วันจันทร์, พฤศจิกายน 24, 2557

จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ : ประเทศไทยต้องการเปลี่ยนแปลง 3 ป. + ยุทธศาสตร์ 3 ขั้น ขบวนเสรีไทยฯ “รับ-ยัน-รุก” จารุพงศ์






ooo
ยุทธศาสตร์ 3 ขั้น ขบวนเสรีไทยฯ “รับ-ยัน-รุก” จารุพงศ์ - ประกาศไม่สู้ด้วยอาวุธ แต่ติดปัญญาให้คนไทยตาสว่าง รอวันรุก เมื่อทหาร-ตำรวจ เป็นของประชาชน



ที่มา Thai Voice Media
SAT, 11/22/2014

ยุทธศาสตร์ 3 ขั้น ขบวนเสรีไทยฯ “รับ-ยัน-รุก” จารุพงศ์ - ประกาศไม่สู้ด้วยอาวุธ แต่ติดปัญญาให้คนไทยตาสว่าง รอวันรุก เมื่อทหาร-ตำรวจ เป็นของประชาชน

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ( Free Thai Organisation for Human Rights and Democracy ) ให้สัมภาษณ์ Thaivoicemedia.com ว่า เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เครือข่ายองค์การเสรีไทยภาคยุโรปและอเมริกา ประกอบด้วย นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ค เยอรมัน และอเมริกา ได้ประชุมหารือผ่านระบบ Skype - conference เพื่อกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหว ซึ่งตนได้เสนอแนวทางให้วิเคราะห์ 3 แนวทางคือ 1.ต้องถามตัวเองว่าสู้เพื่ออะไร 2. สู้อยู่กับใคร อย่าเป็นเหมือนวัวกระทิงที่สู้อยู่กับผ้าสีแดงเพียงอย่างเดียว และ 3. ยุทธศาสตร์ในการต่อสู้เป็นอย่างไร

นายจารุพงศ์เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์ขององค์การเสรีไทยฯมี 3 ขั้นคือ ขั้นรับ ขั้นยัน และขั้นรุก ตอนนี้ทำได้เพียงการตั้งรับเท่านั้น คือซุ่มซ่อน และรอคอยโอกาส โดยแต่ละกลุ่มเครือข่ายจะทำงานลักษณะเสรีชน แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง ขณะนี้ถ้าเปรียบการต่อสู้ก็เหมือนอยู่ในขั้นที่เรียกว่า เข็นครกขึ้นภูเขา จะหนักและยากที่สุด แต่เมื่อถึงยอดเขาแล้ว ก็จะเข้าสู่ยุทธศาสตร์ขั้นรุก ซึ่งจะง่ายขึ้น

นายจารุพงศ์กล่าวว่า มีการถามและบ่นกันมากว่า องค์การเสรีไทยฯไม่ได้มีแผนที่ชัดเจนและไม่รู้ว่าจะชนะเมื่อไร ขอบอกว่า ขนาดมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยคนส่วนใหญ่ของประเทศ ยังถูกรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำอีก นับประสาอะไรกับองค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพียงไม่ถึงปี

“ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่จะทำให้ท้อ แต่หัวใจสำคัญของการต่อสู้ และเป็นสิ่งที่ผมยึดมั่นคือหลัก Rule of Majority คือหลักของการใช้เสียงส่วนใหญ่ตัดสิน แต่ต้องเคารพและรับฟังเสียงส่วนน้อยด้วย กฎนี้จะทำให้ได้มาซึ่งผู้มีอำนาจจากการเลือกตั้งโดยประชาชน แล้วถึงจะเข้าสู่หลัก Rule of Law ที่มีระบบศาล รัฐสภา กระบวนการนิติบัญญัติ กระบวนการยุติธรรม โดยที่มาจากประชาชนทั้งหมด นี่คือหลักคิดและตัวตนของผม ” นายจารุพงศ์กล่าว

นายจารุพงศ์กล่าวต่อไปว่า ส่วนยุทธศาสตร์ขั้นยัน จะต้องประเมินจากประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ และสังคมโลกที่สนับสนุน คือต้องทำให้ทหาร กลับมารับใช้ประชาชน ไม่ใช่เป็นทหารของพระราชา เพราะทหารกินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน

“การที่ทหารไทย ประกาศว่า ตัวเองเป็นทหารของพระราชานั้น เพราะเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดขึ้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2457 สมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งยังปกครองในระบอบราชาธิปไตย และนี่คือที่มาของการบังคับใช้กฎอัยการศึก ที่ให้อำนาจทหารแต่ละพื้นที่ประกาศใช้ กฎอัยการศึกได้ เหตุนี้เองที่ทำให้ตลอด 82 ปีหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เกิดรัฐประหารขึ้นมากกว่า 20 ครั้ง และประสบความสำเร็จถึง 17 ครั้ง นับเป็นการใช้กฎหมายที่ล้าสมัยและผิดยุคผิดสมัย” นายจารุพงศ์กล่าว

นายจารุพงศ์กล่าวต่อไปว่า องค์การเสรีไทยฯ จึงเตรียมเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาชนเป็นผู้ร่าง เพื่อให้ทหารกลับมาเป็นของประชาชน นี่คือแนวทางต่อสู้ของ เสรีไทยฯ จะไม่ใช้ความรุนแรงหรือไม่ใช้อาวุธใด ๆ แต่จะติดอาวุธให้กับคนไทย เพราะอาวุธที่สำคัญที่สุดของมนุษย์คือสมอง นี่คือยุทธศาสตร์ขั้นยัน

“ผมต้องการให้สังคมไทยตาสว่าง และเอาไปคิดว่า เรากำลังสู้เพื่ออะไร สู้อยู่กับใคร และสู้อย่างไร เป้าหมายสูงสุดก็คือ การทำให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน นั่นหมายความว่า คนไทยทุกคนจะต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิเสรีภาพและเคารพศักดิ์ศรีความเป็นคนของตัวเอง ถ้ายังไม่มีสำนึกแบบนี้ สู้อย่างไร ก็ไม่มีวันได้ชัยชนะ และนี่คือสิ่งที่ผมออกมาจากประเทศไทยก็เพราะต้องการจะสู้เพื่อสิ่งนี้” นายจารุพงศ์กล่าว

เลขาธิการองค์การเสรีไทยฯ กล่าวต่อไปว่า เมื่อเปลี่ยนความคิดของคนส่วนใหญ่ได้ ทำให้คนไทยตาสว่างมากขึ้นได้ 30-40 ล้านคน ในจำนวนนี้ต้องรวมถึง ทหาร ตำรวจ และข้าราชการด้วยที่ไม่ต้องการอยู่กับระบอบเก่าอีกต่อไป และสามารถคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศได้ก็จะเข้าสู่ขั้นรุก ซึ่งเมื่อถึงขั้นนี้ การปฎิรูปประเทศก็จะง่ายขึ้น

นายจารุงพงศ์กล่าวว่า ถามว่าจะใช้ระยะเวลานานแค่ไหน ไม่มีใครตอบได้ แต่แน่นอนต้องใช้เวลานาน อย่างการปฎิวัติฝรั่งเศสใช้เวลา 20-30 ปี และขอย้ำว่าองค์การเสรีไทยฯ จะไม่ต่อสู้ด้วยอาวุธ แต่จะสร้างเครือข่ายแนวร่วม เพื่อทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ การตั้งองค์กร แบบผู้เท่าทันถึงผู้เท่าทัน หรือ แบบเสรีชน รูปแบบนี้จะอาศัยระบบการสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญ

“ผมย้ำว่าการตั้งองค์การของเสรีไทยฯ จะไม่เป็นแบบปิรามิด หรือแบบยอดเจดีย์ ที่ ทุกอย่างสั่งมาจากส่วนบนสุด แต่จะเป็นแบบร่างแห รังผึ้ง หรือค่ายกล ที่เชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยีสื่อสารที่แข็งแรงที่สุด” นายจารุพงศ์กล่าวและว่า ภาคีเครือข่ายของเสรีไทยฯ แต่ละกลุ่มจะต้องหาทางช่วยตัวเอง หาการสนับสนุนทุก ๆ ด้านกันเองแต่ มีหลักการหรือเป้าหมายอันเดียวกัน.