ที่มา Thai Voice Media
FRI, 11/28/2014 - 14:48 JOM
นายเดวิท แกนนำ กลุ่มเครือข่ายซีเอสไอ.แอลเอ. ( CSI-LA) ซึ่งเป็นเวปไซด์ที่เกาะติดการสืบสวนสอบสวนคดีต่างๆในโลกโซเชี่ยงมีเดีย ได้ให้สัมภาษณ์ Thaivoicemedia ถึง การจับกุมแก๊งค์ตำรวจระดับนายพลในประเทศไทย คดีหมิ่นสถาบัน เก็บส่วย และทุจริตคอรัปชั่นในหน้าที่ว่า เครือข่ายชุมชนซีเอสไอ-แอลเอ.วิเคราะห์กันแล้วเห็นว่า เป็นคดีที่แปลกที่สุด และมีพิรุธ เงื่อนงำมากที่สุดในประวัติศาสตร์ คือ
1. ผู้ต้องหาเป็นนายตำรวจระดับนายพล ซึ่งเป็นถึงผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เท่ากับจับหัวหน้าใหญ่ของ เอฟบีไอ.เมืองไทย เลยทีเดียว
2. เป็นครั้งแรกที่ตั้งข้อหาทุจริตคอรัปชั่น พร้อมๆ กับ คดี 112 หรือ หมิ่นสถาบัน ซึ่งเป็นข้อหาร้ายแรงที่สุด เป็นเรื่องแปลกมาก คนวงในที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ หวาดกลัว วิตกกับเรื่องนี้มากและไม่มีความปลอดภัยอย่างยิ่ง
3. ลักษณะการจับกุม โดยส่วนใหญ่แล้ว การจะจับการทุจริตส่วยน้ำมัน หรือขบวนการสินค้าเถื่อน หรือการฟอกเงิน จะต้องมีข้อมูลหลักฐานที่นำไปสู่การจับกุมในระดับเครือข่ายก่อน
“ถ้าเป็นในอเมริกา ถ้าคดีที่เป็นเครือข่ายการทุจริตที่ใหญ่แบบนี้ ก็จะดำเนินการจับกุมจากตัวเล็กไปก่อน จนถึงตัวใหญ่ แต่กรณีนี้ไม่เป็นเช่นนั้น จับกุมตัวใหญ่ ก่อน แล้วค่อยๆ ควานหาและจับกุม เครือข่ายภายหลัง” นายเดวิทกล่าว
นายเดวิทกล่าวต่อไปว่า
ประเด็นที่ 4.ผูัต้องสงสัยที่อยู่ในเครือข่ายคือ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ กระโดดตึกฆ่าตัวตายอย่างปริศนา
ประเด็นพิรุธข้อที่ 5. พยานหลักฐานที่นำมาแสดงต่อสื่อ ไม่มีการถ่ายวีดีโอไว้เพื่อแสดงความโปร่งใส อย่างการจับราชายาเสพติด หรือ ตำรวจที่ทุจริตในหน้าที่ คดีใหญ่ ๆ จะมีการถ่ายวีดีโอไว้เพื่อความโปร่งใส ยิ่งถ้าเป็นคดีที่มีหลักฐานสำคัญเป็นจำนวนมาก ต้องถ่ายวีดีโอไว้ทั้งหมด รวมถึงวิธีปฎิบัติการสืบหาพยานหลักฐานต่าง ๆ ของเจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อให้เห็นว่า มีสิ่งของอะไรบ้าง วัน เวลา และสถานที่ ก็ต้องบันทึกไว้หมด
นายเดวิท กล่าวว่า
ประเด็นพิรุธข้อที่ 5 วิธีการเก็บรักษาทรัพย์สินของผู้ต้องหา ยิ่งถ้าผู้ต้องหาเป็นระดับนายพลตำรวจ ที่เป็นหัวหน้าเอฟบีไอของประเทศ กระทำทุจริตเสียเอง จะต้องมีวิธีการเก็บทรัพย์สินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายอย่างรอบคอบและรัดกุมมากกว่านี้เช่นโอนไปเก็บไว้ในต่างประเทศ หรือ โอนให้อยู่ในมือของคนอื่น การเก็บทรัพย์สินที่ได้มาในรูปของทองคำแท่ง รูปภาพ หรือ เงินสด แล้วเก็บไว้ในตู้เซฟอันนี้ไม่ค่อยจะเนียบเนียนเท่าไหร่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อสังเกตุว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเครือญาติของหม่อมศรีรัศม์ คิดอย่างไร
นายเดวิทกล่าวว่า นี่ก็เป็นเรื่องแปลกอีกอย่างหนึ่งเหมือนกัน แต่ไม่อยากจะแสดงความคิดในเรื่องนี้ ซึ่งจะต้องดูกันต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม การตั้งข้อกล่าวหาว่า หมิ่นสถาบัน หรือแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อทำทุจริตในหน้าที่นั้น พนักงานสอบสวนก็จะต้องนำหลักฐาน พยานออกมาแสดงให้ชัดเจนเพื่อความโปร่งใส เป็นธรรมของการดำเนินคดีด้วย เช่นหลักฐานที่เป็นเสียง หรือ เป็นลายลักษณ์อักษรต่าง ๆ
“เพราะคดีนี้เป็นคดีที่ร้ายแรง ดังนั้นการกล่าวหาใครด้วยข้อหาที่ร้ายแรงแบบนี้ หลักฐานต้องแน่นจริง และ ต้องนำเอาข้อมูลคำให้การของผู้ต้องหา หรือ ทนายของผู้ต้องหามาชี้แจงให้สาธารณชนได้เห็นด้วย ไม่ใช่มีข้อมูลจากฝ่ายเจ้าหน้าที่เพียงฝ่ายเดียว” นายเดวิทกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีนี้เป็นการถอนรากถอนโคนการทุจริตคอรัปชั่นในเมืองไทยได้หรือไม่
นายเดวิท กล่าวว่า การทุจริตคอรัปชั่น มีทุกซอก ทุกมุมในประเทศไทย เรื่องระบบส่วยก็มีมานานในวงการตำรวจ อย่างเช่น คดีเกาะเต่า ก็อยู่ในระบบส่วย เริ่มต้นจากบาร์ไปยังตำรวจในพื้นที่ และไปถึงตำรวจระดับใหญ่ขึ้น อย่างสถานบันเทิงในประเทศไทยเกือบทุกแห่งอยู่ในเครือข่ายระบบส่วย เช่นที่ซอยนานา หรือ ถนนสุขุมวิท ล้วนแล้วเป็นเครือข่ายระบบส่วยทั้งสิ้น ถ้าจะเจ้าหน้าที่รัฐจะเอาจริง ก็ต้องปราบปรามให้จริง ไม่ใช่การเลือกปฎิบัติ
นายเดวิทกล่าวต่อไปว่า ในแต่ละภาคของประเทศไทย มีหลายแก๊งค์ที่คุมแต่ละพื้นที่ ซึ่งถ้าทาง ผบตร. มีความจริงใจที่จะจัดการแก้ปัญหาคอรัปชั่นอย่างจริงจัง ก็ให้กำลังใจในการทำต่อไป แต่ขอให้จับทุกแก๊งค์ ไม่ใช่ทำเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
และต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบได้ด้วย เช่น ข้าราชการระดับสูงที่มีอำนาจ มีข้อมูลทรัพย์สิน มีเงินเดือน หรือมีรายได้ เป็นอย่างไรประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ผ่านทางอินเตอร์เนท
ผู้สื่อข่าวถามว่า เครือข่ายชุมชน ซีเอสไอแอลเอ. มีอยู่ในประเทศไทยอยู่ด้วยหรือไม่
นายเดวิทกล่าวว่า มีอยู่ทั่วโลก และในประเทศไทยด้วย การทำงานไม่มีกลุ่ม ไม่มีสี มีทุกอาชีพ ทุกกลุ่มที่ต้องการให้ประเทศไทยดีขึ้น และเวลามีประเด็นอะไรขึ้นมาก็จะมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ซีเอสไอ.แอลเอ.จะเข้าไปตรวจสอบการทุจริตในกองทัพ บ้างหรือไม่
นายเดวิทกล่าวว่า ในยุคที่กองทัพมีอำนาจแบบนี้ อยากให้ ทหาร หรือ กองทัพ เป็นตัวอย่างในการปฎิรูปประเทศไทยไปสู่ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นตัวอย่างในการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น
“การปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย และมีการลงโทษอย่างรุนแรงเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างเป็นเรื่องดี และเชื่อว่าคนไทยทุกคนอยากเห็น แต่การทำงานของพนักงานสอบสวนก็ต้องโปร่งใส ยุติธรรม ไม่เลือกปฎิบัติเฉพาะกลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง” นายเดวิทกล่าว.
....
Published on Nov 28, 2014
นายเดวิท เจ้าของเวปไซด์ CSI-LA ให้สัมภาษณ์ Thaivoicemedia กรณีการจับกุม แก๊งนายพลตำรวจ นำโดย พล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง และ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง รวมทั้งผู้ต้องหาร่วมคดีนี้ อีกหลายคน โดยถูกตั้งข้อหา หมิ่นสถาบัน ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและอีกหลายคดี โดย ทีมงาน ซีเอสไอ-แอลเอ. กล่าวว่า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ที่ ข้าราชการระดับสูงถูกตั้งข้อหาร้ายแรงที่สุดพร้อมกัน 2 คดีคือ หมิ่นสถาบัน กับ การทุจริตคอรัปชั่นในหน้าที่ ซึ่งการสอบสวนคดีนี้มีความเสี่ยง ลึกลับ น่ากลัว และอันตรายอย่างยิ่ง เสนอให้ มีการสอบสวนอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา