ได้ทียุบพรรคปิดสื่อ ? คนไทยไม่ใช่ควายแบบสลิ่ม ใครก็อ่านเกมได้ นี่มันทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประยุทธ์ชนะ

ยุบ ทษช. ปิด Voice พร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ไม่มีใบสั่ง คสช. แต่ทำไม ทีแรก กกต.จะตั้งกรรมการพิจารณาก่อน จู่ๆ ก็มาลงมติปุบปับ ส่วน กสทช.เรอะ ก็ใช้ประกาศคณะรัฐประหารฉบับ 97,103 ซึ่งอำนาจกว้างขวาง ไม่ต้องรับผิด จะปิด Voice เมื่อไหร่ก็ได้ จู่ๆ ทำไมมาปิดช่วงเลือกตั้ง สอดคล้องกับกระแสบดขยี้ ทษช.

คนไทยไม่ใช่ควายแบบสลิ่ม ใครก็อ่านเกมได้ นี่มันทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประยุทธ์ชนะ แต่คิดผิดนะ มันจะบีบคั้นให้พลังต่อต้านการสืบทอดอำนาจรวมกันอีกครั้ง

ถึงไม่เห็นด้วยกับ ทษช. แต่การเอาผิดถึงขั้นยุบพรรค ระหว่างเลือกตั้ง จะละเมิดหลักการประชาธิปไตยอย่างมหันต์ อันดับแรก ทษช.เสนอชื่อแล้วเป็นโมฆะ ผิดด้วยหรือ ก็ยังต้องเถียงกัน เพราะตอนเสนอชื่อยังไม่มีพระราชโองการ เมื่อมีพระราชโองการก็น้อมรับ เมื่อ กกต.ตัดชื่อ ก็เท่ากับไม่ได้เสนอใคร งั้นจะบอกว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองได้อย่างไร

อันดับถัดมา เป็นเรื่องใหญ่กว่าเสียอีก คือผู้สมัคร 200 กว่าคนทั้งระบบเขต ระบบปาร์ตี้ลิสต์ เขาผิดตรงไหน เขาเกี่ยวข้องอะไรด้วย ทำไมโดนตัดสิทธิ ทั้งที่ลงทุนลงแรงหาเสียงไปแล้ว

ถัดมาอีก ก็เป็นการละเมิดสิทธิประชาชน ที่เขามีสิทธิเลือก อยากเลือก แต่ถูกตัดตัวเลือก นี่ทำลายหลักการประชาธิปไตย

ศาลจะอธิบายอย่างไร ในการตัดสิทธิผู้สมัคร ตัดสิทธิประชาชน พร้อมไปกับการยุบพรรค
หรือจะบอกว่า คะแนนที่จะลงให้ ทษช.เป็นพิษเป็นภัย เพราะถ้าประชาชนเทคะแนนให้ถล่มทลายละก็ แย่เลย

...

ผู้ร้องเรียน Voice คือ คสช.ครับ

คสช.ออกประกาศ 97,103 ปิดปากสื่อ แล้วเอามาให้ กสทช.ใช้บังคับ พร้อมกับออกคำสั่ง 41/2559 ให้ กสทช.ใช้อำนาจได้โดยไม่ต้องรับผิด จากนั้น คสช.ก็ถอยตัวเองกลับไปเป็นผู้ร้องเรียน ว่าเฮ้ย Voice มันทำผิดประกาศคำสั่งของเรานะ

แบบเดียวกับ คสช.ออกคำสั่งห้ามชุมนุม 5 คนขึ้นไป แล้วพอคนอยากเลือกตั้งออกมาชุมนุม คสช.ก็ไม่จับเอง แต่แปลงร่างเป็นเจ้าทุกข์ ไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ ว่าไอ้พวกนี้ขัดคำสั่ง คสช. เป็นภัยต่อความมั่นคง ให้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินคดี

...

เลือกตั้งครั้งนี้ ความเป็นจริง มันเป็นการเลือกตั้งที่ "อปกติ" เอาเปรียบด้วยอำนาจ ด้วยกติกา ทุกอย่าง
แต่ทุกคนก็พยายามจะเรียกร้องให้มันเป็นการเลือกตั้งที่ปกติ ให้แข่งขันอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม (ทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้)

จนกระทั่ง ทษช.แหกกรอบ สุดๆ ไปอีกทาง
ก็ทำให้มันกลายเป็นการเลือกตั้งที่ "อปกติ" โดยสิ้นเชิง ไม่มีทางกลับไปเป็นปกติ และไม่จบ
จะดีจะร้ายก็ยังมองได้ไม่หมดเหมือนกัน เพราะมันยังไม่จบ

ที่มา FB


Atukkit Sawangsuk