาณงานมีมาก การมีผู้รับเหมาช่วงรายย่อยเข้ามารับงานก็อาจเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้น หากมีผู้รับเหมาช่วงรายย่อยเยอะมาก ถ้าผู้รับเหมาหลักคุมงานได้ไม่ดีพอ หรือตรวจสอบพวกวัสดุที่ใช้ก่อสร้างไม่ดีพอ ก็อาจจะมีปญหาต่าง ๆ ตามมา และยังมีปัจจัยจากทางผู้รับเหมารายย่อยเองด้วยอีกทางหนึ่ง

“ทักษะของผู้รับเหมารายย่อยลงไปอาจมีบ้างที่ทำงานได้ไม่ละเอียดถี่ถ้วน ก็จะทำให้เห็นว่าเดี๋ยวมีอุบัติเหตุหล่นตรงนั้นตรงนี้ ระบบการป้องกันของเขาก็อาจจะไม่ดีพอ หรือประสบการณ์ในการทำงาน ผู้รับเหมาช่วงบางเจ้าอาจจะไม่เคยได้ทำงานในปริมาณที่มาก ๆ มาก่อนก็เป็นไปได้อีก เขาอาจมีเพียงสกิลบางส่วนแล้วก็ไปรับเหมาในพื้นที่ ทำให้ไม่ได้ระมัดระวังถึงความปลอดภัย”


โครงการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 มีทั้งสิ้น 3 โครงการ ประกอบไปด้วยสัญญารับจ้างอย่างน้อย 17 สัญญา และมีผู้รับเหมาช่วงต่อนับสิบราย

การลงทุนกับมาตรฐานความปลอดภัยไม่สูงพอ ?

รศ.ดร.คมสัน ชี้ว่าโดยหลักการแล้ว ผู้รับเหมาหลักจะต้องตระหนัก โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณะ เรื่องความปลอดภัยต้องเอามาวางไว้เบื้องต้น ตั้งแต่ระบบการป้องกันไม่ให้วัสดุต่าง ๆ ร่วงหล่นลงมา ซึ่งระบบก่อสร้างในต่างประเทศอย่างญี่ปุ่นจะเน้นเรื่องการป้องกันมาเป็นประเด็นหลักในการก่อสร้าง เพราะถ้ามีอุบัติเหตุขึ้นจะถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ ในประเทศพัฒนาแล้ว

รศ.ดร.คมสัน ให้ความเห็นว่าประเทศไทยควรกลับมาพิจารณาว่า ถ้าระบบการป้องกันไม่ผ่านมาตรฐาน หรือไม่มีกระบวนการเหล่านี้ ตัวผู้รับเหมาหลักที่รับงานมาจากภาครัฐหรือบริษัทที่ปรึกษา (คอนซัลต์) ต้องห้ามไม่ให้ดำเนินการก่อสร้างเด็ดขาด

เขาบอกด้วยว่าภาครัฐต้องเน้นกับผู้รับเหมาให้มีการเสนอมาตรการความปลอดภัยและการป้องกันเหตุต่าง ๆ ไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งการมีระบบในลักษณะนี้บางอย่างอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่มาตรการเหล่านี้สามารถกำหนดไว้ตั้งแต่ช่วงของการประมูล หรือหากมีในเงื่อนไขการประมูลแล้ว ก็ต้องบังคับให้ผู้รับเหมาดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ให้ได้

“มันอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในการป้องกัน ตั้งแต่ช่วงของการประมูลก็ต้องทำ ไม่ใช่พอปล่อยเรื่องนี้ไปแล้วไปรีดราคาถูก ๆ หรือปล่อยให้เขาเสนองาน โดยไม่ทำระบบความปลอดภัยที่ดีก็จะเป็นปัญหา และต้องอยู่ที่ TOR (รายละเอียดในการจัดจ้าง) ที่เขียนด้วยว่ารอบคอบจุดนี้แค่ไหน หรือถ้ารอบคอบแล้ว เราก็ต้องบังคับให้ผู้รับเหมาทำให้ได้ โจทย์สองอย่างนี้ ถ้าเราทำได้ก็จะช่วยเรื่องพวกนี้ได้”

ช่องว่างของการตรวจสอบกระบวนการก่อสร้าง

รศ.ดร.คมสัน ชี้ว่าการป้องกันก่อนที่จะเกิดเหตุในโครงการก่อสร้างสาธารณะ ประเทศไทยไม่มีหน่วยงานของรัฐไปตรวจสอบในกระบวนการก่อสร้างได้ดีพอ เพราะส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาบริษัทที่ปรึกษาหรือคอนซัลต์ ดังนั้น การก่อสร้างสาธารณะ นอกจากผู้รับเหมาแล้ว คอนซัลต์ถือเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมมาตรฐานงานก่อสร้าง

“งานก่อสร้างที่เกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ถ้ามีคอนซัลต์ที่ดี มีการแนะนำที่ใกล้ชิดก็น่าจะช่วยได้ owner (เจ้าของโครงการ) ซึ่งก็คือรัฐ จะต้องหาตัวแทนที่เชื่อมั่นได้และมีศักยภาพสูงพอที่จะเป็นตัวแทนของฝ่ายภาครัฐในการช่วยเป็นหูเป็นตาเรื่องความปลอดภัย” อธิการบดี สจล. ระบุ

“รัฐในฐานะของเจ้าของ ต้องเน้นว่าอุบัติเหตุต้องไม่มี ต้องเป็นศูนย์ ถ้าให้โจทย์พวกนี้ไปกับทางคอนซัลต์ เขาก็ต้องไปขับเคลื่อนเรื่องพวกนี้ไปกับผู้รับเหมาให้ได้”

อธิการบดี สจล. ทิ้งท้ายด้วยว่า ประเด็นมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน ประเทศไทยยังมีบุคลากรในด้านนี้น้อยเกินไปอย่างเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) ที่ได้มาตรฐาน ซึ่งบุคลากรด้านนี้ที่จะมีส่วนช่วยดูแลความปลอดภัยในการทำงานได้



ย้อนดูอุบัติเหตุจากการก่อสร้างบนถนนพระราม 2


ตั้งแต่ปี 2561 ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยโปรเจกต์ก่อสร้าง รวมทั้งสิ้น 3 โครงการ ไม่นับโครงการซ่อมแซมอื่น ได้แก่ 1) ทางยกระดับบนทางถนนพระราม 2 หรือมอเตอร์เวย์ 2) ทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 และโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก และ 3) โครงการขยายพระราม 2 ช่วงทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ซึ่งเสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อเดือน ก.ค. 2564

ในรอบ 6 ปีที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อาทิ
  • 9 ส.ค. 2563 รถยนต์ 2 คันเป็นรถกระบะ และรถเก๋ง ตกร่องถนนที่กำลังก่อสร้าง จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าบริษัท โลหะกิจเจริญทรัพย์ ถนนพระราม 2 จ.สมุทรสาคร ขาเข้ากรุงเทพฯ โดยที่เกิดเหตุไม่มีป้ายแจ้งเตือนและเป็นลักษณะน้ำท่วมบริเวณร่องถนน
  • 21 ส.ค. 2564 คนงานบริษัท อิตาเลียนไทยฯ หล่นจากคานทางยกระดับพระราม 2 ช่วง กม.19 เสียชีวิตระหว่างทำการติดตั้งแผ่นรองรับตัวคาน คาดว่าเป็นช่วงมุดเข้าใต้ท้องสะพานจึงถอดเข็มขัดนิรภัยออก
  • 17 ก.ค. 2565 วัสดุก่อสร้างร่วงหล่นลงบนถนนพระราม 2 กม.17 ขาเข้ากรุงเทพฯ ช่วงสมุทรสาคร เหล็กขนาดใหญ่ได้ลอยตกลงมาทับจนรถกระดอนขึ้นสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง และมีรถยนต์ส่วนบุคคลเสียหายอีก 2 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 3 คน ทล. ชี้แจงว่าเหล็กดังกล่าวเป็นชิ้นส่วนนั่งร้านเหล็ก
  • 22 ก.ค. 2565 พบรอยแตกร้าวพื้นสะพานทางด่วนพระราม 2 บริเวณทางเข้าหมู่บ้านเนเชอร่า ทล. ชี้แจงคาดว่าเกิดจากความสั่นสะเทือน เนื่องจากสะพานช่วงดังกล่าวมีปริมาณการจราจรสูงมาก พร้อมระบุถึงการเข้าซ่อมแซมโดยปิดช่องจราจรด้านใต้ของสะพานเป็นเวลา 2 สัปดาห์
  • 31 ก.ค. 2565 สะพานกลับรถหรือจุดยูเทิร์นเกือกม้าบนถนนพระราม 2 กิโลเมตรที่ 34 บริเวณใกล้โรงพยาบาลวิภาราม จ.สมุทรสาคร เกิดเหตุถล่ม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นคนงานก่อสร้าง และบาดเจ็บ 2 ราย
  • 7 มี.ค. 2566 เกิดเหตุเครนล้มขวางถนนพระราม 2 ฝั่งขาออกจากกรุงเทพฯ ช่วง ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ในโครงการ M82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ตอน 3 ผู้รับจ้างใช้รถเครนยกรถแบ็กโฮที่ติดหล่ม ระหว่างที่ยกนั้น สลิงของรถเครนได้หลุดออกจากรถแบ็กโฮ ทำให้บูมรถเครนเหวี่ยงและหักขวางถนน เคราะห์ดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
https://www.bbc.com/thai/articles/ce8y9n8n5rlo


อัปเดตสถานการณ์น้ำท่วม ที่ผ่านมาอาจจะเป็นแค่เริ่มต้น สิ่งเราจะเจอ 29-30 พ.ย.-1-2 ธ.ค. 2567

https://www.facebook.com/watch/?v=1070614261414015
.....

Somporn Chuai-Aree
12h ·

สิ่งเราจะเจอ 29-30 พ.ย.-1-2 ธ.ค. 2567 ฝากพิจารณาไว้ (ยาวนิดแต่อาจจะเป็นประโยชน์) ดังต่อไปนี้
1.น้ำทะเลหนุนสูงสุด วันที่ 30 พ.ย. (15 ค่ำ) และวันก่อนหน้า 2 วัน (28-29 พ.ย.) รวมกับหลังอีก 2 วัน (1-2 ธ.ค.)
2.คลื่นลมทะเล ช่วงนี้สูงด้วยประมาณ 2-4 เมตร ดังนั้นจะรวมกับน้ำทะเลหนุนสูงด้วย จะยิ่งทำให้การระบายน้ำยากลำบากขึ้นอีก (คลิกดูพยากรณ์คลื่น 4 วันล่วงหน้า เพื่อความตระหนักรู้ http://www.marine.tmd.go.th/wave2d/waveanim.gif )
3.น้ำจืดที่ตกจากฟ้า และไหลมาจากพื้นที่สูงกว่า จะระบายไหลลงทะเลได้ช้ากว่าปกติ และจะระบายได้คล่องในช่วง ตั้งแต่วันที่ 2-3 ธ.ค. ชุมชนใกล้ปากแม่น้ำควรเตรียมการไว้เลยครับ ท่านอาจจะไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกก็ได้ครับ
4.ฝนจะยังตกทุกวัน จากวันนี้ 29 พ.ย. ไปจนถึง 13 ธ.ค. ครับ อาจจะมีเว้นบ้าง แต่นั่นคือมีฝนตลอดในภาพรวม และเชื่อว่าจะตกทั้งเดือน
5.สำหรับพี่น้องที่อยู่ห่างไกล ถูกตัดไฟฟ้า จะไม่มีแบตเตอรี่ในการชาร์จมือถือเพื่อการสื่อสาร อาจจะต้องวางแผนในการเตรียมเรื่องนี้ครับ อาจจะมีระบบชาร์จไฟฟ้าเคลื่อนที่ และหากอยู่กันหลายคนก็ปิดมือถือเหลือแบตไว้ ใช้ทีละเครื่อง ปิดไวไฟ ลดความเข้มแสง โหมดประหยัดพลังงาน เพราะหลายบ้านขาดการติดต่อกันแล้วครับ
6.กว่าน้ำจะลดใช้เวลานานกว่าปกติ เสี่ยงเรื่องน้ำกัดเท้าและโรคอื่น ๆ ที่อาจจะตามครับ ลองพิจารณาดูครับ ปกติผมจะใช้น้ำมันจารบีก่อนลงน้ำสมัยตอนเด็ก ๆ ทาบาง ๆ ก่อนลงน้ำ รองรับน้ำฝนไว้บ้างจากอุปกรณ์ที่มี เอาไว้ล้างเท้าเมื่อกลับมาจากนอกบ้าน
7.การรวบรวมข้อมูลกันในกลุ่มประชาชนในพื้นที่เดียวกัน เพื่อทำข้อมูลว่าใครอยู่ในบ้านบ้าง อยู่จุดใด เพื่อให้ง่ายต่อการที่อาสาสมัครจะเข้าไปได้ถึง กรณีอดข้าวหลายวัน แนะนำให้รองน้ำฝนไว้บ้างก็ดีครับจากหลังคาครับ
8.สำหรับท่านที่มีบ้านสองชั้นและจะท่วมพื้นชั้นสองแล้ว ก็ควรจะหาทางออกจากบ้านดีที่สุด อย่าได้ห่วงสิ่งของในบ้านมากจนเกินไปครับ (ฝากพิจารณาด้วยครับ เอาชีวิตรอดก่อน) หากมีผู้ป่วยควรแจ้งเพื่อนการส่งออกจากบ้านด่วน หลายพื้นที่ขอเรือยนต์เข้ามา แต่เรืออยู่ไหนครับ?
9.เนื่องจากเส้นทางการติดต่อสัญจรไปมาระหว่างเมืองถูกตัดขาด อาจจะต้องสื่อสารสำหรับการถ่ายโอนสินค้าระหว่างน้ำลดให้ทันท่วงที เพราะหากตัดขาดนานจนเกินไป อาหารสำรองในเมืองหรือชุมชนจะมีไม่พอครับ พิจารณากันตามแหล่งพื้นที่ครับ
10.แนะนำให้วัดปริมาณน้ำที่บ้านตนเองไว้ และหมั่นดูพฤติกรรมระดับน้ำ เปรียบเทียบกับความหนักเบาของฝนตกในภาพรวม อาจจะทำให้เห็นความสัมพันธ์ ไปคาดการณ์พลาดเนื่องจากยังมีน้ำฟ้าและน้ำจากพื้นที่รอบนอกที่อาจจะไหลเข้ามาได้ วิเคราะห์สถานที่ของท่านกันครับ
11.มีหลายคนก็อยากจะไปช่วยเหลือกันครับ แต่ท่วมด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ ไม่ท่วมก็ถูกตัดขาดในการสัญจร เตรียมอาหารการกิน เมนูที่อยู่รอบบ้าน ใกล้เคียงกันเอาไว้ที่หาได้ครับ
12.ร่วมคิดค้นนวัตกรรมทางความคิด การอยู่รอด การจะรอดไปด้วยกันได้ร่วมกันครับ ว่าเราจะผ่านวิกฤตนี้กันไปให้ได้ร่วมกันอย่างไร แล้วจะส่งต่อให้ลูกหลานเราอย่างไร หลักสูตรที่จะส่งต่อไปยังห้องเรียนของลูกหลานเราอย่างไร การเตรียมคนเพื่อเกิดมาเพื่อเป็นนักต่าง ๆ เหล่านี้ ต้องส่งไปเรียนอะไรกันครับ
13.คำตอบส่วนหนึ่งที่ทีมเราขับเคลื่อนกันคือพลังงานสะอาด จากแดด น้ำ ลม รวมถึงแนวคิด 1 ครัวเรือน 5 โรง ตั้งแต่ โรงไฟฟ้า โรงน้ำประปา โรงแก๊สชีวภาพ (โรงน้ำมันไบโอดีเซล เตาชีวมวล) โรงอาหาร และโรงเรือน จะกลับขึ้นมาสำคัญในยามเกิดภัยพิบัตินี่แหละครับ เพราะมันคือการชวนคิดทั้งระบบเพื่อจัดการตนเองกันก่อนครับ หลังน้ำท่วมครั้งนี้ เราค่อยมาเริ่มตระหนักร่วมกันอีกรอบนะครับ
14.ฝากไว้ให้คิดร่วมกันครับ จากประสบการณ์อันน้อยนิดที่เคยผ่านมาและประสบการณ์ครับ
ด้วยมิตรภาพครับ
สมพร ช่วยอารีย์ PBWatch.NET


Somebody loves Bananas 😂


Infamous duct-taped banana eaten by crypto entrepreneur

China South Morning Post

Nov 29, 2024 
#scmp #HongKong

The founder of a blockchain has eaten an infamous artwork commonly known as the “duct-taped banana” at an event in Hong Kong. On November 21, 2024, crypto entrepreneur Justin Sun bought the piece Comedian, originally crafted by Italian artist Maurizio Cattelan, for US$6.2 million at Sotheby’s in New York. The artwork was seen by industry insiders as a creative gesture combining art, culture and cryptocurrency, and the event attracted significant international media attention. Sun held a public event at a glitzy Hong Kong hotel on November 29, 2024, to eat the banana in front of a live audience.

https://www.youtube.com/watch?v=PwBv7V5rUnQ
.....



‘นิติสงครามภาควิชาการ’ ความเฮงซวย ที่เกิดขึ้นกับงานของณัฐพล ผู้ฟ้องยอมรับต่อศาลเองว่าไม่ได้อ่านวิทยานิพนธ์และหนังสือ เพียงแต่รับฟังคำบอกเล่าจากไชยันต์ ไชยพร เท่านั้น ก็ฟ้องเลย


The101.world
1d ·

หลังต่อสู้คดีกันมาสามปีกว่า ในที่สุดเมื่อ 13 พ.ย. 2567 ศาลแพ่งก็ ‘ยกฟ้อง’ คดีที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เรียกค่าเสียหายว่าวิทยานิพนธ์และหนังสือของณัฐพล ใจจริงละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง
.
คดีนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการพยายามทำลายความชอบธรรมในงานศึกษาของณัฐพลผ่านหลายช่องทาง ในบริบทที่สังคมไทยเกิดการเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์และผู้คนตื่นตัวในการอ่านหนังสือประวัติศาสตร์การเมืองมากขึ้น
.
ธนาพล อิ๋วสกุล จึงชวนทบทวนที่มาที่ไปของเรื่องนี้และบริบทภาพรวมของ ‘นิติสงครามภาควิชาการ’ ที่เกิดขึ้นกับงานของณัฐพล
.
หมายเหตุ - ธนาพลเป็นหนึ่งในหกจำเลยที่ถูกฟ้องในฐานะ บก. ฟ้าเดียวกัน ผู้ตีพิมพ์หนังสือ
.
อ่านฉบับเต็มได้ที่: https://www.the101.world/legal-warfare-in-academia/
.
“คำให้การของโจทก์ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิตนั้นได้มีการยอมรับต่อศาลเองว่าไม่ได้อ่านวิทยานิพนธ์และหนังสืออีกสองเล่มจนจบแต่อย่างใด เพียงแต่รับฟังคำบอกเล่าจากไชยันต์ ไชยพร เท่านั้น”
.
“คู่ขนานไปกับกระบวนการนิติสงครามที่เริ่มใช้ในการยุบพรรคอนาคตใหม่และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี ตามมาด้วยการใช้กดปราบเยาวชนนักศึกษาที่ออกมาเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กลุ่มผู้ที่ต้องการทำลายความชอบธรรมของงานศึกษาของณัฐพล ใจจริง ซึ่งมีไชยันต์ ไชยพร เป็นต้นเรื่อง ก็ดำเนินการไปพร้อมกันในสามช่องทางคือ

“1. เดินสายออกสื่อต่างๆ ย้ำข้อกล่าวหาเดิมๆ ... 2. ร้องเรียนไปยังสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อให้ถอดถอนวิทยานิพนธ์ฯ 3. ดำเนินคดีในศาล”
.
“บันทึกควันหลงนี้อาจจะเป็นอีกหนึ่งร่องรอยที่เผยว่าในห้วงเวลาไม่นานก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ กระทั่ง ‘เชิงอรรถ’ ในหนังสือ ‘ประวัติศาสตร์’ ยังกลายเป็นสมรภูมิหนึ่งที่มีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดไปได้”
.
ภาพประกอบ: ณัฐพล อุปฮาด


วันศุกร์, พฤศจิกายน 29, 2567

พวก ‘ค่าง’ ช่างโหน ฟ้อง ๑๑๒ จี กามิน หาว่าเข้าไทยด้วยกิริยา ‘ท่าเดิน’ คล้ายบุคคลเบื้องสูง หารู้ไม่ ยูเอ็นเตือนไทยบ่อยครั้ง ม.๑๑๒ ผิดหลักการสิทธิมนุษยชนสากล

เอาอีกแล้วพวก ค่าง ช่างโหน ตะบี้ตะบันโหนดะไปจนถึงดาราต่างชาติ เอามาฟ้อง ๑๑๒ ทั้งที่ไม่มีเหตุแจ้งชัด คนฟ้องมโนเองทั้งนั้นว่าเขากระทำผิด กรณีประธานกลุ่มประชาพิทักษ์สถาบัน กล่าวหา กามิน ดาราเกาหลีใต้ เดินคล้ายบุคคลเบื้องสูง

ทรงชัย เนียมหอม อ้างในคำฟ้องว่า ได้เห็นจากสื่อออนไลน์ เมื่อ ๓ พ.ย.๖๗ ขณะ จี กามิน อินฟลูเอ๊นเซอร์คนดังชาวเกาหลีใต้เดินทางเข้าประเทศไทย “ได้แสดงกริยาท่าทางให้คล้ายหรือลอกเลียนแบบบุคคลเบื้องสูง” อ้างด้วยว่าเคยมีคดีแบบนี้เมื่อปี ๖๓

เป็นคำฟ้องที่เหลวไหลที่สุด ชนิดที่ถ้าต่างชาติไปสืบสาวกฎหมายต้นตอที่ให้อำนาจฟ้อง ก็จะพบกับความเหลวไหลของ กม.นั้นเช่นกัน อย่าลืมว่าสหประชาชาติ ผ่านทางกลไกพิเศษด้านสิทธิมนุษยชน ได้ส่งหนังสือเตือนรัฐบาลไทยมาตลอด

จากการบรรยายของ อัครชัย ชัยมณีการเกษ แห่งศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน เราทราบว่าตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ ถึง ๖๗ ผู้เสนอรายงานพิเศษยูเอ็นฯ นี้ ส่งหนังสือเตือนไทยแล้ว ๑๑๑ ฉบับ ในจำนวนนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพและการแสดงออก ๑๐๔ ฉบับ

และใน ๑๐๔ ฉบับนั้น เป็นเรื่องการบังคับใช้ กม.อาญา ม.๑๑๒ เสีย ๒๓ ฉบับ โดยเฉพาะในช่วงปี ๒๕๕๔ ถึง ๒๕๖๓ ไทยได้รับคำเตือนเรื่อง ๑๑๒ ปีละ ๒-๓ ฉบับ เลยทีเดียว ในหนังสือเตือนเหล่านั้นว่าอะไรบ้าง ส่วนใหญ่ย้ำเตือนหลักการสำคัญ

ถ้าคุณจะจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก มันมีหลักการระหว่างประเทศที่คุณต้องเคารพอยู่” เพื่อให้เกิดความชอบธรรม ๓ หลัก คือหนึ่ง กม.นั้นต้องชัดเจน ห้ามอะไร ไม่ห้ามอะไร สอง จำกัดสิทธิไปเพื่ออะไร และสาม ต้องได้สัดส่วนและมีความจำเป็น

หน่วยงานสหประชาชาติแห่งนั้นบอกว่า มาตรา ๑๑๒ ของไทย ไม่ผ่านเงื่อนไขเหล่านี้ทั้งหมด แต่ผู้ฟ้องร้องกรณีกามิน ไพล่ไปเอ่ยถึงเรื่องใบอนุญาตทำงานในไทยของกามิน ว่าหมดอายุไปแล้ว ถ้ากามินเข้าประเทศครั้งนี้ยังไม่มีนายจ้าง ต้องถูกเพิกถอนวีซ่า

เห็นชัดว่าการฟ้องร้องคดี ๑๑๒ นี้ เป็นการใช้ กม.มาตรานี้เพื่อการกลั่นแกล้งเสียมากกว่าปกป้องเกียรติของบุคคลเบื้องสูง ข่าวไม่ได้บอกว่าคนไหน ถ้าจะเดาเอาก็คงเป็นเพศหญิงสวมชุดไทย เหมือนผู้ต้องคดีปี ๖๓ แต่ท่าเดินของกามินแบบนั้นหรือ

วิธีการพิสูจน์ในศาล อย่างน้อยต้องมีคลิปท่าเดินของกามินในสถานการณ์คำฟ้องอ้าง ทียบเคียงกับคลิปท่าเดินของบุคคลเบื้องสูงที่คำฟ้องระบุ เชื่อว่าถ้าสูงจริงศาลจะต้องสืบพยานโดยวิธีลับ ไม่ยอมให้แพร่งพรายสู่สาธารณะ

แค่นี้ก็เป็นสิ่งที่ต่างชาติรับไม่ได้อยู่แล้ว แต่ในไทย กระทำกับคนไทยด้วยกันได้ ดังคดี อานนท์ นำภา ปราศรัยในม็อบ แฮรี่พ็อตเตอร์ “จำเลยไม่มีโอกาสต่อสู้คดี ไม่มีโอกาสถามค้านพยานโจทก์ ไม่มีโอกาสนำเสนอพยานหลักฐานของตัวเอง

และไม่ได้เอกสารที่เกี่ยวข้องในการพิสูจน์ความจริงเข้ามาในคดี พร้อมกับศาลสั่งให้พิจารณาคดีเป็นการลับและห้ามเปิดเผยกระบวนพิจารณาคดีที่เกิดขึ้น” ประดุจว่ากระบวนการศาลไทยอยู่แต่ในโลกของตัวเอง ไม่ได้ร่วมประชาคมโลก

(https://www.facebook.com/pow.ilaw/posts/PSNtwC2LHZ, https://ilaw.or.th/articles/48100 และ https://prachatai.com/journal/2024/11/111520) 

หน่วยงานราชการอยู่ไหนไม่รู้ แต่เอกชนลงไปแล้ว

https://www.facebook.com/watch/?v=578009074640231


.....

Anchana Heemmina
14h ·

ภาวะภัยพิบัติฉุกเฉินน้ำท่วมตอนนี้คือ
การไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าน้ำจะท่วมในระดับไหนและขยายวงกว้างแค้ไหน ดังนั้นรัฐควรประเมินเร่งด่วนและแจ้งด่วนว่าพื้นที่ไหนต้องอพยพทันที
และหากไม่อพยพจะต้องมีมาตรการเด็ดขาดอย่างไรที่จะทำให้เขาอพยพได้
ทำความเข้าใจว่า ภาวะฝนที่จะตกต่อเนื่องอีก 2 วันจะมีความเสี่ยงระดับไหน
ให้กำลังใจทุกคนคะ


เจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ ร้านขายยาทั่วไปจ่ายยาได้อยู่แล้ว แต่เหตุใดเมื่ออยู่ในโครงการภายใต้บัตรทอง 30 บาท สปสช. แพทยสภาจึงออกมาคัดค้านและฟ้องร้องต่อศาลปกครอง



เปิดข้อกังวล-คำชี้แจง แพทยสภา-สภาเภสัชฯ หลังศาลปกครองรับฟ้องคดีโครงการจ่ายยา 16 อาการ บัตรทอง

28 พฤศจิกายน 2024
บีบีซีไทย

ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้รับฟ้องคำร้องของแพทยสภา กรณีโครงการจ่ายยา 32 อาการ ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หลังจากแพทยสภาแสดงความกังวลว่าการจ่ายยาโดยไม่ตรวจวินิจฉัย อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชน ประเด็นนี้มีข้อถกเถียงอย่างไร และกระทบต่อประชาชนผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพอย่างไรบ้าง

การดำเนินการให้บริการ “เจ็บป่วยเล็กน้อย 16 อาการ รับยาที่ร้านยาคุณภาพ” เป็นบริการภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ดำเนินโครงการที่เริ่มนำร่องมาตั้งแต่ต้นปี 2562 ด้วยความร่วมมือของ สปสช. และสภาเภสัชกรรม

เดิมทีโครงการนี้ให้เภสัชกรร้านยาสามารถจ่ายยา 16 อาการเล็กน้อย แต่ปัจจุบันขยายเป็น 32 อาการ เมื่อเดือน ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้แพทยสภา ได้ยื่นคำร้องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า โครงการดังกล่าวเป็นการก้าวล่วงวิชาชีพเวชกรรมจากวิชาชีพเภสัชกรรมหรือไม่ แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาไม่รับข้อหารือไว้พิจารณา แต่ได้ให้ความเห็นว่าเป็นประเด็นปัญหาที่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินการของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมตามมาตรฐานวิชาชีพของตนภายใต้กรอบกฎหมายของแต่ละวิชาชีพ

หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้รับคำฟ้องของแพทยสภา เมื่อ 9 ต.ค. 2567 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. ระบุว่า ประชาชนยังใช้สิทธิได้จนกว่าคำสั่งศาลจะสิ้นสุด

บีบีซีไทยคุยถึงเหตุผลและคำชี้แจงของแพทยสภาและสภาเภสัชกรรม ต่อประเด็นข้อพิพาทนี้

1. ความเสี่ยงของผู้ป่วย

แพทยสภา: แถลงการณ์แพทยสภา เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2567 ระบุว่า แม้โครงการจ่ายยาดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในแง่การได้รับยารวดเร็ว และยังอาจช่วยลดความแออัดโนโรงพยาบาลได้ แต่แทนที่ประชาชนส่วนหนึ่งที่เจ็บป่วยจะได้รับการตรวจ รักษา บำบัด เยียวยา อย่างถูกต้องและตรงตามสมมติฐานของโรคอันแท้จริง แนวทางของโครงการนี้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยง เช่น การให้ยาตามอาการแต่อาจไม่ตรงกับโรค ทำให้โรคซับซ้อนขึ้นจนอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ จนถึงมีอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงและเพิ่มโอกาสในการดื้อยาอันยากต่อการรักษา

แหล่งข่าวจากแพทยสภา ซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวกับบีบีซีไทยว่า อาการบางอย่างหรือยาบางชนิดเป็นข้อกังวลของแพทย์ที่ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เนื่องจากข้อจำกัดหนึ่งของการรักษา บางอาการไม่สามารถวินิจฉัยได้ด้วยการซักประวัติอย่างเดียว อาการบางอย่างต้องลงรายละเอียด จะจ่ายยาบรรเทาเบื้องต้นไม่ได้ และบางอาการที่อยู่ในโครงการนี้ ไม่ใช่อาการเล็ก ๆ น้อย ๆ

“แพทยสภาไม่ได้มีปัญหาว่า คุณจ่ายยา แต่ว่ายาบางตัวหรืออาการบางโรค มันอาจจะเกิดอันตราย โดยเฉพาะการใช้งบประมาณของประเทศมาจ่าย คือชั่งน้ำหนักแล้วอาจจะไม่ปลอดภัย”

แหล่งข่าวจากแพทยสภา ย้ำด้วยว่า กรณีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เป็นความต้องการแก้ไขนโยบาย สปสช. ที่ออกมาเท่านั้น ไม่ใช่ความเกลียดชังต่อวิชาชีพเภสัชกรรม ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเกิดการใช้ยาชนิดที่ว่าเพียงเจ็บป่วยเล็กน้อยก็ใช้ยาก่อน ซึ่งใน 32 กลุ่มอาการไม่ใช่ว่าแพทยสภาจะไม่เห็นด้วยทุกกลุ่ม แต่บางกลุ่มเป็นความกังวลเรื่องอันตราย

“ถ้ามีการปรับว่าอาการพวกนี้ไม่ใช่เจ็บป่วยเล็กน้อยทั้งหมด แพทยสภาก็น่าจะพอใจ หรือไม่ก็ควรมีการทำงานร่วมกันโดยสหวิชาชีพ”

สภาเภสัชกรรม: รศ.พิเศษ เภสัชกร (ภก.) กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวกับบีบีซีไทยว่า สิ่งที่แพทยสภาพูดเป็นเชิงหลักการ เภสัชกรทราบดีว่า ยาบางอย่างมีอันตรายและกลุ่มอาการบางกลุ่มก็มีความอันตรายที่ไม่ควรรักษาด้วยการซื้อยากินเอง เภสัชกรวิชาชีพ ศึกษาเรื่องยาและโรคมาเป็นเวลา 6 ปี และจ่ายยาภายใต้กฎหมาย พ.ร.บ.ยา และ พ.ร.บ.สภาวิชาชีพเภสัชกรรม ซึ่งมีการจ่ายยามาเป็นเวลากว่า 70 ปีแล้ว ดังนั้น จึงมีดุลพินิจต่อการดูแลผู้ที่มาซื้อยาได้

ส่วนกลุ่มโรคที่แพทย์ระบุว่าเป็นโรคอันตราย ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาโดยแพทย์ในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นส่วนของเภสัชกรของโรงพยาบาลที่ต้องเข้าใจกระบวนการวินิจฉัยของแพทย์ แต่โครงการจ่ายยา 32 กลุ่มอาการภายใต้งบประมาณของ สปสช. เป็นคนละส่วน

“กรณีร้านขายยาโครงการนี้มันคนละมิติ มันเป็นเรื่อง common illness (ความเจ็บป่วยธรรมดา) ซึ่งทุกคนเป็นกันประจําและก็ดูแลตัวเอง แต่เดิมประชาชนก็เจ็บป่วยเล็กน้อย ก็ดูแลตัวเองไปร้านยาซื้อยา อันนี้มันก็เหมือนกับลักษณะเดิม เพียงแค่ สปสช. จ่ายเงินให้ เพราะก็เป็นกลุ่มที่ควรจะได้สิทธิ์” ภก.กิตติ กล่าว



2. เจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ ร้านขายยาทั่วไปจ่ายยาได้อยู่แล้ว เหตุใดเมื่ออยู่ในโครงการ สปสช. แพทยสภาจึงคัดค้าน

แพทยสภา: แหล่งข่าวจากแพทยสภา อธิบายกับบีบีซีไทยว่า การซื้อยากินเองตามร้านยาของประชาชน ตามข้อกำหนดเวชปฏิบัติของแพทยสภา ถือเป็นเรื่องที่ทำได้ เพราะเป็นหนึ่งในข้อยกเว้น 6 ข้อ ที่ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย โดยถือว่าการซื้อยากินเอง คือ “การประกอบวิชาชีพเวชกรรมต่อตนเอง” นั่นคือการวินิจฉัยว่าตัวเราป่วยเป็นอะไร และเราไปซื้อยา อันนี้เป็นสิทธิที่พึงทำได้ โดยมีเภสัชกรให้คำแนะนำ

แต่เมื่อเป็นโครงการที่รัฐบาลจ่ายเงินอุดหนุน ความหมายของ “การประกอบวิชาชีพเวชกรรมต่อตนเอง" จะเปลี่ยนไป นั่นคือจะมีผลในทางพฤตินัยกว่า เมื่อมีอาการในกลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ ให้ไปรับยาที่ร้านขายยาได้ ซึ่งอาการต่าง ๆ บางอย่างอาจไม่มีอันตราย แต่บางกลุ่มอาการมีข้อจำกัดในการจ่ายยาเพื่อรักษา

“เราไม่ขัดขวางการจ่ายยาของร้านขายยาสำหรับการเจ็บป่วยเล็กน้อย และเราเชื่อว่าการจ่ายยาร้านขายยาลดความแออัดในโรงพยาบาล แต่ว่าการจ่ายยาทุกอาการหรือการจ่ายยาบางไอเทมเรามีความกังวล”

นอกจากนี้แหล่งข่าวจากแพทยสภาชี้ด้วยว่า ระบบและแนวทางการจ่ายยาในลักษณะนี้จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานการใช้ยาของประชาชน

“ถ้าเราใช้เงินรัฐจะกลายเป็นว่าเราได้ตั้งเป็นเป็นนอร์ม (บรรทัดฐาน) ของประเทศว่าอาการเหล่านี้เป็นอาการเล็กน้อย ดังนั้น ก็ต้องให้เป็นอาการเล็กน้อยจริง เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ และคนไข้จะได้ไม่ไปคุ้นเคยว่าเป็นแค่อาการเล็กน้อยก่อน จึงไปรับยาก่อน” กรรมการแพทยสภาคนหนึ่งกล่าวกับบีบีซีไทย

สภาเภสัชกรรม: รศ.พิเศษ เภสัชกร (ภก.) กิตติ กล่าวกับบีบีซีไทยในประเด็นนี้ว่า เป็นทัศนะของทางแพทยสภา แต่ย้ำว่า ประชาชนจะไปซื้อยาเขาต้องรู้สึกเจ็บป่วย จึงจะเดินทางมารับยาตามโครงการนี้ เพียงแต่ความแตกต่างมีเพียงการที่ สปสช. จ่ายเงินให้ตามสิทธิหลักประกันสุขภาพเท่านั้น

นายกสภาเภสัชกรรม ระบุด้วยว่า สำหรับกลุ่มอาการ 32 กลุ่ม ในโครงการนี้ก็เป็นกลุ่มอาการที่มีการจ่ายยาตามร้านยาอยู่แล้ว

“จริง ๆ ถ้ามองแบบเป็นกลาง ๆ มันก็คือพฤติกรรมเหมือนเดิม เพียงแค่ สปสช. จ่ายเงินให้ แทนที่เขาจะต้องจ่ายเองเท่านั้น เพราะถ้าไม่เจ็บป่วยก็คงไม่มา แล้วเจ็บป่วยจริง ๆ มันก็เหมือนกับปกติที่เขาไปร้านยาเสียเงิน เขาก็มาบอกว่าเขาจะเป็นอาการอย่างนี้ ก็อยากได้ยาอย่างนี้ และเภสัชฯ ก็เลือกที่เหมาะสมกับเขาให้”



3. กลุ่มอาการที่แพทยสภามีความกังวลและคำชี้แจงจากสภาเภสัช

แพทยสภา: จากการให้ข้อมูลของแหล่งข่าวจากแพทยสภา มีหลายกลุ่มอาการที่แหล่งข่าวรายนี้ยกตัวอย่างขึ้นมาได้แก่
  • ยาที่มีส่วนผสมสเตียรอยด์ เช่น ยาหยอดตา ยาหยอดหู
  • ยาไมเกรนที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว แหล่งข่าวระบุว่าเคยมีกรณีที่ผู้ป่วยซื้อยาไมเกรนรับประทาน แต่เนื่องจากมีอาการอย่างอื่นร่วม จึงเกิดผลต่อกันที่ทำให้เส้นเลือดแตก "สรุปว่าการจ่ายยาบางประเภท เช่น ยาไมเกรน ทางแพทยสภาไม่เห็นด้วยเลย เพราะต้องมีการวินิจฉัยก่อน เพราะเป็นยาที่มีความอันตราย" แหล่งข่าวระบุ
  • อาการปัสสาวะแสบขัด แหล่งข่าวระบุว่า หากคนไข้มาหาแพทย์แล้วแพทย์จ่ายยาเลย โดยไม่ตรวจน้ำปัสสาวะ ถือว่าผิดมาตรฐานการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
  • อาการอื่น ๆ ที่เห็นว่าควรต้องมีการพบแพทย์ เช่น อาการตกขาว อาการทางพยาธิ เป็นต้น
“เราไม่ปฏิเสธว่า คนไข้ในไทยมากมายมหาศาล และทาง สปสช. อยากให้คนไข้เข้าถึง แต่เรามีปัญหาว่า บางอาการ ไม่ใช่สิ่งที่จะจ่ายยาบรรเทาเบื้องต้น แม้ 3 วันก็ตาม”

สภาเภสัชกรรม: รศ.พิเศษ เภสัชกร (ภก.) กิตติ กล่าวกับบีบีซีไทยว่า ไม่เห็นด้วยที่แพทย์จะหยิบเฉพาะบางจุดขึ้นมาอธิบายเป็นกรณีทั่วไป จึงควรดูที่ผลลัพธ์ของโครงการ พร้อมยืนยันว่าวิชาชีพเภสัชกรศึกษาเรื่องโรคมาเหมือนกัน รู้ว่าลักษณะไหนควรใช้ ไม่ควรใช้

นายกสภาเภสัชกรรม ได้นำผลการดำเนินโครงการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 กลุ่มอาการโดยเภสัชกรร้านยา จากการให้บริการตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. 2565 จนถึง 21 พ.ค. 2567 มีผู้รับบริการทั้งสิ้น 1,791,930 คน จํานวนครั้ง 4,985,145 ครั้ง โดย 90% อาการหายหรือทุเลา ไม่พบกรณีที่ผู้เข้ารับบริการเกิดปัญหารุนแรง หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด



4. การควบคุมความเสี่ยงต่อประชาชน

แพทยสภา: แหล่งข่าวจากแพทยสภา แสดงความกังวลว่า ระบบแพทย์ครอบครัวของประเทศไทยแตกต่างจากต่างประเทศ โดยในต่างประเทศจะมีหมอครอบครัวดูแล 24 ชั่วโมงดูแลหลังจากแพทย์จ่ายยา ทว่าในประเทศไทย แม้มีการระบุว่าให้เภสัชกรติดตามอาการหลังจาก 3 วัน ให้ไปพบแพทย์ แต่เห็นว่าระบบส่งต่อผู้ป่วยของประเทศไทยไม่ได้มีความชัดเจนเท่าตัวอย่างในต่างประเทศ โดยเฉพาะระบบเจ้าของไข้ที่ส่งต่อจากร้านยาไปโรงพยาบาล

สภาเภสัชกรรม: นายกสภาเภสัชกรรมยืนยันว่า ภายใต้โครงการนี้มีระบบติดตามอาการประชาชนที่ไปรับบริการ หากไม่ดีขึ้นใน 3 วัน ต้องส่งต่อไปยังหน่วยบริการปฐมภูมิ

“เรากำหนดว่า 3 วัน (ร้านยา) ต้องติดตาม ถ้าไม่ติดตาม คุณเบิกเงินไม่ได้ มันเป็นการบังคับเลย ฉะนั้น จะบอกว่าเราไม่สนใจความปลอดภัยผู้ป่วยคงไม่ใช่ เพราะกระบวนการเรามันชัดเจนอยู่แล้ว” ภก. กล่าวถึงการควบคุมร้านยาในโครงการนี้ทุกร้านที่เข้าร่วมต้องผ่านเกณฑ์การเป็นร้านยาคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 4,000 แห่ง

เภสัชกร กิตติ อธิบายมาตรการควบคุมร้านขายยาอีกด้วยว่า ทุกร้านขายยาต้องเข้ารับการฝึกอบรวมเพื่อทบทวนความรู้ และจะมีคู่มือสำหรับการอ้างอิงทบทวนความรู้การจ่ายยาว่าอาการแบบนี้เป็นอย่างไร กรอบยาที่ควรใช้ได้ และบัญชียาตามกฎหมายให้เภสัชจ่ายได้ ซึ่งในส่วนนี้จะมียากลุ่มที่ต้องรอแพทย์สั่ง เภสัชกรจะจ่ายเองไม่ได้

ส่วนในกระบวนการการดูแลคนไข้จะพิจารณาว่าหากลักษณะเป็นเจ็บป่วยเล็กน้อยหรือเจ็บป่วยไม่มากจริง เภสัชกรดูแลได้ แต่ถ้าอาการมีความซับซ้อนเภสัชกรจะส่งแพทย์ทั้งหมด นอกจากนี้ทางสภาเภสัชกรรม ยังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลการส่งต่อผู้ป่วยหรือรีเฟอร์ (refer) จากร้านยาในโครงการไปยังสถานบริการทางการแพทย์ต้นสังกัดของผู้ป่วย เพื่อยืนยันว่า เภสัชกรมีการคัดกรองผู้ป่วย

“เราไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าจ่ายยาตลอดแล้วไม่ส่งต่อไปพบแพทย์” ภก.กิตติ ระบุ

เจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ มีอะไรบ้าง ?

จุดเริ่มต้นของโครงการนี้มาจากเวทีการรับฟังความคิดเห็นทั่วไปในระบบบัตรทองฯ ปี 2560 ที่ได้มีข้อเสนอให้ขึ้นทะเบียนร้านยาคุณภาพ เป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนใช้สิทธิเข้ารับบริการ

นอกจากนี้ ยังมีผลสำรวจสถานการณ์การเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชน พบว่ามีประชาชนซื้อยากินเองในระหว่าง 1 เดือน เมื่อมีการเจ็บป่วย คิดเป็น 17.6% และผลสำรวจของประชาชนในปี 2561 ยังพบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ประชาชนไม่ใช้สิทธิบัตรทอง คือการรอรับบริการนานสูงถึง 51.9%



สำหรับการเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ ได้แก่

1.เวียนศีรษะ 2.ปวดหัว 3.ปวดข้อ/ปวดกล้ามเนื้อ 4.ปวดฟัน 5.ปวดประจำเดือน 6.ปวดท้อง 7.ท้องเสีย 8.ท้องผูก/ริดสีดวงทวาร 9.ปัสสาวะแสบขัด 10.ตกขาว 11.แผล 12.ผื่นผิวหนัง 13.อาการทางตา 14.อาการทางหู 15.ไข้ ไอ เจ็บคอ

16.ติดเชื้อโควิด 17.น้ำมูก คัดจมูก 18.มีอาการแผลในปาก 19.ตุ่มน้ำใสที่ปาก 20.แผลน้ำร้อนลวกไม่รุนแรง

21.อาการคันผิวหนัง/ศีรษะ 22.อาการจากพยาธิ 23.อาการจากหิด เหา 24.ฝี หนองที่ผิวหนัง 25.อาการชา/เหน็บชา

26.อาการนอนไม่หลับ 27.เมารถ เมาเรือ 28.เบื่ออาหารโดยไม่มีโรคร่วม 29.คลื่นไส้ อาเจียน 30.อาการแพ้ยา/แพ้อาหารเล็กน้อย/แมลงกัดต่อย 31.อาการเจ็บป่วยจากการสูบบุหรี่ 32.เหงือกอักเสบ/มีกลิ่นปาก

รศ.พิเศษ เภสัชกร (ภก.) กิตติ กล่าวว่า แต่ละกลุ่มอาการจะมีตัวยา 2-3 ตัวให้เลือก เนื่องจากผู้ป่วยแต่ละคนอาจไม่เหมาะกับบางตัวยา ซึ่งเภสัชกรต้องซักประวัติเพื่อพิจารณาว่า ตัวยาใดเหมาะสม และแต่ละตัวยามีผลข้างเคียงใดบ้าง

สำหรับการจ่ายยากลุ่มนี้ รศ.พิเศษ เภสัชกร (ภก.) กิตติ ระบุว่า ยาตามแพทย์สั่งจะไม่อยู่ในกลุ่มยาของ 32 อาการนี้ เนื่องจากยาตามแพทย์สั่งมีกฎหมายควบคุมพิเศษที่ต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น

“กลุ่มนี้จะไม่มีอยู่ในโครงการ เรามีการกำหนดชัดเจน เพราะเป็นกลุ่มยาที่ต้องการการกำกับดูแลเข้มงวด และส่วนใหญ่เป็นยาที่ใช้ในโรงพยาบาลมากกว่า”

https://www.bbc.com/thai/articles/ckgvr9zy347o