๙ มิถุนา ครบรอบ ๗๖ ปี การสวรรคตของ ร.๘ จากการลอบปลงพระชนม์ อันเป็นข้อสรุปตามการลงความเห็นของคณะแพทย์ผู้ชันสูตรพระศพ จำนวน ๓ ใน ๔ ดังรายงานของ ‘สำนักข่าวราษฎร’
ความเชื่อแบบเพ้อพก ซึ่งทางการรัฐไทยพยายามใช้อ้างเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อันเพียบไปด้วยการซ่อนเร้นข้อเท็จจริงว่าใคร ‘ลั่นไก’ และทำให้เป็น ‘myth’ ว่า ‘ปืนลั่น’ ได้เจือจางไปมากหลังจากสิ้นสุดในหลวงรัชกาลที่ ๙
ขณะที่ สำนักข่าวราษฎร - Ratsadon News นำรายละเอียดเหตุการณ์เช้าวันที่ ๙ มิถุนา ๒๔๘๙ จากข้อเขียนของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เรื่อง 'ทัศนะวิพากษ์ : ปริศนากรณีสวรรคต' ตีพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน มาเล่าไว้อีกครั้ง
นักวิชาการผู้ช่ำชองข้อมูลเกี่ยวกับกรณีสวรรคตฯ ซึ่งลี้ภัยอยู่ในกรุงปารีส ได้เปิดเผยชุดข้อมูลเกี่ยวเนื่องกรณีสวรรคตฯ ดังกล่าว จาก ‘ต้นฉบับลายมือ’ ของนายปรีดี พนมยงค์ ที่เปิดเผยหลังจากรัฐบุรุษคนสำคัญของไทยเสียชีวิตไปแล้ว
พร้อมคำถามว่า “เหตุใด เมื่อเขา (ปรีดี) ได้ข้อสรุปเช่นนั้นแล้วเขาจึงเงียบเฉยอยู่ และปล่อยให้ผู้สนใจต้องติดตามค้นคว้าเอาเอง และเกือบจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่สูญหายไป...แทนที่จะเป็นการเปิดเผยอย่างลับๆ ของหลวงธำรงต่อทูตอเมริกัน”
รายละเอียดเรื่อง “การเปิดเผยอย่างลับๆ” นี้ปรากฏในวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของ แดเนียล ไฟน์แมน “ที่ทำเสร็จตั้งแต่ปี (ค.ศ.) 1993 (๒๕๓๖) มีข้อความพาดพิงอย่างสำคัญถึงกรณีสวรรคต” ซึ่งทั้งหลวงธำรงและใครๆ ในรัฐบาลครั้งนั้น “ไม่กล้าที่จะแม้แต่พูดเป็นนัย”
หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ “ลูกศิษย์คนสนิทของปรีดีและนายกรัฐมนตรีคนสุดท้ายก่อนเกิดรัฐประหาร ๒๔๙๐ ได้กล่าวแก่ทูตอเมริกันสี่เดือนหลังรัฐประหารว่า ในระหว่างที่เป็นรัฐบาลเขาได้ข้อสรุปจากการสอบสวน ว่าพระอนุชาคือผู้ต้องสงสัย”
สศจ. “ระบุลงไปอย่างมั่นใจว่ากรณีดังกล่าวปรีดีมีความเห็นเช่นไร (อย่างเดียวกัน)...แม้ในระหว่างเกิดกรณีสวรรคตขึ้นใหม่ๆ กลุ่มปรีดีเองก็มีทัศนคติเรื่องนี้ในทางนี้แล้ว” ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏเช้าวันนั้น เมื่อคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้ง ๗ ตื่นหมดแล้ว
“ประมาณเกือบๆ ๙ นาฬิกา ๓๐ นาที เกิดเสียงปืนขึ้นในห้องนอนในหลวงอานันท์” และ “มีแผลกระสุนที่พระนลาฏ (หน้าผาก) เหนือคิ้วซ้าย” และในทางนิติเวชเป็นไปไม่ได้ที่จะลั่นไกด้วยพระองค์เอง แม้จะพบว่า “บนที่นอนบริเวณใกล้พระหัตถ์ซ้ายมีปืนสั้นวางอยู่”
แต่ครั้น นายชิต เวชประสิทธิ์ ทนายความคดีสวรรคตผู้หนึ่งเป็นตัวแทนของจอมพล ป.พิบูลสงคราม เดินทางไปพบปรีดีที่เมืองจีนในปี พ.ศ.๒๕๐๐ เพื่อเจรจา “รื้อฟื้นคดีสวรรคตขึ้นใหม่ แต่ยังไม่ทันทำอะไรก็เกิดรัฐประหารขึ้นก่อน”
ซึ่ง สศจ.มีความเห็นว่า ถึงกระนั้นการร่วมมือดังกล่าวก็สามารถทำได้ ถ้าจะทำ เขาอ้างว่า “จาก ‘ต้นฉบับ’ ดูเหมือนว่าปรีดีกำลังตระเตรียมการที่จะต่อสู้ทางความคิดกับรัฐไทย” โดยโคว้ตประโยคในข้อเขียนของปรีดี (หน้า ๑๙)
ที่ว่า “เราต้องต่อสู้เพื่อจุดหมายทางคือล้มระบอบกษัตริย์...วิธีต่อสู้ต้องเริ่มจากจิตวิทยา เตรียมทำลาย ทำให้เสื่อม เมื่อเห็นว่าเสื่อมแล้วก็ล้มได้” แต่ ‘ต้นฉบับลายมือกรณีสวรรคต’ “ถูกเขียนทิ้งค้างไว้เพียงนั้น” ทำให้กรณีสวรรคต ร.๘ ยังคงเป็น ‘myth’
แม้ในหมู่ผู้ศึกษากรณีดังกล่าวอย่างจดจ่อ มากระทั่งบัดนี้ว่าทำไมไกลั่น มันเกิดขึ้นด้วยความคะนองหรือจงใจ
(https://www.facebook.com/RatsadonNews/posts/WuYl และ https://www.facebook.com/somsakjeam/posts/xk53nl)