ข้อคิดนิดหนึ่งกับกรณี #ป้าทุบรถ ประเมินเผินๆ จากข้อโต้แย้งทางสื่อสังคมแล้วเห็นท่าจะใช่
ว่าบ้านนี้เมืองนี้เป็นสังคมที่ป่วยในเรื่องจิตสำนึกพื้นฐานของการเป็นปัจเจกชนนะ
เริ่มจากทวี้ตของ อจ.กานดา นาคน้อย @kandainthai “คนทุบรถก็ต้องจ่ายค่าชดเชยไปหลังการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
คนจอดขวางทางก็โดนปรับกิ๊กก๊อก ถ้าไม่ตั้งค่าปรับสูงๆ กรณีการจอดขวางทางก็ยากจะดัดสันดานคนมักง่าย
แต่คนที่ควรโดนปรับสูงสุดคือเจ้าของตลาดเถื่อนไร้ใบอนุญาต”
ต้นตอของเหตุอยู่ที่ตลาดสวนหลวง ร.๙
ในเขตประเวศ ซึ่งจัดตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านจัดสรรเสรีวิลล่า จึงแน่นอนว่าลักษณะตลาดนัดขนาดใหญ่อย่างนั้นย่อมมีความพลุกพล่าน
จ้อกแจ้กจอแจ และบางครั้งอึกทึกครึกโครมเป็นธรรมดา หนักที่สุดก็คือการจอดรถขวางทางเข้าออก
ไม่เหมาะที่จะอยู่ติดกันหรือคละเคล้ากับบ้านอยู่อาศัยที่เป็นส่วนตัว
หรือ ‘Single Home’ ต่างกับที่อยู่อาศัยชิดรวมหมู่อย่างคอนโดมิเนี่ยมและอะพ้าร์ตเม้นต์
เว้นแต่ทางการท้องที่จะมีมาตรการควบคุมได้ดีอย่างที่เป็นในย่านน้อตติ้งแฮมของนครลอนดอน
หรือเป็นอยู่ทั่วไปในนครพอร์ตแลนด์ รัฐออเรกอน
นั่นย่อมรวมถึงประการสำคัญที่ประชากรปฏิบัติตามกฏระเบียบซึ่งท้องที่และบ้านเมืองกำหนด
ด้วยความเข้าใจในสิทธิของบุคคล รักษาสิทธิของตนไม่ลุกล้ำสิทธิของคนอื่น
รวมทั้งปัจเจกชนไม่ควรต้องทนทุกข์เพื่อความสุขสำราญของคนหมู่มากด้วย
สำนักข่าวไทยรายงานเมื่อ ๒๐ ก.พ. นางสาวบุญศรี
แสงหยกตระการ เจ้าของบ้านเลขที่ 37/208 ซอยหมู่บ้านเสรีวิลล่า ตั้งโต๊ะแถลงข่าวหน้าบ้านหลังจากที่โดน
สน.ประเวศแจ้งข้อหาทำลายทรัพย์ผู้อื่นและพกพาอาวุธ (ขวาน) ในที่สาธารณะ
“ยืนยันว่าเธอได้ใช้ความพยายามในการตามหาตัวเจ้าของรถเกือบ
๓๐ นาที โดยบีบแตรดังตลอดเวลา และได้โทรศัพท์แจ้ง ๑๙๑ จส.๑๐๐ ตามหาเจ้าของรถให้มาเลื่อนออกแล้ว
ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เธอตัดสินใจทุบรถ
คือเมื่อเจ้าของรถมาถึงก็บอกว่าได้ยินเสียงแตรแล้วแต่ยังซื้อของไม่เสร็จ
จากนั้นเจ้าของรถก็ยังไม่ยอมเลื่อนรถทันที ยังประวิงเวลาทำธุระอยู่อีกนานเกือบ ๓๐ นาที”
ฟังความจากเจ้าของรถเจ้ากรรมนายเวรบ้าง
มีคนสรุปข้อโต้แย้งของ น.ส.รชนิกร เลิศวาสนา เจ้าของรถปิ๊กอัพซึ่งถูกขวานจามกระจกแตก กันชนบุบ
(บางข้อ) จากโพสต์ของ Sumalee Nimnate ได้ว่า
“ใส่เกียร์
(ทำให้ไม่สามารถผลักรถให้เลื่อนพ้นทางเหมือนที่ทำกันตามลานจอดรถได้) เพราะเป็นความเคยชินของหนู...ป้ายไม่อ่าน
เพราะตัวหนังสือเยอะเกินไป...ได้ยินเสียงแตรมั๊ย
ได้ยินแต่ยังซื้อของไม่เสร็จ” และ
“หนูรีบ
น่าจะรอหน่อย ถ้าออกไม่ได้” รอ ๓๐ นาฑีแล้วต่ออีก ๓๐ นาฑีนี่นะ
ทางป้าเจ้าของบ้านล่ะว่าอย่างไร
“ถึงปัญหาที่ต่อสู้มานานกว่า ๑๐ ปี
ทั้งเรื่องเสียงดังสร้างความเดือดร้อนรำคาญระหว่างการขนส่งสินค้าเข้าตลาด
การจอดรถกีดขวางทางเข้าออกทำลายต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมกำแพงบ้าน
รวมถึงปัญหาการลักลอบใช้ไฟฟ้า
จนทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นบาท
ซึ่งทั้งหมดมีการฟ้องร้องไปยังศาลปกครองแล้ว ๓ คดี ซึ่งคดีที่หนึ่งและสองมีคำสั่งให้คุ้มครองแล้ว”
ก็ยังเกิดเหตุละเมิดคำสั่งศาลอยู่เป็นนิจสิน
แล้วเขตประเวศผู้รับผิดชอบต่อปัญหาทั้งหมดว่าไง
นายธนสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผอ.เขตประเวศชี้แจงว่า
“ที่ดินที่มีการก่อสร้างตลาดนั้นเป็นของเอกชน
ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีคำสั่งของศสาลปกครองกลาง...
ให้เจ้าของตลาดนัดไม่ก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญที่เกิดจากการจัดตั้งตลาดแก่เจ้าของบ้าน
ทางเขตระบุว่า ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเจ้าของตลาดก็ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเช่นกัน”
ที่จริงปัญหาประเด็นการฟ้องกลับ
(หรือ ‘counter sues’ ในอเมริกา)
นี่ไม่น่าจะปล่อยให้เกิดความเดือดร้อนคาราคาซัง ก่อนจะสั่งคุ้มครองควรต้องพิจารณาเสียก่อนว่าใครเดือดร้อนบ้าง
แล้วออกคำสั่งใหม่คุ้มครองสิทธิและความสะดวกในชีวิตประจำวันไว้ด้วย
แต่จากการให้สัมภาษณ์ของ
ผอ.เขตประเวศตอนหนึ่งบอกว่า ตลาดนี้เปิดเฉพาะตอนเช้าวันเสาร์-อาทิตย์
และมีกฏห้ามจอดรถตั้งแต่ ๖ โมงถึง ๑๐ โมง “ป้าเดือดร้อนแค่ไม่กี่วันต่อปี”
ก็เลยมีคนโต้ด้วยคณิตศาสตร์คร่าวๆ
“ปีนึงมี ๕๒ สัปดาห์
สัปดาห์นึงมีเสาร์อาทิตย์สองวัน ๕๒ x ๒ = ๑๐๔ แล้วปีนึงมี ๓๖๕ วัน
เท่ากับป้าต้องทนตลาดเฮงซวยนี้เป็นเวลาประมาณ ๑/๓ ของปี เดือดร้อนไม่กี่วันนน
อีผอ. เขตบ้าาาาาาา” (修復者37@シエニアー @TTRX37)
แล้วถ้าเป็นความเดือดร้อนเวลาคนในบ้านเจ็บไข้ได้ป่วยล่ะ
ป้าเล่าว่า “มีเพียงมารดาที่ป่วย จึงต้องนำตัวไปพักรักษาที่โรงพยาบาล เพราะกังวลว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันจะไม่สามารถนำส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา”
ส่วนที่มีกระแสข่าวทางโลกโซเชียลว่าบิดาป่วยเคยออกจากบ้านไม่ได้
จนต้องเสียชีวิตนั้นไม่ใช่บ้านนี้ แต่เพื่อนบ้านใกล้ๆ
ก็ยังไม่วายมีหัวหมอเอาไปโพสต์ที่เว็บพันทิพ “ขอเตือนสติคนไทยสักหน่อยนึง
คนจะเสียชีวิต ต่อให้ไม่มีรถจอดขวาง ถนนโล่ง ก็เสียชีวิตได้ค่ะ”
อุแม่จ้าว
เขาคิดกันอย่างนี้หรือ ลงท้ายโพสต์ด้วยว่า “ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องใส่ใจเลยค่ะ”
ยังไม่หมด เด็ดกว่านี้มีอีก มีนักค้นคว้าออนไลน์ไปขุดหาชื่อใครเป็นเจ้าของตลาดบ้าง
ผู้ใช้นาม ‘อิศรา’
พบว่า
มีชื่อนางสาวพัชรี
เจียรวนนท์ ถูกสำนักงานเขตประเวศแจ้งความเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔
“ฐานใช้อาคารก่อนได้รับใบรับรองการก่อสร้าง” ซึ่ง @Itsara_Th เจ้าของโพสต์รายนี้ยัง “ค้นไปเรื่อยๆ” เจอทีเด็ดว่า “พัชรี เจียรวนนท์
ได้แต่งงานกับนายวัฒนา เมืองสุข”
เลยทำให้ Noch
Hautavanija @NochPH
ไม่สามารถเก็บกดได้อีกต่อไป ต่อยอดให้อีกนิด “ทำไมเรื่องอะไรเลวๆ
อะไรที่มันละเมิดกฎหมาย มันต้องเกี่ยวพันกับคนของเครือข่ายทักษิณ
และพรรคเพื่อไทยไปซะตลอด”
โอมายก๊อด กรูจะบ้าตาย
คุณนายอิศราไม่ยักค้นต่ออีกนิดที่สำนักข่าวอิศราบ่งไว้ในรายงานเมื่อ ๑๘ สิงหาคม
๒๕๕๕ ด้วยว่า “ภรรยานอกสมรสของนายวัฒนาเป็นหลานเจ้าสัวธนินท์
เจียรวนนท์ แห่งเครือซี.พี.”
คู่ซี้ ‘ประชารัฐ’ ของ คสช. เดี๋ยวนี้