วันเสาร์, ตุลาคม 21, 2560

ช่วงนี้ นักการเมือง (ถือโอกาส) หาเสียง แต่คณะรัฐประหารแน่กว่า หาเงินลูกเดียว (ย้ำ ไม่ได้ถังแตก)







ช่วงนี้ นักการเมือง (ถือโอกาส) หาเสียง
แต่คณะรัฐประหารแน่กว่า หาเงินลูกเดียว
Thanapol Eawsakul

...



ขึ้นราคาแม้แต่เบี้ยประกันสังคม
อ้างว่า 81% เห็นด้วย
พูดเรื่องนี้ต้องแถมนิดนึงว่า พวกด่าบัตรทองส่วนหนึ่งจะบ่นว่าทำไมคนทำงานต้องจ่ายค่าประกันตัวเอง ที่จริง ทิศทางของนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่วางไว้ตั้งแต่ยุคหมอหงวน หมอเลี้ยบ ก็คิดไว้ว่าจะต้องรวม 3 กองทุน (ซึ่งตอนนี้ภาคประชาสังคมก็เสนอให้ใส่ไว้ในกฎหมายบัตรทอง) โดยรัฐรักษาฟรีให้เท่ากันหมด เป็นสิทธิพื้นฐาน สิทธิพิเศษอื่นๆ ก็แล้วแต่กองทุน อย่างประกันสังคมก็คือกองทุนอาจจ่ายในส่วนที่เป็นค่าห้องพิเศษหรือสิทธิอื่นๆ บางอย่าง ส่วนเงินประกันสังคมควรเอาไปใช้อย่างอื่นเช่น ชราภาพ ชดเชยตกงาน ฯลฯ
แต่เรื่องนี้ รัฐบาลไหนก็บ่ายเบี่ยง ยิ่งรัฐราชการยิ่งไม่เอา กลัวถูกลดสิทธิ อ้างภาระงบประมาณ

Atukkit Sawangsuk

ooo
20 ตุลาคม 2560


'มนุษย์เงินเดือน' เตรียมควักกระเป๋าจ่ายเพิ่มเงินประกันสังคม เพดานเงินเดือน 20,000 บาท จ่ายสมทบ1,000 บาท คาดเริ่มบังคับใช้ต้นปี61 สปส.ยืนยันประกันสังคมไม่ได้ถังแตก แต่ปรับเพิ่มเพื่อประโยชน์ของผู้ประกันตน


จากกรณีกระแสข่าวการปรับเพดานเงินเดือน 15,000 บาท เป็น 20,000 บาท โดยจ่ายเงินสมทบจาก 750 เป็นจ่ายสูงสุด 1,000 บาท

นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) ยืนยันว่าจะมีการปรับเพิ่มเพดานการจ่ายสมทบมากขึ้น โดยหลังจากจัดรับฟังความคิดเห็นครบทุกภาคแล้วโดยพบว่าประชาชนกว่า 81 % เห็นด้วยในการปรับเพดานฐานคำนวณเงินเดือนเพื่อจ่ายเงินสมทบเพิ่มจาก 15,000 บาทเป็น 20,000 บาท ได้เตรียมยกร่างข้อเสนอทั้งหมดต่อรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน และหลังจากก็จะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งหากผ่านขั้นตอนทั้งหมดจะเริ่มบังคับใช้ได้ในต้นปี 2561

สำหรับอัตราการปรับฐานคำนวณเงินสมทบจากเดิมผู้มีเงินเดือน 15,000 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 750 บาท เมื่อขยับฐานมาเป็นเงินเดือน 20,000 บาท จะต้องจ่ายสมทบในอัตราดังนี้คือ เงินเดือนไม่ถึง16,000 บาทจ่ายสมทบ 750 บาท ,เงินเดือน16,000บาท-20,000 บาทจ่ายสมทบ 800 บาท ส่วนเงินเดือน 20,000 บาทขึ้นไปจ่ายสมทบเพิ่มเป็น 1,000 บาท

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่าการปรับเพิ่มฐานคำนวณเงินเดือนใหม่และจ่ายสมทบเพิ่มไม่ได้มาจากกองทุนประกันสังคม ไม่มีเงินจ่ายบำนาญชราภาพหรือกองทุนถังแตก แต่เพื่อประโยชน์ของผู้ประกันตนทั้งระยะสั้นและระยะยาว เนื่องจากอัตราเดิมใช้มานานกว่า 27 ปีแล้ว ซึ่งในขณะนั้นผู้มีเงินเดือน 15,000 บาท เพียง 10 % แต่ปัจจุบันผู้มีเงินเดือนเกิน 15,000 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 32%

สำหรับสิทธิ์ประโยชน์ที่ผู้ประกันตน จะได้รับสิทธิในระยะสั้น คือ ผู้ประกันตนที่มีเงินเดือน 20,000 บาท จะได้รับเงินประกันว่างงานจากเดิม 7,500 ปรับเป็น 10,000 บาท หากเจ็บป่วยจากเดิมได้ 50 % จะปรับสูงสุดอยู่ที่ 10,000 บาท ขณะที่เงินสงเคราะห์เพื่อการดูแลบุตร เดิมทีจ่ายที่ 90 วัน จำนวน 22,500 บาท แต่ปรับขึ้นเป็น 30,000 บาท ในส่วนสิทธิระยะยาวกรณีเงินส่วนเงินชดเชยบำนาญจะจ่ายเพิ่มจาก 3,000 บาท เป็นจ่ายสูงสุด 4,000 บาท

ส่วนการขยายการจ่ายเบี้ยชราภาพจากอายุ 55 ปี เป็น 60 ปีขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น เลขาธิการสำนักงานประกันสังคมยืนยันอีกว่า กองทุนฯมีเงินเพียงพอในการใช้จ่ายเงินบำนาญชราภาพ แน่น่อนโดยขณะนี้มีเงินในกองทุนฯทั้งหมด 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่ง 90 % ของเงินกองทุน ได้ใช้จ่ายเป็นเงินบำนาญ

นอกจากนี้ผลประกอบการของกองทุนประกันสังคมยังมีกำไรโดยปี2559 ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนกว่า 52,800 ล้านบาท และใน 6 เดือนแรกของปี 2560 ได้ผลตอบแทนประมาณ 25,000 ล้านบาท

“ผมอยากย้ำว่าไม่ได้ถังแตก การปรับเพดานเงินสมทบเพื่อให้ผู้ประกันตนได้สิทธิประโยชน์ทั้งระยะสั้นและระยะสั้นยาว”

...