ยังฝุ่นตลบอยู่ทั้งการเมืองในฟากรัฐบาล (และการบ้านในฝั่งฝ่ายค้าน) แพทองธารเหมือนจะยื้อวลา รอคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ อย่างที่ Thanapol Eawsakul ว่าสองเดือนที่ผ่านมา “เสียเปล่า” อีกสองเดือนข้างหน้าอย่างไรก็ไม่รอด
ปลายเดือนสิงหาคมนี้ ถ้านายกฯ ขอขยายเวลาชี้แจงต่อศาลฯ ออกไปเป็น ๓๐ วัน แล้วศาลใช้เวลาอีก ๑ เดือนวินิจฉัย “ถ้าผลออกมาไม่เกินคาด” เขาว่า สถานการณ์ต่อไปมี ๓ ทาง คือหนึ่ง ชัยเกษม นิติศิริ ถูกเสนอเป็นนายกฯ แทน
สอง พรรคเพื่อไทยกลับไปจูบปากพรรคภูมิใจไทย คืนกระทรวงมหาดไทยให้แล้วจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง สาม ไม่เช่นนั้นภูมิใจไทยไปชวนพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ มาหนุนขึ้นเป็นนายกฯ แทน สลับกับชุดอุ๊งอิ๊ง ๑.๑ เพื่อไทยยอมเป็นน้ำใต้ศอก
และสี่ ถ้าชัยเกษมมีเสียงสนับสนุนไม่พอ พรรคประชาชนเข้าสมการโหวตให้แคนดิเดทของพรรคไหนก็ตาม ที่ยอมรับข้อแม้เป็นรัฐบาลชั่วคราว เข้าไปแก้รัฐธรรมนูญ แล้วยุบสภาภายในสิ้นปี ๒๕๖๘ โดยพรรคประชาชนอยู่นอกรัฐบาล
ซึ่งเขาว่า นั่นแหละ “เมื่อถึงเวลานั้น ก็ไม่น่าจะมีพรรคการเมืองไหนขานรับ” เท่ากับเสียเวลาไปสองเดือน แทนที่จะลาออกตั้งแต่ ๑๘ มิถุนาโน่นแล้ว
แต่เราว่า ถ้าอย่างนั้นก็จะเป็นภาวะอลเวง สุ่มเสี่ยง เนื่องจากกลุ่มชุมนุมที่ยังต่อเนื่อง ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาไปถึงปลายสิงหา ฉะนั้นมีแต่พรรคประชาชนและเพื่อนพ้องฝ่ายค้านที่ถูกคอ จะผ่อนคลายสถานการณ์ได้ ไม่ต้องให้อัศวินม้าขาวมาแก้เงื่อนแล้วผูกปมใหม่
นั่นเป็น ‘Scenario’ หนทางที่จะทำได้ในทางการเมืองแบบ ‘Realpolitik’ เอาทางปฏิบัติเป็นที่ตั้งมากกว่าอุดมการณ์ ซึ่งก็ดูเหมือนนี่คือปัญหา ที่พรรคประชาชนกำลังโดนมิตรสหายที่ก้าวหน้ากว่า กำลังงัดแงะแซะไซ้กันอยู่
นี่แหละทำให้เราคิด (เอาเอง) ว่า เหตุที่พรรคประชาชนยื่นข้อเสนอโหวตให้ แต่ไม่ร่วมรัฐบาล ขอไปสู่การยุบสภา เลือกตั้งใหม่อย่างเดียว เพื่อจะได้ไม่เปลี่ยนจุดยืนทางอุดมการณ์ แค่รออีกหกเดือนแล้วไปให้ประชาชนตัดสินกันที่การเลือกตั้ง
อย่างที ‘ไอ๊ซ์’ รักชนก ศรีนอก บอกว่าพรรคของเธอ ตั้งแต่อนาคตใหม่ มาเป็นก้าวไกล จนถึง ‘ประชาชน’ ในขณะนี้ เดินการเมืองไม่เป็นไปตามลู่ทางที่ถูกวางไว้ เป็นการเมืองใหม่ที่ถูกชนล้มลุกคลุกคลานตลอดมา แต่ก็จะไม่หยุดยั้ง
หมายเหตุ :ภาพปลากรอบ -ตัวอย่าง
(https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/217GaBbx1pap)