วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 15, 2562

จำคุก ๘ เดือน ไม่รอลงอาญา นี่มันแค่ 'ปัดสวะซ่อนใต้พรม'

วาทกรรมคนดีนี่มันเหลือรับประทานเลยเชียว การที่แกนนำ พธม. ๖ คนถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก ๘ เดือนโดยไม่รอลงอาญา นี่เป็น “วิถีของนักรบ” “เสียอิสรภาพเพื่อชาติ” และ “อยู่ในคุกทุกขังยังเป็นไทย”

แล้วคดีที่มีความผิดร้ายแรงฐานก่อการกบฏ กระทำให้เกิดความปั่นป่วน หรือเกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร ใช้กำลังประทุษร้าย ยึดสนามบิน ขัดขวางการเลือกตั้ง ฯลฯ อีกตั้งสี่ห้าสำนวน ที่คาราคาซังไม่คืบ บ้างอัยการสั่งฟ้องตั้งนานแล้วยังไม่ฟ้องล่ะ

ซ้ำร้ายบางสำนวนฟ้องแล้วแต่ดันหาตัวจำเลยไม่เจอ ก็นี่ไงพวกที่เดินเข้าเรือนจำอย่างวีรบุรุษทั้งหลาย หน้าเดิมๆ ทั้งนั้นที่อัยการศาลไทกงเคยบอกว่า “ยังไม่ได้ตัว” เลยส่งฟ้องไม่ได้ พอเป็นความผิดแค่มะโนสาเร่ แหม เดินเข้าคุกอย่างสง่างามเป็นแถว

แถมวันแรกมีดราม่าป่วยกันทุกคน กินข้าวผัดไม่ได้มั่งละ แบบนี้ชาวบ้านที่เจ็บช้ำเพราะลูกเต้าญาติพี่น้องชีวาวาย หรือต้องคดี ติดคุกหนักในความผิดคล้ายคลึงกัน หรือเช่นที่ อธึกกิต แสวงสุข บอก “ที คนอยากเลือกตั้ง แค่ชุมนุมหน้า MBK กลับโดน ๑๑๖ เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ”

จะไม่ให้เขาพูดกันว่า ๘ เดือนนี่แค่ปัดสวะซ่อนใต้พรม เขี่ยอาจมใส่ซอกตึกเท่านั้น ได้อย่างไร

คดีที่จำลอง สนธิ พิภพ สมศักดิ์ (โกฯ) สมเกียรติ (พงษ์ฯ) และ ยะใส ได้เป็น ฮีโร่ กันนี่ แค่ความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ ก่อเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินในทำเนียบรัฐบาล เช่นเหยียบย่ำสนามหญ้าพัง กระชากทำลายกล้องวงจรปิด ฯลฯ ระวางสูงสุดยังแค่ ๓ ปี

แต่คดีอื่นๆ ที่เหลืออยู่นั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายสิทธิมนุษยชนฯ แจงยิบเมื่อวาน (๑๔ กุมภา) ได้แก่คดีที่ “อดีตผู้ประสานงาน พธม....ร่วมกันกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส.” จากการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อพฤศจิกายน ๕๖ ถึงพฤษภา ๕๗ รวม ๘ ข้อหานั่นหนึ่งละ

เป็นคดีที่ “พนักงานอัยการคดีพิเศษเคยมีความเห็นสั่งฟ้องเเต่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง” ตอนนี้มีตัวตนอยู่ในคุกแล้วสอง คือพิภพกับยะใส ยังไม่มีตัวตน ก็นั่นไง สุเทือก สาวตั๊น นายนิติธร ล้ำเหลือ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นต้น

ในส่วนนั้นเป็นคดีที่เรียกว่า กบฏ กปปส.มีผู้ต้องหา ๔๗ คน ค่อยๆ บรรจงทำสำนวนส่งฟ้องแล้ว ๒๙ คน ๔ สำนวน แยกฟ้องชุดแรกมี เสรี วงศ์มณฑา สมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ สนธิญาน ชื่นฤทัยในธรรม และสกลธี ภัทธิยกุล

ชุดสอง จำเลยได้แก่ เทพเทือก ชุมพล จุลใส พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อิสระ สมชัย วิทยา แก้วภราดัย ถาวร เสนเนียม ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ คนดีๆ ดังๆ ทั้งนั้น อยู่ในรัฐบาล คสช. ก็มี อยู่ที่พรรคพลังประชารัฐก็เยอะ

สำหรับสำนวนที่สาม คดีหมายเลขดำ อ.832/2561 (เพิ่งฟ้องเมื่อปีที่แล้ว) ได้แก่ อี๊ปอง น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สุวิทย์ ทองประเสริฐ สาธิต เซกัลป์ รังสิมา รอดรัศมี (ฉายา ฉี่เหม็น) แก้วสรร อติโพธิ ถวิล เปลี่ยนศรี และ ไพบูลย์ นิติตะวัน

น่าสังเกตุว่าในจำนวนนั้น นอกเหนือจากพวกหน้าเก่าๆ ที่ละชื่อไว้หลายคนแล้ว มีบางคนแข็งขันในการ ชง และ ดัน ให้ กกต. จัดการกับพรรคไทยรักษาชาติ จนไปถึงศาลรัฐธรรมนูญอย่างว่องไว ขณะนี้

ยังมีสำนวนที่สี่ ในปี ๒๕๖๑ เช่นกัน ที่มีทั้งกลุ่ม พธม. เก่า และอดีต ส.ส.พรรค ปชป. นอกจากสุริยะใส กตะศิลาและน.ส.จิตรภัสร์ กฤดาการ แล้วยังมี ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อมร อมรรัตนานนท์ (เปลี่ยนชื่อเป็น รัชต์ชยุตม์ ศิรโยธินภักดี) พิเชษฐ พัฒนโชติ สุริยันต์ ทองหนูเอียด และ ทยา ทีปสุวรรณ


แล้วไง คนเหล่านั้นจะยังลอยหน้านวลๆ กันต่อไป ไม่ระแคะระคาย แถมมีบทบาทฟู่ฟ่ากันทั้งทางการเมืองและสังคม อย่างแน่นอนและแน่นหนา ถ้าประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพลังประชารัฐกลับมาเป็นรัฐบาลกันอีก เช่นที่ ผบ.ทบ. ชี้แนะอย่าง ตรงกลางๆ
 
วันก่อน (๑๓ กุมภา) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ พูดกร้าวเตือนอีกครั้ง อย่าล้ำเส้นคำนี้มันก็มีความหมายอยู่แล้ว...ยันกองทัพวางตัวเป็นกลางและระวังตัวทุกฝีก้าว” (จากทวี้ต Deep Blue Sea @WassanaNanuam)

วันเดียวกันที่กองบัญชาการกองทัพบก ทั่นเลขาธิการ คสช. ปราศรัยกับกำลังพล ขอให้ “สนับสนุนการทำงานของรัฐบาล อย่าให้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้เสียสละทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองในช่วงที่ผ่านมาเสียของ ไม่ควรต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่”


ไม่ว่า เอนก เหล่าธรรมทัศน์ จะสามารถบิดเบือนความหมายของหลัก นิติธรรม และ ธรรมาธิปไตยว่าคือการล้มล้างรัฐบาลที่ได้อาณัติจากการเลือกตั้ง และสนับสนุนการรัฐประหารได้ ไม่ว่า รสนา โตสิตระกูล จะบ่ายเบี่ยงว่าไอ้การเขี่ยขยะไว้ใต้เสื่อของผู้มีอำนาจรัฐ “ไม่ใช่ชะตากรรมของผู้แพ้”

 
ไม่ว่า สุรชัย จันทิมาทร จะปลอบใจพวกพ้องว่าติดคุกไทย ยัง “ดีกว่าไปเหม่งหม่างในต่างแดน” ความจริงที่พวกเขาละไว้เบื้องหลังวาทกรรมเลิศหรู ก็คือ “ยึดทำเนียบรัฐบาล ปิดล้อมสถานที่ราชการเพื่อยั่วยุ ผิดเต็มตีนครับ” (ขอบคุณ @KillerPress ที่เขียนแทนเอาไว้)