ทำเป็นฉุนเฉไฉ
เมื่อยิ่งลักษณ์-ทักษิณไปโผล่ช้อปปิ้งตรุษจีนที่ปักกิ่ง “ไม่รู้อะไร
ขยับทีเป็นข่าวไปหมด เดือดร้อนคนทั้งประเทศ”
ไฮ้ แน่ใจเหรอว่าที่เดือดร้อนน่ะไม่ใช่แค่ คสช. กับสลิ่ม เดือดร้อนแบบเนื้อเต้นยิบๆ
แต่ถ้าคนทั้งประเทศเดือดร้อนละก็ เป็นเพราะจะสี่ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีจะกิน
ส่วนสองคนที่ขยับอยู่ต่างประเทศ “ทำให้ป่วนไปหมดในประเทศ” นั้นถูกต้องนิดเดียว
เพราะป่วนแค่ในหมู่ คสช.และลิ่วล้อ อ้างทั้งประเทศนี่สำคัญตนผิดมากไปหน่อยมั้ง
ยิ่งกำลัง ‘ขาลง’ อยู่ด้วย
กรุงเทพโพลล์เขาอุตส่าห์ใช้ภาษาแบบบัวไม่ให้ช้ำเพียงว่า
สองปีหลังไม่ดีเท่าสองปีแรก “พบมีค่าเฉลี่ยลดลงเกือบทุกด้าน
โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาทุจริต และการสร้างความโปร่งใสติดลบมากที่สุด”
แม้นว่ารัฐบาล คสช.
ยังได้รับความเชื่อมั่นจากโพลของมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ ๕๒.๒ เปอร์เซ็นต์ จำนวนผู้ออกเสียงที่ต้องการให้
คสช.ไปเสียที แล้วมีเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ คะแนนไม่ห่างกันมากนักที่ ๔๗.๘
เปอร์เซ็นต์
(ดูรายละเอียดที่ https://www.mgronline.com/politics/detail/9610000013779)
ที่บิ๊กตูบทำหน้าเหี้ย
มตอนไปปาฐกถาวาระสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นั่นเป็นการเล่นบทแถไถแก้เก้อต่อกระแส ‘ราคาตก’ ที่กำลังโดนโหมกระหน่ำ โดยเฉพาะจากทางฝั่งสลิ่ม
ไหนจะเรื่องนาฬิกา ๒๕ เรือนไม่รู้จะทำอีท่าไหน ต้องด้านไว้ทู่ซี้ไปอย่างนี้
“สำหรับความคืบหน้าในการตรวจสอบเรื่องนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร
ขณะนี้ทางเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช.
เพิ่งจะรายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมใหญ่รับทราบเพียงแค่ ๒ ครั้งเท่านั้น” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ให้สัมภาษณ์
ไหนจะกรณีเศรษฐีอิตาเลี่ยนไทยล่าเสือดำถูกจับเจอของกลาง
คาหนัง คากระโหลก แล้วยังปากแข็งว่าไม่รู้ ที่ตอนนี้โดนสลิ่มกดดันหนัก อยากให้
คสช. ฟันฉัวะ ต่อมน้ำดีจะได้แตกกระสันต์ซ่านซ่า แต่ว่าก็ยังมีลูบหน้าปะจมูกติดขวางอยู่
แล้วยังเรื่องพวกนักศึกษาและกลุ่มคนรุ่นใหม่โหมหนักเรียกร้องให้ได้เลือกตั้งในปีนี้
ที่ คสช.กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทีแรกกะจะฟันแหลก
แต่ก็ชงักฉุกคิดได้ว่าถ้าลงไม้ลงมือละก็วุ่นใหญ่แน่ จึงต้องใช้ไม้นวมยอมให้ประกันและปล่อยตัวไปก่อน
ตัวหัวหน้า คสช.เองกลับหลงทาง
ทำท่าจะไปไม่ถูกเหมือนกัน มีอย่างที่ไหน สั่ง พลงอ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.
(ในฐานะเลขาธิการ คสช.)
ให้จับตาความเคลื่อนไหวกลุ่มชุมนุมการเมืองในห้วงนี้อย่างใกล้ชิด แต่ก็
“ให้ดำเนินการอย่างระมัดระวัง
เนื่องจากเป็นกลุ่มนักศึกษา เกรงว่าจะเป็นเงื่อนไขทำให้สถานการณ์บานปลายออกไปก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง
โดยแกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวที่ คสช. จับตาอยู่ ประกอบด้วยนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา
หรือไผ่ ดาวดิน...”
อ้าว ก็ไผ่ ดาวดิน นี่ติดคุกขอนแก่นอยู่ไม่ใช่หรือ
ทั้งคดีแชร์บทความบีบีซีไทยเรื่องพระราชประวัติรัชกาลที่ ๑๐
และคดีจัดประท้วงต่อต้านรัฐประหาร ที่ศาลถอนประกันแล้วไม่ยอมปล่อยตัวชั่วคราวอีกเลย
ไม่ว่าจะยื่นขอเป็นสิบๆ ครั้ง
เช่นนั้นไผ่ย่อมถูกราชทัณฑ์จับตาทุกเมื่อเชื่อวันอยู่แล้ว
จะให้ ผบ.ทบ.ต้องไปคอยจับตาอีกคนทำไม
นี่ถ้าเป็นนักศึกษารัฐประศาสนศาสตร์สอบตกไม่เป็นท่า ที่บริหารงานบุคคลไม่เอาไหน
ใช้คนซ้ำซ้อนสิ้นเปลือง
ดังนั้นกรณีอดีตนายกฯ
สองพี่น้องชินวัตรไปพร้อมกันที่ปักกิ่งมีภาพแพร่ให้เห็น
ตามด้วยข่าวลือว่าอดีตนายกฯ พรรคพลังประชาชนอีกคนไปสมทบเพื่อวางแผนรับมือเลือกตั้ง
จนทำให้นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทยต้องออกมาปฏิเสธ
ว่า “มีความคลาดเคลื่อนกับความเป็นจริงอย่างยิ่ง”
และ “สถานการณ์วันนี้ พรรคฯ ยังไม่มีความจำเป็นใดๆ
ที่จะตัดสินใจเรื่องการหาตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่”
อันที่จริง
ถึงแม้จะมีการประชุมกันจริงดังที่ข่าวลือ ก็ไม่น่าจะแปลกอะไรถ้าหากจะมีการเลือกตั้ง
“อันบริสุทธิ์ยุติธรรม” เกิดขึ้นในไม่ช้า แม้สองอดีตนายกฯ
จะต้องลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ พรรคเพื่อไทยก็ยังอยู่ มีทั้งเจ้าหน้าที่
สมาชิกผู้สนับสนุนและฐานเสียงอย่างมากมาย
ชนิดโพลอีสานยังบอกว่าเลือกตั้งเมื่อไหร่เพื่อไทยมาอีก
พรรคทหารเทียบไม่ติดฝุ่นใต้เกือก แล้วจะจำกัดจำเขี่ยไม่ให้เขาขยับกันบ้าง มันไม่เป็นการกีดกันเกินไปหน่อยหรือ
ถึงตัวเองไม่ลงเลือกตั้ง แต่ก็หวังพรรคการเมืองลิ่วล้อเสนอให้เป็นนายกฯ คนนอก
ชายชาติทหารจะเล่นการเมืองทั้งทีคิดจะเอาเปรียบเขาไปทุกทางเชียวเรอะ
ว่าไปแล้วครั้งนี้ที่ลุงตุ่นต้องเล่นบทยักษ์มารอีกหนน่าจะเป็นเพราะหน้าแตกเสียละมากกว่า
อย่างที่อรรถชัย อนันตเมฆ ณ อียู เขาเขียนเรื่อง ‘ปูเข้าจีนได้อย่างไร’ (นั่งเรือบินไปไงเธอว์)
“ในเมื่อปูมีหมายจับ...คำตอบประมวลรวมๆ
คือ จีนไม่ให้ความสำคัญ...กับคำพิพากษา และไม่ให้ความสำคัญกับ คสช....มันตบหน้า
คสช.ฉาดใหญ่” นั่นเอง
นี่แหละเรื่อง
‘กระพี้’
ๆ ที่พล"อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ไม่มีความเห็น...ไม่สนใจหรอก”