หลายคนบอกว่า “อันนี้เจ็บจริง” ‘Soraj Hongladarom @Sonamsangbo’ คนหนึ่งละ “ตอนนี้คนจีนเปลี่ยนมาด่าใหม่
กลายเป็นขอให้อยู่ใต้ประยุทธ์ไปตลอดชาติ” แม้นว่า @PavinKyoto จะช่วยแก้ (หรือ ‘ซ้ำดั้มพลอย’ ก็ไม่รู้ได้)
“อีจีนแช่งให้ไทยถูกทหารปกครองนานๆ
เสือกลืมไปว่า มึงถูกคอมมิวนิสต์ปกครองมา ๗๑ ปีแล้ว อีโง่ #nnevvy”
แฮ้สแท็กเบื้องท้ายประโยคนี่แหละคือต้นตอ ‘สงครามน้ำลาย’ ไทย-จีน ครั้งมหากาพย์อลังการ บนดาวทวิตเตอร์
ซึ่ง prajak kong @bkksnow เอ่ยถึงว่า “เป็น ‘สงครามไซเบอร์’ ที่แปลก ขบขัน
และซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่สุดใน ปวศ.ของทั้งสองประเทศ” และเช่นนั้น “ชาวเน็ตประเทศเล็กๆ
อย่างไทยเอาชนะ ‘พญามังกร’ ไปด้วยสกิลการวิจารณ์+ภูมิต้านทานที่เหนือกว่า”
ไม่แต่เท่านั้น
มันเป็นปรากฏการณ์ข้ามชาติและเผ่าพันธุ์ “cross-cultural,
geopolitical phenomenon” ดั่ง kaewmala @Thai_Talk
ว่า “ภาษาที่ใช้ในการสนทนาบนแฮ้สแท็ก #nnevvy นอกจากอังกฤษ ไทย จีน
แล้วยังมีเวียตนาม อินโดนีเซีย ตากาล็อก ญี่ปุ่น” ด้วย
ประจักษ์ชี้ถึง “ความสามารถในการหัวเราะให้กับชะตากรรมของประเทศตนเอง”
ตัวอย่างเช่น “Chinese:
**Rebuked all of Thai** Thai: I don't care Because it's true and All of Thai
people wait for our PM (to) die.” (@mojitozaa03)
ต้นเหตุของสงครามมักจะมาจากน้ำผึ้งหยดเดียว
กรณีนี้ดูจะหนีไม่พ้น อันเนื่องมาแต่ ‘ไบร๊จ์’ ดาราวัยรุ่นไทย ‘heartthrob’ ระดับนานาอาเซียน ไปรีทวี้ตข้อความเกี่ยวกับการเริ่มระบาดของโคโรน่าไวรัสที่หวูฮั่น
ซึ่งบอกว่าโรงพยาบาลที่นั่น “มีคลังไวรัสอยู่ถึง ๑,๕๐๐ สายพันธุ์”
ถึงเขาจะลบทวี้ตเดิมและเขียนขอโทษตามมา
ก็สายไปแล้วเมื่อชาวเน็ตติเซ็นจีนก่อหวอดแสดงความไม่พอใจ
ที่ซึ่งจากการวิเคราะห์ของ ‘จิมมี่’
James Buchanan @JBuchananBKK บอกเป็นผลงานของพวก ‘wumao’ หรือ ‘ไอโอ’ ของรัฐบาลจีน
น่าจะใช่
“มันบ้าบอและน่าขัน” เขาเขียนบนทวิตเตอร์ก่อนไปนอนเมื่อเลยเที่ยงคืนวันที่
๑๑ เมษา “ขอเตือนให้ระลึกกันไว้ว่า แม้จะมีการให้ร้ายข่มเหงจากบรรดา ‘bots’
(จิ๊กโก๋ไซเบอร์) และกำลังพลไอโอ มันไม่ได้เป็นเสียงที่มาจากชาวจีนทั่วไปบนแผ่นดินใหญ่”
มีคนเห็นด้วย “ทวิตเตอร์กับเฟชบุ๊คถูกแบนหรือห้ามใช้ในประเทศจีน”
ฉะนั้นพวกที่มารุมถล่มไบร๊จ์เป็น “คนที่ #CCPChina จ้างมาขัดขวางเสรีภาพในการแสดงออกและฉีดน้ำยา #FakeNews” (แบบเดียวกับที่เฮียแดงเค้าสวมชุดมนุษย์อวกาศออกฉีดตอนค่ำๆ นั่นละ)
จิมมี่ยังเอ่ยถึงมนุษย์สายพันธุ์ ‘สลิ่ม’ ที่มิใช่มีแต่ในประเทศไทยหรือสหราชอาณาจักรประเทศบ้านเกิดเขาเอง
ในจีนก็มีอยู่ไม่น้อย เรื่องมันถึงได้ยืดยาวก็เพราะสลิ่มจีนไปขุดเอาทวี้ตของแฟนไบร๊จ์
#nnevvy นั่นไง
เธอโพสต์ยั่วยวนคนรัก สวมชุด ‘ไต้หวันเกิร์ล’ แล้วมีบางส่วนไปพัวพันกับแฮ้สแท็กอื่นๆ
ที่ระบุว่าไต้หวันเป็นประเทศ เท่านั้นแหละเป็นเรื่องให้ไอโอเข้าไปก่อกวน
ว่าเฮ้ยพูดงี้ได้งัย ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนเหมือนฮ่องกงนะ
การตอบโต้ต่อจากนั้นโดยเน็ตติเซ็นไทย
ถึงลูกถึงคนด้วยอารมณ์ขันอย่าง ‘brilliant’ เชียว
(คำของ susan shih @susanthshih) ตัวอย่าง @smek_og
:“Please do not say 'fuck you thais' Coz we are fucked by
gov. everyday #nnevvy”
อีกราย @dcann58618191 บอก “โปรดส่งคืนหน้ากากที่บริจาคโดยประเทศของเรา” ก็มี ‘โถอีควาย’ @jungmonarakmak2 ไปตอบว่า “We
already sold it to the USA.” ทว่าปังกว่านั้นเป็นบทสนทนาระหว่าง Bow
Nuttaa Mahatttana กับ Emika Ashford*
เข้าถึงแก่นเจาะถึงกึ๋นเลยทีเดียว โบว์ว่า “เค้าไม่รู้ว่าคนไทยที่ด่าจีนเนี่ย
คือคนที่เกลียดความเผด็จการแบบจีนๆ ที่มีอยู่ในไทย...มันเลยกลายเป็นความฟินสองต่อ”
ด้าน ‘เอ็ม’
บอก “ขำมาก...ด่าเราประเทศด้อยพัฒนา...แล้วด่าราชวงศ์...เลยส่งรูปใหม่ไปให้...หลังๆ
เหมือนมันจับทางเราถูก บอกให้ #ประยุทธ์ อยู่ต่อตลอดไปนานๆ
เลย อันนี้กูเริ่มขำไม่ออกละ อีดอก”
*หมายเหตุดอกจันทร์ เอ็มมิกา
แอชฟอร์ด นี่เป็นคนที่เขียนโพสต์ทวงหาเงินเยียวยา ๕ พัน “กูลงไว้ว่าทำงานนวด
และเป็นกะหรี่ ซึ่งเป็นความจริงทุกประการ เดือดร้อนมากเพราะปิดประเทศ
ฝรั่งเข้ามาไม่ได้กูเลยไม่มีลูกค้า”
เธอยกเหตุผลอันสมควรได้รับการเยียวยาว่า “ไม่มีอาชีพไหนจะอิสระไปกว่านี้แล้ว”
ท่านผู้อ่านคงทราบแล้วหละว่าที่เขาแจก ๕ พันนั่น สำหรับพวกแรงงานนอกระบบไม่อยู่ในกระบวนประกันสังคม
และผู้มีอาชีพอิสระ แต่ปรากฏคนเหล่านั้นถูกปฏิเสธเยอะแยะ