Thanapol Eawsakul
11h
เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรไม่รับข้อเสนอ ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 2549 ของคณะนิติราษฎร์ในปี 2554 เพื่อเอาคณะรัฐประหาร 2549 ที่มีพลเอกสนธิ บุญยรัตกลินเป็นหัวหน้า มาลงโทษ
ถึงแม้ข้อเสนอลบล้างผลพวงรัฐประหารในปี 2554
ส่วนหนึ่งคือการเอาทักษิณกลับบ้านมาโดยยังไม่ต้องเข้าคุก แต่มาเข้าสู่กระบวนการพิจารณาใหม่
แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและทักษิณ ชินวัตรไม่เลือกวิธีการนี้
แต่กลับไปเลือกวิธีการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง
จึงเป็นที่มาของรัฐประหาร 2557
ซึ่งกำลังหลักก็คือคณะรัฐประหารชุดเดิม ในปี 2549
นำโดยกลุ่มบูรพาพยัคฆ์ ที่มี ประวิตร วงษ์สุวรรณเป็นพี่ใหญ่ทั้ง 2 ครั้ง
ย้อนข้อเสนอ “นิติราษฎร์” ปี 54 แถลงการณ์ ล้างผลพวงรัฐประหาร ชงโละ-รธน.-คปค.-คตส.
https://www.matichonweekly.com/uncategorized/article_664420
.....
ย้อนข้อเสนอ “นิติราษฎร์” ปี 54 แถลงการณ์ ล้างผลปฏิวัติชงโละ-รธน.-คปค.-คตส.
6 เมษายน พ.ศ.2566
มติชนสุดสัปดาห์
หมายเหตุ : งานนี้จัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี ของคณะนิติราษฎร์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นวันที่ 19 ก.ย. 2553 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)
วันที่ 18 ก.ย. 2554 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ “คณะนิติราษฎร์” กลุ่มอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จำนวน 7 คน ประกอบด้วย นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ ,นางจันทจิรา เอี่ยมมยุรา, นายฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล, นายธีระ สุธีวรางกูร, น.ส.สาวิตรี สุขศรี, นายปิยบุตร แสงกนกกุล และนายปูนเทพ ศิรินุพงศ์ ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง “5 ปี รัฐประหาร 1 ปีนิติราษฎร์” โดยมีข้อเสนอ 4 ประเด็น คือ
ประเด็นที่ 1 การลบล้างผลพวงของรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 เป็นการทำผิดกฎหมายทำลายนิติรัฐ-ประชาธิปไตย และยังเป็นต้นเหตุปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน จึงขอเสนอลบล้างผลพวงของรัฐประหาร โดยให้ถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากผลรัฐประหารเสียเปล่า ไม่เคยเกิดขึ้น และไม่มีผลทางกฎหมาย ครอบคลุม ดังนี้
1. ประกาศรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 และการกระทำใตๆ ที่มุ่งผลทางกฎหมายของคณะปฏิรูปการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2549 – 30 ก.ย.2549
2. รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2549 มาตรา 36 และ 37 ให้เสียเปล่าและถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น ไม่มีผลทางกฎหมาย
3. คำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญ คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้คำรงตำแหน่งทางการเมืองที่อาศัยอำนาจตาม คปค. และมีผลต่อเนื่องจากรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 โดยเฉพาะคำวินิขฉัยของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และประกาศให้เรื่องเริ่มเรื่องโดยคตส. ให้ยุติลง
การประกาศความเสียเปล่าของกระบวนการข้างต้น ไม่ใช่การนิรโทษกรรม หรืออภัยโทษ หรือล้างมลทินแก่บุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด หากจะดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวใหม่ สามารถทำได้ตามกระบวนการกฎหมายตามปกติ
ทั้งนี้ เพื่อความชอบธรรมทางประชาธิปไตย คณะนิติราษฎร์ เสนอให้นำข้อเสนอข้างต้นจัดทำเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมและให้ประชาชนออกเสียงประชามติ
ประเด็นที่ 2 เสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เนื่องจากมีปัญหาทั้งแง่ตัวกฎหมาย การบังคับใช้ และอุดมการณ์ ซึ่งประเด็นนี้ยังไม่มีการศึกษาและอภิปรายในวงกว้าง โดยเฉพาะเรื่องความสมดุสระหว่างความร้ายแรงของการกระทำความผิดกับโทษที่ควรได้รับ ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักความสมควรแก่ เหตุที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 29
ทั้งนี้ คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายควรรับฟังความเห็นจากประชาชนเพื่อเสนอต่อครม.ต่อไป ตามพ.ร.บ.คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ.2553 มาตรา 19 (3)
ประเด็นที่ 3 เสนอให้กระบวนการยุติธรรมกับผู้ต้องหา หรือจำเลย และเยียวยาผู้ได้รับความเสียหาย ภายหลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ซึ่งหลังจากรัฐประหาร ส่งผลให้อยู่ในสถานการณ์ขัดแย้งเรื่อยมา มีการชุมนุมของฝ่ายต่างๆ ใช้ความรุนแรง มีผู้ถูกกล่าวหาทำผิด มีผู้ได้รับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน จึงควรแก้ไข เยียวยาอย่างเร่งด่วนและเป็นรูปธรรม
ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดโดยมีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ควรได้ประกันตามกระบวนการที่ถูกต้องและเป็นธรรม ขณะที่การเรียกประกันหรือหลักประกันต้องไม่เกินความจำเป็นแก่กรณี ตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 110 วรรคท้าย แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดต้องปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 39 ครม.ควรออกมติให้ความช่วยเหลือหรือจ่ายค่าทดแทนแก่ผู้ใด้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความขัดแข็งทางการเมืองที่เกิดขึ้นหลังรัฐประหาร โดยแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมารับผิดชอบโดขเฉพาะ ให้มีหลักเกณฑ์ วิธีการ อัตราค่าทดแทน อาศัยตามแพวทางกฎหมายที่มีอยู่แล้ว เช่น พ.ร.บ.ค่ตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนแก่จำเลยคคีอาญา พ.ศ.2544 หรือ พ.ร.บ.สงเคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจาการช่วยเหลือราชการการปฏิบัติงานของชาติหรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม พ.ศ.2543
นอกจากนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ควรตรวจสอบการกระทำ หรือการละเลยการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องหา จำเลย
ประเด็นที่ 4 เสนอให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 และจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เนื่องจากฉบับ 2550 เป็นผลต่อเนื่องจากการรัฐประหาร 2549 แม้จะผ่านการทำประชามติมาแล้วก็ตาม เพราะกระบวนการยกร่างและการจัดออกเสียงประชามติ ไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย
จึงเสนอให้ ครม.เสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มหมวด 16 การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยให้ใช้ พ.ร.บ. ธรรมนูญการปกครองแผ่นตินสยามชั่วคราว ปี 2475, รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2475 รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2489 และอาจนำรัฐธรรมนูญปี 2540 ในส่วนการประกันสิทธิและ เสรีภาพตลอดจนโครงสร้างสถาบันการเมืองและองค์กรทางรัฐธรรมนูญมาเป็นแนวทางยกร่าง พร้อมเสพอให้จัดทำคำประกาศ ว่าด้วยคุณค่าอันเป็นรากฐานของระบบเสรีประชาธิปไตย เพื่อไม่ให้การทำรัฐประหารทำลายรากฐานของนิติรัฐ-ประชาธิปไตย ทั้งนี้ หากสภาร่างรัฐธรรมนูญให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขแล้ว จัดให้ออกเสียงประชามติเพื่อให้ออก เสียงเห็นชอบต่อไป