วันศุกร์, มกราคม 31, 2568

เปิดมติครม.ยุคเศรษฐา สั่งตัดน้ำ-ไฟ แก้ปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ จนถึงขณะนี้ ไม่คืบหน้า


สำนักข่าวอิศรา
Yesterday
·
เปิดมติครม.ยุคเศรษฐา สั่งตัดน้ำ-ไฟ แก้ปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ ไม่คืบหน้า
.
“…อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กปภ.) ยังไม่เห็นการแอคชั่นในการแก้ปัญหาดังกล่าว…”
.
อ่านเพิ่มเติม :
https://www.isranews.org/.../isra.../135251-politics-37.html
#สำนักข่าวอิศรา #อิศราexclusive #ไม่อยากตกเทรนข่าวทุจริตให้ตามอิศรา

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1012992784200632&set=a.598191469014101
.....

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ค้นข้อมูลจากเว็บไซต์มติคณะรัฐมนตรี (https://resolution.soc.go.th/) พบว่า ในสมัยที่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการ เรื่อง การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีถึง 2 ครั้ง ครั้งแรก มติครม.เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 โดยมีเนื้อหา ดังนี้

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติหน้าที่ให้กับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 เกี่ยวกับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น ปัญหาการพนันออนไลน์ ปัญหาการหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ และปัญหาข่าวปลอม (Fake News) ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้นทำให้ปัญหาดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่เศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างกว้างขวาง ต่อเนื่อง และหลากหลายรูปแบบ

จึงขอกำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเร่งบูรณาการการปฏิบัติงานตามหน้าที่และอำนาจร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ให้เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรมภายใน 30 วัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ รวมถึงการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องด้วย


ครั้งที่ 2 มติครม.เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 เรื่อง การแก้ปัญหาอาชญากรรมที่ตั้งบริเวณชายแดน โดยมีเนื้อหา ดังนี้

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒ เมษายน ๒๕๖๗) กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเร่งบูรณาการการปฏิบัติงานตามหน้าที่และอำนาจร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น การพนันออนไลน์ การหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ นั้น เนื่องจากผู้ก่อปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีดังกล่าว รวมถึงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมจากการผลิตและลักลอบค้ายาเสพติด ส่วนหนึ่งมักตั้งฐานอยู่บริเวณชายแดนและใช้ทรัพยากรของไทย ทั้งไฟฟ้า น้ำประปา และการสื่อสารในการกระทำความผิด

จึงขอให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการประปาส่วนภูมิภาค) เร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการระงับการให้บริการสาธารณูปโภคข้ามพรมแดน รวมทั้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการด้านการสื่อสารดำเนินการควบคุมการให้บริการให้อยู่เฉพาะภายในพื้นที่อาณาเขตของประเทศไทยเท่านั้น โดยมิให้มีการปล่อยสัญญาณการสื่อสารข้ามแดนไปยังพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมดังกล่าวข้างต้นเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นต่อไป



อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กปภ.) ที่ยังไม่เห็นการแอคชั่นในการแก้ปัญหาดังกล่าว

อ่านบทความเต็ม
https://www.isranews.org/article/isranews/135251-politics-37.html