วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 30, 2557

เริ่มขึ้นแล้ว! "การสมานฉันท์จากทั่วโลก เพื่อต่อต้านประเผด็จการประยุทธ์ ในทุกประเทศที่จะไปเยือน"

Calling for solidarity to denounce the leader of the Thai military junta . . everywhere he goes!

ขอเรียกร้องการสมานฉันท์จากทั่วโลก เพื่อร่วมต่อต้านเผด็จการทหารไทย ในทุกประเทศที่เขาไปเยือน

(รายละเอียดฉบับภาษาไทยอยู่ด้านล่าง)


GeneralPrayuth Chan-ocha, the Commander-in-Chief of the Royal Thai Army - who conducteda military coup on 22 May 2014 (Thailand's 12th since 1947) and appointedhimself Prime Minister of Thailand on 24 August - is flying to Malaysia on 1stDecember 2014, to discuss Thailand’s Southern Conflict with the Prime Ministerof Malaysia, and he will be in Busan, Korea 11 – 12 December to attend a Korea-ASEANsummit, and probably make to visit Japan directly after that.

Besides havinggravely insulted the long struggle of Thai people for representative,democratic governance, Prayuth's criminal regime represents a threat to thedevelopment of peace and democracy throughout South-East Asia and the world. TheThai military holds the record for military coup d'états in the ASEANcommunity: 19 coups since 1946. This Thai-style military interventionism in civilianand political life may not be tolerated and must not be allowed to re-establishitself as an acceptable style of governance within the ASEAN Community or in anyother part of the world.

Immediatelyafter his coup Prayuth imposed martial law all across Thailand, forbiddingpublic assembly of more than 5 people - except in tourist destinations. Many hundreds of people - leading politicians, academics, students andcommunity organisers have been and are being arrested, interrogated and detainedfor 'attitude adjustment', being forced under threat of imprisonment to signstatements committing themselves to cease all activity opposing the Prayuth junta.

Prayuth'smilitary regime works to stamp down on all voices of opposition. On a dailybasis his regime is sending soldiers into university campuses and into villages- to any place where people gather, to arrest anybody considered a threat to theabsolute power of the regime. The Prayuth regime is using, increasingly, Article112 of the Thai criminal code - Thailand's archaic law of lèse majesté, toarrest anybody it wants and subject them to trial in a military court, insecret, behind closed doors, in an increasingly desperate attempt to re-establisha new reign of injustice in Thailand.

Prayuthis a dictator. He cannot represent Thai people and must not be allowed toengage in any dialogue in the name of or on behalf of the people of Thailand.

Prayuth'sso-called 'National Legislative Assembly' which, approved by the King, hecreated to replace the elected Parliament, includes 97 generals, altogether 200Prayuth cronies. Prayuth placed his brother (after raising his military rank)in command of the Third Army Region, which controls the dissident north. Heaims to ensure that all ministerial and all key positions in the civil serviceare taken by his own people. All media in Thailand is under heavy censorshipwith the military authorities attempting aggressively to bring use of theInternet in Thailand under their direct control.

It isvery clear that the purpose of the Prayuth regime is to ensure the return toabsolute power of the military and royalist elite. There is no sign thatPrayuth has any intention of allowing Thailand to return to the democraticprocess.

For thesereasons the concerned citizens of Thailand, of the ASEAN and all around theworld are calling for solidarity - for people all around the world to organize actionsfor the return of democracy to Thailand e.g. actions to denounce the appearanceof General Prayuth wherever he goes - especially if he is planning to arrive inyour country . . for instance by . .
Gatheringat 11.00 hrs in front of the Thai Consulate in Kaula Lumpa, Malaysia on 1stDecember 2014 . . to denounce Prayuth'sappearance as a Prime Minister of Thailand. 


Note about Prayuth

From the Chulachomklao Royal Military Academy, Prayuth Chan-ocha joinedthe 21st Infantry Regiment of the Queen's Guard. He went on to become an activeorganiser of the military coup that in 2006 over-threw the democratically electedThai government. He then commanded the 40 000 troops of the Royal Guard thatwere used in the military crackdown on civilian protest in 2010 - when 100civilians were shot dead by the military and some 2000 wounded. The militarycoup that he commanded in May this year represents the consolidation of hisrise to power. Today, a military general in civilian disguise, General Prayuth,as a self-appointed Prime Minister, remains the Leader of the National Councilfor Peace and Order - the military set-up that controls the National Assembly.


This call is sent out by:

Actionfor People's Democracy / ACT4DEM inThailand
InternationalSolidarity to Abolish Thailand’s lèse majesté Law, Article 112.

For more information contact:

* * * * * * * * *

ขอเรียกร้องการสมานฉันท์จากทั่วโลก เพื่อต่อต้านเผด็จการทหารไทย ในทุกประเทศที่เขาไปเยือน

พลเอกประยุทธ์จันโอชาแกนนำก่อการรัฐประหารในวันที่22พฤษภาคมพ.ศ.2557 เมื่อครั้งที่เขาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก(รัฐประหารครั้งที่12ของประเทศไทยนับตั้งแต่ปี2487)และปัจจุบันคือนายกรัฐมนตรีที่มาจากการแต่งตั้งตนเองในวันที่24สิงหาคมพ.ศ.2557 กำลังจะบินไปประเทศมาเลเซียในวันที่1ธันวาคม2557เพื่อเจรจาปัญหาความไม่สงบในภาคใตัของไทยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและจะเดินทางไปเกาหลีใต้ในวันที่11-12ธันวาคมเพื่อร่วมประชุมการเจรจาเขตการค้าเสรี ASEAN - เกาหลีใต้และอาจจะเดินทางต่อไปประเทศญี่ปุ่นโดยทันทีหลังจากนั้น

นอกจากจะเหยียมหยามการต่อสู้อันยาวนานเพื่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทนของประชาชนชาวไทยแล้วรัฐบาลอาชญากรของประยุทธ์ยังเป็นภัยคุกคามต่อการพัฒนาสันติภาพและประชาธิปไตยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในโลกกองทัพไทยได้ทำสถิติรัฐประหารนับตั้งแต่ปี2498สูงสุดในอาเซียนด้วยจำนวน 19ครั้งประเทศต่างๆจึงไม่ควรจะอดทนกับวิถีการแทรกแซงการเมืองรัฐสภาแบบไทยๆของทหารไทยเช่นนี้อีกต่อไป และจะต้องไม่ยอมให้รูปแบบการเมืองเช่นนี้กลายเป็นวิถีการเมืองที่เป็นที่ยอมรับได้ในชุมชนอาเซียนและในทุกพื้นที่ในโลกนี้

หลังจากการทำรัฐประหารพลเอกประยุทธ์ได้บังคับใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยทันทีทำให้การรวมตัวของประชาชนมากกว่า5คนเป็นสิ่งผิดกฎหมาย(ยกเว้นในพื้นที่ท่องเที่ยว)ผู้คนหลายร้อยคนรวมถึงนักการเมืองผู้มีชื่อเสียงนักวิชาการนักศึกษาและผู้นำชุมนุมถูกจับกุมสอบสวนคุมขังเพื่อเอาไป“ปรับทัศนคติ”และถูกบังคับให้ลงนามยอมรับเงื่อนไขไม่ทำกิจกรรมใดๆที่ต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหาร

รัฐบาลเผด็จการประยุทธ์ได้เหยียบทุกเสียงค้านไว้ใต้รองเท้าในทุกวัน ทหารจะเข้าไปยังมหาวิทยาลัยหมู่บ้านต่างหรือในทุกพื้นที่ที่มีประชาชนรวมตัวกันและทำการจับกุมทุกคนไม่ว่าหน้าไหนที่ทหารคิดว่าเป็นภัยต่ออำนาจอันเบ็ดเสร็จของทหารเผด็จการประยุทธ์ยังได้ใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอันโบราณคร่ำครึ มาตรา 112 จับกุมผู้คนมากขึ้นและนำตัวส่งขึ้นศาลทหาร พิจารณาในห้องปิดลับ นี่คือความพยายามของทหารที่จะฟื้นฟูรัชสมัยแห่งความอยุติธรรมขึ้นมาใหม่ในประเทศไทย

ประยุทธ์เป็นเผด็จการเขาไม่สามารถเป็นตัวแทนของประชาชนชาวไทยและจะต้องไม่ได้รับการยินยอมให้ร่วมเจรจาใดๆทั้งในนามหรือในฐานะตัวแทนของประชาชนในประเทศไทย

พลเอกประยุทธ์ได้แต่งตั้งพวกพ้องของตนเองจำนวน200คนรวมถึงนายทหารระดับนายพลจำนวน97นายให้เข้าไปนั่งในสภาฯที่ถูกเรียกว่า “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ”ซึ่งได้รับการอนุมัติจากพระมหากษัตริย์พลเอกประยุทธ์จัดตั้งสภาฯนี้ขึ้นมาเพื่อแทนที่สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งประยุทธ์แต่งตั้งน้องชายตนเอง(หลังจากที่เลื่อนตำแหน่งในกองทัพให้)ให้เป็นผู้บัญชาการกองทัพภาคที่สามซึ่งควบคุมผู้ต่อต้านในภาคเหนือและแต่งตั้งคนของตนเองให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและตำแหน่งสำคัญในกลไกข้าราชการในขณะที่รัฐเผด็จเผด็จการของเขาได้ควบคุมปิดกั้นสื่อและอินเตอร์เน็ตอย่างรุนแรง

มันชัดเจนว่าเป้าหมายของรัฐบาลเผด็จการประยุทธคือการนำพาประเทศคืนสู่การตกอยู่ภายใต้การปกครองของทหารและของชนชั้นสูงอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ทั้งนี้ไม่มีสัญญาณใดๆที่บ่งบอกว่าประยุทธ์มีเจตนาที่จะปล่อยให้กระบวนการทางประชาธิปไตยในไทยเกิดขึ้นอีกครั้ง

ด้วยเหตุผลเหล่านี้กลุ่มคนที่เป็นห่วงสถานการณ์ในประเทศไทยทั้งคนไทย คนอาเซียนและประชาชนจากทั่วโลกขอเรียกร้องความสมานฉันท์จากประชาชนทั่วทุกมุมโลกให้จัดการกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการฟื้นคืนสู่ประชาธิปไตยในประเทศไทยอาทิ จัดกิจกรรมต่อต้านการเดินทางมาเยือนของพลเอกประยุทธ์ไม่ว่าเขาจะเดินทางไปประเทศไหนก็ตามโดยเฉพาะถ้าเขาวางแผนการเดินทางไปยังประเทศของท่านอาทิ การจัดการประท้วงประยุทธ์ดังต่อไปนี้

ขอเชิญรวมตัวเวลา11.00 น.ที่หน้าสถานทูตไทยประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย ในวันที่1ธันวาคม2557 เพื่อประท้วงการเดินทางมาของประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย


ข้อมูลเกี่ยวกับประยุทธ์

จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าและเป็นทหารกรมทหารราบที่21รักษาพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถประยุทธ์เป็นผู้ร่วมจัดเตรียมการทำรัฐประหารเพื่อล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในปี2549เขาเป็นผู้บังคับบัญชาทหาร40,000นายจากทหารรักษาพระองค์ในการปราบปรามการชุมนุมของพลเรือนอย่างรุนแรงในปี2553ซึ่งมีคนจำนวน100คนถูกกองทัพยิงสังหารและอีก2000คนได้รับบาดเจ็บการทำรัฐประหารที่เขาเป็นผู้นำในเดือนพฤษภาคมปีนี้คือการสร้างความแข็งแกร่งในการขึ้นสู่อำนาจของเขาแม้ว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากการแต่งตั้งตนเองอย่างพลเอกประยุทธ์จะเดินทางมายุโรปภายใต้เสื้อผ้าพลเรือนแต่แท้จริงแล้วเข้ายังคงเป็นผู้นำคณะรักษาความสงบแห่งชาติซึ่งเป็นองค์กรจัดตั้งโดยกองทัพและมีอำนาจควบคุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ


ขอความร่วมมือโดย
แอ็คชั่นเพื่อประชาธิปไตย/ACT4DEM ในประเทศไทย
เครือข่ายสมานฉันท์ทั่วโลกเพื่อยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาตรา112ของประเทศไทย

ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ